ข้าพเจ้าชอบใจธรรมบทนี้ และคงจะเตือนท่านที่กำลังคะนองตำราได้บ้าง

ทุกวันนี้ถ้าพูดถึงในเรื่องคำสอนทางพระพุทธศาสนาแล้ว ก็น่าหนักใจกับบางคนบางท่านที่ ไม่ได้เอาจริงเอาจังกับการปฏิบัติเพื่อให้ได้ ให้ตรงกับสิ่งที่ได้เรียนได้ศึกษามาจริงๆ แต่กลับจะถูกโมหะนั้นหลอกให้ทำ ให้พูด ว่าตัวเองเก่ง ตัวเองจำมาก ได้อ่านมาก แล้วเที่ยวโพนทะนา โอ้อวดความฉลาดความจำ และยิ่งไปกว่านั้นมักจะคิดว่า สิ่งที่กำลังคิด พูด ทำนั้น มันถูกจริงๆโดยปักใจลงไป จนแม้กระทั่งว่าไม่ยอมอ่อน ไม่ยอมลดทิฏฐิ มานะทนงตนลงได้ นี่เป็นเหตุให้เกิดปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะผู้ใหม่ในการศึกษาแล้ว ถ้ามาเจอท่านผู้กำลังเป็นแบบที่ข้าพเจ้ากล่าวมานี้ ก็เลยไม่รู้ว่าจะจับเอาตัวไหนดี เพราะไม่แน่ว่าถ้าจับไว้แล้ว จับจนกลายเป็นความยึด มั่น ติด จม แล้วละก็ คงจะต้องพากันลงหลุมแห่งความหลงกันหมดเป็นแน่  เพราะสุดท้ายหากเป็นไปตามพุทธพจน์จริงๆ คงต้องกล่าวตามพระองค์ว่า สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย. ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น

ขอฝากให้อ่านด้วยนะครับ

น สีลพฺพตมตฺเตน          พาหุสจฺเจน วา ปน
อถวา สมาธิลาเภน        วิวิตฺตสยเนน วา
ผุสามิ เนกฺขมฺมสุข         อปุถุชฺชนเสวิต
ภิกฺขุ วิสฺสาสมาปาทิ       อปฺปตฺโต อาสวกฺขย ฯ
          ธมฺมฏฺวคฺโค เอกูนวีสติโม ฯ

ดูกรภิกษุภิกษุยังไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ อย่าถึงความ
    ชะล่าใจ
ด้วยเหตุเพียงศีลและวัตร ด้วยความเป็นพหูสูต ด้วยการได้
    สมาธิ ด้วยการนอนในที่สงัด หรือด้วยเหตุเพียงความดำริเท่านี้ว่า เรา
    ถูกต้องสุขอันเกิดแต่เนกขัมมะ ซึ่งปุถุชนเสพไม่ได้ ฯ
    จบธัมมัฏฐวรรคที่ ๑๙

พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ (ภาษาบาลี) เล่มที่ ๒๕ ข้อที่ ๓๐

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่