(ผมเขียนต่อมาจากกระทู้นี้นะครับ
http://pantip.com/topic/32004059)
ก็หลังจากที่ตั้งใจกลับมาสู้ใหม่ๆอีกรอบ ผมก็ส่งใบสมัครไปหลายที่เหมือนกัน มีอยู่ทั้งหมด 4 ที่ ที่เรียนผมไปสัมภาษณ์
บริษัทแรกอาจจะไม่ตรงกับความสามารถผมเท่าไหร่ คือตรง ตรงที่หา iOS - Developer ครับ แต่เขาต้องการซีเนียร์
และต้องการคนที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเขียน 3D ซึ่งผมไม่มีเลย การสัมภาษณ์ก็ทั่วๆไป เขาอยากดูโค้ดที่ผมเขียน
สิ่งมันเป็นโค้ดที่ผมเขียนไว้ที่ทำงานเก่า ผมให้เขาไม่ได้ แล้วเขาก็ไม่ได้ให้ผมทำ Test อะไร สัมภาษณ์เสร็จ
ผมก็คิดว่า คงไม่ได้หรอกที่นี่ แล้วก็ไม่ได้จริงๆนั่นแหละ กับที่นี่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนะ เพราะไม่ได้คาดหวัง ตั้งแต่แรกแล้ว
แค่สมัครเผื่อฟลุกเฉยๆ คราวนี้มาบริษัทที่สอง ที่นี่จะสัมภาษณ์ละเอียดหน่อย ก็คุยตั้งแต่ผมมาเรียนเยอรมัน จนเรียนจบ
เขาจะมีคำถามแทรกเป็นระยะๆ
แล้วก็ให้ผมอธิบายแอพที่ผมทำให้บริษัทเก่าอย่างละเอียด แต่งานที่เขาจะให้ผมทำมันไม่ตรงอีก เขาหาคนที่มีความรู้เรื่อง iOS
แต่ไม่ได้ให้เขียนแอฟ จะให้มาเป็น Consult คือเขาบอกว่าหลักๆเลยคือ Consult ซึ่งผมไม่ใช่ตรงนั้น
งานนี้ผมก็ไม่ได้ครับ และก็ไม่ได้เสียใจ
วันที่เขาบอกผล ก็โทรมาและก็พูดกับผมว่า จากการที่ได้คุยกัน ผมเป็น Developer ไม่ใช่ Consult แต่ในตอนประกาศรับสมัครงาน
เขาไม่ได้เขียนไว้นะ ว่าจะให้มาเป็น Consult นะ เขียนว่าหา iOS ผมก็เลยสมัครไป
คราวนี้มาถึงบริษัที่ 3 บริษัทนี้เป็นบริษัทใหญ่เลยครับ คือทุกคนในเยอรมันหรือมากกว่า 95 % น่าจะรู้จัก คนไทยหลายคนก็น่าจะรู้จักนะ
ถ้าผมพูดถึงบริษัท Sixt, Sixt เป็นบริษัทให้เช่ารถครับ แต่เขาแผนกซอฟแวร์อยู่ที่คอยสร้างแอพสำหรับให้เช่ารถ
วันที่ผมไปถึงบริษัทนี่ ก็ประทับใจเลยละ บริษัทใหญ่ สวย ทันสมัย คนที่มาสัมภาษณ์ผมวันนั้นมีสองคนครับ
คนแรกเป็นหัวหน้าแผนกซอฟแวร์ และก็เป็นคน iOS ด้วย ส่วนอีกคน เป็น ซีเนียร์ของทางฝั่ง Android
การสนทนาแรกก็เริ่มมาจาก ผมแนะนำตัวเองไป แล้วก็ต่อด้วยเขาก็แนะนำบริษัทว่าทำอะไรบ้าง และก็บอกว่า
บริษัทเราเป็นบริษัทให้เช่ารถก็จริงนะ
แต่เรามีแผนกซอฟแวร์ที่ใหญ่มาก จนเรียกได้ว่าเป็นบริษัทซอฟแวร์เลยก็ได้ เขาอธิบายจบก็ถามผมว่ามีคำถามอะไรไหม
ผมก็ถามเรื่องงานทั่วไป ว่าแอพที่เขาทำ ทำใช้เองหรือทำให้กับลูกค้าที่ไหน แล้วถ้าเกิดผมจะได้เข้าไปทำงาน ผมจะได้ทำโปรเจคอะไร
เป็นแอพประเภทไหน หลักๆของที่นี่ก็คือ ทำแอพใช้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกค้าที่ไหน แล้วก็มีแอพเก่าๆที่รอปรับปรุงอยู่อีกเยอะ
แอพใหม่ก็มี คำถามผมก็มีแค่นี้แหละ หลังจากนั้น เขาก็ใส่ผมเป็นชุดเลยครับ ไม่เคยเจอการสัมภาษณ์แบบนี้มาก่อน
ไหนลองอธิบายมาสิว่า Bound กับ Frame ต่างกันยังไง, NSNull กับ null ต่างกันยังไง, อธิบาย ARC ให้เขาฟังหน่อยสิ,
เมื่อไหร่ที่ควรใช้ weak เมื่อไหร่ควรใช้ strong, สมมุติว่าตอนนี้มี User อยู่ในสถานที่ๆหนึ่ง แล้วอยากจะเช่ารถ แอพนี้ต้องแสดงผมลัพธ์
เป็นรถทั้งหมด ที่อยู่ในรัศมี xxx ของ User คนนี้ อธิบายมาสิว่าผมจะเขียนฟังชันนี้ออกมายังไง ,
ไหนบอกมาสิว่า UITableView ต้อง implement
เมธทอดอะไรบ้าง , ไหนลองอธิบาย continuous integration มาสิว่ามันคืออะไร
นี่มันห้องสอบชัดๆ ผมไม่ได้เตรียมตัวมาเลยนะ ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ แต่ผมตอบได้หมดเลยนะ
เอาเป็นว่าถ้าเป็นเมื่อ 6 เดือนที่แล้วนี่ไม่รอดแน่
สัมภาษณ์เสร็จนี่น่วมเลย คือช่วงนั้นผมนอนดึกอยู่แล้ว เพราะไม่ได้ทำงาน ก็นอน ตี 3 ตี 4 ทุกวัน แล้ววันนั้นมีสัมภาษณ์ 9 โมงเช้า
ผมนอนไปแค่สองชั่วโมงเอง เจอคำถามพวกนี้เข้าไป มันตื่นเต้นด้วยนะ เลยต้องมานั่งนึก นั่งใช้ความคิดไปเยอะ
ก็คิดว่ากลับบ้านก็คงนอนละ นั่งรถไฟกลับบ้าน ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กำลังจะนอน แล้วก็จะเปิดคอมหาอะไรดูไปด้วย มีเมล์เข้ามาครับ
บริษัทส่ง Test มาให้ทำ ให้ผมเขียนแอฟๆนึง ก็เป็นแอฟที่แสดงรายยี่ห้อและรุ่นของรถต่างๆ พอลูกค้ากดเลือก ก็จะคิดแสดงราคา
เป็นหน่ยวเงินของ location ที่คนใช้คนนั้นอยู่ เช่นอยู่อังกฤษก็แสดงราคาเป็น ปอนด์ อยู่เยอรมันก็เป็นยูโร แล้วก็บอกว่า
ส่งพรุ่งนี้ช้าสุดช่วงบ่าย คือตอนสัมภาษณ์เสร็จเขาก็ไม่ได้พูดอะไรนะ แล้วนี่ถ้าผมไม่เปิดคอมแล้วนอนไปเลย ผมจะมีเวลาทำไหมเนี่ย
ต้องส่งพรุ่งนี้ด้วย แล้วสภาพผมตอนนั้นก็ปวดหัวจะอ้วกครับ คือนอนน้อยไง ก็ลังเลว่าจะเอายังไงดี นอนก่อนแล้วตื่นมาทำดีไหม
เพราะตอนนั้นผมไม่ค่อยไหวเท่าไหร่ ก็นอนว่ะ ตื่นมาแล้วทำดีกว่าจะได้สดชื่นขึ้นด้วย ล้มตัวลงนอนไป ก็หลับตา
ภาพแอพนั้นก็ขึ้นมา เริ่มจากสร้างตารางด้วย TableView ขึ้นมาก่อน รับ JSon มาจาก Backend เซฟลอง object แล้วก็เอามาแสดงผลในตาราง
คือภาพพวกนี้มันอยู่ในหัวหมดเลยครับ

ไม่นอนล่ะ คือร่างกายไม่ไหว แต่หัวมันไม่หยุดครับ ก็มีภาพแอพกว้างๆในหัวแล้วว่าต้องเขียนอะไรบ้าง
ผมเลยลุกขึ้นมาทำเลย วันนั้นผมเริ่มเขียนตั้งแต่ บ่ายโมงครึ่ง ทำเสร็จตอนตี 4 ครับ พักไปกินข้าวประมาณครึ่งชั่วโมง
แต่อย่าลืมว่า ผมนอนตี 4 แล้วตื่นตอน 6 โมงเช้า คือร่างกายวันนั้นไม่ไหวจริงๆ
แต่ก็คิดว่าทำเสร็จจะนอนไปอีกสองวันก็ไม่มีใครว่า ยังไงก็ต้องสู้ว่ะ
ผมเขียนเสร็จตอนตี 4 แล้วก็นอนเลยครับ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้สิบโมง เพื่อที่จะตื่นมาส่งงานแล้วก็นอนต่อ ผมไม่ส่งตอนตีสี่นะ
เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าผมเขียนทั้งคืน ทำเหมือนชิลๆไป แต่แทบตายวันนั้น
ประสบการณ์หางานในเยอรมัน (iOS - Developer)
ก็หลังจากที่ตั้งใจกลับมาสู้ใหม่ๆอีกรอบ ผมก็ส่งใบสมัครไปหลายที่เหมือนกัน มีอยู่ทั้งหมด 4 ที่ ที่เรียนผมไปสัมภาษณ์
บริษัทแรกอาจจะไม่ตรงกับความสามารถผมเท่าไหร่ คือตรง ตรงที่หา iOS - Developer ครับ แต่เขาต้องการซีเนียร์
และต้องการคนที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเขียน 3D ซึ่งผมไม่มีเลย การสัมภาษณ์ก็ทั่วๆไป เขาอยากดูโค้ดที่ผมเขียน
สิ่งมันเป็นโค้ดที่ผมเขียนไว้ที่ทำงานเก่า ผมให้เขาไม่ได้ แล้วเขาก็ไม่ได้ให้ผมทำ Test อะไร สัมภาษณ์เสร็จ
ผมก็คิดว่า คงไม่ได้หรอกที่นี่ แล้วก็ไม่ได้จริงๆนั่นแหละ กับที่นี่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนะ เพราะไม่ได้คาดหวัง ตั้งแต่แรกแล้ว
แค่สมัครเผื่อฟลุกเฉยๆ คราวนี้มาบริษัทที่สอง ที่นี่จะสัมภาษณ์ละเอียดหน่อย ก็คุยตั้งแต่ผมมาเรียนเยอรมัน จนเรียนจบ
เขาจะมีคำถามแทรกเป็นระยะๆ
แล้วก็ให้ผมอธิบายแอพที่ผมทำให้บริษัทเก่าอย่างละเอียด แต่งานที่เขาจะให้ผมทำมันไม่ตรงอีก เขาหาคนที่มีความรู้เรื่อง iOS
แต่ไม่ได้ให้เขียนแอฟ จะให้มาเป็น Consult คือเขาบอกว่าหลักๆเลยคือ Consult ซึ่งผมไม่ใช่ตรงนั้น
งานนี้ผมก็ไม่ได้ครับ และก็ไม่ได้เสียใจ
วันที่เขาบอกผล ก็โทรมาและก็พูดกับผมว่า จากการที่ได้คุยกัน ผมเป็น Developer ไม่ใช่ Consult แต่ในตอนประกาศรับสมัครงาน
เขาไม่ได้เขียนไว้นะ ว่าจะให้มาเป็น Consult นะ เขียนว่าหา iOS ผมก็เลยสมัครไป
คราวนี้มาถึงบริษัที่ 3 บริษัทนี้เป็นบริษัทใหญ่เลยครับ คือทุกคนในเยอรมันหรือมากกว่า 95 % น่าจะรู้จัก คนไทยหลายคนก็น่าจะรู้จักนะ
ถ้าผมพูดถึงบริษัท Sixt, Sixt เป็นบริษัทให้เช่ารถครับ แต่เขาแผนกซอฟแวร์อยู่ที่คอยสร้างแอพสำหรับให้เช่ารถ
วันที่ผมไปถึงบริษัทนี่ ก็ประทับใจเลยละ บริษัทใหญ่ สวย ทันสมัย คนที่มาสัมภาษณ์ผมวันนั้นมีสองคนครับ
คนแรกเป็นหัวหน้าแผนกซอฟแวร์ และก็เป็นคน iOS ด้วย ส่วนอีกคน เป็น ซีเนียร์ของทางฝั่ง Android
การสนทนาแรกก็เริ่มมาจาก ผมแนะนำตัวเองไป แล้วก็ต่อด้วยเขาก็แนะนำบริษัทว่าทำอะไรบ้าง และก็บอกว่า
บริษัทเราเป็นบริษัทให้เช่ารถก็จริงนะ
แต่เรามีแผนกซอฟแวร์ที่ใหญ่มาก จนเรียกได้ว่าเป็นบริษัทซอฟแวร์เลยก็ได้ เขาอธิบายจบก็ถามผมว่ามีคำถามอะไรไหม
ผมก็ถามเรื่องงานทั่วไป ว่าแอพที่เขาทำ ทำใช้เองหรือทำให้กับลูกค้าที่ไหน แล้วถ้าเกิดผมจะได้เข้าไปทำงาน ผมจะได้ทำโปรเจคอะไร
เป็นแอพประเภทไหน หลักๆของที่นี่ก็คือ ทำแอพใช้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกค้าที่ไหน แล้วก็มีแอพเก่าๆที่รอปรับปรุงอยู่อีกเยอะ
แอพใหม่ก็มี คำถามผมก็มีแค่นี้แหละ หลังจากนั้น เขาก็ใส่ผมเป็นชุดเลยครับ ไม่เคยเจอการสัมภาษณ์แบบนี้มาก่อน
ไหนลองอธิบายมาสิว่า Bound กับ Frame ต่างกันยังไง, NSNull กับ null ต่างกันยังไง, อธิบาย ARC ให้เขาฟังหน่อยสิ,
เมื่อไหร่ที่ควรใช้ weak เมื่อไหร่ควรใช้ strong, สมมุติว่าตอนนี้มี User อยู่ในสถานที่ๆหนึ่ง แล้วอยากจะเช่ารถ แอพนี้ต้องแสดงผมลัพธ์
เป็นรถทั้งหมด ที่อยู่ในรัศมี xxx ของ User คนนี้ อธิบายมาสิว่าผมจะเขียนฟังชันนี้ออกมายังไง ,
ไหนบอกมาสิว่า UITableView ต้อง implement
เมธทอดอะไรบ้าง , ไหนลองอธิบาย continuous integration มาสิว่ามันคืออะไร
นี่มันห้องสอบชัดๆ ผมไม่ได้เตรียมตัวมาเลยนะ ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ แต่ผมตอบได้หมดเลยนะ
เอาเป็นว่าถ้าเป็นเมื่อ 6 เดือนที่แล้วนี่ไม่รอดแน่
สัมภาษณ์เสร็จนี่น่วมเลย คือช่วงนั้นผมนอนดึกอยู่แล้ว เพราะไม่ได้ทำงาน ก็นอน ตี 3 ตี 4 ทุกวัน แล้ววันนั้นมีสัมภาษณ์ 9 โมงเช้า
ผมนอนไปแค่สองชั่วโมงเอง เจอคำถามพวกนี้เข้าไป มันตื่นเต้นด้วยนะ เลยต้องมานั่งนึก นั่งใช้ความคิดไปเยอะ
ก็คิดว่ากลับบ้านก็คงนอนละ นั่งรถไฟกลับบ้าน ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กำลังจะนอน แล้วก็จะเปิดคอมหาอะไรดูไปด้วย มีเมล์เข้ามาครับ
บริษัทส่ง Test มาให้ทำ ให้ผมเขียนแอฟๆนึง ก็เป็นแอฟที่แสดงรายยี่ห้อและรุ่นของรถต่างๆ พอลูกค้ากดเลือก ก็จะคิดแสดงราคา
เป็นหน่ยวเงินของ location ที่คนใช้คนนั้นอยู่ เช่นอยู่อังกฤษก็แสดงราคาเป็น ปอนด์ อยู่เยอรมันก็เป็นยูโร แล้วก็บอกว่า
ส่งพรุ่งนี้ช้าสุดช่วงบ่าย คือตอนสัมภาษณ์เสร็จเขาก็ไม่ได้พูดอะไรนะ แล้วนี่ถ้าผมไม่เปิดคอมแล้วนอนไปเลย ผมจะมีเวลาทำไหมเนี่ย
ต้องส่งพรุ่งนี้ด้วย แล้วสภาพผมตอนนั้นก็ปวดหัวจะอ้วกครับ คือนอนน้อยไง ก็ลังเลว่าจะเอายังไงดี นอนก่อนแล้วตื่นมาทำดีไหม
เพราะตอนนั้นผมไม่ค่อยไหวเท่าไหร่ ก็นอนว่ะ ตื่นมาแล้วทำดีกว่าจะได้สดชื่นขึ้นด้วย ล้มตัวลงนอนไป ก็หลับตา
ภาพแอพนั้นก็ขึ้นมา เริ่มจากสร้างตารางด้วย TableView ขึ้นมาก่อน รับ JSon มาจาก Backend เซฟลอง object แล้วก็เอามาแสดงผลในตาราง
คือภาพพวกนี้มันอยู่ในหัวหมดเลยครับ
ผมเลยลุกขึ้นมาทำเลย วันนั้นผมเริ่มเขียนตั้งแต่ บ่ายโมงครึ่ง ทำเสร็จตอนตี 4 ครับ พักไปกินข้าวประมาณครึ่งชั่วโมง
แต่อย่าลืมว่า ผมนอนตี 4 แล้วตื่นตอน 6 โมงเช้า คือร่างกายวันนั้นไม่ไหวจริงๆ
แต่ก็คิดว่าทำเสร็จจะนอนไปอีกสองวันก็ไม่มีใครว่า ยังไงก็ต้องสู้ว่ะ
ผมเขียนเสร็จตอนตี 4 แล้วก็นอนเลยครับ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้สิบโมง เพื่อที่จะตื่นมาส่งงานแล้วก็นอนต่อ ผมไม่ส่งตอนตีสี่นะ
เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าผมเขียนทั้งคืน ทำเหมือนชิลๆไป แต่แทบตายวันนั้น