จีจี้ หันไปมองแนวหน้าที่ยืนก้มหน้ามองผ้าเช็ดหน้าในมือไปมา ปากขมุบขมิบพึมพำอยู่คนเดียว ที่คอมีกล้องถ่ายรูปห้อยอยู่
แนวหน้าหัวเราะแค่นๆ เบาๆ กับตัวเอง “เหอะๆๆ ตลกเกินไปละ เจ้าหญิงของฮวาซาหน้าจะไปเหมือนกะยัยคนนั้นเนี่ยนะ..เหอะๆๆ ไม่มีทาง”
“นี่พ่อคุณ” จีจี้หันมาหา แนวหน้าถึงกับสะดุ้ง “บ่นอะไรคนเดียว บ้าหรือเปล่า...มีกล้องก็ทำหน้าที่สิ”
แนวหน้ายังงงๆ เบลอๆ อยู่ “ทำอะไรละเจ๊”
“ก็ถ่ายรูปไง ถ่ายสิเจ้าหญิงโลลิต้ากับท่านประธานมนตรีธูล ภาพแบบนี้มันไม่ได้หาดูกันง่ายๆ นะพ่อคุณ”
แนวหันรีหันขวางไปที่กระเป๋ากล้องของตัวเอง เปิดกระเป๋าค้นดู ปรากฏว่าภายในกระเป๋าไม่มีกล้อง
“เฮ้ย....เจ๊ กล้องผมหาย”
นายเดินเข้ามา ส่ายหัวดิก “ไอ้แนว แกนี่มันโง่หรือไร้สติกันแน่วะ”
แนวหน้างงอยู่ดีๆ ถูกพี่ด่า
“มองหน้าฉันแล้วแกจะเจอกล้องไหม...มันห้อยอยู่ที่คอแกนั่นแหละ”
แนวหน้าก้มลงไปเจอกล้อง หยิบขึ้นมาตั้งท่าจะถ่ายโลลิต้าที่ทักทายแขก ยิ้มแย้ม น่าเอ็นดู จีจี้หันขวับมาหา
“น่ารักจัง...รีบถ่ายเร็วเข้าๆๆๆ” จีจี้หมั่นเขี้ยวตบตีที่หัวไหล่ของแนวหน้าพัลวัน
“นี่เจ๊ ตีอย่างนี้จะถ่ายได้ไหมนี่”
“ก็แกช้าเอง เร็วๆ”
“เมียพี่นี่เก่งแต่สั่ง เนอะ” แนวหน้าหันไปพูดกับนาย
“ไอ้นี่...ยังเว้ย!”
แนวหน้าถ่ายรูปเจ้าหญิงโลลิต้าที่กำลังยิ้มแย้ม สดใส สวยงาม
จังหวะนี้จีจี้ก็ตะโกนขึ้น “เจ้าหญิงโลลิต้า ทางนี้เพคะ” พลางโบกมือไปมา
เจ้าหญิงหันมาทางจีจี้ นายและแนวหน้า ทอดยิ้มมาให้อย่างสุภาพ
แนวหน้ามองผ่านเลนส์ภาพในกล้อง เป็นภาพครึ่งตัวของเจ้าหญิงโลลิต้าเหลียวมองมามอง และกำลังยิ้มให้กล้อง
ราอูลเข้าไปกระซิบกระซาบองค์ราชา ท่านธูลพยักหน้ารับรู้ ก่อนเดินยิ้มแย้มตรงเข้ามาหานายและจีจี้ ส่วนโลลิต้าคุยติดพันอยู่ด้านหน้า ยังไม่เดินตามมาด้วย
“ยินดีต้อนรับ ทั้งสามท่านจากประเทศไทย..ยินดี”
จีจี้ที่ยิ้มหวาน ทุกคนทำความเคารพเงอะงะ มีจีจี้ที่ดูคล่องแคล่ว ไม่เคอะเขินที่สุด
“เอ่อ...เอ่อ...” นายพูดราชาศัพท์ไม่เป็น
จีจี้แทรกตัดหน้า “ถวายบังคมเพคะท่านประธานธูล”
จีจี้ยื่นมือออกไปเพื่อจะจับทักทาย ท่านธูลสะดุดกับสายตาหวานหยดและมือที่จีจี้ทอดส่งมา ก่อนยื่นจับมือจีจี้เขย่าค้าง
“หม่อมชั้นจีจี้เพคะ นี่นายนาย นั่น..แนวหน้าเพคะ เป็นพระกรุณาอย่างยิ่งที่ทรงเรียกพวกเรามา บริษัทจีเอ็นเอ็นพร้อมรับใช้ นครรัฐฮวาซาเสมอเพคะ”
ท่านธูลส่งมือให้นายและแนวหน้าจับอย่างมีเมตตา
นายพูดงึมงำในคอ “กระหม่อม...เอ้อ...กระผม พูดราชาศัพท์ไม่ค่อยคล่องเพคะ เอ้ย พะยะค่ะ”
ท่านธูลหัวเราะ “ตามสบายเถอะคุณ ราชสำนักฮวาซาไม่ได้เคร่งครัดอะไรมากนักหรอก”
นายถอนใจโล่งอกขึ้นมาหน่อย ท่านธูลมองมายังแนวหน้าพร้อมยื่นมือให้จับ
“ส่วนคุณ...ท่าทางจะเป็นฝ่ายครีเอทีฟสินะ”
“ครับ...เอ้ย...พะยะค่ะ”
เสียงใสๆ ของโลลิต้าดังเข้ามา “ท่านพ่อเพคะ”
ท่านธูลหันไปหา โลลิต้าเดินมาพร้อมชีฟอง แนวหน้าตกใจ พยายามจะถอยหลบ แต่ถูกนายจับเอาไว้ให้อยู่ช่วยกันรับเสด็จ เลยได้แต่ยึดเอาตัวพี่ชายบังๆ ไว้
ท่านธูลแนะนำ “ลูกหญิงมารู้จักทีมงานที่จะมาช่วยสร้างสรรค์สารคดีประชาสัมพันธ์ประเทศฮวาซาใต้ของเรา ที่มาจากเมืองไทยสิจ๊ะ นี่คุณจีจี้ นายนาย และคุณแนวหน้า”
นายถวายคำนับ มีแนวหน้าคำนับด้วย จี้จี้ถอนสายบัว โลลิต้ายิ้มอย่างสุภาพให้ทุกคน จนสายตามาพบกับแนวหน้าพอดี ตาเบิกโตตกใจ หลุดอุทาน ชี้หน้า
“นาย..!!”
แนวหน้าที่ใจตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่แล้ว ถึงกับผงะตกใจไม่ต่างกัน
ทุกคนมองท่าทีของโลลิต้าอย่างประหลาดใจ
ท่านธูลถาม “มีอะไรหรือลูกหญิง”
โลลิต้าอึกอัก “ก็นายนี่...”
ชีฟองขัดขึ้น “องค์หญิงเพคะ ได้เวลาที่จะต้องเปลี่ยนฉลองพระองค์แล้วเพคะ”
โลลิต้ายังอึกอัก คาใจเรื่องแนวหน้า ชีฟองกึ่งลากกึ่งประคองออกไป ท่านธูลมองตามงงๆ ก่อนจะเดิน เพื่อไปทักทายแขกอื่น โดยราอูลบอกกำชับกับสามคน
“คืนนี้หลังจากพระราชทานเลี้ยงอาหารแล้ว เราจะมาคุยกันเรื่องรูปแบบของภาพยนตร์สารคดีที่หลัง.. หวังว่าพวกคุณคงจะเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ”
ราอูลก้มหัวลา แล้วเดินห่างออกไป จีจี้หันขวับมาทางแนวหน้า คาใจสุดขีด
“มีอะไรรึเปล่าแนวหน้า ทำไมเจ้าหญิงถึงมีท่าทีแปลกๆ ตอนเจอนาย”
แนวหน้าอึกอัก “ก็..คงเป็นเพราะผมหล่อมากมั่ง...เจ้าหญิงถึงได้ติดใจ”
“เงียบไปเลยไป” นายบอกอย่างจริงจัง “พวกเราต้องเตรียมตัวให้ดีนะ คืนนี้เราจะต้องพรีเซ้นต์อย่างดีที่สุด และจะต้องได้วานนี้มาให้ได้..เข้าใจมั้ย”
จีจี้พยักหน้า เห็นด้วยเต็มที่ มีเพียงแนวหน้าที่หนักอกหนักใจ พูดไม่ออก
ประตูห้องบรรทมเปิดออกโดยชีฟอง นางกำนัล 2 คน ที่รออยู่ข้างในถอนสายบัว
“ออกไปก่อน” ชีฟองบอก
นางกำนัลรีบออกไป โลลิต้าเดินหน้างอเข้ามา ชีฟองรีบปิดประตู
โลลิต้าไม่พอใจ “พี่ฟอง นายคนนั้นมันคืออีตาบ้าที่ที่มันแกล้งหญิงที่หมู่บ้านน่ะ พี่ห้ามหญิงทำไม”
“องค์หญิงเพคะ ถ้าพี่ฟองไม่รีบห้ามเอาไว้ ความลับเรื่องที่เราแอบหนีไปเที่ยวที่หมู่บ้านวันนี้ก็ต้องแตกแน่ๆ แล้วเราจะเดือดร้อนมากนะเพคะ”
โลลิต้าอึ้งไปเล็กน้อย “มันก็ใช่ แต่เราก็ไม่ควรปล่อยคนบ้านั่นเข้ามาในวังเรา ถูกไม่ถูกพี่ฟอง”
“แต่นายคนนั้นเค้ากำลังจะมาทำงานให้ท่านธูล ให้ฮวาซาของเราไม่ใช่หรือเพคะ เราก็ต้องให้เกียรติเขานะ”
“หญิงไม่ชอบเค้านิสัยไม่ดี...ผู้ชายบ้าอะไรแย่งของผู้หญิง แล้วเค้าก็ทำหญิงเจ็บด้วย”
“แต่เค้าก็ไม่รู้ไม่ใช่เหรอเพคะ ว่าองค์หญิงเป็นผู้หญิงน่ะ”
“ไม่รู้แหละ ยังไงๆ หญิงก็ไม่มีวันที่จะยอมให้คนที่หญิงไม่ชอบหน้ามาทำงานอยู่ในประเทศของเราแน่ๆ”
โลลิต้าทำท่าจะเดินผละไป
“องค์หญิงลืมแล้วเหรอเพคะ ว่าทีมงานนี้มาจากประเทศไทย”
โลลิต้าหันมา “แล้วไง!”
ชีฟองเดินเข้ามาใกล้ๆ “เมืองไทยมีคนบางคนที่องค์หญิงอยากพบมากอยู่ไม่ใช่หรือเพคะ”
โลลิต้าอึ้ง นึกขึ้นได้ พูดไม่ออก
ขณะเดียวกัน มองจากระเบียงห้องพักในวัง แลเห็นบรรยากาศสวยงามริมน้ำ ทิวเขาสลับซับซ้อน จีจี้และนายชื่นชมวิวทิวทัศน์ที่ระเบียงห้องอย่างแสนสุข ผิดกับแนวหน้าที่ดูครุ่นคิด กลัดกลุ้มอยู่คนเดียว
“ประเทศฮวาซานี่ช่างสวยจริงๆนะ...” จีจี้หันมา “หนังของเราจะต้องออกมาสวยเพอร์เฟ็คท์แน่ๆ ใช่มั้ยแนว”
แนวหน้าดูจมอยู่ในความคิดอยู่ จนไม่ทันได้ฟัง
“ไร แนว...นายไม่ได้ยินที่จี้เค้าพูดเหรอ”
แนวหน้าเงยหน้าขึ้นมองงงๆ “อะไรนะเจ๊”
“ชั้นบอกว่า ฮวาซาเนี่ยคงมีอะไรสวยๆให้เราถ่ายเยอะแยะแน่ๆ นายต้องทำหนังให้ออกมาสวยๆนะ เอาให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของบริษัทเราเลย”
แนวหน้าอึกอัก “แล้วถ้า...ถ้าเราไม่ได้งานชิ้นนี้ล่ะ...จะเป็นอะไรมั้ย”
“ว่าไงนะ” สองคนร้องลั่น
นายและจีจี้ทำหน้าเหมือนแนวหน้าพูดอะไรผิดมหันต์
“คือ..ผมหมายความว่า...เอ่อ...พูดเผื่อๆ ไว้น่ะ”
“ไม่ต้องพูดเผื่อเลย เพราะไม่ว่ายังไงเราก็ต้องได้งานนี้ ชั้นไม่เห็นทางเลยว่า เราจะไม่ได้งานนี้ได้ยังไง”
“เฮียไม่เผื่อใจไว้บ้างเลยเหรอ” แนวหน้าเสียงอ่อย
“ไม่จำเป็น..ถ้าเรา 3 คนผนึกกำลังกันแล้วล่ะก็ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เอาชนะเราไม่ได้เด็ดขาด” จีจี้บอกกับนาย “ไหนที่รัก ลองซ้อมพรีเซ้นต์สิว่าจะพูดยังไงบ้างคืนนี้”
นายกระแอม แล้วทำท่าให้เป็นพิธีกร ก่อนจะลองซ้อมการพรีเซ้นต์
แนวหน้ายังมีท่าทีกังวลไม่หาย
ค่ำนั้น จอโปรเจ็คเตอร์ ในห้องประชุมของวัง ฉายสารคดีที่ทำมาเป็นแนวทาง แนวหน้าเป็นพิธีกรพาเที่ยวที่สวยงามกับสาวชาวบ้าน ด้วยการถ่ายที่สวยงาม ตัดต่อทันสมัย บรรยากาศสนุกสนาน
เมื่อสารคดีจบลง ไฟสว่างขึ้น ท่านธูลและราอูล และคณะเสนาบดี 2-3 คน ตบมือตามมารยาท
“ทำได้สนุกสนานมาก...น่าสนใจทีเดียว”
“เราจะนำเสนอประเทศฮวาซาใต้ โดยผ่านมุมมองของคนที่ไม่เคยรู้จักประเทศนี้มาก่อนเลย..ซึ่งพิธีกร นั่นก็คือ แนวหน้า สุขขารมย์ ครีเอทีฟของเราผู้ซึ่งทำหนังสั้นได้รางวัลมาแล้วมากมายหลายสถาบัน” นายกล่าว
จีจี้เสริม “แนวหน้าจะเรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อและภูมิประเทศต่างๆ ของฮวาซาใต้ และผู้ที่นำเที่ยวคงไม่มีใครจะดีไปกว่า...เจ้าหญิงโลลิต้า กุหลาบงามแห่งอาณาจักรฮวาซาใต้”
โลลิต้าพูดขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจ “แล้วทำไม พิธีกรถึงต้องเป็นนาย เอ๊ย คุณคนนี้ด้วย”
ทุกคนนิ่งอึ้ง เสนาบดีมองกันเลิกลัก แม้แต่ท่านธูลก็ถอนใจใหญ่
ประตูห้องเปิดออก ชองปอลเดินกร่างเข้ามาอย่างไม่เกรงใจใคร
“นั่นสิ...มันควรจะเป็นชาวฮวาซาด้วยกันมากกว่า เช่น คนฮวาซาใต้นำ...ชาวฮวาซาเหนือเที่ยว ยิ่งถ้าเป็นมกุฎราชกุมารีแห่งฮวาซาใต้พาเจ้าชายฮวาซาเหนือเที่ยว...มันจะน่าประทับใจขนาดไหน”
แนวหน้าโพล่งขึ้นมา “แต่ว่า...”
โลลิต้าขัดขึ้น “พอเถอะค่ะ...” ทุกคนอึ้ง “หม่อมชั้นไม่ได้ต้องการทั้งเจ้าชายและคุณแนวหน้าให้มาร่วมดำเนินรายการกับหม่อมชั้น”
ทุกคนอึ้ง..มองหน้ากันเลิกลัก
“ทางเราสามารถเปลี่ยนตัวพิธีกรดำเนินรายการร่วมได้อย่างแน่นอนเพคะ”
แนวหน้าและนายหันไปมองจีจี้พร้อมกัน อย่างไม่เชื่อหู จีจี้ทำเป็นไม่สนใจและยังพูดกับเจ้าหญิงต่อไป
“แล้วเจ้าหญิงทรงอยากให้ใครมาดำเนินรายการร่วมไหมเพคะ หรือว่า ทรงอยากจะดำเนินรายการพระองค์เดียว..เดี่ยวๆ เด่น”
“ไม่ค่ะ ฉันทำไม่เป็นหรอก ขอเป็นแค่คนตอบ เพราะฉันคงตอบได้ดีกว่าคนอื่น แต่ตัวพิธีกร ฉันอยากได้คนไทยคนนึง ที่ฉันอยากรู้จักมากๆ มาทำงานด้วย”
“ใครละเพคะ นำเสนอมาได้เลยเพคะ ทุกคนคงจะยินดีที่ได้รับเกียรติมาร่วมงานกับเจ้าหญิง”
“คนคนนั้นเป็นใครล่ะ...ลูกหญิง” ท่านธูลฉงน
“เค้าคือ...คุณน้ำเชี่ยวค่ะ...น้ำเชี่ยว...”
จีจี้อ้าปากค้าง นายและแนวมองไปที่เจ้าหญิง อ้าปากค้างเช่นกัน ท่านประธานธูลและสมุหราอูล แขกในงานคนอื่นๆ ก็อ้าปากค้าง
บรรยากาศเงียบงันกันไปสักพักหนึ่ง ก็มีเสียงพูดแทรกขึ้นมา
“ใครวะ”
เป็นเสียงแนวหน้าที่พึมพำพูดเบาๆ แต่กลายเป็นเสียงดัง เพราพูดแทรกขึ้นในความเงียบ นายและจี้จี้รีบกระทืบเท้าแนวหน้ากันคนละข้าง
เจ้าหญิงหันกลับมามองแนวหน้า ขมวดคิ้วนิดๆ ชีฟองเห็นท่าเจ้าหญิงไม่ดี จึงพูดขึ้นมา
“คือเจ้าหญิงหมายถึง..น้ำเชี่ยวแห่งเรื่อง อยากหยุดตะวันไว้ที่ตรงนั้น นะคะ”
“อ๋อ..อยากหยุดตะวันไว้ที่ตรงนั้น..ละครไทย”
“แล้วใครเล่นเป็นน้ำเชี่ยวล่ะเจ๊” แนวหน้างง
จีจี้ส่ายหน้า บอกเบาๆ “ฉันดูละครซะที่ไหน นายก็รู้”
ชีฟองบอก “พระเอกก็คือ...คุณไผท ไพศาลีค่ะ”
จีจี้ นาย และแนวหน้าประสานเสียง “ไผท!”
แนวหน้านึกได้ ร้องลั่น “ไผท”
ทุกคนหันมองแนวหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น
“ค่ะ...ถ้าได้คุณไผทมาเป็นพิธีกรร่วม ฉันก็ยินดีค่ะ...แต่ถ้าไม่ได้...เราก็คงจะต้องลองพิจารณาภาพยนตร์ของประเทศอื่นดู”
จีจี้ร้อนรน “ไม่ได้เพคะ ได้แน่ๆ ไม่มีปัญหา จีจี้สนิทสนมกับซูเปอร์สตาร์ จากเมืองไทยคนนี้อย่างมากเพคะ”
แนวหน้าเซ็งสุดขีด “เจ๊!”
จีจี้ไม่ฟัง “เราจะพาไผทมาเป็นพิธีกรในภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ได้แน่นอน จีจี้สัญญาเพคะ”
โลลิต้ายิ้มอย่างดีใจ ชองปอลฮึดฮัด แนวหน้าตะลึง หน้าตึงเปรี๊ยะคล้ายใกล้จะระเบิดเต็มทน
เรื่องเต็มน่ารัก ตอนที่ 2/2 วันพุทธที่ 30/04/2557
จีจี้ หันไปมองแนวหน้าที่ยืนก้มหน้ามองผ้าเช็ดหน้าในมือไปมา ปากขมุบขมิบพึมพำอยู่คนเดียว ที่คอมีกล้องถ่ายรูปห้อยอยู่
แนวหน้าหัวเราะแค่นๆ เบาๆ กับตัวเอง “เหอะๆๆ ตลกเกินไปละ เจ้าหญิงของฮวาซาหน้าจะไปเหมือนกะยัยคนนั้นเนี่ยนะ..เหอะๆๆ ไม่มีทาง”
“นี่พ่อคุณ” จีจี้หันมาหา แนวหน้าถึงกับสะดุ้ง “บ่นอะไรคนเดียว บ้าหรือเปล่า...มีกล้องก็ทำหน้าที่สิ”
แนวหน้ายังงงๆ เบลอๆ อยู่ “ทำอะไรละเจ๊”
“ก็ถ่ายรูปไง ถ่ายสิเจ้าหญิงโลลิต้ากับท่านประธานมนตรีธูล ภาพแบบนี้มันไม่ได้หาดูกันง่ายๆ นะพ่อคุณ”
แนวหันรีหันขวางไปที่กระเป๋ากล้องของตัวเอง เปิดกระเป๋าค้นดู ปรากฏว่าภายในกระเป๋าไม่มีกล้อง
“เฮ้ย....เจ๊ กล้องผมหาย”
นายเดินเข้ามา ส่ายหัวดิก “ไอ้แนว แกนี่มันโง่หรือไร้สติกันแน่วะ”
แนวหน้างงอยู่ดีๆ ถูกพี่ด่า
“มองหน้าฉันแล้วแกจะเจอกล้องไหม...มันห้อยอยู่ที่คอแกนั่นแหละ”
แนวหน้าก้มลงไปเจอกล้อง หยิบขึ้นมาตั้งท่าจะถ่ายโลลิต้าที่ทักทายแขก ยิ้มแย้ม น่าเอ็นดู จีจี้หันขวับมาหา
“น่ารักจัง...รีบถ่ายเร็วเข้าๆๆๆ” จีจี้หมั่นเขี้ยวตบตีที่หัวไหล่ของแนวหน้าพัลวัน
“นี่เจ๊ ตีอย่างนี้จะถ่ายได้ไหมนี่”
“ก็แกช้าเอง เร็วๆ”
“เมียพี่นี่เก่งแต่สั่ง เนอะ” แนวหน้าหันไปพูดกับนาย
“ไอ้นี่...ยังเว้ย!”
แนวหน้าถ่ายรูปเจ้าหญิงโลลิต้าที่กำลังยิ้มแย้ม สดใส สวยงาม
จังหวะนี้จีจี้ก็ตะโกนขึ้น “เจ้าหญิงโลลิต้า ทางนี้เพคะ” พลางโบกมือไปมา
เจ้าหญิงหันมาทางจีจี้ นายและแนวหน้า ทอดยิ้มมาให้อย่างสุภาพ
แนวหน้ามองผ่านเลนส์ภาพในกล้อง เป็นภาพครึ่งตัวของเจ้าหญิงโลลิต้าเหลียวมองมามอง และกำลังยิ้มให้กล้อง
ราอูลเข้าไปกระซิบกระซาบองค์ราชา ท่านธูลพยักหน้ารับรู้ ก่อนเดินยิ้มแย้มตรงเข้ามาหานายและจีจี้ ส่วนโลลิต้าคุยติดพันอยู่ด้านหน้า ยังไม่เดินตามมาด้วย
“ยินดีต้อนรับ ทั้งสามท่านจากประเทศไทย..ยินดี”
จีจี้ที่ยิ้มหวาน ทุกคนทำความเคารพเงอะงะ มีจีจี้ที่ดูคล่องแคล่ว ไม่เคอะเขินที่สุด
“เอ่อ...เอ่อ...” นายพูดราชาศัพท์ไม่เป็น
จีจี้แทรกตัดหน้า “ถวายบังคมเพคะท่านประธานธูล”
จีจี้ยื่นมือออกไปเพื่อจะจับทักทาย ท่านธูลสะดุดกับสายตาหวานหยดและมือที่จีจี้ทอดส่งมา ก่อนยื่นจับมือจีจี้เขย่าค้าง
“หม่อมชั้นจีจี้เพคะ นี่นายนาย นั่น..แนวหน้าเพคะ เป็นพระกรุณาอย่างยิ่งที่ทรงเรียกพวกเรามา บริษัทจีเอ็นเอ็นพร้อมรับใช้ นครรัฐฮวาซาเสมอเพคะ”
ท่านธูลส่งมือให้นายและแนวหน้าจับอย่างมีเมตตา
นายพูดงึมงำในคอ “กระหม่อม...เอ้อ...กระผม พูดราชาศัพท์ไม่ค่อยคล่องเพคะ เอ้ย พะยะค่ะ”
ท่านธูลหัวเราะ “ตามสบายเถอะคุณ ราชสำนักฮวาซาไม่ได้เคร่งครัดอะไรมากนักหรอก”
นายถอนใจโล่งอกขึ้นมาหน่อย ท่านธูลมองมายังแนวหน้าพร้อมยื่นมือให้จับ
“ส่วนคุณ...ท่าทางจะเป็นฝ่ายครีเอทีฟสินะ”
“ครับ...เอ้ย...พะยะค่ะ”
เสียงใสๆ ของโลลิต้าดังเข้ามา “ท่านพ่อเพคะ”
ท่านธูลหันไปหา โลลิต้าเดินมาพร้อมชีฟอง แนวหน้าตกใจ พยายามจะถอยหลบ แต่ถูกนายจับเอาไว้ให้อยู่ช่วยกันรับเสด็จ เลยได้แต่ยึดเอาตัวพี่ชายบังๆ ไว้
ท่านธูลแนะนำ “ลูกหญิงมารู้จักทีมงานที่จะมาช่วยสร้างสรรค์สารคดีประชาสัมพันธ์ประเทศฮวาซาใต้ของเรา ที่มาจากเมืองไทยสิจ๊ะ นี่คุณจีจี้ นายนาย และคุณแนวหน้า”
นายถวายคำนับ มีแนวหน้าคำนับด้วย จี้จี้ถอนสายบัว โลลิต้ายิ้มอย่างสุภาพให้ทุกคน จนสายตามาพบกับแนวหน้าพอดี ตาเบิกโตตกใจ หลุดอุทาน ชี้หน้า
“นาย..!!”
แนวหน้าที่ใจตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่แล้ว ถึงกับผงะตกใจไม่ต่างกัน
ทุกคนมองท่าทีของโลลิต้าอย่างประหลาดใจ
ท่านธูลถาม “มีอะไรหรือลูกหญิง”
โลลิต้าอึกอัก “ก็นายนี่...”
ชีฟองขัดขึ้น “องค์หญิงเพคะ ได้เวลาที่จะต้องเปลี่ยนฉลองพระองค์แล้วเพคะ”
โลลิต้ายังอึกอัก คาใจเรื่องแนวหน้า ชีฟองกึ่งลากกึ่งประคองออกไป ท่านธูลมองตามงงๆ ก่อนจะเดิน เพื่อไปทักทายแขกอื่น โดยราอูลบอกกำชับกับสามคน
“คืนนี้หลังจากพระราชทานเลี้ยงอาหารแล้ว เราจะมาคุยกันเรื่องรูปแบบของภาพยนตร์สารคดีที่หลัง.. หวังว่าพวกคุณคงจะเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ”
ราอูลก้มหัวลา แล้วเดินห่างออกไป จีจี้หันขวับมาทางแนวหน้า คาใจสุดขีด
“มีอะไรรึเปล่าแนวหน้า ทำไมเจ้าหญิงถึงมีท่าทีแปลกๆ ตอนเจอนาย”
แนวหน้าอึกอัก “ก็..คงเป็นเพราะผมหล่อมากมั่ง...เจ้าหญิงถึงได้ติดใจ”
“เงียบไปเลยไป” นายบอกอย่างจริงจัง “พวกเราต้องเตรียมตัวให้ดีนะ คืนนี้เราจะต้องพรีเซ้นต์อย่างดีที่สุด และจะต้องได้วานนี้มาให้ได้..เข้าใจมั้ย”
จีจี้พยักหน้า เห็นด้วยเต็มที่ มีเพียงแนวหน้าที่หนักอกหนักใจ พูดไม่ออก
ประตูห้องบรรทมเปิดออกโดยชีฟอง นางกำนัล 2 คน ที่รออยู่ข้างในถอนสายบัว
“ออกไปก่อน” ชีฟองบอก
นางกำนัลรีบออกไป โลลิต้าเดินหน้างอเข้ามา ชีฟองรีบปิดประตู
โลลิต้าไม่พอใจ “พี่ฟอง นายคนนั้นมันคืออีตาบ้าที่ที่มันแกล้งหญิงที่หมู่บ้านน่ะ พี่ห้ามหญิงทำไม”
“องค์หญิงเพคะ ถ้าพี่ฟองไม่รีบห้ามเอาไว้ ความลับเรื่องที่เราแอบหนีไปเที่ยวที่หมู่บ้านวันนี้ก็ต้องแตกแน่ๆ แล้วเราจะเดือดร้อนมากนะเพคะ”
โลลิต้าอึ้งไปเล็กน้อย “มันก็ใช่ แต่เราก็ไม่ควรปล่อยคนบ้านั่นเข้ามาในวังเรา ถูกไม่ถูกพี่ฟอง”
“แต่นายคนนั้นเค้ากำลังจะมาทำงานให้ท่านธูล ให้ฮวาซาของเราไม่ใช่หรือเพคะ เราก็ต้องให้เกียรติเขานะ”
“หญิงไม่ชอบเค้านิสัยไม่ดี...ผู้ชายบ้าอะไรแย่งของผู้หญิง แล้วเค้าก็ทำหญิงเจ็บด้วย”
“แต่เค้าก็ไม่รู้ไม่ใช่เหรอเพคะ ว่าองค์หญิงเป็นผู้หญิงน่ะ”
“ไม่รู้แหละ ยังไงๆ หญิงก็ไม่มีวันที่จะยอมให้คนที่หญิงไม่ชอบหน้ามาทำงานอยู่ในประเทศของเราแน่ๆ”
โลลิต้าทำท่าจะเดินผละไป
“องค์หญิงลืมแล้วเหรอเพคะ ว่าทีมงานนี้มาจากประเทศไทย”
โลลิต้าหันมา “แล้วไง!”
ชีฟองเดินเข้ามาใกล้ๆ “เมืองไทยมีคนบางคนที่องค์หญิงอยากพบมากอยู่ไม่ใช่หรือเพคะ”
โลลิต้าอึ้ง นึกขึ้นได้ พูดไม่ออก
ขณะเดียวกัน มองจากระเบียงห้องพักในวัง แลเห็นบรรยากาศสวยงามริมน้ำ ทิวเขาสลับซับซ้อน จีจี้และนายชื่นชมวิวทิวทัศน์ที่ระเบียงห้องอย่างแสนสุข ผิดกับแนวหน้าที่ดูครุ่นคิด กลัดกลุ้มอยู่คนเดียว
“ประเทศฮวาซานี่ช่างสวยจริงๆนะ...” จีจี้หันมา “หนังของเราจะต้องออกมาสวยเพอร์เฟ็คท์แน่ๆ ใช่มั้ยแนว”
แนวหน้าดูจมอยู่ในความคิดอยู่ จนไม่ทันได้ฟัง
“ไร แนว...นายไม่ได้ยินที่จี้เค้าพูดเหรอ”
แนวหน้าเงยหน้าขึ้นมองงงๆ “อะไรนะเจ๊”
“ชั้นบอกว่า ฮวาซาเนี่ยคงมีอะไรสวยๆให้เราถ่ายเยอะแยะแน่ๆ นายต้องทำหนังให้ออกมาสวยๆนะ เอาให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของบริษัทเราเลย”
แนวหน้าอึกอัก “แล้วถ้า...ถ้าเราไม่ได้งานชิ้นนี้ล่ะ...จะเป็นอะไรมั้ย”
“ว่าไงนะ” สองคนร้องลั่น
นายและจีจี้ทำหน้าเหมือนแนวหน้าพูดอะไรผิดมหันต์
“คือ..ผมหมายความว่า...เอ่อ...พูดเผื่อๆ ไว้น่ะ”
“ไม่ต้องพูดเผื่อเลย เพราะไม่ว่ายังไงเราก็ต้องได้งานนี้ ชั้นไม่เห็นทางเลยว่า เราจะไม่ได้งานนี้ได้ยังไง”
“เฮียไม่เผื่อใจไว้บ้างเลยเหรอ” แนวหน้าเสียงอ่อย
“ไม่จำเป็น..ถ้าเรา 3 คนผนึกกำลังกันแล้วล่ะก็ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เอาชนะเราไม่ได้เด็ดขาด” จีจี้บอกกับนาย “ไหนที่รัก ลองซ้อมพรีเซ้นต์สิว่าจะพูดยังไงบ้างคืนนี้”
นายกระแอม แล้วทำท่าให้เป็นพิธีกร ก่อนจะลองซ้อมการพรีเซ้นต์
แนวหน้ายังมีท่าทีกังวลไม่หาย
ค่ำนั้น จอโปรเจ็คเตอร์ ในห้องประชุมของวัง ฉายสารคดีที่ทำมาเป็นแนวทาง แนวหน้าเป็นพิธีกรพาเที่ยวที่สวยงามกับสาวชาวบ้าน ด้วยการถ่ายที่สวยงาม ตัดต่อทันสมัย บรรยากาศสนุกสนาน
เมื่อสารคดีจบลง ไฟสว่างขึ้น ท่านธูลและราอูล และคณะเสนาบดี 2-3 คน ตบมือตามมารยาท
“ทำได้สนุกสนานมาก...น่าสนใจทีเดียว”
“เราจะนำเสนอประเทศฮวาซาใต้ โดยผ่านมุมมองของคนที่ไม่เคยรู้จักประเทศนี้มาก่อนเลย..ซึ่งพิธีกร นั่นก็คือ แนวหน้า สุขขารมย์ ครีเอทีฟของเราผู้ซึ่งทำหนังสั้นได้รางวัลมาแล้วมากมายหลายสถาบัน” นายกล่าว
จีจี้เสริม “แนวหน้าจะเรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อและภูมิประเทศต่างๆ ของฮวาซาใต้ และผู้ที่นำเที่ยวคงไม่มีใครจะดีไปกว่า...เจ้าหญิงโลลิต้า กุหลาบงามแห่งอาณาจักรฮวาซาใต้”
โลลิต้าพูดขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจ “แล้วทำไม พิธีกรถึงต้องเป็นนาย เอ๊ย คุณคนนี้ด้วย”
ทุกคนนิ่งอึ้ง เสนาบดีมองกันเลิกลัก แม้แต่ท่านธูลก็ถอนใจใหญ่
ประตูห้องเปิดออก ชองปอลเดินกร่างเข้ามาอย่างไม่เกรงใจใคร
“นั่นสิ...มันควรจะเป็นชาวฮวาซาด้วยกันมากกว่า เช่น คนฮวาซาใต้นำ...ชาวฮวาซาเหนือเที่ยว ยิ่งถ้าเป็นมกุฎราชกุมารีแห่งฮวาซาใต้พาเจ้าชายฮวาซาเหนือเที่ยว...มันจะน่าประทับใจขนาดไหน”
แนวหน้าโพล่งขึ้นมา “แต่ว่า...”
โลลิต้าขัดขึ้น “พอเถอะค่ะ...” ทุกคนอึ้ง “หม่อมชั้นไม่ได้ต้องการทั้งเจ้าชายและคุณแนวหน้าให้มาร่วมดำเนินรายการกับหม่อมชั้น”
ทุกคนอึ้ง..มองหน้ากันเลิกลัก
“ทางเราสามารถเปลี่ยนตัวพิธีกรดำเนินรายการร่วมได้อย่างแน่นอนเพคะ”
แนวหน้าและนายหันไปมองจีจี้พร้อมกัน อย่างไม่เชื่อหู จีจี้ทำเป็นไม่สนใจและยังพูดกับเจ้าหญิงต่อไป
“แล้วเจ้าหญิงทรงอยากให้ใครมาดำเนินรายการร่วมไหมเพคะ หรือว่า ทรงอยากจะดำเนินรายการพระองค์เดียว..เดี่ยวๆ เด่น”
“ไม่ค่ะ ฉันทำไม่เป็นหรอก ขอเป็นแค่คนตอบ เพราะฉันคงตอบได้ดีกว่าคนอื่น แต่ตัวพิธีกร ฉันอยากได้คนไทยคนนึง ที่ฉันอยากรู้จักมากๆ มาทำงานด้วย”
“ใครละเพคะ นำเสนอมาได้เลยเพคะ ทุกคนคงจะยินดีที่ได้รับเกียรติมาร่วมงานกับเจ้าหญิง”
“คนคนนั้นเป็นใครล่ะ...ลูกหญิง” ท่านธูลฉงน
“เค้าคือ...คุณน้ำเชี่ยวค่ะ...น้ำเชี่ยว...”
จีจี้อ้าปากค้าง นายและแนวมองไปที่เจ้าหญิง อ้าปากค้างเช่นกัน ท่านประธานธูลและสมุหราอูล แขกในงานคนอื่นๆ ก็อ้าปากค้าง
บรรยากาศเงียบงันกันไปสักพักหนึ่ง ก็มีเสียงพูดแทรกขึ้นมา
“ใครวะ”
เป็นเสียงแนวหน้าที่พึมพำพูดเบาๆ แต่กลายเป็นเสียงดัง เพราพูดแทรกขึ้นในความเงียบ นายและจี้จี้รีบกระทืบเท้าแนวหน้ากันคนละข้าง
เจ้าหญิงหันกลับมามองแนวหน้า ขมวดคิ้วนิดๆ ชีฟองเห็นท่าเจ้าหญิงไม่ดี จึงพูดขึ้นมา
“คือเจ้าหญิงหมายถึง..น้ำเชี่ยวแห่งเรื่อง อยากหยุดตะวันไว้ที่ตรงนั้น นะคะ”
“อ๋อ..อยากหยุดตะวันไว้ที่ตรงนั้น..ละครไทย”
“แล้วใครเล่นเป็นน้ำเชี่ยวล่ะเจ๊” แนวหน้างง
จีจี้ส่ายหน้า บอกเบาๆ “ฉันดูละครซะที่ไหน นายก็รู้”
ชีฟองบอก “พระเอกก็คือ...คุณไผท ไพศาลีค่ะ”
จีจี้ นาย และแนวหน้าประสานเสียง “ไผท!”
แนวหน้านึกได้ ร้องลั่น “ไผท”
ทุกคนหันมองแนวหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น
“ค่ะ...ถ้าได้คุณไผทมาเป็นพิธีกรร่วม ฉันก็ยินดีค่ะ...แต่ถ้าไม่ได้...เราก็คงจะต้องลองพิจารณาภาพยนตร์ของประเทศอื่นดู”
จีจี้ร้อนรน “ไม่ได้เพคะ ได้แน่ๆ ไม่มีปัญหา จีจี้สนิทสนมกับซูเปอร์สตาร์ จากเมืองไทยคนนี้อย่างมากเพคะ”
แนวหน้าเซ็งสุดขีด “เจ๊!”
จีจี้ไม่ฟัง “เราจะพาไผทมาเป็นพิธีกรในภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ได้แน่นอน จีจี้สัญญาเพคะ”
โลลิต้ายิ้มอย่างดีใจ ชองปอลฮึดฮัด แนวหน้าตะลึง หน้าตึงเปรี๊ยะคล้ายใกล้จะระเบิดเต็มทน