เรื่องเต็มน่ารัก ตอนที่ 2/1 วันพุทธที่ 30/04/2557

กระทู้สนทนา


“ปล่อยนะ” โลลิต้าเสียงขุ่น
       “คุณนั่นแหละปล่อย ผมได้ก่อนนะ”
       โลลิต้าตาลุก กระชากขนมมา หันหลังจะเอาไปให้เด็ก แนวหน้าโมโห
       “อ้าว! งั้นก็สวยสิ”
       แนวหน้านึกว่าโลลิต้านิสัยไม่ดี เลยดึงคืนมา ขนมตกไปกับพื้น แนวหน้าจะก้มลงเก็บ โลลิต้ารู้สึกว่าอีนี่นิสัยเลว เลยผลักจนแนวหน้ากระเด็นหัวทิ่ม
       โลลิต้ามองหยันอย่างสมน้ำหน้า แล้วจะก้มลงหยิบ แนวหน้าพุ่งจับข้อเท้าไว้ โลลิต้าล้มกลิ้ง ปิ่นหลุดจากผมโดยไม่รู้ตัว โลลิต้าแค้น
       แนวหน้าหยิบขนมขึ้นมาจะแกะกินเยาะเย้ย โลลิต้าพุ่งโถมใส่ทั้งตัวด้วยความโกรธ ทั้งคู่ล้มกลิ้งไปด้วยกัน ขนมกระเด็น
       แนวหน้าทั้งเจ็บและจุก “นี่คุณ..จะบ้าเหรอ ทำแบบนี้ทำไม..มันแค่ขนมนะ”
       “นายนั่นแหละที่บ้า..มาแย่งชั้นทำไม ชั้นจะเอาขนมไปให้เด็ก” โลลิต้ามองหา “ขนม...ขนมหายไปไหน”
       ทั้งคู่ลุกขึ้นมองหา แล้วถึงเห็นว่า ขนมบี้แบนจนเป็นผงไปหมดแล้ว เพราะแนวหน้าทับตอนล้มลง เด็กๆที่ดูเหตุการณ์อยู่หัวเราะฮาครื้น
       “เละหมดแล้ว” เด็ก 1 ขำกลิ้ง
       “ไอ้...ไอ้บ้าเอ๊ย...”
       โลลิต้าโมโหเข้าผลักอกแนวหน้าดื้อๆ ชีฟองฝ่าวงเด็กเข้ามาดึงแขนโลลิต้าถาม
       “อะไรกันคะ เกิดอะไรขึ้น”
       โลลิต้าฟ้อง “พี่ชีฟอง ไอ้นี่มันแกล้ง”
       แนวหน้าเถียงสวน “ผมไม่ได้แกล้ง”
       “แกล้ง”
       “ไม่ได้แกล้ง...” แนวหน้าลากเสียง
       “แกล้ง...” โลลิต้าลากเสียงพร้อมทำท่ากำหมัดจะเข้าไปต่อย ชีฟองคว้าไว้ทัน
       “พอเถอะค่ะ องค์...เอ้ย.. น้องหญิง เรากลับกันดีกว่า เร็วเถอะคะ ต้องรีบกลับแล้วเดี๋ยวไม่ทันพิธี...ไปค่ะ”
       โลลิต้ายอมตามไป แต่ไม่วายหันมาชี้หน้าถใส่แนวหน้า ก่อนทั้งสองจะเดินหายไป
       แนวหน้าลุกขึ้นปัดเสื้อกางเกงไปมา
       เด็ก 1 วิ่งเข้ามายื่นขนมให้ “ให้”
       แนวหน้ายิ้ม เด็ก 1 ยิ้มกว้างกว่าเห็นฟันหลอ แนวหน้าจับหัวเด็ก 1 โยกเบาๆ
       “ขอบใจมากนะน้อง”
       พลันแนวหน้าเหลือบไปเห็นปิ่นปักผมรูปม้าขาว เป็นประกายวาววับตกอยู่ใกล้ๆ เข้าก้มเก็บขึ้นมาดู
       “ปิ่นปักผม!” ก่อนจะเงยหน้ามองหาโลลิต้า
       มีเสียงเรียก “คุณๆ” ดังมา
       แนวหน้าหน้าหันไปทางเสียง เห็นเป็นทหารพลขับที่มารับยืนอยู่
       “ผมหาคุณแทบแย่ เชิญเลยครับ”
       แนวหน้าดีใจ รอดตายแล้วกรู
       
       บรรดาข้าราชบริพาร เสนาบดี อยู่ในชุดเครื่องแบบเต็มยศ กำลังมายืนรอรับเสด็จ ที่ท้องพระโรง ต่างพูดคุย ทักทาย บ้างตื่นเต้นกับงานในวันนี้
       นาย และจีจี้ ยืนอยู่มุมหนึ่ง ใกล้แถวหน้าตรงที่จะเสด็จ ทั้งคู่แต่งกายสวยงาม
       “จีจี้สวยรึยังที่รัก โอ๊ย..มางานแบบนี้เสื้อผ้ายับยู่ยี่ไม่มั่นใจเลยนาย”
       “สวยแล้วจ๊ะ..ดีแล้ว..นี่ถ้าไอ้แนวมาไม่ทันเราจะทำยังไง ใครจะพรีเซ้นต์งาน”
       แขกคู่หนึ่งดูเป็นชาวต่างชาติ แต่งตัวโก้หรูเดินผ่านไปยืนตั้งแถวรับอีกฝั่ง นายกับจีจี้มองตาม
       “นั่นมัน...แดเนียล ลิว จากบริษัท TNB ของฮ่องกงนี่นา” จีจี้จำได้
       “นี่แสดงว่าท่านประธานมนตรีเชิญบริษัทชาติอื่นๆ มาคุยด้วยเหรอเนี่ย”
       จีจี้มองๆ “ต้องมากกว่า 3 ประเทศแน่ๆ จี้คุ้นหน้าทั้งนั้น ทั้งจากสิงคโปร์ แล้วก็มาเลย์”
       นายชักเครียด
       “ไม่รู้ละ ยังไงเราก็ต้องได้งานนี้ GNNของเราจะต้องเจ๋งกว่าทุกบริษัทในภูมิภาคนี้แน่นอน”
       นายพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
       
       มือทหารองครักษ์ติดกระดุมทองสุกปลั่งเสร็จ ชองปอลในชุดเครื่องแบบเต็มยศมกุฎราชกุมารของฮวาซาเหนือ มองตัวเองในกระจกอย่างพอใจ ก่อนหันมาทางองครักษ์
       “ชั้นแต่งตัวเต็มยศแบบนี้ หล่อพอที่จะให้องค์หญิงโลลิต้าหลงรักอย่างหัวปักหัวปำได้รึยัง”
       “ได้แน่นอนพะยะค่ะ”
       ชองปอลทำหน้าพอใจ เสียงประตูเปิด ชองปอลหันไป
       “น้องหญิงมาแล้ว” แต่ต้องชะงัก
       ท่านประธานมนตรีธูลเดินเข้ามาในห้อง ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ราอูลตามมาติดๆ
       “ฝ่าบาทน่ะเอง..นี่ท่านทรงมาตามชองปอลด้วยพระองค์เองเลยเหรอพะยะค่ะ” หันไปสั่งองครักษ์ “เร็วเข้า”
       “เอ่อ..ท่านชองปอลไม่ต้องรีบร้อน คือว่า...” ท่านธูลอึดอัดมาก “พระราชพิธีอาจจะต้องล่าช้าไปเล็กน้อย”
       “อ้าว..ทำไมล่ะท่านธูล”
       “คือ...องค์หญิง...คือ”
       นางหน้าห้องวิ่งหน้าตื่นมาพอดี
       “ท่านประธานเพคะ องค์หญิง..องค์หญิงเพคะ” นางหยุดหอบหายใจเหนื่อย
       “อะไร องค์หญิงทำไม”
       “องค์หญิง...ทรงพร้อมแล้วเพคะ”
       
       ท่านธูลมีสีหน้าโล่งอกขึ้นมาทันที ส่วนชองปอลมองอย่างไม่เข้าใจ


  ฝ่ายแนวหน้ากำลังคุ้ยข้าวของ มือไม้สั่นหาเสื้อผ้าใส่เข้าร่วมพิธี
       
       “อยู่ไหนวะ...อยู่ไหน ไม่ทันแล้ว”
       ครีเอทีฟหนุ่มไปเปิดตู้ เจอเสื้อสูทแขวนอยู่ เลยรีบถอดตัวเก่าแล้วใส่อย่างรวดเร็ว ไม่มองกระจก
       พอจะถอดกางเกงก็ชะงัก รู้สึกมีอะไรอยู่ในกระเป๋า พอล้วงออกมาดูเห็นเป็นขนมกับปิ่นปักผมของโลลิต้าที่เก็บเอามาด้วย
       แนวหน้านึกขำ “เด็กบ้าอะไรวะ เล่นอย่างกะผู้ชาย น่าต่อยจริงๆ” เขาเพ่งมองปิ่น “คอยดูนะ ถ้าเจออีกที จะเอาปิ่นนี่จิ้มลูกกะตาซะเลย”
       เสียงเคาะประตูดังขึ้น แนวหน้าหันไปมอง มหาดเล็กเข้ามา
       “จะได้เวลาเสด็จออกแล้ว คุณต้องรีบแล้วนะครับ”
       “ครับๆ”
       แนวหน้าถอดกางเกงออกอย่างว่องไว มหาดเล็กตกใจหันไปทางอื่น แนวหน้านุ่งกางเกงเสร็จก็รีบร้อนเดินมา
       “เสร็จแล้วครับ”
       แนวเดินนำออกไป มหาดเล็กอ้าปากจะพูดก็ไม่ทันว่าหน้าตาของแนวหน้ายังไม่ได้ลบสีที่ตาออก
       
       บริเวณลานสนามหญ้าตรงบริเวณหน้ามุขของท้องพระโรง มีประชาชนชาวฮวาซาที่มารอยลสิริโฉมเจ้าหญิงรัชทายาทกันมากมาย ทุกคนต่างตื่นเต้น ชะเง้อชะแง้รอดูกันใจจดจ่อ
       
       นาย กับจีจี้ตอนนี้ยืนรอรับเสด็จอยู่ เห็นมหาดเล็กเดินนำมีแนวหน้าโผล่เข้ามาสมทบ
       “เชิญครับ” มหาเล็กบอก แล้วขยับออกไปประจำที่
       นายเห็นสภาพน้อง ถามเสียงเบา “ไอ้แนว ไปทำอะไรมาน่ะ”
       “หา อะไร คนเยอะแยะจัง ไม่คิดว่าในวังฮวาซาคนจะเยอะขนาดนี้”
       จีจี้หันไปเห็น ตกใจจนเผลอร้องอุทานเสียงดัง “ว้าย” แล้วรีบอุบปาก พูดเบาๆ “นี่แนว ไปเล่นอะไรมาหน้าแกน่ะ”
       แนวหน้าจับหน้าตัวเองเพิ่งนึกได้ “ตายโหง...ก็ตอนรอน่ะ ผมเจอหมู่บ้าน แล้วไปเล่นกับเด็ก”
       นายส่งผ้าเช็ดหน้าให้ “ลบเดี๋ยวนี้เลย จะได้เวลาเสด็จแล้ว”
       จีจี้หยิบผ้าเช็ดหน้าช่วยเช็ด “หันหน้ามาจะช่วย เอาสีอะไรทาเนี่ย ทำไมมันเช็ดออกยากขนาดนี้”
       “ใช้น้ำลายแตะๆ สิจะได้ออกง่ายหน่อย” นายบอก
       แนวหน้าชะงัก “น้ำลายใคร”
       “น้ำลายแกนั่นแหละ หรือจะใช้น้ำลายชั้นก็ได้ เลือกเอา” นายว่า
       
       เสียงแตรโหมดังขึ้นเป็นสัญญาณ ตามด้วยเสียงขึงขังของมหาดเล็ก
       “ท่านประธานมนตรีเสด็จแล้ว”
       ทุกคนขยับตัวยืนสำรวม แนวรีบหลบไปยืนหลังนาย พยายามเอาน้ำลายแตะผ้าเช็ดหน้าแล้วเช็ดหน้าตัวเอง
       ชองปอล ออกมายืนรอรับเสด็จ
       ประธานธูล เสด็จออกพร้อมผู้ติดตามในชุดเต็มยศ สง่า น่าเกรงขาม
       เสนาบดีและทุกๆคนในห้องถวายความเคารพกันพึ่บพับ
       แนวหน้าพยายามยื่นหน้ามองตามพี่ชาย กระซิบถามพร้อมกับเช็ดหน้าไปด้วย
       “เค้ามีพิธีอะไรกันเหรอเฮีย ต้อนรับพวกเรารึไง”
       นายกระซิบตอบ “วันนี้จะมีการแต่งตั้งมกุฎราชกุมารีเว้ย”
       แนวพยักหน้ามองท่านธูลที่เดินไปนั่งบัลลังก์อย่างทึ่ง จีจี้ถลึงตาชี้ให้ดูว่ายังลบหน้าไม่หมด แนวหน้าเลยแอบไปเช็ดด้านหลังพี่ชายต่อ
       
       จังหวะนี้ท่านประธานธูลหันไปพยักหน้าให้ราอูลให้เริ่มพิธี ราอูลถวายคำนับ ก่อนก้าวเดินออกไปข้างหน้า กลางท้องพระโรง
       “บัดนี้ ถึงเวลาอันเหมาะอันควรแล้ว ข้าในนามตัวแทนของราชสำนักฮวาซา ขอเบิกตัว มกุฎราชกุมารี แห่งราชอาณาจักรฮวาซาใต้ องค์หญิงโลลิต้า”
       สิ้นคำประกาศ สายตาทุกคู่ตาจับจ้องไปที่หลังม่านสีทองเหนือยกขั้นบันไดทางด้านเหนือท้องพระโรง เสียงแตรเป่าประโคม พลันผ้าม่านค่อยๆ บรรจงเลื่อนเปิดแยกออกช้าๆ
       ทุกคนต่างยื่นหน้าออกมามองยืนกันไม่ติด เริ่มชะเง้อ ชะแง้ไปมา ส่วนแนวหน้าเร่งเช็ดหน้ายิกๆ
       
       หลังม่านสีทองอร่าม ค่อยๆ เผยให้เห็นหญิงสาวบอบบางร่างแน่งน้อย ผมยาวสลวย สวมมงกุฎ ใบหน้าสดสวยเปล่งประกาย งามจับตา องค์หญิงโลลิต้าปรากฏตัวในชุดเจ้าหญิงในเทพนิยาย มีชีฟองออกเดินตามมาห่างๆ ข้างหลัง
       ชองปอลถึงกับเคลิ้ม เบิกตาโต อ้าปากค้าง
       “โอ้ว..แองเจิ้ลของชองปอล..โอว”
       เหล่าเสนาบดี ข้าราชบริพาร ตะลึงแลในความงาม
       
       นาย และจีจี้ ก็ตะลึงไม่แพ้กัน แนวที่กำลังมัวปัดๆเช็ดๆถูหน้าอยู่ ยังไม่ทันเห็น จนได้ยินเสียงนาย
       นายพึมพำอย่างลืมตัว “สวยเป็นบ้า...เจ้าหญิงของรัฐฮวาซาใต้”
       จีจี้ค้อนควักนิดหนึ่ง แต่ไม่จริงจังนัก แนวหน้าอดไม่ได้ ยื่นหน้าออกมามองแล้วชะงัก เห็นเจ้าหญิงโลลิต้าก้าวเดินออกมา รูปโฉม กิริยางามสง่า ก้าวเดินผ่านหน้าไปอย่างช้าๆ งดงามเหมือนภาพฝัน
       ครีเอทีฟหนุ่มตะลึงแล จำได้ทันที อุทานเสียงเบาๆ “ยายปิ่น”
       
       แนวหน้าตกตะลึงจังงัง โลลิต้าเดินผ่านไปในระยะประชิด

ลานสนามหญ้าตรงบริเวณหน้ามุขของท้องพระโรงเวลานั้น มีประชาชนชาวฮวาซาใต้ที่มารอยลโฉม ชื่นชมบารมีเจ้าหญิงรัชทายาทอย่างมากมายเนืองแน่น ต่างคนต่างชะเง้อชะแง้แลหา มองไปที่มุขพระราชวังไปมา
       
       ส่วนภายในโถงวัง เสนาบดีราอูลยืนกล่าวถวายรายงานดังท่ามกลางเหล่าเสนาบดี แขกเหรื่อ และหมู่ข้าราชบริพาร
       “และในทุกปีที่วันเฉลิมฉลองวันแห่งการเก็บเกี่ยวเวียนมา เป็นวันที่ชาวฮวาซาได้มีความปิติสุขกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาขององค์หญิงโลลิต้าและในปีนี้เป็นปีสุดแสนพิเศษที่องค์หญิงทรงมี พระชนมายุครบ 18 ชันษา ขอทวยเทพแห่งฮวาซาได้อำนวยพรให้องค์หญิงโลลิต้าทรงมีพระเกษม สำราญเป็นมิ่งขวัญแก่ชาวฮวาซา สืบไป”
       ท่านธูลมองธิดาอย่างภาคภูมิใจ โลลิต้ายิ้มแย้มตอบ แล้วยืนนิ่งท่วงทีสง่างาม ชองปอลยิ้มส่งสายตาไปที่โลลิต้า แต่โลลิต้าไม่หันมองมา
       ราอูลร้องนำถวายพระพรเสียงดัง “โลลิต้า”
       ทุกคนในโถงท้องพระโรงแซ่ซ้องตาม เสียงดัง “โลลิต้าๆๆๆ”
       ชาวฮวาซาใต้ทุกคนตะโกนชื่อเจ้าหญิงโลลิต้าไป พร้อมกับกำหมัดซ้ายยื่นออกจากหน้าอกตรงตั้งฉากกับลำตัวไปด้วย
       นาย และจีจี้ยิ้ม ชะเง้อมองไปที่เจ้าหญิง นายยกมือถือมากดรัวถ่ายรูป ก่อนจะกล่าวรับตามไปเสียงดังพร้อมกับคนอื่นๆ
       “โลลิต้าๆๆ”
       แนวหน้ายืนคิดเหม่อคิดค้านอยู่ในใจ “ไม่ใช่สิ ไม่น่าใช่”
       นายเห็นอาการ เอาศอกกระทุ้งน้องชายเพราะเห็นยืนนิ่งอยู่คนเดียว แนวหน้าสะดุ้ง หันไปเห็นคนอื่นตะโกนชื่อโลลิต้า เลยทำตามแต่เปล่งเสียงเบาๆ เง็งๆ
       “โลต้า...เอ่อ ลิต้า...โลลิต้าๆๆ”
       
       ต่อจากนั้น เจ้าหญิงโลลิต้าก้าวมายืนบนมุขของพระราชวัง ยิ้มแย้มโบกมือให้กับประชาชนที่มาคอยต้อนรับ มีท่านธูลยืนเคียงข้างยิ้มชื่นใจ ทั้งสองโบกมือไปมา
       ประชาชนในลานพระราชวังร้องแซ่ซ้องลั่น
       ประชาชนแซ่ว้องเสียงดังไม่หยุดหย่อน “โลลิต้าๆๆ”
       
       สักครู่หนึ่งท่านธูลและโลลิต้าหันกลับ เดินจากหน้ามุข ชองปอลรีบเข้ามา จะยื่นแขนให้ควง
       “น้องหญิง”
       โลลิต้ามองเมิน แล้วควงแขนท่านธูลเนียนๆ ชองปอลยื่นแขนค้าง แต่ไม่มีใครสังเกตนอกจากชีฟองที่แอบยิ้มขำนิดๆ ราอูลเดินนำท่านธูลและโลลิต้าทักทายผู้คนตามแถวแนวที่ยืนรอรับเสด็จอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่