หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ก็เริ่มทำงานประจำมาได้ 1 ปี แล้วลาออกไปเรียนต่อปริญญาโท หลังจากเรียนจบก็กลับมาทำงานประจำ
อีก ประมาณ 1 ปีระหว่างทำงานก็ช่วยคุณแม่ทำขนมไทย ขายตามออร์เดอร์ เพราะคุณแม่หาอะไรทำยามว่าง ก็มีรายได้พอสมควร
ตอนทำงานประจำดิฉันก็รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเอง ทำแล้วไม่มีความสุข เลยออกมาช่วยคุณแม่ทำขนมส่งตามออร์เดอร์ ที่เป็นลูกค้าประจำ
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนรู้จักและเพื่อนๆ ช่วงนี้ดิฉันจึงเริ่มเอาขนมไปวางขายเองโดยเริ่มจากที่ทำงานของคุณแม่ เพื่อขยายฐานลูกค้า แต่คุณแม่ไม่ค่อยสนับสนุนให้ขายเป็นงานหลัก อยากให้หางานประจำทำไปด้วย แต่ส่วนตัวดิฉันอยากทำจริงจัง เพราะเชื่อว่าขนมของเราสามารถไปได้
ดิฉันตั้งใจเริ่มทำจากเล็กๆ เน้นที่คุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาใช้ ความใหม่สด และสะอาดเป็นหลัก รวมถึงรสชาติที่ไม่หวานมากจนเกินไป และพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างความแตกต่าง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี แม้ตอนนี้จะยังไม่ใหญ่โตอะไร แต่ดิฉันก็มีความสุขมากที่ได้ทำในสิ่งที่ได้เลือก
ก้าวแรกอาจจะยาก แต่ถ้าลองได้ก้าวแล้ว ก้าวที่สอง สาม และก้าวต่อๆไปจะตามมา ขอแค่กล้าที่ก้าวออกมาจากกรอบชีวิตเดิมๆ
และกรอบความคิดของคนอื่นๆ เราอาจจะได้พบกับคำตอบของชีวิต เพราะชีวิตนี้เป็นของเรา.....
เลือกขายขนมไทยแทนงานประจำ
อีก ประมาณ 1 ปีระหว่างทำงานก็ช่วยคุณแม่ทำขนมไทย ขายตามออร์เดอร์ เพราะคุณแม่หาอะไรทำยามว่าง ก็มีรายได้พอสมควร
ตอนทำงานประจำดิฉันก็รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเอง ทำแล้วไม่มีความสุข เลยออกมาช่วยคุณแม่ทำขนมส่งตามออร์เดอร์ ที่เป็นลูกค้าประจำ
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนรู้จักและเพื่อนๆ ช่วงนี้ดิฉันจึงเริ่มเอาขนมไปวางขายเองโดยเริ่มจากที่ทำงานของคุณแม่ เพื่อขยายฐานลูกค้า แต่คุณแม่ไม่ค่อยสนับสนุนให้ขายเป็นงานหลัก อยากให้หางานประจำทำไปด้วย แต่ส่วนตัวดิฉันอยากทำจริงจัง เพราะเชื่อว่าขนมของเราสามารถไปได้
ดิฉันตั้งใจเริ่มทำจากเล็กๆ เน้นที่คุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาใช้ ความใหม่สด และสะอาดเป็นหลัก รวมถึงรสชาติที่ไม่หวานมากจนเกินไป และพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างความแตกต่าง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี แม้ตอนนี้จะยังไม่ใหญ่โตอะไร แต่ดิฉันก็มีความสุขมากที่ได้ทำในสิ่งที่ได้เลือก
ก้าวแรกอาจจะยาก แต่ถ้าลองได้ก้าวแล้ว ก้าวที่สอง สาม และก้าวต่อๆไปจะตามมา ขอแค่กล้าที่ก้าวออกมาจากกรอบชีวิตเดิมๆ
และกรอบความคิดของคนอื่นๆ เราอาจจะได้พบกับคำตอบของชีวิต เพราะชีวิตนี้เป็นของเรา.....