ผมพบ อ.หวานครั้งแรกที่มหิดล ผมไปร่วมเวทีสานเสวนาที่ อ.โคทม จัดให้พูดคุยกับคนเห็นต่างทางการเมืองน่าจะช่วงปี 52 ครั้งนั้นผมได้พบ อ.จารุพรรณ ด้วย
ผมไม่เคยรู้จัก อ.หวานมาก่อน เราสนทนากันอย่างไม่สนใจภูมิหลังกันแต่เราคุยกันเรื่องวิธีคิดประชาธิปไตย อ.หวานเล่าว่าคนงานที่บ้านซึ่งปกติไม่เคยพูดการเมืองวันหนึ่งได้เปิดปากแสดงทัศนะทางการเมืองกับแกจนรู้สึกแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าคนงานที่บ้านจะสามารถอธิบายเรื่องทางการเมืองได้ถึงขนาดนี้ และยิ่งเป็นมุมมองจากคนในชนบททำให้ อ.หวาน ตั้งคำถามกับตนเองต่อขบวนการเสื้อเหลืองและเสื้อแดงอีกครั้ง
หลังปี 53 ตอนที่ผมออกมาผูกผ้า หนึ่งในมวลชนที่เข้มแข็งและยืนระยะมาโดยตลอดก็มีเธอคนนี้อยู่เคียงข้างมวลชน ผมเห็น อ.หวานในทุกเวที ไม่ว่าจะบนฟุตบาทหน้าศาล เวทีเล็ก เวทีใหญ่ หรือแม้แต่บนจอทีวี เธอไม่เรื่องมากเหมือนผมที่คิดแล้วคิดอีกว่าจะไปร่วมหรือจำกัดพื้นที่ของตนเองอย่างไร
ในช่วงขับเคลื่อน พรบ นิรโทษกรรม โดยกลุ่ม 29 มค ที่ร่วมพลนับหมื่นภาคประชาชนขับเคลื่อนกดดันให้ฝ่ายรัฐบาลนำเรื่องนี้เข้าสภาจนเป็นผลสำเร็จ วรชัย เหมะ เป็นตัวแทนผลักดัน ผมก็ไปร่วมและสนับสนุนอย่างเต็มที่
ต่อมาเมื่อ พรบ นิรโทษกรรมเกิดปรากฏการณ์ "เหมาเข่ง" ผมอยู่ฝ่ายคัดค้าน อ.หวานอยู่ฝ่ายสนับสนุน เป็นช่วงเวลาที่เราสองคนแทบไม่ได้พูดคุยกันเป็นส่วนตัว มีเพียงการต่อสู้ทางความคิดบนความเชื่อของตนเองผ่านสื่ออย่างเข้มข้น
วันนี้ผมอ่านข่าวจุฬาไม่ต่อสัญญาจ้างที่คณะอักษร สิ่งแรกที่ผมคิดคือ การต่อสู้ของ อ.หวาน ต้องแลกด้วยต้นทุนบางอย่างและไม่เพียงเรื่องนี้
ผมในฐานะมิตรสหายร่วมทางอยากจะกล่าวคำชื่นชมในความทุ่มเทของ อ.หวานและขอให้กำลังใจสิ่งที่เธอทำมาโดยตลอด บนถนนเส้นนี้มีทั้งดอกไม้และก้อนหิน ในยามลำบากเช่นนี้ผมขอหยิบยื่นดอกไม้ช่อนี้แด่ อ.หวาน
สมบัติ บุญงามอนงค์
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จามจุรี สีฟ้า 

http://thaienews.blogspot.com/
ขอให้กำลังใจ อ.หวาน สุดา รังกุพันธ์ุ บนเส้นทางทั้งดอกไม้และก้อนหิน
ผมพบ อ.หวานครั้งแรกที่มหิดล ผมไปร่วมเวทีสานเสวนาที่ อ.โคทม จัดให้พูดคุยกับคนเห็นต่างทางการเมืองน่าจะช่วงปี 52 ครั้งนั้นผมได้พบ อ.จารุพรรณ ด้วย
ผมไม่เคยรู้จัก อ.หวานมาก่อน เราสนทนากันอย่างไม่สนใจภูมิหลังกันแต่เราคุยกันเรื่องวิธีคิดประชาธิปไตย อ.หวานเล่าว่าคนงานที่บ้านซึ่งปกติไม่เคยพูดการเมืองวันหนึ่งได้เปิดปากแสดงทัศนะทางการเมืองกับแกจนรู้สึกแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าคนงานที่บ้านจะสามารถอธิบายเรื่องทางการเมืองได้ถึงขนาดนี้ และยิ่งเป็นมุมมองจากคนในชนบททำให้ อ.หวาน ตั้งคำถามกับตนเองต่อขบวนการเสื้อเหลืองและเสื้อแดงอีกครั้ง
หลังปี 53 ตอนที่ผมออกมาผูกผ้า หนึ่งในมวลชนที่เข้มแข็งและยืนระยะมาโดยตลอดก็มีเธอคนนี้อยู่เคียงข้างมวลชน ผมเห็น อ.หวานในทุกเวที ไม่ว่าจะบนฟุตบาทหน้าศาล เวทีเล็ก เวทีใหญ่ หรือแม้แต่บนจอทีวี เธอไม่เรื่องมากเหมือนผมที่คิดแล้วคิดอีกว่าจะไปร่วมหรือจำกัดพื้นที่ของตนเองอย่างไร
ในช่วงขับเคลื่อน พรบ นิรโทษกรรม โดยกลุ่ม 29 มค ที่ร่วมพลนับหมื่นภาคประชาชนขับเคลื่อนกดดันให้ฝ่ายรัฐบาลนำเรื่องนี้เข้าสภาจนเป็นผลสำเร็จ วรชัย เหมะ เป็นตัวแทนผลักดัน ผมก็ไปร่วมและสนับสนุนอย่างเต็มที่
ต่อมาเมื่อ พรบ นิรโทษกรรมเกิดปรากฏการณ์ "เหมาเข่ง" ผมอยู่ฝ่ายคัดค้าน อ.หวานอยู่ฝ่ายสนับสนุน เป็นช่วงเวลาที่เราสองคนแทบไม่ได้พูดคุยกันเป็นส่วนตัว มีเพียงการต่อสู้ทางความคิดบนความเชื่อของตนเองผ่านสื่ออย่างเข้มข้น
วันนี้ผมอ่านข่าวจุฬาไม่ต่อสัญญาจ้างที่คณะอักษร สิ่งแรกที่ผมคิดคือ การต่อสู้ของ อ.หวาน ต้องแลกด้วยต้นทุนบางอย่างและไม่เพียงเรื่องนี้
ผมในฐานะมิตรสหายร่วมทางอยากจะกล่าวคำชื่นชมในความทุ่มเทของ อ.หวานและขอให้กำลังใจสิ่งที่เธอทำมาโดยตลอด บนถนนเส้นนี้มีทั้งดอกไม้และก้อนหิน ในยามลำบากเช่นนี้ผมขอหยิบยื่นดอกไม้ช่อนี้แด่ อ.หวาน
สมบัติ บุญงามอนงค์
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จามจุรี สีฟ้า