พยัคฆ์ซ่อนมังกรทะยานเมฆา ตอน 2 - 3 และ 4

กระทู้สนทนา
อ่านคำนำ ได้ตามลิงค์ครับ
http://pantip.com/topic/31214334

บทสอง ข่าวน่ายินดี
ยาม จื่อ (23.00 น. จนถึง 24.59 น.)ตึกหมื่นสุขสันต์ อยู่ด้านตะวันออกของเมืองซีอาน ห่างจากหอระฆังประจำเมือง 10 เส้น
มีบ้านเนื้อที่ขนาด 2 โป่ว(ไร่จีน) รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านขวา หันหน้าหาทิศตะวันออก ตัวหมู่ตึก แบ่งพื้นที่ ครึ่งไร่ขุดสระบัว
และเก๋งจีน ปลูกดอกชา เป็นแนวยาว ด้านซ้ายมีสวนไผ่ และบนเนินดินปรากฎเก๋งจีน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพร สูง 1 จ้าง (10ฟุตจีน) องค์หนึ่ง มีป้ายอักษรทองคำสูง เขียนด้วยลายมืออ่อน ไหวสวยงาม ว่า
"บ้านอยู่เขาลูกนี้ ลึกลับในม่านเมฆ" ลงชื่อ จูโย่วถัง (นามของ หมิงเสี้ยวจง ฮ่องเต่รัชกาลปัจจุบัน)
ควันธูปหอม ม้วนตลบ ส่งกลิ่น ระรวย พาจิตใจสู่ความสงบ
บนอาสนะ นั่งด้วยชายวัยสูงอายุเค้าหน้าปราณี ศีรษะล้านใบหน้าขาวกลม ไร้หนวดเครา
แต่งชุดคล้ายคหบดีมั่งคั่ง นั่งสวดมนต์ ตามคัมภร์เพ้งซิม (สงบใจ) อยู่กลางห้อง



นับเป็นเวลา สองชั่วยาม ที่มันกระทำสม่ำเสมอ หลังจาก ออกจากราชการ ต้านข้างนั่งด้วยหญิงสาว
คล้ายวัยสิบแปดสิบเก้าปี นางหนึ่ง บนผมกลับเกล้ามวยแบบสตรีแต่งงานแล้ว สวมชุดขาว นั่งสวดมนต์เบาๆ อยู่เคียงข้าง
เสียงก้าวเท้าเบา แต่สม่ำเสมอ มาหยุดอยู่ด้านนอกประตูเก๋ง พร้อมส่งเสียง
“เรียน ตึ๊งจู(เจ้าตึก) และ คุณหนูสาม  มีม้าเร็วจากราชสำนัก มารอพบ” สักพักก็กล่าวต่อว่า
“เป็นข่าว จาก คุณหนูรอง ขอรับ”
เสียงผู้ถูกเรียกเป็นตึ้งจู๊ ตอบกลับด้วยเสียงแหลม คล้ายบุรุษไม่สมบูรณ์
“ซุนก้วงแก(พ่อบ้านซุน) เชิญแขกที่ห้องรับแขก เราและซาเอ่อร์ จะไปเดียวนี้”
ซุนก้วงแก “รับทราบ”
ภายในห้องรับแขก  ผู้นำสาร์น เป็นขันทีวัยกลางคนผู้หนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ มือถือถ้วยชา
มีขันทีน้อยเยาว์วัยผู้หนึ่งประครองม้วนผ้าแพร พร้อมทหารชุดองค์รักษ์เสื้อแพร 4 คนยืนอยู่เบื้องหลัง
บ่งสัญลักษณ์ขุนนางตรวจการฝ่ายในสังกัดตงฉ่าง
เสียงเจ้าตึกดังขึ้น เมื่อพบหน้าแขกก็เอ๋ยขึ้น“ฮ่าๆๆ เป็นคนกันเอง นี่ เอง”
โอ้วฟั่นเล้ง(58)  “มิได้พบ กันนาน หลี่กงกง สบายดี?”
ฉับพลัน หลี่กงกง ก็ลุกขึ้นประสานมือคารวะ “มิได้พบนาน ข้าผู้น้อย คารวะโอ้วเหล่ากงกง”
หลี่กงกงกล่าวแหบพร่า “วันนี้ ข้าผู้น้อยมีหน้าที่ปฎิบัติ ขอโอ้วเหล่ากงกง อย่าได้ตำหนิ”
หลี่กงกงกล่าวออกคำสั่ง “หลิวจิ่น นำของมา”
พลันอัญเชิญผ้าแพรขึ้นเหนือหัว หลี่กงกงกล่าวเสียงดัง “โอ้วฟั่นเล้ง รับราชองการ”
“ปีที่สิบสามแห่งรัชกาลจักรพรรดิหงจื้อ(30) แต่งตั้ง นางสนองพระโอฐเซียวซู่ไท่หวงไท่โฮ่ว แซโอ้ว
เป็น พระสนมเต๋อเฟย ประทานแพร30พับ ทองคำ100ชั่ง แก่โอ้วเหล่ากงกง จบราชองการ”

หลี่กงกงรีบกล่าว “ลุกขึ้นเถิด โอ้วเหล่ากงกง” “เป็นเรื่องน่ายินดี ยิ่ง ข้าผู้น้อย ขออำนวยพร”
โอ้วฟั่นเล้ง จิบชาพูดขึ้นว่า“นับแต่ ยี่เอ่อร์เข้าวัง ก็มีท่านหลี่กงกง ให้ความดูแล ข้าพเจ้าทราบซึ้ง ยิ่งนัก”
หลี่กงกงชิงกล่าว  “ข้าผู้น้อย มิกล้า นับแต่สิบเอ็ดปีก่อนสนมโอ้ว เข้าสนองงาน เซียวซู่ไท่หวงไท่โฮ่ว ดียิ่ง พระนางต่างหากที่เกื้อกลูผู้น้อย”
“นับแต่ โอ้วเหล่ากงกง เสีบสละพิทักษ์ หน้าจวนครั้งยังทรงเป็นรัชทายาท
มิให้ฝ่ายกองกำลังซีฉางของวังจื้อ ได้กลับมามีอิทธิพลอีก วีรกรรมอันกล้าหาญของ โอ้วเหล่ากงกง พวกเราตงฉ่าง ล้วนไม่ลืมเลือน”      
โอ้วฟั่นเล้งยิ้มพลางกล่าว “เรื่องเนิ่นนานมาแล้ว อย่าได้กล่าวอีกเลย ท่านเดินทางมาจากวังหลวง เชิญพักสักครู่ ก่อนเถิด”
หลี่กงกงหันหน้าไปข้างหยิงสาว “แม่นางท่านนี้ ช่างละหม้าย โอ้วเต๋อเฟย ยิ่ง มิทราบว่า เป็นผู้ใด?”
โอ้วฟั่นเล้ง “นางย่อมเป็นหลานสาวคนที่สามของเรา น้องสาวของพระสนม
นางแต่งกับศิษย์เราแป๊ะเทียนอู้ ตระกลูแป๊ะแห่ง เมืองฟ่งเสียง ศิษย์เราตอนนี้ เป็นรองขุนพล
ใต้ร่งธง ขุนพลแผ่ไท้ไต้เจียงกุง ของ มกเทียนเล้ง แม่ทัพด่านเอี้ยนเหมิน”
หลี่กงกง ชักสีหน้า กล่าว “ด่านเอี้ยนเหมิน ข้าผู้น้อยทราบว่า มีศึกติดพัน สถานการณ์มิทราบแน่ชัด”
โอ้วฟั่นเล้ง “การศึก รึ ควันเท่าใด”
หลี่กงกง กล่าว “เป็น สัญญานควันศึก ห้าครั้ง”
โอ้วฟั่นเล้ง ทวนคำช้าๆ “ควันศึกห้าครั้ง ควันศึกห้าครั้ง ดี ดี ยิ่ง ช่างเป็นการทดสอบจากฟ้า ที่ดี”
โอ้วซาเสี่ยวเจี๊ยะ แป๊ะฮูหยิน “ท่านอา สามีข้าเป็นอะไรหรือไม่?”
โอ้วฟั่นเล้ง “ซาเอ่อร์ เจ้ายังจิตใจไม่มั่นคง มิต้องเป็นกังวลราชการสงคราม”
พลางมองไปยังแถวของแขกผู้มาเยือน “ขันทีน้อยผู้นี้เป็นใครรึ”
หลี่กงกง “เป็นบุตรชายของน้องสาวข้าพเจ้าเอง เมื่อสองปีก่อนบิดามารดาป่วยตาย ข้าพเจ้าเข้าวังตั้งแต่ 10 ขวบ”
โอ้วฟั่นเล้ง เหมือนคิดได้บางสิ่งอุทานว่า “เหมาะสม ช่างเหมาะสมยิ่ง ขันทีน้อยผู้นี้แววตาใฝ่รู้ องค์ชายหงจู่(จูโฮ่วเจา)
ชันษา9ขวบ ต้องการเพื่อนเรียนอักษรยิ่ง หลี่เหล่ากงกง ใคร่ถวายตัวขันทีน้อยนี้หรือไหม”
หลี่กงกง ยิ้มพลางกล่าว“ล้วนต้องขอการสนับสนุน จากโอ้วเหล่ากงกง พระสนมเต๋อเฟย ช่วยกราบทูลต่อเซียวซู่ไท่หวงไท่โฮ่ว”
โอ้วฟั่นเล้ง หัวเราะ “มิกล้า มิกล้า เรามิได้อยู่ในราชการ เช่นกาลก่อน ทุกสิ่งอันนั้นเป็นพระสนมเต๋อเฟย
เป็นเราเสียอีก ต้องพึ่งพาหลี่กงกง”
หลี่กงกงสีหน้าเคร่งเครียด “ตอนนี้เงินในพระท้องพระคลังหร่อยหรอ เงินที่จะส่งเข้าพระคลังลดน้อยลง  
ฝ่าบาทก็ทรงมัธยัสถ์ใช้จ่ายอย่างประหยัดเข้มงวดพระองค์ยิ่งนัก”
โอ้วฟั่นเล้ง ชักสีหน้าเคร่งเครียด ”ที่เงินในท้องพระคลังร่อยหรอเพราะมีการทุจริตกันมาก
ที่ดินต่างๆที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่างถูกพวกเชื้อพระวงศ์บ้าง เศรษฐีบ้างเข้าไปจับจองยึดครองเป็นจำนวนมากและต่างก็หลีกเลี่ยงการเสียภาษี  
ทำให้เงินที่จะส่งเข้าพระคลังลดน้อยลง  ทำให้เกิดโจรผู้ร้ายชุกชุม หลี่กงกงท่านควรกวดขันงานของตงฉ่างให้มากขึ้น”
หลี่กงกงสีเอ่ยต่อ “กาลก่อนเราตงฉ่างทำราชการสนองพระราชดำริในรัชกาลจักรพรรดิเฉิงจู่
ตอนนี้ซึ่งจัดตั้งมาเพื่อหาข่าวเกี่ยวกับภัยมั่นคงต่อราชบัลลังก์ คอยสอดส่อง ขุนนางเกียจคร้านสะสมอิทธิพลพรรคพวก
หากแต่ภายหลัง ฝ่ายซีฉ่างดำเนินการสังหารก่อน ตรวจสอบภายหลัง เพียง 5 ปี พวกของวังจื้อเล่นงานเราเสียหายหนัก
ปัจจุบันกำลังเหลือ ไม่ถึง1ใน10 ของกาลก่อน”
โอ้วฟั่นเล้ง เอ่ยถาม “ขณะนี้ ขันทีดูแลฝ่ายใน .เฮ่อ...แล้วไปเถอะ”
หลี่กงกงสีเอ่ยต่อ “ขณะนี้ดึกมากแล้วข้าพเจ้า ขออำลา”
โอ้วฟั่นเล้ง “หลี่กงกง เชิญ ซุนก้วงแก ส่งแขก”
ขณะหลี่กงกง กำลังจะขึ้นเกี๊ยว พลันได้ยิน เสียงของ พ่อบ้านซุน ”หลี่กงกง ช้าก่อน”
ซุนก้วงแก “ตึ๊งจู ฝากของกำนัลแก ไต้เท้า” กล่าวพลางประคองหีบให้แกหลี่กงกง เป็นหีบทองคำที่โอ้วฟั่นเล้งที่ได้รับพระราชทาน
หลี่กงกง หัวเราะ กล่าวว่า “เป็นโอ้วเหล่ากงกง รู้ใจข้านัก ” แล้วเก็บหีบไว้ในเกี้ยว ออกคำสั่ง “เด็กๆ ออกเดินทาง”
คล้อยหลัง คณะหลี่กงกงเดินทางออกจากตึกหมื่นสุขสันต์ ชั่วกาน้ำเดือน
โอ้วฟั่นเล้ง หลับตาเอ่ย “ยามโฉ่วแล้ว (เท่ากับเวลา 01.00 น. จนถึง 02.59 น.) ซาเอ่อร์เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ฟ้าสางค่อยมาคุยกันใหม่”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่