อ่านแปลไทยจาก 4chan (ไม่ฝัง) โดยผมเอง เชิญอ่านที่ช่อง สปอย ได้เลยครับ(แบบมีประกอบภาพเป็นหน้าๆสามารถชมได้ที่กลุ่ม Kingdom ไทย) หากใครที่จะนำไปฝังซับโดยใช้การแปลของผมรบกวนให้ credit ชื่อ Banzai_man ด้วยนะขอรับ
ปล.สัปดาห์หน้ามังงะมีต่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หน้า 1
เริ่มตอนมาด้วยกับการที่พวกซิ่นมาหาเหมิงเถียนเพื่อหารือถึงการจู่โจมยี่อัน
เหมิงเถียนเอ่ยถาม
: "เจ้าว่าจะโจมตียี่อันงั้นเหรอ...!?"
เตียวจึงกล่าวกับไปว่า
: "ใช่ เรามิอาจอยู่ที่นี่ได้จนฟ้าสางหรอก"
: "และการปิดล้อมของพวกเจ้า ก็โยงกันทุกหนแห่ง"
: "เช่นนั้น เราสามารถใช้โอกาสที่กำลังของข้าศึกส่วนใหญ่อยู่รอบนอก เข้าโจมตียี่อันที่อยู่ตรงกลางซะเลย"
เหมิงเถียนก็กัดฟันที่ได้ยินแผนการเช่นนั้นของเตียวเขาจึงเอ่ยว่า
: "ไม่ ยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้กับแค่พวกเราหรอก"
: "ถึงที่นั่นจะมีกำลังป้องกันไม่มากก็จริง"
: "แต่เรามิอาจตีฝ่ากำแพงไปได้ด้วยกับแห่งเดียวหรอก"
: "หากมีหอล้อมมันก็อีกเรื่องนึง"
??
: "ถ้าเรื่องนั้น เรามีหอล้อมแล้วล่ะ เหมิงเถียน"
เหมิงเถียน
: "ว่าไงน่ะ!?"
ตัดมายังพูดคุยกับฟ่านฉาน
: "ไม่ใช่แล้ว นี่มันฮงฉวนต่างหาก"
เหมิงเถียนถามใครสักคน
: "!? หมอนั้นเป็นใครกัน"
???
: "ฟ่านฉาน เป็นเจ้าของหอล้อมนั่นแหละ"
ฟ่านฉาน
: "ข้ายังไม่กล่าวว่าจะให้พวกเจาเอาฮงฉวนไปใช้สักหน่อย"
เตียวกล่าวกับเหมิงเถียนต่อว่า
: "ทว่า การเดิมพันนี้ต่อให้เราพิชิตยี่อันได้ด้วยกับกำลังของเรา
: "ปัญหาคือ..."
เหมิงเถียนได้กล่าวขัดทันทีว่า
: "ที่จะตามมาหลังจากนั้นสินะ"
หน้า 2
ขณะที่เหมืงเถียนกำลังไตร่ตรองอยู่นั้น
เตียวก็ได้เอ่ยขึ้นว่า
: "อย่างที่คาดการไว้ว่า แม้ต่อให้เรายึดเมิงมาได้ก็จริง"
: "อนาคตของเราภายหลังจากนั้น"
: "ก็ไร้หนทางไปต่อได้"
ซิ่นขบฟันว่าพวกตนอาจถึงทางตันตามที่เตียวบอกกล่าว
ทว่าเหมิงเถียนกลับเอ่ยขึ้นว่า
: "ไม่ดอก"
: "หากสองเงื่อนไขที่ทับซ้อนกันกัน เส้นทางทางตอนบนจักถูกเบิกออก"
??
: "ไงน่ะ"
หน้า 3
ซิ่นก็ถามด้วยความสงสัย
: "สอง... เงื่อนไข!?"
เหมิงเถียนจึงกล่าวว่า
: "ทั้งสองต้องกู้ยืมกำลังของคนอื่น ทว่า..."
: "ก็ยังพอมีหวังอยู่..."
: "ไงก็ตาม เราควรทำในสิ่งที่เราพอจะทำได้ในเพลานี้"
ซิ่นเริ่มยิ้มเห็นตรงกับความคิดของเหมิงเถียน
: "งั้น"
เหมิงเถียน
: "ใช่แล้วล่ะ"
: "ไปกันเถอะ"
: "ไปเมืองยี่อันนั่นล่ะ"
หน้า 4
คำเปรยตอน: "ทะยานไปในเงามืดของห้วงราตรี"
ช่องตอน: "ฮงฉวน* 紅春" (จะบ้ากะละมัง 555+)
ต้องมาย้ำแปลอีกครั้ง ฮงชวน jp:เรียก Koshun แปลว่า "วสันต์สีชาด" หรือ "ฤดูใบไม้ผลิสีแดง" หรือเรียกง่ายๆว่า "เจ้าแดงก่ำ"
หน้า 5
ณ ฐานบก.หลี่มู่
ฟูตี้
: "อีกนิดหน่อย ฟ้าก็จักสว่างแล้ว"
เฟิ่งหยุน
: "หลังจากนั้น ก็ไม่มีรายว่าพบหวนฉีสักที"
: "หรือแม้แต่รายงานว่ามันจะตีฝ่าจุดอื่นเลย"
ลั่วฉาง
: "พอตะวันสาดส่องความมืดที่อยู่ข้างของหวนฉีก็จักสิ้นสุด"
: "ไม่นานก็จะได้พบมันเองแหละ"
: "ข้าได้ยินมาว่ามันมิได้พ่ายแพ้ในศึกซางหยางเลย"
หม่าหนานฉือ
: "หึ"
: "ไม่ว่าจะกล้าแกร่งเพียงใด มันก็แปรเปลี่ยนเป็นจนกระทั่งพ่ายแพ้ได้เหมือนกันนั่นแหละ"
: "อย่างยิ่งโดยเฉพาะเพลานี้ พวกมันพ่ายแพ้ต่อใต้เท้าหลี่มู่ตั้งแต่ที่พวกมันย่างก้าวเข้ามาแล้ว"
หน้า 6
หม่าเฟิ่นฉือ
: "ไงก็เหอะ คิดแล้วมันคงจะเปลี่ยนเป็นการชนะอยู่ฝ่ายเดียว"
: "ถ้าให้จบแบบนี้แล้ว ก็ไม่มีเรื่องอะไรจะเอากลับไปเล่าที่เอี้ยนเหมินเลยอะดิ"
กู่หมินโป๋
: "นั่นสิเนอะ พวกเราเองแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย"
ไห่เนี่ย
: "ช่างหัวเรื่องเล่ามันสิ"
: "แล้วก็อย่าลดการป้องกันลงด้วย"
: "การศึกยังไม่จบซะหน่อย"
กู่หมินโป๋
: "คำพูดเจ้าช่างหยาบกร้านซะไม่มี ไห่เนี่ย"
: "ตอนนี้ข้าเป็นจอมทัพกองทหารราบของเอี้ยนเหมินแล้วน่ะ เจ้ารู้ป่ะ"
ไห่เนี่ย
: "อยากโดนสักทีรึไงฮะ"
: "กู่หมินโป๋"
กู่หมินโป๋
: "ช่างไม่ให้เกียรติกันซะเลย?"
ฮูไป๋
: "ก็อย่างที่ยัยผู้หญิงนั่นพูดแหละ
: "เราไม่ควรลดการป้องกันลง จนกว่าเราจะได้หัวของหวนฉี"
: "ปีก่อน ในสถานการณ์ที่คล้ายกันนี้ ใต้เท้าฮูเจ่อติดกับหวนฉี"
: "แล้วผลที่ตามมาทัพก็ถูกตีแตกแล้ว"
ฟูตี้ได้ยินเช่นนั้นก็คิดในใจ
: "ข้าว่าจะแหย่เขาเล่นสักหน่อยว่า มันเป็นเพราะทัพของเขามันงี่เง่าเอง"
: "แต่ท่าทางของเขาดูจะไม่ใช่คนที่รับมุกแฮะ งั้นไม่เอาดีกว่า"
*พูดดิฟูตี้ โดนเฉาะหัวแน่ ยิ่งฮูไป๋ความสามารถระดับปลัดทัพด้วย555+
ลั่วฉางเอ่ยขึ้นว่า
: "เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมายนักดอก"
: "แต่เราเพียงแค่รอให้ตะวันขึ้นเท่านั้นเอง"
หน้า 7
ฮูไป่เอ่ยถามซุนซุ่ยจู้ขึ้นว่า
: "ซุนซุ่ยจู้"
: "สถานการการเคลื่อนไหวของอีกซากทัพศัตรูล่ะ"
ซุนซุ่นจู้แปลกใจที่ฮูไป๋ถามเช่นนั้น
ไห่เนี่ย
: "อีกซากทัพรึ?"
: "ดูเหมือนว่าทุกคน รวมถึงข้า ดูจะจดจ่อกับตัวหวนฉีมากไป"
: "ระหว่างศึกปีก่อน"
: "สภาวะการศึกก็ผกผันทันทีที่พวกนั้นปรากฎตัวขึ้น"
: "พวกนั้นล้มเย่ว์ไป๋ลงได้และพิชิตแนวผาที่ผิงหยาง"
ไห่เนี่ย
: "หรือว่า..."
ฮูไป่
: "ใช่แล้วล่ะ"
หน้า 8
ฮูไป่
: "พวกเฟยซิ่น"
: "หากเราเอาแต่จดจ่ออยู่กับแค่หวนฉีมากเกินไป พวกมันอาจสร้างปัญหาให้เราได้"
ภายในหอล้อมโครงเครงจนพวกซิ่นข่างในตกใจ
ด้านนอก
เตียวเอ่ยถามฟ่านฉานขึ้นว่า
: "จะไม่เป็นไรแน่หรา!?"
: "หอล้อมดูท่าจะโอนเอนสั่นไปมาเยอะอยู่นะ"
*โครงสร่างห่วยจริงๆ ขอยอมรับ
ฟ่านฉานกับยังแย้งที่เตียวไปเรียกฮงฉวนของตนว่าหอล้อม
หน้า 9
ฟ่านฉาน
: "เร่งความเร็วขึ้นอีก"
เตียว
: "ท่าทางไม่ดีล่ะ!?"
: "มิใช่ว่ามันถึงขีดจำกัดแล้วหรอกนะ..."
ฟ่านฉาน
: "อย่าดูเบาฮงฉวนไปเซ้"
: "ยิ่งไปกว่านั้น"
: "เวลาที่ข้าศึกเริ่มสนใจมากที่เรา"
: "เราต้องนำฮงฉวนไปให้ถึงก่อนที่การป้องกันของข้าศึกจะเสริมจนแล้วเสร็จ"
ทางด้านพวกจ้าวได้ทำการเป่าแตรเพื่อปลุกรี้พล
ทหารจ้าวบนกำแพง
: "นั่นข้าศึกนี้"
: "ข้าศึกกำลังเข้าโจมตีแล้ว"
: "ไรกันน่ะนั่น"
: "ข้าศึกโจมตี ปลุกทุกคนเร็ว"
: "เราต้องการกำลังเพิ่ม"
: "เรียกพวกเขามาที่กำแพงเลยบัดเดี๋ยวนี้"
: "เร็วสักทีดิว่ะ"
ทหารจ้าวที่อยู่ด้านล่างกำแพงยังคงงุนงงเล็กน้อย
: "ศัตรูจูโจมงั้นรึ!?"
: "ไม่มีทางน่า... ใยข้าศึกถึงอยู่นี่ได้"
: "ต้องมีอะไรผิดพลาดเป็นแน่?"
: "นั่นเสียงอะไรกันน่ะ"
หน้า 10
หน่วยฟานฉาน
: "เอ้าดัน ดานนนน!!!"
: "โอ้วววว"
ฟ่านฉาน
: "เยี่ยม อีกแค่นิดเดียว"
หน้า 11
ทหารจ้าว
: "มะ มันมากันแล้ว"
: "ฮงฉวน?" 555+.
: "ลืมมันไปเถอะ ยิงต่อไป"
ฟ่านฉานออกคำสั่งเมื่อตัวหอล้อมเริ่มจะเข้าใกล้กำแพงโดยทันที
: "ดีมาก"
: "ปล่อยพวกวัว"
: "ที่เหลือจะลำเลียงด้วยกำลังคนแล้ว"
หน่วยของฟ่านฉานออกแรงส่งมากขึ้น
ทันที่ปล่อยวัวและหน่วยฟ่านฉานออกแรงผลักดันให้หอล้อมเข้าปะทะกับกำแพงอย่างรวดเร็ว
จากนั้นฟ่านฉานก็ออกคำสั่งแก่หน่วยของตนที่ดันหอล้อม
: "ปล่อยมันไปทั้งอย่างงั้นแหละ"
เตียวที่เป็นห่วงคนที่อยู่ภายในหอล้อมจึงเอ่ยขึ้นว่า
: "ทะ ทำแบบนั้นจะไม่เป็นไรแน่หรา ฮงฉวน" (โอ้ยจะบ้าตาย ติดคำฮงฉวนแล้วเตียวเอ้ย555+)
ฟ่านฉานจึงกล่าวกลับไปว่า
: ไม่เป็นไรหรอก นี่หล่ะคือเดชของฮงฉวนล่ะ"
ทหารจ้าว
: "โว้ววววว"
: "มันมาแล้ววว!!!"
ฉงหยวน
: "เรากำลังจะชนแล้ว"
: "เตรียมรับแรงกระแทก"
หน้า 12
และแล้วฮงฉวนก็เข้าประชิดกำแพงในที่สุด
ทุกคนต่างก็อึ้งที่หอล้อมเข้าประชิดสำเร็จ
หน้า 13
ซิ่น
: "ดีล่ะ มาเริ่มกันเลย"
: "ศึกพิชิตปราการยี่อัน"
สะพานหอล้อมได้เปิดออกพาดกำแพง
หน้า 14
เหล่ารี้พลฉินที่อยู่ด้านล่าง
เตียว
: "ยะ เยี่ยม ฮงฉวนพาดกับกำแพงได้แล้ว"
องครักษ์
: "ละ เหลือเชื่อ"
: "นี่นะหราอนุภาพที่แท้จริงของหอล้อม"
*การที่ทหารนายนี้กล่าวเหมือนได้เห็นถึงศักยภาพของหอล้อมเป็นครั้งแรก เนื่องจากในยุคชุนฉิวจั๋นกว๋อ ตามความจริงน้อยมากที่จะได้เห็นหอล้อมเมืองกับเครื่องยิงสารพัด
เพราะในยุคนั้นมีสงครามไม่หยุดหย่อน การสร้างหอล้อมจึงมีน้อยมากซึ่งส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาและพลาญงบประมาณคลังของแคว้นในการสร้างพอตัว
บนกำแพงเมือง
ทหารจ้าวที่ประจำการอยู่แล้วนั้นก็เข้าสัประยุทธ์พลางกล่าวว่า
: "
เอ้ย"
: "มันมากันแล้ว พลเกาทัณฑ์ถอยไป"
: "ดันมันกับด้วยโล่แล้วถล่มมันซะ"
: "อย่าให้มันผ่านไปได้แม้แต่ตัวเตียว"
ฟ่านฉานกล่าวตอบกลับเตียวไปว่า
: "เป็นยังไงล่ะ พอฮงฉวนเปิดออก"
: "ใบหน้าของศัตรูก็จะมีทั้งความตื่นตระหนกและสิ้นหวังซ้อนทับกันไป"
องครักษ์
: "มองจากตรงนี้ไม่เห็นเลยแฮะ"
หน้า 15
ไปต่อในเม้นนะครับเนื้องจากตัวหนังสือเกินขีดจำกัดของโพสแล้ว
Spoil KINGDOM 730 แปลเป็นไทยแบบงูๆปลาๆ
ปล.สัปดาห์หน้ามังงะมีต่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้