กระทู้สนทนา




เรื่องย่อ
http://pantip.com/topic/30462717

บทที่ ๑ หมู่บ้านเทพธิดาโปรยบุปผา
http://pantip.com/topic/30463113

บทที่ ๒ การสัประยุทธ์ใต้แสงจันทร์ฟ้าคำรน
http://pantip.com/topic/30466222

บทที่ ๓ บันทึกฟ้าคำรน
http://pantip.com/topic/30467634

บทที่ ๔ แขวนกระบี่อำลายุทธภพ
http://pantip.com/topic/30468657

บทที่ ๕ ห้าอสูรทวงหนี้แค้น
http://pantip.com/topic/30471139

บทที่ ๖ งานเลี้ยงหนึ่งร้อยศีรษะ
http://pantip.com/topic/30471982

บทที่ ๗ จุดจบอันน่าสะเทือนใจ
http://pantip.com/topic/30472201

บทที่ ๘ ลมหายใจเฮือกสุดท้าย
http://pantip.com/topic/30474626

บทที่ ๙ ปีศาจวิปริตกระหายเลือด
http://pantip.com/topic/30475310

บทที่ ๑๐ อุบายบันทึกโลหิตพันปี
http://pantip.com/topic/30475816

บทที่ ๑๑ สี่ศักดิ์สิทธิ์แห่งอารามเมฆฟ้า
http://pantip.com/topic/30477282








บทที่ ๑๒
ผู้กล้าหาญอายุเยาว์





ค่ำคืนนี้...แสงโคมประทีปจุดสว่างขึ้นทั่วทุกหนทาง

บริเวณลานกว้างหน้าหอสูง ริมฝั่งทะเลสาบมรกต ณ วังจันทราพิสุทธิ์ มีงานเลี้ยงฉลองใหญ่โต เหล่าบริวารของกองทัพห้าอสูรทะเลทรายดื่มกินกันอย่างครึกครื้นยิ่งนัก

ในห้องโถงใหญ่ชั้นล่างสุดของหอฟ้ามรกตตกแต่งด้วยผ้าม่านอย่างวิจิตรดุจท้องพระโรงใหญ่ ด้านในมีอาคันตุกะแปลกหน้ามาเพิ่มอีกห้าคน ทุกคนล้วนเกี่ยวข้องกับการจัดสร้างรูปสลักจ้าวยุทธภพและบันทึกโลหิตพันปีทั้งสิ้น ต่างกันเพียงว่า คนหนึ่งเต็มใจช่วยเหลือ แต่อีกสี่คนไม่เต็มใจ

บนบัลลังก์สูงสุดปูรองด้วยขนสัตว์สีขาวนุ่มละมุน นั่งไว้ด้วยทัวป๋าซือที่สวมใส่ชุดจ้าวยุทธภพ ซึ่งถักทอจากไหมสีทองคล้ายดั่งฉลองพระองค์ของฮ่องเต้ บ่งบอกให้รู้ว่า นับวันความคิดของจอมมารอสูรพันมือมิได้พอใจอยู่แค่บัลลังก์จ้าวยุทธภพเสียแล้ว แต่กลับต้องการบัลลังก์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปกว่านั้น

บนพื้นล่างตั้งเรียงรายด้วยเก้าอี้ประดับมุกลายโบตั๋น แบ่งเป็นสองแถวซ้ายขวา แน่นอนว่าเก้าอี้เหล่านี้ ล้วนเคยเป็นจุดจบสุดท้ายของอดีตจ้าวยุทธภพ ผู้ถูกตัดแขนขาควักดวงตามาก่อน แต่บัดนี้เรื่องราวอันน่าสยดสยองได้ถูกชำระล้างทำความสะอาดคราบโลหิตไปจนหมดสิ้นแล้ว

ผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้แถวขวามือของทัวป๋าซือคือสี่แม่ทัพอสูร ส่วนผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้แถวซ้ายมือคือสี่ศักดิ์สิทธิ์โยธาธิการ ซึ่งล้วนถูกมัดมือไพล่หลัง ส่วนผู้นั่งคุกเข่าอยู่กลางห้องโถงคือฉางซุนเผิง ซึ่งเพิ่งสมัครเข้าสังกัดวันแรกจากการสร้างความดีความชอบใหญ่หลวงจนกระทั่งทัวป๋าซืออยากพบตัว

ขณะนั้น เซินถูหยาง แม่ทัพใหญ่กองทัพแพะบ้า บัดนี้เลื่อนฐานะเป็นจ้าววังพิทักษ์ตะวันออก ใส่ชุดสีเขียวสวมทับด้วยเกราะเหล็กกล้าที่แกะสลักรูปแพะไว้กลางอก ลุกขึ้นยืนกล่าวรายงานว่า

“พี่ใหญ่ งานตามล่าสี่ศักดิ์สิทธิ์โยธาธิการ หากไม่ได้น้องชายท่านนี้ช่วยเหลือ พวกเราคงไม่ได้ตัวมาโดยง่ายดาย ขอให้พี่ใหญ่โปรดประทานรางวัลและมอบตำแหน่งในกองทัพให้แก่เขาด้วย”

ทัวป๋าซือหัวเราะต้อนรับอย่างพึงพอใจ กล่าวถามว่า
“น้องชาย เจ้ามีชื่อฉายาใดในยุทธภพ ใครเป็นอาจารย์ของเจ้า เหตุใดถึงยอมรับใช้ข้า”

ฉางซุนเผิงประสานมือคำนับ กล่าวรายงานว่า
“ผู้น้อยมีนามว่า ฉางซุนเผิง อาศัยการฝึกฝนวรยุทธด้วยตัวเองตั้งแต่เด็ก มิได้เป็นศิษย์สำนักใด ระหว่างเดินทางกลับหมู่บ้าน ได้พบกับสี่แม่ทัพในเมืองเฉิงตูโดยบังเอิญ จึงอาสานำทางไปจับตัวสี่ศักดิ์สิทธิ์โยธาธิการมาให้ท่านจ้าวยุทธภพใช้งาน มีความตั้งใจมานานแล้วว่า หากได้รับใช้ท่านจ้าวยุทธภพ จะต้องสร้างชื่อในยุทธภพได้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่ไม่นึกว่าจะสมหวังในวันนี้”

ทัวป๋าซือหรี่ตาลง สำรวจบุคลิกท่าทางคล่องแคล่วฉะฉานของอีกฝ่าย รู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก กล่าวว่า
“หมาป่าต้องรู้จักเลือกผู้นำฝูง นับว่าเจ้ามีสายตายาวไกล บอกข้ามาเจ้าต้องการสิ่งใดเป็นรางวัล”

ฉางซุนเผิงกล่าวตอบอย่างไม่อ้อมค้อมว่า
“ผู้น้อยมิได้ต้องการทรัพย์สินเงินทอง แต่มีเรื่องขอร้องท่านจ้าวยุทธภพเพียงสามเรื่อง”

ทัวป๋าซือรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก กล่าวว่า
“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยเหลือเรื่องใด ลองกล่าวออกมา”

ฉางซุนเผิงประสานมือคำนับ กล่าวว่า
“เรื่องแรก ขอให้ท่านจ้าวยุทธภพโปรดละเว้นการเกณฑ์แรงงานจากหมู่บ้านเทพธิดาโปรยบุปผาเป็นเวลายี่สิบปี เพราะที่นั่นมีคนแก่ชราอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่เหมาะแก่การทำงานหนัก โดยผู้น้อยจะขออาสาทำผลงานชดเชยคนในหมู่บ้านเป็นเวลายี่สิบปี”

ทัวป๋าซือรู้สึกขบขันเล็กน้อย นึกว่าเรื่องใหญ่โตอันใด กล่าวว่า
“ได้ ข้าอนุญาต หากเจ้ามีน้ำใจรักบ้านเกิดเยี่ยงนี้ ข้าจะยอมยกเว้นการเกณฑ์แรงงานจากหมู่บ้านของเจ้าเป็นเวลายี่สิบปี”  

ฉางซุนเผิงรีบประสานมือขอบคุณ กล่าวว่า
“เรื่องที่สอง ผู้น้อยได้ยินมาว่า ท่านประมุขต้องการจะจัดทำบันทึกฟ้าคำรนเล่มใหม่ แต่ยังขาดบุคคลสำคัญสี่คน ผู้น้อยใคร่ขอรับอาสาตามจับสี่เทวราชประตูจันทรากลับมาให้ท่านประมุขด้วยตัวเอง”

ทัวป๋าซือถึงกลับสีหน้าแปรเปลี่ยน อดประหลาดใจในความทะยานเกินตัวไม่ได้ กล่าวเสียงเย็นชาว่า
“สี่เทวราชประตูจันทรา ฝีมือเลิศล้ำพอๆ กับจ้าววังจันทราพิสุทธิ์ เจ้าคิดว่าตัวเองเก่งกาจกว่าพวกเขาเชียวรึ”

ฉางซุนเผิงกล่าวด้วยความมั่นใจว่า
“ขอเพียงได้กระบี่ดีสักเล่มหนึ่งไว้ต่อสู้กับพวกสี่เทวราช ผู้น้อยคิดว่างานนี้ก็จะไม่เหลือบ่ากว่าแรง ขอเพียงท่านจ้าวยุทธภพอนุญาตเท่านั้น ผู้น้อยจะนำตัวพวกเขากลับมาให้จงได้ภายในสามเดือน”

ทัวป๋าซือพลันเดือดดาลขึ้นมากะทันหัน ตวาดว่า
“บังอาจ ! แม่ทัพทั้งสี่ยังตามจับตัวพวกมันมาไม่ได้ เจ้าเป็นใครมาจากไหน คิดว่าตัวเองมีฝีมือล้ำเลิศกว่าแม่ทัพทั้งสี่อย่างนั้นรึ !?”

ฉางซุนเผิงมิได้รู้สึกหวาดหวั่นแต่อย่างใด กล่าวว่า
“ผู้น้อยชำนาญเส้นทางทั้งบนภูเขาและริมแม่น้ำในมณฑลเสฉวน ไม่ว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่ใด ขอรับรองว่า จะต้องหาจนเจออย่างแน่นอน”

ทัวป๋าซือเห็นอีกฝ่ายถูกข่มขู่ แต่ไม่ตื่นกลัว นับเป็นผู้กล้าหาญคนหนึ่ง พลันแผดเสียงหัวเราะดังลั่นด้วยความชอบใจออกมา

ยามนั้นเซินถูหยางรู้สึกไม่พอใจฉางซุนเผิงยิ่งนักที่กล้ามาแย่งชิงภารกิจของตน กล่าวเสียงดุดันว่า
“น้องชาย เจ้าจะไม่คุยโตโอ้อวดเกินไปหรือ เจ้านึกว่าตัวเองเป็นใครถึงจะตามจับสี่เทวราชประตูจันทราได้ภายในสามเดือน”

ทัวป๋าซือโบกมือห้ามปรามพี่น้อง แต่ยังหัวเราะขบขันราวเจอเรื่องตลกที่สุดในชีวิต ยิ่งทำให้พี่น้องอีกหลายคนรู้สึกไม่พอใจต่อฉางซุนเผิงมากยิ่งขึ้นไปอีก

เซี่ยโหวหลาง แม่ทัพใหญ่กองทัพหมาป่าแดง ซึ่งได้รับเลื่อนฐานะเป็นจ้าววังพิทักษ์ประตูใต้ แต่งกายด้วยชุดสีแดงสวมทับด้วยเกราะเหล็กกล้า แกะสลักรูปหมาป่าไว้กลางอก ลุกขึ้นชี้นิ้วไปยังฉางซุนเผิง กล่าวคัดค้านอีกเสียงหนึ่งว่า

“พี่ใหญ่ พวกเราพลิกแผ่นดินตามล่าสี่เทวราชประตูจันทรามาเกือบครึ่ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่