คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ได้ไปทดลองเทสฟิล์มถนอมสายตาที่บูธโฟกัสมาด้วยค่ะ เขาเทียบกันระหว่าง blue light cut ของ Focus กับฟิล์มตัดแสงสีฟ้าทั่วไป (ฟิล์มสีเหลืองๆ เหมือนของ Dapad เลย ถ้าเป็นฟิล์มของ Dapad นะ ก็คงเป็นการฆ่ากันด้วยนวัตกรรมของสินค้าจริงๆ) สามารถกรองแสงจาก LED ได้ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เลยค่ะ
จากที่อ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมานะคะ
1. แสงสีฟ้าในช่วงคลื่น 400-500 nm เป็นคลื่นแสงที่มีพลังงานสูงและมองเห็นได้ (HEV) ไม่สามารถถูกกรองด้วยสรีรวิทยา เช่น กระจกตา น้ำตา เป็นต้น แสงตัวนี้จึงสามรถเข้าไปลึกๆ ถึงจอประสาทตา เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ ในขณะที่แสงอื่นๆ ถูกกรองไปหมดแล้ว ถ้าฟิล์มมันตัดแสงสีฟ้าก็น่าจะช่วยในจุดนี้มั้งคะ
ส่วนตัวคิดว่า แสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต มันไม่น่าจะมีความเข้มข้นเพียงพอที่จะเป็นอันตรายต่อดวงตาในทันที น่าจะเป็นการใช้งานนานๆ แบบสะสมมากกว่าค่ะ หรือพอเวลาเราใช้งานติดต่อกันนานๆ โดยไม่ได้ละสายตาออกจากจอก็ทำให้ตาล้าพร่ามัวเหมือนกัน ถ้าฟิล์มมันช่วยในเรื่องนี้ได้ก็ติดค่ะ (แต่ติด blue light cut ของ Focus มาเรียบร้อยแล้ว อิอิ) ลองใช้ดูสักอาทิตย์นึงจะมารีวิวให้อ่านกันอีกทีนะคะ ส่วนตัวชอบเล่นมือถือตอนปิดไฟนอนนะค่ะ
2. ก่อนมาติดของ Focus ได้ติดของ Dapad มาก่อนประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ พอดีเครื่องที่ใช้เป็นสีขาวแล้วเอาฟิล์มเหลืองมาติดทับ มันทำให้เครื่องดูเก่ามาก หน้าจอเหมือนหน้าจอเหลืองนิดๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไรถือซะว่าได้โทรศัพท์จอเหลืองมานะคะ อิอิ ส่วนของ Focus เป็นฟิล์มสีฟ้าใส ติดลงไปกับเครื่องขาวแล้วสภาพก็พอรับได้นะคะ เชื่อมั่นได้ว่าเป็นฟิล์มตัดแสงสีฟ้า (แต่งงว่า ทำไมตัดแสงสีฟ้าจึงใช้ฟิล์มสีฟ้า???) ส่วนหน้าจอก็เหมือนฟ้าครึ้มนะค่ะ ปรับความสว่างขึ้นก็โอเค สีไม่เพี๊ยนแต่หน้าจอมันครึ้มนะคะ (งงรึเปล่า อิอิ)
3. ไม่รู้จะตอบยังไงนะคะ เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องแสงสีฟ้าเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าไฟ black light (300-400 nm) ฟิล์มตัดแสงสีฟ้ายังตัดแสงรังสี uv ไม่ได้ ก็คงไม่ช่วยตัดแสงสีฟ้ามั้งคะ
4. คิดเหมือนกับ จขกท ค่ะ ว่าว่าปัญหาดวงตามันน่าจะเกิดจากการจ้องจอนานๆ มากกว่า แสงจากหน้าจอทุกแสงน่าจะมีส่วนทำให้กล้ามเนื้อตาชั้นนอก พวกกระจอตา รูม่านตา เกิดอาการล้า ดวงตาแห้งเพราะการจ้องนานทำให้กระพริบตาน้อยครั้ง แต่ถ้าหนักถึงพร่ามัวหรือปรับโฟกัสไม่ทัน อันนี้น่าจะเป็นปัญหาจากแสงสีฟ้าโดยตรงมั้งคะ เพราะการปรับความคมชัดของภาพหรือจุดรับภาพมันอยู่ที่ macula ซึ่งเป็นจุดที่แสงสีฟ้ามันเข้าไปได้ถึง
5. พวกหน้าจออื่นๆ น่าจะมีแสงสีฟ้ามากกว่านะคะ แต่อันตรายคงน้อยกว่า เพราะว่าระยะห่างระหว่างหน้าจอกับดวงตาของเราค่อนข้างห่างกันพอสมควร อีกอย่าง ดูโทรทัศน์ที ก็ดูบ้าง ไม่ดูบ้าง ละครก็เปลี่ยนดูทุกช่อง ไหนจะเล่นโทรศัพท์ไปด้วยอีก คงจะเป็นรูปแบบหนึ่งที่ทำให้ไม่ได้รับอันตรายมากขนาดนั้น แต่จอคอมพิวเตอร์ที่เราต้องนั่งทำงานอยู่กับมันทั้งวัน ก็น่าคิดอยู่นะคะ ตาแห้ง ปวดตา ตาล้า พร่ามัว บางทีเบลอๆ เฉยเลยก็เป็นมาหมดค่ะ เดี๋ยวว่าจะลองสั่งฟิล์มตัดแสงสีฟ้าสำหรับโน๊ตบุ๊คมาติดเครื่องที่ทำงานดูค่ะ
จากที่อ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมานะคะ
1. แสงสีฟ้าในช่วงคลื่น 400-500 nm เป็นคลื่นแสงที่มีพลังงานสูงและมองเห็นได้ (HEV) ไม่สามารถถูกกรองด้วยสรีรวิทยา เช่น กระจกตา น้ำตา เป็นต้น แสงตัวนี้จึงสามรถเข้าไปลึกๆ ถึงจอประสาทตา เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ ในขณะที่แสงอื่นๆ ถูกกรองไปหมดแล้ว ถ้าฟิล์มมันตัดแสงสีฟ้าก็น่าจะช่วยในจุดนี้มั้งคะ
ส่วนตัวคิดว่า แสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต มันไม่น่าจะมีความเข้มข้นเพียงพอที่จะเป็นอันตรายต่อดวงตาในทันที น่าจะเป็นการใช้งานนานๆ แบบสะสมมากกว่าค่ะ หรือพอเวลาเราใช้งานติดต่อกันนานๆ โดยไม่ได้ละสายตาออกจากจอก็ทำให้ตาล้าพร่ามัวเหมือนกัน ถ้าฟิล์มมันช่วยในเรื่องนี้ได้ก็ติดค่ะ (แต่ติด blue light cut ของ Focus มาเรียบร้อยแล้ว อิอิ) ลองใช้ดูสักอาทิตย์นึงจะมารีวิวให้อ่านกันอีกทีนะคะ ส่วนตัวชอบเล่นมือถือตอนปิดไฟนอนนะค่ะ
2. ก่อนมาติดของ Focus ได้ติดของ Dapad มาก่อนประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ พอดีเครื่องที่ใช้เป็นสีขาวแล้วเอาฟิล์มเหลืองมาติดทับ มันทำให้เครื่องดูเก่ามาก หน้าจอเหมือนหน้าจอเหลืองนิดๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไรถือซะว่าได้โทรศัพท์จอเหลืองมานะคะ อิอิ ส่วนของ Focus เป็นฟิล์มสีฟ้าใส ติดลงไปกับเครื่องขาวแล้วสภาพก็พอรับได้นะคะ เชื่อมั่นได้ว่าเป็นฟิล์มตัดแสงสีฟ้า (แต่งงว่า ทำไมตัดแสงสีฟ้าจึงใช้ฟิล์มสีฟ้า???) ส่วนหน้าจอก็เหมือนฟ้าครึ้มนะค่ะ ปรับความสว่างขึ้นก็โอเค สีไม่เพี๊ยนแต่หน้าจอมันครึ้มนะคะ (งงรึเปล่า อิอิ)
3. ไม่รู้จะตอบยังไงนะคะ เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องแสงสีฟ้าเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าไฟ black light (300-400 nm) ฟิล์มตัดแสงสีฟ้ายังตัดแสงรังสี uv ไม่ได้ ก็คงไม่ช่วยตัดแสงสีฟ้ามั้งคะ
4. คิดเหมือนกับ จขกท ค่ะ ว่าว่าปัญหาดวงตามันน่าจะเกิดจากการจ้องจอนานๆ มากกว่า แสงจากหน้าจอทุกแสงน่าจะมีส่วนทำให้กล้ามเนื้อตาชั้นนอก พวกกระจอตา รูม่านตา เกิดอาการล้า ดวงตาแห้งเพราะการจ้องนานทำให้กระพริบตาน้อยครั้ง แต่ถ้าหนักถึงพร่ามัวหรือปรับโฟกัสไม่ทัน อันนี้น่าจะเป็นปัญหาจากแสงสีฟ้าโดยตรงมั้งคะ เพราะการปรับความคมชัดของภาพหรือจุดรับภาพมันอยู่ที่ macula ซึ่งเป็นจุดที่แสงสีฟ้ามันเข้าไปได้ถึง
5. พวกหน้าจออื่นๆ น่าจะมีแสงสีฟ้ามากกว่านะคะ แต่อันตรายคงน้อยกว่า เพราะว่าระยะห่างระหว่างหน้าจอกับดวงตาของเราค่อนข้างห่างกันพอสมควร อีกอย่าง ดูโทรทัศน์ที ก็ดูบ้าง ไม่ดูบ้าง ละครก็เปลี่ยนดูทุกช่อง ไหนจะเล่นโทรศัพท์ไปด้วยอีก คงจะเป็นรูปแบบหนึ่งที่ทำให้ไม่ได้รับอันตรายมากขนาดนั้น แต่จอคอมพิวเตอร์ที่เราต้องนั่งทำงานอยู่กับมันทั้งวัน ก็น่าคิดอยู่นะคะ ตาแห้ง ปวดตา ตาล้า พร่ามัว บางทีเบลอๆ เฉยเลยก็เป็นมาหมดค่ะ เดี๋ยวว่าจะลองสั่งฟิล์มตัดแสงสีฟ้าสำหรับโน๊ตบุ๊คมาติดเครื่องที่ทำงานดูค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ฟิล์มติดแทบเล็ต Blue Light Cut ไว้ตัดแสงสีฟ้า มันมีประโยชน์จริงรึ
2. ตัดแสงสีฟ้าของแทบเล็ตหรือจอโทรศัพท์จะทำให้สีเพี้ยนไหม เพราะสีที่เกิดขึ้นเกิดจากการผสมแสงสี สีขาว สีม่วง สีเหลือง มันก็ต้องเพี้ยนสิครับเพราะว่ามันผสมด้วยแสงสีฟ้าผมเข้าใจถูกรึเปล่าครับ
3. เขาทดสอบให้ดูโดยใช้ Black Light (300-400 nm) แสงจาก Black Light ส่องผ่านฟิล์มเขาไปกระทบธนบัตร ประกฏว่าลายน้ำไม่เรืองแสง เข้าใจว่าตัด UV เพราะช่วงคลื่นคาเกี่ยวกัน
4. ผมเข้าใจว่าปัญหาดวงตามันน่าจะเกิดจากการจ้องจอนานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อเลนส์ตาล้า ทำให้ตาพร่าปรับโฟกัสไม่ดี เสื่อมเร็ว ดวงตาแห้งเพราะการจ้องนานทำให้กระพริบตาน้อยครั้ง ทำให้ดวงตาแห้งด้วยไม่เกี่ยวกับแสงสีฟ้าเลย
5. เข้าใจว่าในโทรทัศน์. จอคอมพิวเตอร์ มีแสงเยอะกว่า ดูโทรทัศน์นานๆ อันตรายกว่าไหม ละครไทยมีตั้งแต่ตอนเย็นถึงสี่ทุ่มกว่าแน่ะ