>>>หากต้องการแสดงความคิดเห็นรบกวนอ่านให้จบทุกบรรทัด<<<
....
สตง.ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ตั้งแต่ปีการผลิต 54/55 เป็นต้นมาพบว่ามีจุดอ่อน หรือ ความเสี่ยงทุกขั้นตอน ตั้งแต่ การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ไปจนถึง การระบายข้าว นำไปสู่การสวมสิทธิ และการทุจริตในโครงการ
แปลความกันชัดๆก็คือ โครงการรับจำนำข้าว "เปิดช่องโหว่ให้โกงกินกันได้อย่างสบายทุกขั้นตอน" ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางการคลังของประเทศและไม่เกิดการพัฒนาการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนไทยกว่าครึ่งประเทศ
จากการติดตามตัวเลขของ สตง. พบว่าโครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ดตันละ 15,000 บาท เพื่อหาเสียงจากชาวนารากหญ้ากว่า 40 ล้านคน ตั้งแต่ปีการผลิต 54/55 จนถึงปีการผลิต 55/56 (ครั้งที่1) สิ้นสุด ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2556 มีผลขาดทุนไปแล้วเบ็ดเสร็จ 332,372.32 ล้านบาท ขาดทุนสูงกว่าการปิดบัญชีงวด 31 มกราคม 2556 ซึ่งขาดทุน 220,968.78 ล้านบาท ถึง 111,403.50 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มขาดทุนสูงขึ้นอีก
นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนมากจาก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่ส่งไปถึง นายกฯยิ่งลักษณ์ ยังไม่นับ "ดอกเบี้ย" ที่ต้องจ่ายอีกก้อนโตทุกเดือน หวังว่าท่านคงจะรู้สึกบ้าง ยอดขาดทุน 3 แสนกว่าล้านบาทที่เกิดขึ้นนี้ ยังไม่ได้นับเงินกู้ก้อนใหม่อีก 130,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลพยายามจะกู้ เพื่อไปจ่ายหนี้จำนำข้าวชาวนาที่ติดค้างไว้กว่า 4 เดือนแล้ว ยอดขาดทุนจะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งดูจากยอดระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจำนวน 8 แสนตัน ก็มีตัวเลขรายงานว่า ขายขาดทุนไปถึงตันละ 13,000 บาท 8 แสนตัน ก็ขาดทุนไปอีกหมื่นกว่าล้านบาท
เมื่อไปดูข้อมูล ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.หอการค้า ที่ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดพบว่า โครงการรับจำนำข้าวและประกันราคาข้าวของนักการเมืองใน 10 ปีที่ผ่านมา ใช้เงินภาษีของประชาชนไปแล้วถึง 1.5 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลปัจจุบันใช้เงินสูงสุดประมาณ 780,000 ล้านบาท แต่ชาวนาก็ไม่ได้รวยขึ้นกลับจนลงด้วยซ้ำ ต้องขับอีแต๋นมาทวงเงินค่าข้าวจากรัฐบาล
ดร.อัทธ์ ประเมิณว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลปัจจุบันจะขาดทุนสูงถึง 400,000 ล้านบาท (เมื่อเทียบกับวงเงินที่ใช้ในโครงการ 780,000 ล้านบาท ถือว่าขาดทุนเกินครึ่ง) เพราะโครงการนี้รับซื้อข้าวสูงกว่าราคาตลาดโลก 40-50%
หากพิจารณาในแง่ "คุณภาพข้าว" เราก็แพ้พม่า เขมร เวียดนาม ปี2555 คุณภาพข้าวพม่าดีที่สุด ปี2556 คุณภาพข้าวกัมพูชาดีที่สุด แม้แต่ข้าวเวียดนามก็ยังมีคุณภาพดีกว่าข้าวไทย แสดงว่า โครงการประชานิยมรับจำนำข้าวทุกเม็ด ไม่เพียงทำลายตลาดข้าวไทย ทำลายกลไกการค้าข้าวของไทย แต่ยังได้ทำลายคุณภาพของข้าวไทยไปด้วย จนแพ้เพื่อนบ้านทุกประเทศ
ส่วนต้นทุนการผลิตข้าว ก็แพงกว่าเพื่อนบ้าน เวียดนามมีต้นทุนการผลิต 4,000 บาทต่อไร่ ได้ผลผลิต 700-800 กก.ต่อไร่ แต่ชาวนาไทย ยุคนี้มีต้นทุนการผลิต 9,000 บาทต่อไร่ ได้ผลผลิตแค่ 450 กก.ต่อไร่ เพราะต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าว
ดร.อัทธ์ ฟันธงว่า ทางที่ดีที่สุดคือรัฐบาลควรยกเลิกโครงการนี้เสีย เปลี่ยนไปช่วยต้นทุนการผลิตของชาวนาแทน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ โครงการประชานิยมโครงการเดียว สร้างความเสียหายให้กับชาติบ้านเมืองและชาวนาได้มากมายมหาศาลขนาดนี้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงการทุจริตโกงกินทุกขั้นตอนอีกนับแสนล้านนะเนี้ย
"ลมเปลี่ยนทิศ"
http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/401427
เรื่องบริหารประเทศขี้เกียจคุย บริหารกระเป๋าตังตัวเองดีกว่า ยิ่งอยู่นาน ยิ่งรวยจ๊ะ ^^
ประเทศไทยหายนะไม่เป็นไร ขอเพียงตัวเรารอดก็พอ
....
สตง.ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ตั้งแต่ปีการผลิต 54/55 เป็นต้นมาพบว่ามีจุดอ่อน หรือ ความเสี่ยงทุกขั้นตอน ตั้งแต่ การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ไปจนถึง การระบายข้าว นำไปสู่การสวมสิทธิ และการทุจริตในโครงการ
แปลความกันชัดๆก็คือ โครงการรับจำนำข้าว "เปิดช่องโหว่ให้โกงกินกันได้อย่างสบายทุกขั้นตอน" ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางการคลังของประเทศและไม่เกิดการพัฒนาการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนไทยกว่าครึ่งประเทศ
จากการติดตามตัวเลขของ สตง. พบว่าโครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ดตันละ 15,000 บาท เพื่อหาเสียงจากชาวนารากหญ้ากว่า 40 ล้านคน ตั้งแต่ปีการผลิต 54/55 จนถึงปีการผลิต 55/56 (ครั้งที่1) สิ้นสุด ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2556 มีผลขาดทุนไปแล้วเบ็ดเสร็จ 332,372.32 ล้านบาท ขาดทุนสูงกว่าการปิดบัญชีงวด 31 มกราคม 2556 ซึ่งขาดทุน 220,968.78 ล้านบาท ถึง 111,403.50 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มขาดทุนสูงขึ้นอีก
นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนมากจาก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่ส่งไปถึง นายกฯยิ่งลักษณ์ ยังไม่นับ "ดอกเบี้ย" ที่ต้องจ่ายอีกก้อนโตทุกเดือน หวังว่าท่านคงจะรู้สึกบ้าง ยอดขาดทุน 3 แสนกว่าล้านบาทที่เกิดขึ้นนี้ ยังไม่ได้นับเงินกู้ก้อนใหม่อีก 130,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลพยายามจะกู้ เพื่อไปจ่ายหนี้จำนำข้าวชาวนาที่ติดค้างไว้กว่า 4 เดือนแล้ว ยอดขาดทุนจะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งดูจากยอดระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจำนวน 8 แสนตัน ก็มีตัวเลขรายงานว่า ขายขาดทุนไปถึงตันละ 13,000 บาท 8 แสนตัน ก็ขาดทุนไปอีกหมื่นกว่าล้านบาท
เมื่อไปดูข้อมูล ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.หอการค้า ที่ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดพบว่า โครงการรับจำนำข้าวและประกันราคาข้าวของนักการเมืองใน 10 ปีที่ผ่านมา ใช้เงินภาษีของประชาชนไปแล้วถึง 1.5 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลปัจจุบันใช้เงินสูงสุดประมาณ 780,000 ล้านบาท แต่ชาวนาก็ไม่ได้รวยขึ้นกลับจนลงด้วยซ้ำ ต้องขับอีแต๋นมาทวงเงินค่าข้าวจากรัฐบาล
ดร.อัทธ์ ประเมิณว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลปัจจุบันจะขาดทุนสูงถึง 400,000 ล้านบาท (เมื่อเทียบกับวงเงินที่ใช้ในโครงการ 780,000 ล้านบาท ถือว่าขาดทุนเกินครึ่ง) เพราะโครงการนี้รับซื้อข้าวสูงกว่าราคาตลาดโลก 40-50%
หากพิจารณาในแง่ "คุณภาพข้าว" เราก็แพ้พม่า เขมร เวียดนาม ปี2555 คุณภาพข้าวพม่าดีที่สุด ปี2556 คุณภาพข้าวกัมพูชาดีที่สุด แม้แต่ข้าวเวียดนามก็ยังมีคุณภาพดีกว่าข้าวไทย แสดงว่า โครงการประชานิยมรับจำนำข้าวทุกเม็ด ไม่เพียงทำลายตลาดข้าวไทย ทำลายกลไกการค้าข้าวของไทย แต่ยังได้ทำลายคุณภาพของข้าวไทยไปด้วย จนแพ้เพื่อนบ้านทุกประเทศ
ส่วนต้นทุนการผลิตข้าว ก็แพงกว่าเพื่อนบ้าน เวียดนามมีต้นทุนการผลิต 4,000 บาทต่อไร่ ได้ผลผลิต 700-800 กก.ต่อไร่ แต่ชาวนาไทย ยุคนี้มีต้นทุนการผลิต 9,000 บาทต่อไร่ ได้ผลผลิตแค่ 450 กก.ต่อไร่ เพราะต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าว
ดร.อัทธ์ ฟันธงว่า ทางที่ดีที่สุดคือรัฐบาลควรยกเลิกโครงการนี้เสีย เปลี่ยนไปช่วยต้นทุนการผลิตของชาวนาแทน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ โครงการประชานิยมโครงการเดียว สร้างความเสียหายให้กับชาติบ้านเมืองและชาวนาได้มากมายมหาศาลขนาดนี้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงการทุจริตโกงกินทุกขั้นตอนอีกนับแสนล้านนะเนี้ย
"ลมเปลี่ยนทิศ"
http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/401427