ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า ขณะนี้คณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวได้เริ่มประเมินผลการโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ในปีฤดูการผลิต 54/55 พบว่า โครงการนี้อาจมีผลขาดทุนสูงถึง 200,000 ล้านบาท ซึ่งผลขาดทุนดังกล่าว เป็นการปิดบัญชี ณ สิ้นปีงบประมาณ 55 หรือสิ้นเดือนก.ย.55 ซึ่งครอบคลุมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีและนาปรังในฤดูการผลิต 54/55 ซึ่งมีข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาล รวมทั้งนาปีและนาปรัง 22 ล้านตัน คิดเป็นเม็ดเงินที่ใช้ในโครงการรับจำนำประมาณ 320,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการปิดบัญชีอย่างไม่เป็นทางการนั้น พบว่าโครงการนี้ มีผลการขาดทุนสูงกว่าที่กระทรวงการคลังการไว้ ซึ่งแต่เดิมคาดว่าจะขาดทุนราว 70,000 ล้านบาท ถึง 100,000 ล้านบาท เนื่องจากคณะกรรมการฯ ได้ประเมินจากปริมาณข้าวที่ขายออกไปคูณด้วยราคาที่ขายได้ และลบจากต้นทุนของโครงการนี้ และรวมกับผลขาดทุนจากข้าวที่ยังเหลืออยู่ในสต๊อกของรัฐบาล โดยคูณด้วยราคาที่รัฐบาลไทยขายได้ ณ ปัจจุบัน
สำหรับต้นทุนของโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เมื่อสีแปรเป็นข้าวสารแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ราคาตลาดโลก ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 560 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้กำหนดว่า จะใช้วงเงินหมุนเวียน ซึ่งเป็นเงินกู้สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ดของรัฐบาลในวงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กู้โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน ในวงเงิน 410,000 ล้านบาท และอีก 90,000 ล้านบาท เป็นเงินสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.ที่นำมาใช้ในโครงการรับจำนำ ทั้งนี้ วงเงินกู้ทั้ง 500,000 ล้านบาทดังกล่าว มีภาระที่รัฐบาลต้องแบกรับดอกเบี้ย ราว 3% ต่อปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วงเงินกู้ทั้ง 500,000 ล้านบาทดังกล่าว ขณะนี้อาจไม่เพียงพอสำหรับการรับจำนำในฤดูกาลหน้าหรือปี 56/57 เนื่องจาก ได้เงินในโครงการรับจำนำข้าวในช่วงสองปีที่ผ่านมารวม 4 ฤดูกาล เป็นเงินหมุนเวียนเกือบ 600,000 ล้านบาท แต่จนถึงสิ้นปีที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ สามารถระบายข้าวและส่งเงินมาชำระหนี้ให้กับโครงการนี้เพียง 220,000 ล้านบาทเท่านั้น.
ตัดตอนจากไทยรัฐ
ปีเดียวขาดทุน 2 แสนล้าน
เราจะยังยอมให้ละลายงบประมาณที่ต้องกู้มาไปอย่างนี้เรื่อย ๆ หรือ
ปิดงบจำนำข้าวปี 55 ขาดทุน 2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการปิดบัญชีอย่างไม่เป็นทางการนั้น พบว่าโครงการนี้ มีผลการขาดทุนสูงกว่าที่กระทรวงการคลังการไว้ ซึ่งแต่เดิมคาดว่าจะขาดทุนราว 70,000 ล้านบาท ถึง 100,000 ล้านบาท เนื่องจากคณะกรรมการฯ ได้ประเมินจากปริมาณข้าวที่ขายออกไปคูณด้วยราคาที่ขายได้ และลบจากต้นทุนของโครงการนี้ และรวมกับผลขาดทุนจากข้าวที่ยังเหลืออยู่ในสต๊อกของรัฐบาล โดยคูณด้วยราคาที่รัฐบาลไทยขายได้ ณ ปัจจุบัน
สำหรับต้นทุนของโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เมื่อสีแปรเป็นข้าวสารแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ราคาตลาดโลก ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 560 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้กำหนดว่า จะใช้วงเงินหมุนเวียน ซึ่งเป็นเงินกู้สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ดของรัฐบาลในวงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กู้โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน ในวงเงิน 410,000 ล้านบาท และอีก 90,000 ล้านบาท เป็นเงินสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.ที่นำมาใช้ในโครงการรับจำนำ ทั้งนี้ วงเงินกู้ทั้ง 500,000 ล้านบาทดังกล่าว มีภาระที่รัฐบาลต้องแบกรับดอกเบี้ย ราว 3% ต่อปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วงเงินกู้ทั้ง 500,000 ล้านบาทดังกล่าว ขณะนี้อาจไม่เพียงพอสำหรับการรับจำนำในฤดูกาลหน้าหรือปี 56/57 เนื่องจาก ได้เงินในโครงการรับจำนำข้าวในช่วงสองปีที่ผ่านมารวม 4 ฤดูกาล เป็นเงินหมุนเวียนเกือบ 600,000 ล้านบาท แต่จนถึงสิ้นปีที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ สามารถระบายข้าวและส่งเงินมาชำระหนี้ให้กับโครงการนี้เพียง 220,000 ล้านบาทเท่านั้น.
ตัดตอนจากไทยรัฐ
ปีเดียวขาดทุน 2 แสนล้าน
เราจะยังยอมให้ละลายงบประมาณที่ต้องกู้มาไปอย่างนี้เรื่อย ๆ หรือ