ปิดฉากโครงการจำนำข้าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ระบุ5รอบการผลิตใช้เงินกว่า8แสนล้านบาท ขายข้าวส่งเงินคืนวงเงิน1.82แสนล้านบาท ประเมินขาดทุน5แสนล้าน
การจ่ายเงินในโครงการจำนำข้าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.) หลังจากโครงการของปี 2556/57 ค้างจ่ายเงินชาวนามากว่า 7 เดือน โดยเป็นการจ่ายเงินที่เร็วกว่าเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 22 มิ.ย.หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาได้สั่งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินให้ชาวนาทันที
การจ่ายเงินก้อนสุดท้ายวานนี้ เป็นการปิดฉากโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่จ่ายเงินจำนำในราคาสูง โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำโครงการจำนำ 5 รอบการผลิตจ่ายเงินไปทั้งสิ้นกว่า 8 แสนล้านบาท โดยเริ่มปี 2554/55 นาปีมีผลผลิตเข้าโครงการ 6.95 ล้านตัน จ่ายเงินออกไป 1.18 แสนล้านบาท, นาปรัง 55 ผลผลิตเข้าโครงการ 14.70 ล้านตันจ่ายเงินออกไป 2.18 แสนล้านบาท, ปี 2555/56 ครั้งที่ 1 ข้าวเข้าโครงการ 14.62 ล้านตันจ่ายเงินไป 2.34 แสนล้านบาท.ครั้งที่ 2 ข้าวเข้าโครงการ 7.87 ล้านตัน จ่ายเงินไป 1.17 แสนล้านบาทและข้าวนาปี 2556/57 ปริมาณข้าวเปลือก 11.88 ล้านตัน คิดเป็นเงิน จำนวน 1.95 แสนล้านบาท โดยระบายข้าวใช้เงินคืน ธ.ก.ส.ทั้งสิ้น 1.82 แสนล้านบาท
เป็นภาระที่ต้องตั้งงบประมาณใช้จ่ายคืน สำหรับเงินในโครงการโดยหักลบรายจ่ายกับรายได้ขายข้าวคงเป็นภาระทั้งสิ้น 6.93 แสนล้าน ไม่รวมกับมูลค่าข้าวในสต็อกคงเหลือที่ประเมินกันว่าก่อนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยุบสภามีปริมาณสต็อกข้าว 16.5 ล้านตัน
ประเมินขาดทุนพุ่งกว่า 5 แสนล้าน
แหล่งข่าวในวงการข้าวตั้งข้อสังเกตว่า การจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะขาดทุนมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการขายข้าวในสต็อก หากที่เหลือ 16.5 ล้านตันขายได้ 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการประเมินราคาให้สูงสุดที่ตันละกว่าหมื่นบาท จะขาดทุนจากการจำนำ 5 รอบการผลิตที่ 5 แสนล้านบาท แต่โดยข้อเท็จจริงข้าวไทยราคาอยู่ที่ 300 ดอลลาร์/ตัน ประมาณ 1 หมื่นบาทเท่านั้น ไม่หักค่าเสื่อมและค่าบริหารจัดการ แต่ที่สำคัญ คือ สต็อกข้าวคงเหลือที่ 16.5 ล้านตันหรือไม่ หรือน้อยกว่าที่คาดการณ์ หากเป็นเช่นนั้นตัวเลขขาดทุนเฉพาะรายรับ-จ่ายจะสูงกว่า 5 แสนล้านบาททันที
"ทั้งหมดเป็นภาระของ คสช. ที่กำลังถูกจับตามองว่า จะจัดการกับปัญหาอย่างไร หลังจากโครงการนี้ถูกตำหนิ มาตลอดว่าใช้งบประมาณสูงสิ้นเปลืองและทำให้กลไกตลาดข้าวพังลง เงิน 8-9 แสนล้าน เสียหายโดยตรงกว่า 5 แสนล้านเป็นเม็ดเงินไม่ใช่น้อยๆ"
"ลักษณ์"ปิดโครงการปี2556จ่าย1.95แสนล้าน
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคาร ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส.ปิดโครงการจ่ายเงินจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 ให้ชาวนากว่า 8 แสนราย โดยตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.สามารถจ่ายเงินให้ ชาวนาตามคิวใบประทวนที่ขึ้นทะเบียนไว้ ตามลำดับก่อนหลังอย่างเคร่งครัด โปร่งใส ไปแล้ว 8.38 แสนรายที่เหลือ วงเงิน 9.2 หมื่นล้านบาท โดยจ่ายเงินได้เร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน วันที่ 22 มิ.ย. และถือเป็นการปิดบัญชีหนี้จำนำข้าวที่รัฐบาลค้างไว้กับชาวนาทั้งหมด
ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าว ทำให้โครงการจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 56/57 (สิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 ก.ค. 57) มียอดใบประทวนรวมทั้งโครงการ 1.67 ล้านราย ปริมาณข้าวเปลือก 11.88 ล้านตัน คิดเป็นเงิน จำนวน 1.95 แสนล้านบาท
การจ่ายเงินแบ่งเป็นเงินงบประมาณ และ เงินจากการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ 1.64 แสนล้านบาท เงินกองทุนช่วยเหลือชาวนา 1.05 หมื่นล้านบาท และ งบกลางอีกจำนวน 2 หมื่นล้านบาท
การจ่ายเงินดังกล่าว เป็นการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรที่มีหลักฐาน และ เอกสารครบถ้วนแล้วทั้งหมด ยังเหลือเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ที่อยู่ระหว่างการนำข้าวเข้าโครงการ และเกษตรกรบางส่วนที่อาจติดปัญหา เช่น ใบประทวนสูญหาย
ที่ ธ.ก.ส.สาขาน้ำพอง จ.ขอนแก่น นายลักษณ์ มอบเงินให้กับชาวนาที่นำใบประทวนมาขึ้นทะเบียน 3 ลำดับสุดท้าย ของ ธ.ก.ส.สาขาน้ำพอง คือ นางทองมี สูงสันเขต จำนวน 22,239 บาท นายประยุง อุบนบาล จำนวน 13,190 บาทและนางแบ้ง ปาลสาร จำนวน 107,429 บาท ขณะเดียวกันมีชาวนามาถอนเงินที่ ธ.ก.ส.สาขาน้ำพอง หลังจากที่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารว่า โอนเงินเข้าบัญชีจำนวนมาก ส่วนใหญ่บอกว่ามาถอนเงินสดเนื่องจากเป็นเงินจำนวนมากไม่สามารถเบิกผ่านเอทีเอ็มได้
ชาวนาทำใจไม่มีจำนำ วอนรัฐพยุงราคา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรที่มาร่วมพิธีปิดและส่วนใหญ่เดินทางมาเพื่อเบิกถอนเงินจากบัญชีหลังจากได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีให้แล้ว ส่วนใหญ่บอกว่า มาเบิกถอนที่เคาน์เตอร์เนื่องจากเป็นเงินจำนวนมาก เกินกว่าที่จะเบิกถอนจากเอทีเอ็ม เพื่อนำไปชำระหนี้ ส่วนใหญ่เป็นหนี้ค่าปุ๋ย
นายสานิต ภูมิลา อายุ 57 ปี ชาวบ้านวังชัย อ.น้ำพอง กล่าวว่า รอเงินจำนำข้าวนานครึ่งปี จำนวนเงิน 120,039 บาท ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าเงินเข้าแล้ว ก็รีบมาเพื่อจะเบิกถอนเงินและนำไปใช้หนี้เตรียมลงทุนข้าวนาปี อยากให้มีโครงการรับจำนำข้าวต่อไป เพราะราคาสูงกว่าขายทั่วไป แต่ก็ต้องทำใจยอมรับว่าจากนี้ไปไม่มีโครงการแล้ว เพียงแต่อยากให้รัฐบาลหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมาดูแลช่วยเหลือให้ราคาข้าวไม่ตกต่ำไปกว่านี้ ให้ขายข้าวได้ในราคาที่คุ้มกับต้นทุน ดีกว่าข้าวนาปรังที่ผ่านมาขายได้แค่ตันละ 4-5 พันบาทเท่านั้น ขณะที่ข้าวนาปี โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิจำนำได้เกือบ 20,000 บาท
นายประเสริฐ กุหลาบหอม อายุ 72 ปี ชาวบ้านคำจั่น ต.บัวเงิน อ.น้ำพอง กล่าวว่า ได้เบิกเงินจำนวน 36,600 บาท ก็จะนำไปใช้หนี้ปุ๋ยและนำไปลงทุนต่อ อยากให้มีโครงการจำนำข้าว แต่ถ้าหากว่ามีปัญหามาก็เห็นด้วยที่จะเลิกโครงการ ทั้งนี้ก็ขอให้รัฐบาลช่วยพยุงราคาข้าวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และดูแลเรื่องปุ๋ยซึ่งราคาไม่ค่อยแน่นอน
เกษตรฯ เล็งจัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เขาได้สั่งให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯปรับเปลี่ยนงบประมาณปี 2557 เพื่อนำมาจัดโครงการใหม่ ที่สอดคล้องกับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตร ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใน 3 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การจัดทำธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว 2.การจัดระบบสหกรณ์ทั่วประเทศ และ 3.การลดต้นทุนการทำนา
สำหรับโครงการจัดทำธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว ขณะนี้กรมการข้าวได้ส่งแผนงานมาให้ตนพิจารณาแล้ว โดยเบื้องต้นจะคัดเลือกศูนย์ข้าวชุมชนที่กรมการข้าวมีอยู่แล้วประมาณ 2,000 แห่งทั่วประเทศ มาปรับเปลี่ยนเป็นธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว เป้าหมายเพื่อกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวไปสู่เกษตรกรให้ทั่วถึงมากขึ้น
รูปแบบการดำเนินกิจการคล้ายธนาคารแต่เปลี่ยนจาก การใช้เงินมาเป็นเมล็ดข้าว เช่น ชาวนายืมเมล็ดพันธุ์ข้าวไปปลูก 100 กิโลกรัม (กก.) เมื่อนำไปปลูกข้าวและเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ จะต้องคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวกลับมาคืน 105 กก. ที่เกินมาจากที่ยืมไป 5 กก. ถือเป็นดอกเบี้ย และจะนำโครงการธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว มาบรรจุและดำเนินการในปีงบประมาณ 2558 ต่อไปด้วย
“ส่วนการลดต้นทุนการทำนา ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ คสช. หากมีการมอบหมายงานมาให้ กระทรวงเกษตรฯ ก็พร้อมจะรับไปดำเนินการ” นายชวลิต กล่าว
ช่วยชาวนายังไม่สรุปถกต่อวันนี้
การประชุมคณะอนุกรรมการด้านการผลิตและการตลาด ของ คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่ประชุม นบข. ซึ่งมี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.เป็นประธาน ยังไม่ได้ข้อสรุปถึงแนวทางการช่วยเหลือชาวนา ในเรื่องจำนวนเงินว่าจะช่วยเหลือจำนวนกี่ไร่ ระหว่าง 10 ไร่ และ 15 ไร่ รวมถึงตัวเลขต้นทุนการผลิตที่แต่ละภาค และแต่ละชนิดข้าวไม่เท่ากัน โดยที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ไปดูแลเรื่องปุ๋ยว่าจะทำอย่างไร ที่จะให้ได้ปุ๋ยที่มีคุณภาพและราคาไม่แพง รวมถึงร้านค้าเมล็ดพันธุ์ข้าว
"ขณะนี้โดยเฉลี่ยชาวนาขายได้เพียงตันละ 5,000-6,000 บาท จากราคารับจำนำของรัฐบาลก่อนที่ตันละ 15,000 บาท คาดว่า แนวทางช่วยเหลือชาวนาจะมีทั้งการช่วยสนับสนุนค่าปัจจัยการผลิตให้ชาวนา แต่คงไม่ได้ที่ไร่ละ 3,000 บาทตามข้อเสนอของชาวนา , การลดต้นทุนการผลิตให้ชาวนา, การคุมค่าเช่าที่นา, การสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้สหกรณ์การเกษตรซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าว"
อย่างไรก็ตามการลดต้นทุนการผลิตนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งหารือกับผู้ผลิตปุ๋ย ให้ลดราคาปุ๋ย สารเคมีด้านการเกษตร ที่ขายให้กับชาวนา โดยอาจจะลดราคาเป็นการชั่วคราว เช่น ในฤดูกาลผลิตข้าวนาปีปี 2557/58 เท่านั้น หากลดราคาเป็นการถาวร หรือลดราคาเป็นเวลานานๆ อาจบิดเบือนกลไกตลาด
ผู้ส่งออกส่งหนังสือท้วงคสช.เบรกขนข้าว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ใน 1-2 วันนี้ สมาคมฯ จะทำหนังสือส่งไปยังคสช. เพื่อให้เร่งแก้ไขปัญหาเอกชนไม่สามารถขนข้าวออกจากโกดังได้ ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ เนื่องจากติดคำสั่งการห้ามเคลื่อนย้ายข้าวขณะที่มีการตรวจสอบปริมาณข้าวในโกดังของรัฐบาล โดยสมาคมจะขอให้คสช.ยกเว้นการเคลื่อนย้ายข้าว ในส่วนที่มีการจ่ายเงินไปแล้ว และได้รับการอนุมัติให้มีการส่งมอบ เนื่องจากขณะนี้เรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ จอดรอเพื่อขนข้าวไปส่งให้ลูกค้าแล้ว หากเกินกำหนดต้องจ่ายค่าขนส่งเพิ่ม
"อาจจำเป็นต้องซื้อข้าวนอกโครงการไปส่งมอบให้คู่ค้าก่อนหากไม่สามารถขนข้าวออกจากโกดังรัฐได้ทันตามกำหนด ซึ่งราคาก็อาจจะสูงกว่าข้าวที่ประมูลได้ มีต้นทุนการค้าที่สูงขึ้นกว่าเดิม และยังเสี่ยงต่อการทำผิดสัญญา คู่ค้ากำหนดข้าวเก่าไม่ใช่ข้าวใหม่ด้วย"
แหล่งข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวกรมฯ รายงานต่อคสช.ไปแล้ว เพื่อให้รับทราบถึงปัญหาของเอกชน ซึ่งคาดว่าจะมีการแก้ไขปัญหาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเอกชนในการส่งมอบข้าวได้ต่อไป
ปิดฉาก!จำนำข้าว'ยิ่งลักษณ์'ประเมินขาดทุน5แสนล้าน
การจ่ายเงินในโครงการจำนำข้าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.) หลังจากโครงการของปี 2556/57 ค้างจ่ายเงินชาวนามากว่า 7 เดือน โดยเป็นการจ่ายเงินที่เร็วกว่าเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 22 มิ.ย.หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาได้สั่งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินให้ชาวนาทันที
การจ่ายเงินก้อนสุดท้ายวานนี้ เป็นการปิดฉากโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่จ่ายเงินจำนำในราคาสูง โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำโครงการจำนำ 5 รอบการผลิตจ่ายเงินไปทั้งสิ้นกว่า 8 แสนล้านบาท โดยเริ่มปี 2554/55 นาปีมีผลผลิตเข้าโครงการ 6.95 ล้านตัน จ่ายเงินออกไป 1.18 แสนล้านบาท, นาปรัง 55 ผลผลิตเข้าโครงการ 14.70 ล้านตันจ่ายเงินออกไป 2.18 แสนล้านบาท, ปี 2555/56 ครั้งที่ 1 ข้าวเข้าโครงการ 14.62 ล้านตันจ่ายเงินไป 2.34 แสนล้านบาท.ครั้งที่ 2 ข้าวเข้าโครงการ 7.87 ล้านตัน จ่ายเงินไป 1.17 แสนล้านบาทและข้าวนาปี 2556/57 ปริมาณข้าวเปลือก 11.88 ล้านตัน คิดเป็นเงิน จำนวน 1.95 แสนล้านบาท โดยระบายข้าวใช้เงินคืน ธ.ก.ส.ทั้งสิ้น 1.82 แสนล้านบาท
เป็นภาระที่ต้องตั้งงบประมาณใช้จ่ายคืน สำหรับเงินในโครงการโดยหักลบรายจ่ายกับรายได้ขายข้าวคงเป็นภาระทั้งสิ้น 6.93 แสนล้าน ไม่รวมกับมูลค่าข้าวในสต็อกคงเหลือที่ประเมินกันว่าก่อนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยุบสภามีปริมาณสต็อกข้าว 16.5 ล้านตัน
ประเมินขาดทุนพุ่งกว่า 5 แสนล้าน
แหล่งข่าวในวงการข้าวตั้งข้อสังเกตว่า การจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะขาดทุนมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการขายข้าวในสต็อก หากที่เหลือ 16.5 ล้านตันขายได้ 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการประเมินราคาให้สูงสุดที่ตันละกว่าหมื่นบาท จะขาดทุนจากการจำนำ 5 รอบการผลิตที่ 5 แสนล้านบาท แต่โดยข้อเท็จจริงข้าวไทยราคาอยู่ที่ 300 ดอลลาร์/ตัน ประมาณ 1 หมื่นบาทเท่านั้น ไม่หักค่าเสื่อมและค่าบริหารจัดการ แต่ที่สำคัญ คือ สต็อกข้าวคงเหลือที่ 16.5 ล้านตันหรือไม่ หรือน้อยกว่าที่คาดการณ์ หากเป็นเช่นนั้นตัวเลขขาดทุนเฉพาะรายรับ-จ่ายจะสูงกว่า 5 แสนล้านบาททันที
"ทั้งหมดเป็นภาระของ คสช. ที่กำลังถูกจับตามองว่า จะจัดการกับปัญหาอย่างไร หลังจากโครงการนี้ถูกตำหนิ มาตลอดว่าใช้งบประมาณสูงสิ้นเปลืองและทำให้กลไกตลาดข้าวพังลง เงิน 8-9 แสนล้าน เสียหายโดยตรงกว่า 5 แสนล้านเป็นเม็ดเงินไม่ใช่น้อยๆ"
"ลักษณ์"ปิดโครงการปี2556จ่าย1.95แสนล้าน
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคาร ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส.ปิดโครงการจ่ายเงินจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/57 ให้ชาวนากว่า 8 แสนราย โดยตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.สามารถจ่ายเงินให้ ชาวนาตามคิวใบประทวนที่ขึ้นทะเบียนไว้ ตามลำดับก่อนหลังอย่างเคร่งครัด โปร่งใส ไปแล้ว 8.38 แสนรายที่เหลือ วงเงิน 9.2 หมื่นล้านบาท โดยจ่ายเงินได้เร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน วันที่ 22 มิ.ย. และถือเป็นการปิดบัญชีหนี้จำนำข้าวที่รัฐบาลค้างไว้กับชาวนาทั้งหมด
ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าว ทำให้โครงการจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 56/57 (สิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 ก.ค. 57) มียอดใบประทวนรวมทั้งโครงการ 1.67 ล้านราย ปริมาณข้าวเปลือก 11.88 ล้านตัน คิดเป็นเงิน จำนวน 1.95 แสนล้านบาท
การจ่ายเงินแบ่งเป็นเงินงบประมาณ และ เงินจากการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ 1.64 แสนล้านบาท เงินกองทุนช่วยเหลือชาวนา 1.05 หมื่นล้านบาท และ งบกลางอีกจำนวน 2 หมื่นล้านบาท
การจ่ายเงินดังกล่าว เป็นการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรที่มีหลักฐาน และ เอกสารครบถ้วนแล้วทั้งหมด ยังเหลือเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ที่อยู่ระหว่างการนำข้าวเข้าโครงการ และเกษตรกรบางส่วนที่อาจติดปัญหา เช่น ใบประทวนสูญหาย
ที่ ธ.ก.ส.สาขาน้ำพอง จ.ขอนแก่น นายลักษณ์ มอบเงินให้กับชาวนาที่นำใบประทวนมาขึ้นทะเบียน 3 ลำดับสุดท้าย ของ ธ.ก.ส.สาขาน้ำพอง คือ นางทองมี สูงสันเขต จำนวน 22,239 บาท นายประยุง อุบนบาล จำนวน 13,190 บาทและนางแบ้ง ปาลสาร จำนวน 107,429 บาท ขณะเดียวกันมีชาวนามาถอนเงินที่ ธ.ก.ส.สาขาน้ำพอง หลังจากที่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารว่า โอนเงินเข้าบัญชีจำนวนมาก ส่วนใหญ่บอกว่ามาถอนเงินสดเนื่องจากเป็นเงินจำนวนมากไม่สามารถเบิกผ่านเอทีเอ็มได้
ชาวนาทำใจไม่มีจำนำ วอนรัฐพยุงราคา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรที่มาร่วมพิธีปิดและส่วนใหญ่เดินทางมาเพื่อเบิกถอนเงินจากบัญชีหลังจากได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีให้แล้ว ส่วนใหญ่บอกว่า มาเบิกถอนที่เคาน์เตอร์เนื่องจากเป็นเงินจำนวนมาก เกินกว่าที่จะเบิกถอนจากเอทีเอ็ม เพื่อนำไปชำระหนี้ ส่วนใหญ่เป็นหนี้ค่าปุ๋ย
นายสานิต ภูมิลา อายุ 57 ปี ชาวบ้านวังชัย อ.น้ำพอง กล่าวว่า รอเงินจำนำข้าวนานครึ่งปี จำนวนเงิน 120,039 บาท ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าเงินเข้าแล้ว ก็รีบมาเพื่อจะเบิกถอนเงินและนำไปใช้หนี้เตรียมลงทุนข้าวนาปี อยากให้มีโครงการรับจำนำข้าวต่อไป เพราะราคาสูงกว่าขายทั่วไป แต่ก็ต้องทำใจยอมรับว่าจากนี้ไปไม่มีโครงการแล้ว เพียงแต่อยากให้รัฐบาลหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมาดูแลช่วยเหลือให้ราคาข้าวไม่ตกต่ำไปกว่านี้ ให้ขายข้าวได้ในราคาที่คุ้มกับต้นทุน ดีกว่าข้าวนาปรังที่ผ่านมาขายได้แค่ตันละ 4-5 พันบาทเท่านั้น ขณะที่ข้าวนาปี โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิจำนำได้เกือบ 20,000 บาท
นายประเสริฐ กุหลาบหอม อายุ 72 ปี ชาวบ้านคำจั่น ต.บัวเงิน อ.น้ำพอง กล่าวว่า ได้เบิกเงินจำนวน 36,600 บาท ก็จะนำไปใช้หนี้ปุ๋ยและนำไปลงทุนต่อ อยากให้มีโครงการจำนำข้าว แต่ถ้าหากว่ามีปัญหามาก็เห็นด้วยที่จะเลิกโครงการ ทั้งนี้ก็ขอให้รัฐบาลช่วยพยุงราคาข้าวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และดูแลเรื่องปุ๋ยซึ่งราคาไม่ค่อยแน่นอน
เกษตรฯ เล็งจัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เขาได้สั่งให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯปรับเปลี่ยนงบประมาณปี 2557 เพื่อนำมาจัดโครงการใหม่ ที่สอดคล้องกับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตร ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใน 3 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การจัดทำธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว 2.การจัดระบบสหกรณ์ทั่วประเทศ และ 3.การลดต้นทุนการทำนา
สำหรับโครงการจัดทำธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว ขณะนี้กรมการข้าวได้ส่งแผนงานมาให้ตนพิจารณาแล้ว โดยเบื้องต้นจะคัดเลือกศูนย์ข้าวชุมชนที่กรมการข้าวมีอยู่แล้วประมาณ 2,000 แห่งทั่วประเทศ มาปรับเปลี่ยนเป็นธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว เป้าหมายเพื่อกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวไปสู่เกษตรกรให้ทั่วถึงมากขึ้น
รูปแบบการดำเนินกิจการคล้ายธนาคารแต่เปลี่ยนจาก การใช้เงินมาเป็นเมล็ดข้าว เช่น ชาวนายืมเมล็ดพันธุ์ข้าวไปปลูก 100 กิโลกรัม (กก.) เมื่อนำไปปลูกข้าวและเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ จะต้องคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวกลับมาคืน 105 กก. ที่เกินมาจากที่ยืมไป 5 กก. ถือเป็นดอกเบี้ย และจะนำโครงการธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว มาบรรจุและดำเนินการในปีงบประมาณ 2558 ต่อไปด้วย
“ส่วนการลดต้นทุนการทำนา ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ คสช. หากมีการมอบหมายงานมาให้ กระทรวงเกษตรฯ ก็พร้อมจะรับไปดำเนินการ” นายชวลิต กล่าว
ช่วยชาวนายังไม่สรุปถกต่อวันนี้
การประชุมคณะอนุกรรมการด้านการผลิตและการตลาด ของ คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่ประชุม นบข. ซึ่งมี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.เป็นประธาน ยังไม่ได้ข้อสรุปถึงแนวทางการช่วยเหลือชาวนา ในเรื่องจำนวนเงินว่าจะช่วยเหลือจำนวนกี่ไร่ ระหว่าง 10 ไร่ และ 15 ไร่ รวมถึงตัวเลขต้นทุนการผลิตที่แต่ละภาค และแต่ละชนิดข้าวไม่เท่ากัน โดยที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ไปดูแลเรื่องปุ๋ยว่าจะทำอย่างไร ที่จะให้ได้ปุ๋ยที่มีคุณภาพและราคาไม่แพง รวมถึงร้านค้าเมล็ดพันธุ์ข้าว
"ขณะนี้โดยเฉลี่ยชาวนาขายได้เพียงตันละ 5,000-6,000 บาท จากราคารับจำนำของรัฐบาลก่อนที่ตันละ 15,000 บาท คาดว่า แนวทางช่วยเหลือชาวนาจะมีทั้งการช่วยสนับสนุนค่าปัจจัยการผลิตให้ชาวนา แต่คงไม่ได้ที่ไร่ละ 3,000 บาทตามข้อเสนอของชาวนา , การลดต้นทุนการผลิตให้ชาวนา, การคุมค่าเช่าที่นา, การสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้สหกรณ์การเกษตรซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าว"
อย่างไรก็ตามการลดต้นทุนการผลิตนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งหารือกับผู้ผลิตปุ๋ย ให้ลดราคาปุ๋ย สารเคมีด้านการเกษตร ที่ขายให้กับชาวนา โดยอาจจะลดราคาเป็นการชั่วคราว เช่น ในฤดูกาลผลิตข้าวนาปีปี 2557/58 เท่านั้น หากลดราคาเป็นการถาวร หรือลดราคาเป็นเวลานานๆ อาจบิดเบือนกลไกตลาด
ผู้ส่งออกส่งหนังสือท้วงคสช.เบรกขนข้าว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ใน 1-2 วันนี้ สมาคมฯ จะทำหนังสือส่งไปยังคสช. เพื่อให้เร่งแก้ไขปัญหาเอกชนไม่สามารถขนข้าวออกจากโกดังได้ ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ เนื่องจากติดคำสั่งการห้ามเคลื่อนย้ายข้าวขณะที่มีการตรวจสอบปริมาณข้าวในโกดังของรัฐบาล โดยสมาคมจะขอให้คสช.ยกเว้นการเคลื่อนย้ายข้าว ในส่วนที่มีการจ่ายเงินไปแล้ว และได้รับการอนุมัติให้มีการส่งมอบ เนื่องจากขณะนี้เรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ จอดรอเพื่อขนข้าวไปส่งให้ลูกค้าแล้ว หากเกินกำหนดต้องจ่ายค่าขนส่งเพิ่ม
"อาจจำเป็นต้องซื้อข้าวนอกโครงการไปส่งมอบให้คู่ค้าก่อนหากไม่สามารถขนข้าวออกจากโกดังรัฐได้ทันตามกำหนด ซึ่งราคาก็อาจจะสูงกว่าข้าวที่ประมูลได้ มีต้นทุนการค้าที่สูงขึ้นกว่าเดิม และยังเสี่ยงต่อการทำผิดสัญญา คู่ค้ากำหนดข้าวเก่าไม่ใช่ข้าวใหม่ด้วย"
แหล่งข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวกรมฯ รายงานต่อคสช.ไปแล้ว เพื่อให้รับทราบถึงปัญหาของเอกชน ซึ่งคาดว่าจะมีการแก้ไขปัญหาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเอกชนในการส่งมอบข้าวได้ต่อไป