ใครมีเหตุการณ์ที่ถูกเข้าใจผิดแบบฝังใจรึเปล่าครับ ของผมมี 2 เรื่อง จำขึ้นใจเลย

กระทู้คำถาม
ทั้ง 2 เรื่อง ผ่านมาประมาณ 10 ปีแล้วครับ

เหตุการณ์ที่ 1. หวังดีจะแลกเงินให้ร้านถ่ายเอกสาร

ผมไปประชุมที่มหาวิทยาลัยตอนเช้า แล้วจำเป็นต้องถ่ายเอกสารเพิ่มซึ่งในตอนนั้นยังเช้ามาก เงินมี 101 บาท (แบงค์ร้อยกับเหรียญบาท) ต้องถ่าย 2 ใบ ปกติจะใบละบาท เลยต้องใช้แบงค์ร้อย ตอนแรกจะเดินไปโรงอาหาร ซึ่งไกลมาก เพื่อซื้อของแตกแบงค์ร้อยก่อน เพราะซุ้มขายของแถวนั้นยังไม่เปืด แต่จังหวะที่เดินผ่านร้านถ่ายเอกสาร (ซึ่งนักศึกษาที่มาประชุมต่างก็มาถ่ายร้านนี้เพราะอยู่หน้าหอประชุมเลย) แล้วผมเห็นป้ายติดไว้ว่า "ใบละ 50 สตางค์" โดยไม่ได้ระบุว่าต้องถ่ายกี่แผ่น ซึ่งผมมีเหรียญบาทอยู่ ถ่าย 2 ใบก็บาทนึงพอดี ไม่ต้องไปแลกแบงค์ไกลด้วย เดี๋ยวจะเข้าประชุมไม่ทัน ก็เลยตัดสินใจไปเข้าคิวรอ คนเยอะมาก พอถ่ายเสร็จ แม่ค้าบอก "2 บาท" ผมก็เหวอๆ ไม่ใช่อะไรผมกลัวแม่ค้าด่า เพราะไม่มีเงินทอน เพราะ 2 บาท แล้วผมจ่ายแบงค์ร้อยอ่ะ ด้วยความเกรงใจ เลยถามไปว่า "แบงค์ร้อยมีทอนรึเปล่าครับ" (ความตั้งใจที่ถามคือ ถ้าไม่มีจะได้ไปแลกให้) เท่านั้นแหละครับ เหมือนระเบิดลงเลย เค้าด่าผมอ่ะ ใจความประมาณเหมือนผมไปดูถูกเค้าอ่ะครับ ด่าจริงๆนะ ด่ายาวยันผมเดินออกจากร้านเลย คนก็เยอะนักศึกษาทั้งนั้น ผมอายก็อาย งงก็งง เป็นผู้หญิงวัยรุ่นหน่อย ด่าไฟแล่บเลย ไม่รู้จะตอบโต้ยังงัย เลยเดินออกมาเฉยๆ จนวันนี้ยังงง แกฟิวส์ขาดเรื่องอะไรวะ

เหตุการณ์ที่ 2. ไม่มีน้ำใจ ไม่ยอมช่วยคนตาบอดกดกริ่งลงรถเมล์

ผมนั่งรถเมล์เพื่อไปซื้อตั๋วรถทัวร์กลับบ้านครับ ปกติผมจะนั่งรถตู้ แต่ช่วงนั้นเงินไม่ค่อยจะมี เข้าขั้นลำบากมาก เลยเลือกที่จะนั่งรถเมล์ไป 2 ต่อแทน คนมีเต็มคันรถครับ แต่ไม่ถึงกับแน่นมาก มียืนประมาณ 5-6 คนมั๊ง ผมได้นั่งติดประตูทางลงด้านหน้าครับ ข้างหน้าผมคือประตูทางลง เยื้องๆบนหัวผมก็คือปุ่มกดกริ่ง ผมนั่งเครียดคิดมากไปเรื่อยเปื่อยเรื่องค่าใช้จ่ายเรื่องเงินพวกนี้แหละครับ ไม่ได้สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวหรอก พอรถผ่านมาถึงบริเวณสถานที่คล้ายๆสถานที่ราชการ คงจะเป็นกรมทหารอะไรประมาณนี้แหละครับ ก็มีผู้หญิงเดินมาจะลงที่ประตู แล้วก็เอื้อมมือจะกดกริ่ง เค้าก็ทิ่มผิดๆถูกๆ ผมเหลือบไปเห็น (มองแต่ที่กดกริ่งนะครับ ยังไม่ได้หันไปมองคนกด) ก็กำลังคิดจะกดให้เลยครับ แต่เค้าก็กดถูกพอดี (คือผมคิดแต่ยังไม่ทันขยับมือที่พอให้เห็นว่าผมจะช่วยกดกริ่ง อาการที่ดูภายนอกก็เลยดูเหมือนผมนั่งมองเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร) พอเสียงกริ่งดังขึ้น ผมก็มองไปที่คนกด เป็นผู้หญิงตาบอดครับ แต่ดูเป็นแบบคนตาบอดแบบมีการศึกษานะครับ แต่งตัวดี ท่าทางดี คือถ้าไม่มองหน้า ก็เป็นคนปกตินี่ล่ะครับ
หลังจากคนตาบอดคนนั้นเค้าลงจากไปแล้ว เรื่องราวมันก็เกิดครับ คุณกระเป๋ารถเมล์เป็นป้าวัยกลางคนหน่อย เค้าก็เริ่มพรรณาถึงความน่าสงสารของผู้หญิงตาบอดคนนั้น คือยืนพูดตรงกลางทางเดิน แบบเหมือนกับพูดในที่ประชุม ผู้โดยสารทุกคนคือผู้ร่วมประชุมอ่ะครับ บอกว่าคนตาบอดคนนี้เค้าขึ้นรถเมล์สายนี้ประจำ ขึ้นถูก ลงถูก เป็นคนตาบอดที่เก่ง นิสัยก็ดี ซึ่งเท่าที่ผมเห็น ก็จริงครับ ผมก็นั่งฟังเค้าต่อ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร พูดไปก็หันมามองหน้าผมเป็นระยะ และเน้นคำเรื่องความมีน้ำใจ ด้วยคำพูด ประโยคและการมองผม ผมรู้สึกแล้วครับว่าเค้ากำลังว่าผมนี่หว่า ผมหันไปมองคนข้างหลัง เกือบทุกคนที่กำลังมองผม มีสายตาที่ผมแบบรับรู้ได้เลยว่า กำลังตำหนิผมอยู่ ถึงแม้บางคนจะทำหน้างงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมแทบจะมุดแผ่นดินหนีเลย หน้าร้อนผ่าวๆเลย เค้าก็ยังยืนพูดประชดประชันผมต่อไปอีกพักใหญ่ๆเลย ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยหรือระบุว่าเป็นผมตรงๆก็เหอะ แต่ทำผมเสียเซลฟ์ไปเลย เฮ้อ

ผมอยากจะบอกว่าถ้าผมเห็นตั้งแต่ทีแรกว่าเค้าตาบอด ผมกดกริ่งให้นานแล้วครับ ผมไม่ใช่ซุปเปอร์แมนที่มีหน้าที่สอดส่ายสารทุกข์สุกดิบของประชาชนตลอดเวลานะ ผมก็มีปัญหาของผมที่ต้องคิดต้องแก้เหมือนกัน แล้วเมื่อคุณรู้คุณเห็น แล้วทำไมไม่มาช่วยล่ะ ในเมื่อคุณก็เห็นก็รู้นี่ คิดแล้วก็ นอยด์ น้อย นอยด์

จริงๆมีหลายเรื่องนะครับ (อาจเป็นเพราะผมเป็นพวกไม่ค่อยแสดงออก พูดก็ไม่เก่ง เลยถูกเข้าใจผิดประจำ) แต่ที่จำขึ้นใจก็สองเรื่องนี้แหละ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่