อยู่ต่อหน้าลูก คุยกันเรื่องอะไร

ขอออกตัวก่อนนะว่า เรื่องที่นำมาพูดคุย เป็นเรื่องของคนอื่นล้วนๆ
แต่ได้ยินมากับหู ได้เห็นมากับตา จึงอยากนำมาเล่าให้ฟังกันเพลินๆค่ะ



เมื่อหลายวันก่อน มีลูกค้าผู้หญิงมาสั่งข้าวป้อนลูกที่อยู่ในวัยอนุบาล
(สั่งร้านอื่นไม่ใช่ร้านฉันแต่ร้านเราอยู่ติดๆกัน)

เด็กน้อยกินข้าวคำก็วิ่งเล่น แม่ก็เรียกให้มากินข้าว
ตามประสาเด็ก เรียกหลายครั้งแม่โมโห ด่าลูกว่า บ่าโง่ บ่าควาย(บ่าภาษาเหนือแปลว่าไอ้)
ฉันได้ยินแค่นี้ก็ตกใจพอแล้ว  ยังได้ยินต่อ ...พ่องยิ้มตายก๊า

ฉันนึกในใจ หน้าตาดีการแต่งตัวก็ดีแต่ไม่ใด้ช่วยอะไรเลย
ไม่รู้ว่าเธอเก็บกด หรือว่าโมโหใครมาจากไหนถึงต้องด่าลูกแบบนั้น



อีกครอบครัวหนึง  พ่อแม่ พาลูกวัยอนุบาลมานั่งกินข้าวที่ร้านข้างๆ ฉันเห็นเด็กน้อยวัยน่ารักก็นั่งมอง
พ่อแม่ พาลูกนั่งโต๊ะที่สูงเก้าอี้ก็สูงจากพื้นและไม่มีพนักพิง
ฉันนั่งมองแล้วคิดในใจทำไมนั่งโต๊ะสูงจัง กลัวว่าเด็กน้อยจะหงายหลัง

สักครู่เด็กน้อยจะลงจากเก้าอี้ก็ลงไม่ได้ พ่อต้องเข้ามาช่วยอุ้มลง
เมื่อกลับเข้าที่นั่งอีกทีเด็กน้อยเปลี่ยนโต๊ะค่ะ


แม่เดินไปสั่งอาหารและตักน้ำ พอแม่หันกลับมาลูกไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะเดิม
แต่เปลี่ยนโต๊ะตัวใหม่ที่ต่ำกว่าและเค้าสามารถ เข้านั่งและลุกออกจากโต๊ะเองได้
แม่ถามแบบหน้างอ  ตกลงจะนั่งโต๊ะตัวไหนเนี่ย

เด็กน้อยตอบแบบยังพูดไม่ชัดว่า นั่งโต๊ะตัวนี้ มันต่ำ
แม่เมื่อฟังลูกพูดแบบนั้น แม่ต้องย้ายข้าวของที่โต๊ะตัวสูงมานั่งโต๊ะตัวต่ำกับลูก

ฉันนึกในใจ เออหนอ เด็กตัวแค่นี้ยังคิดได้


อีกครอบครัวหนึง ลูกสาวกำลังจะเข้าสู่วัยรุ่นมากับพ่อแม่และน้อง
ลูกสาวในมือถือแท๊บเลตนั่งจิ้มๆๆๆ ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
แม่บอก หนูสวัสดีป้าสิลูก

ลูกสาวคงกำลังเพลินกับสิ่งที่กำลังเล่นอยู่ตรงหน้า
เธอได้แต่ก้มศรีษะนิดหนึงแล้วปากก็พูดว่า หวัดดีค๊า
ฉันอึ้ง....
แม่เค้าเห็นลูกทำแบบนั้นก็ไม่ว่าอะไร

ฉันได้แต่นึก อืมมม นี่เราเข้าสู่สังคมก้มหน้าแบบเต็มตัวเลยหรืออย่างไร



ก็เล่าสู่กันฟังค่ะ




มาเข้าเรื่องที่ฉันได้พูดคุยกับเพื่อนรุ่นน้องเมื่อวานดีกว่า

เมื่อวานฉันเอาผ้าไปส่งซักที่บ้านของเพื่อนรุ่นน้อง
ฉันจอดรถหน้าบ้าน  มองเข้าไปในบ้านเห็นแต่ลูกชายเพื่อน
(ลูกชายเพื่อนอยู่ ป๕ กำลังจะเข้าสู่วัยรุ่น รู้จักแต่งตัว รู้จักใช้น้ำหอม)

บ้านเงียบ  

ฉันเอิ้นเรียกชื่อเพื่อน เพื่อนขานรับ เธอนั่งอยู่ใต้ถุนบ้านฉันเดินไปหา
เธอบอกว่า น้องไม่ได้ยินเสียงรถพี่ น้องกำลังโกรธลูก น้องหูอื้อ...

ฉันเลยถาม โกรธเรื่องอะไร
เธอเล่าให้ฟังว่า เธอดุลูกแล้วลูกยอกย้อน
คำพูดลูกที่เธอโกรธมากก็คือ น้องเป็นลูกแม่ น้องก็เหมือนแม่  ... แม่ใจดำ(เพื่อนพลั้งมือตีลูกไก่ขาเป๋)


(รายละเอียดของเพื่อนคนนี้มันเยอะมากคือเราสนิทกันมาก
เพื่อนคนนี้เป็นคนที่พูดอะไรไม่ค่อยจะคิดก่อน อยากด่าก็ด่า อยากพูดอะไรก็พูด
เอาเรื่องคนอื่นมาพูดคุยในบ้าน
ฉันเคยได้ยินเธอเอาเรื่องคนอื่นมาพูดในวงข้าวที่เธอกับสามีและลูกๆนั่งกินข้าวด้วยกัน
ฉันได้ยินฉันยังตกใจว่าทำไมเธอพูดต่อหน้าลูก
เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องเล็กแต่เธอก็ทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่เช่นเรื่องล้างมือก่อนกินข้าว
ด่าลูกจนลูกน้ำตาร่วงก่อนกินข้าว
ฉันจะคอยเตือนสติเธอตลอดเวลาที่เธอนำปัญหาเรื่องลูกๆมาปรึกษา
ลูกชายคนโตวัย ๑๘ปี ของเธอเรียนไม่จบตอนนี้ก็ออกจากบ้านไปอยู่บ้านแฟน)



ฉันบอกเธอว่า คำพูดที่ลูกย้อนเรา ก็มาจากคำพูดของเราที่ลูกได้ยินเวลาเราพูดคุยโดยไม่ระวังนั่นแหละ
ตัวเป็นคนพูดไม่ค่อยคิด นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด นึกอยากจะด่าก็ด่าโดยไม่ได้นึกถึงว่า ลูกมันนั่งอยู่ตรงนั้น
ลูกฟังนะเวลาเราพูดอะไร แล้วเด็กมันจำ

เราอาจจะมองข้ามว่า มันไม่ใช่เรื่องของเด็ก แต่เด็กจำทุกคำที่เราพูด เพราะฉนั้นเวลาจะด่าใคร หรือพูดถึงใครในทางที่ไม่ดี
ควรมองด้วยว่า ลูกอยู่ตรงนั้นมั้ย  

คำที่ลูกพูด ลูกอาจจะไม่ได้คิดว่าความหมายมันเป็นอย่างไร มันก็พูดตามที่ได้ยินมา

เธอบอก น้องต้องมองที่ตัวน้องก่อนใช่มั้ย ฉันบอก ใช่

ฉันก็พูดๆๆๆ จนความโกรธเธอเบาลง  เธอก็รู้ตัวเองว่าเธอเป็นอย่างที่ฉันพูดทุกอย่างเธอบอกว่าเมื่อเธอได้พูดคุยกับฉันเธอจะได้คิด
แต่พอห่างฉันไปสักสองสามวัน เธอก็เหมือนเดิม เฮ้อออ ฉันก็เหนื่อยกับเธอจริงๆ


สักครู่ฉันเรียกลูกชายเธอมาหา แล้วถามว่า
ฉัน บีทุกวันนี้หนูอยู่กับใคร
บี แม่ครับ
ฉัน แล้วใครให้ตังส์น้องไปโรงเรียน
บี แม่ครับ
ฉัน แล้วเวลากินข้าวใครหุงหาให้กิน
บี แม่ครับ
ฉัน ถ้าแม่ใจดำ แม่คงเอาบีไปทิ้งในป่าตั้งแต่บียังเล็กๆแล้วละ รู้ใช่มั้ยว่าแม่รักบี
บี ครับ
ฉัน ไก่กับแม่อันไหนสำคัญกว่า
บี แม่ครับ
ฉัน ไปขอโทษแม่เลย แม่เค้าน้อยใจที่บีไปว่าเค้า
บี ครับ




เพื่อนยกมือไหว้ขอบคุณฉัน ที่ทำให้ความโกรธเบาบางลง

ฉันบอกเธอต่อ ตอนที่ลูกๆพี่ยังเล็กๆ เรื่องที่พูดคุยในบ้านเวลาที่เราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน จะเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์
จะไม่นำเรื่องคนอื่นมาพูดคุย ในทางเสียหาย ลูกจะติดเป็นนิสัยจนโต


เลี้ยงเด็กให้เป็นคนดีเนี่ย มันยากจริงๆนะ เป็นกำลังใจให้แม่ๆทุกท่านสร้างสรรค์ผลงานของเรา
ให้เติบใหญ่อย่างมีคุณภาพ สู้ๆค่ะ


ปล. ลูกๆ จขกท โต เรียนจบและไปทำงานหมดแล้วค่ะ


ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่