ผมอยากให้มีการแก้ รธน.ใหม่จังเรื่องการลงคะแนนเสียงเนี่ยแหล่ะ อยากให้ไปใช้การเลือกตั้งแบบสองรอบ มันจะได้ประชาธิปไตยแท้ ๆ หน่อย แต่นักการเมืองจะลำบากหน่อย ถ้าอยากเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยตัวจริงเสียงจริง
1. ปาร์ตี้ลิสมีได้ครับ แต่อย่าให้มากเกินไปนัก เอาสัก100-150 ก็พอ ส.ส. ก็ตามสัดส่วนของเขตเลือกตั้งไปแล้วแต่ กกต.ครับ ตามสะดวก ไม่ว่ากัน
2. ระบบการลงคะแนน one man one vote เหมือนเดิมแต่กาสองใบครับ
3. ส.ส. เขตไหนได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก็ชนะเลยแต่ถ้าเขตไหน ส.ส. ได้เสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น ให้เอาคนที่ได้ที่ 1 กับ ที่ 2 มาเลือกใหม่ ในรอบสอง
4. ถ้าในรอบสองผู้มาใช้สิทธิ์ไม่เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ให้งด ส.ส. เขตนั้นไป เพราะประชาชนจะได้ตื่นตัวในภาคการเมือง และสิทธิของตัวเอง ถ้ามาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่ง คนที่ชนะในรอบนี้ชนะเลย
5. สภา ไม่จำเป็นต้องเปิดประชุมสภาครบตามจำนวนเขตหรอกครับ เอาสักไม่น้อยกว่า2/3 ก็น่าจะได้ ถ้าการเลือกตั้งครั้งนั้นประชาชนไปใช้สิทธิแล้วได้ ส.ส. ไม่ถึง 2/3 ของสภา ก็ให้รัฐบาลรักษาการณ์ทำงานไปก่อน แล้วค่อยจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน กี่วันก็ว่ากันไป
6. อ้ออันนี้สำคัญ ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมืองก็ได้ครับ เวลาทำงานเราจะเห็นได้ชัด การออกกฎหมาย การประชุมสภา แห่กันไปตามมติพรรค ทั้ง ๆ ที่เป็นเอกสิทธิส่วนตัว คือถ้า ส.ส.ท่านไหนทำดีในพื้นที่อยู่แล้วก็คงได้เป็นไม่ต้องง้อพรรคหรือบริษัทการเมืองจำกัด
7.ปาร์ตี้ลิส มีสิทธิเป็นแค่
ทีนี้แหล่ะเราจะได้เห็นนักการเมืองที่ต้องอยู่กับประชาชนจริง ๆ ไม่ใช่อยู่กับใครก็ไม่รู้ การซื้อเสียงต้องซื้อในจำนวนทีเยอะมหาศาล ใครจะเสี่ยงซื้อก็เชิญ แต่จะมีใครน้อที่จะแก้กติกาที่ตนไม่ได้ประโยชน์ เสียงในสภาก็จะไม่ผูกขาด ใครเป็นรัฐบาลก็ต้องทำงาน เป็นฝ่ายค้านก็ต้องทำงาน ถ้าทำไมดีประชาชนจะเห็นมากขึ้น เพราะผมงงมากที่ ปาร์ตี้ลิสครั้งที่แล้ว เสียงข้างมากได้ 14 ล้านกว่า เสียงข้างน้อย ได้ 11 ล้านกว่าต่างกัน ประมาณ 3 ล้านกว่าแต่ จำนวน ส.ส. ไหงต่างกันลิบลับ ส.ส.บางคนได้คะแนนแค่เสี้ยวเดียวแต่พูดในสภาหน้าตาเฉยว่าเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย ผมอายแทน อยากให้คนไทยตื่นตัวเรื่องการเมืองครับ ไม่มีจุดประสงค์อื่นใด คิดว่าอย่างไรกันครับ
อยากให้เปลี่ยนวิธีการเลือกตั้งจังครับ เราจะได้ผู้แทนที่มีคุณภาพขึ้นมาอีกหน่อย
1. ปาร์ตี้ลิสมีได้ครับ แต่อย่าให้มากเกินไปนัก เอาสัก100-150 ก็พอ ส.ส. ก็ตามสัดส่วนของเขตเลือกตั้งไปแล้วแต่ กกต.ครับ ตามสะดวก ไม่ว่ากัน
2. ระบบการลงคะแนน one man one vote เหมือนเดิมแต่กาสองใบครับ
3. ส.ส. เขตไหนได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก็ชนะเลยแต่ถ้าเขตไหน ส.ส. ได้เสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น ให้เอาคนที่ได้ที่ 1 กับ ที่ 2 มาเลือกใหม่ ในรอบสอง
4. ถ้าในรอบสองผู้มาใช้สิทธิ์ไม่เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ให้งด ส.ส. เขตนั้นไป เพราะประชาชนจะได้ตื่นตัวในภาคการเมือง และสิทธิของตัวเอง ถ้ามาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่ง คนที่ชนะในรอบนี้ชนะเลย
5. สภา ไม่จำเป็นต้องเปิดประชุมสภาครบตามจำนวนเขตหรอกครับ เอาสักไม่น้อยกว่า2/3 ก็น่าจะได้ ถ้าการเลือกตั้งครั้งนั้นประชาชนไปใช้สิทธิแล้วได้ ส.ส. ไม่ถึง 2/3 ของสภา ก็ให้รัฐบาลรักษาการณ์ทำงานไปก่อน แล้วค่อยจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน กี่วันก็ว่ากันไป
6. อ้ออันนี้สำคัญ ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมืองก็ได้ครับ เวลาทำงานเราจะเห็นได้ชัด การออกกฎหมาย การประชุมสภา แห่กันไปตามมติพรรค ทั้ง ๆ ที่เป็นเอกสิทธิส่วนตัว คือถ้า ส.ส.ท่านไหนทำดีในพื้นที่อยู่แล้วก็คงได้เป็นไม่ต้องง้อพรรคหรือบริษัทการเมืองจำกัด
7.ปาร์ตี้ลิส มีสิทธิเป็นแค่
ทีนี้แหล่ะเราจะได้เห็นนักการเมืองที่ต้องอยู่กับประชาชนจริง ๆ ไม่ใช่อยู่กับใครก็ไม่รู้ การซื้อเสียงต้องซื้อในจำนวนทีเยอะมหาศาล ใครจะเสี่ยงซื้อก็เชิญ แต่จะมีใครน้อที่จะแก้กติกาที่ตนไม่ได้ประโยชน์ เสียงในสภาก็จะไม่ผูกขาด ใครเป็นรัฐบาลก็ต้องทำงาน เป็นฝ่ายค้านก็ต้องทำงาน ถ้าทำไมดีประชาชนจะเห็นมากขึ้น เพราะผมงงมากที่ ปาร์ตี้ลิสครั้งที่แล้ว เสียงข้างมากได้ 14 ล้านกว่า เสียงข้างน้อย ได้ 11 ล้านกว่าต่างกัน ประมาณ 3 ล้านกว่าแต่ จำนวน ส.ส. ไหงต่างกันลิบลับ ส.ส.บางคนได้คะแนนแค่เสี้ยวเดียวแต่พูดในสภาหน้าตาเฉยว่าเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย ผมอายแทน อยากให้คนไทยตื่นตัวเรื่องการเมืองครับ ไม่มีจุดประสงค์อื่นใด คิดว่าอย่างไรกันครับ