คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อย มีความภาคภูมิใจ
ในความเป็นคนไทยขึ้นมาอีกหลายระดับ
เพราะว่าเป็นมาตรฐานแห่งการตีความสิ่งที่เรียกว่า
“ประชาธิปไตย”
ที่สามารถเปรียบเทียบกับมาตรฐานของสากลได้
เป็นการยืนยันว่า
“องค์กรอิสระ” เป็นกลไกสำคัญของระบอบการปกครองประชาธิปไตย
ที่ต้องถ่วงดุลอำนาจทางการเมืองอื่นๆ เพื่อให้เป็นที่พึ่งพาของประชาชน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่เมื่อมีหลักฐานชัดเจนว่า ส.ส. และ ส.ว. ที่มีเสียงข้างมาก
พยายามผลักดันแก้ไขอย่างมีความน่าสงสัยคลางแคลง เสียบบัตรแทน ปลอมแปลงเอกสาร
ข้อความในสำเนาไม่เหมือนต้นร่าง เนื้อหาการแก้ไขมีประเด็น
“ผลประโยชน์ทับซ้อน”
และเร่งรัดกระบวนการพิจารณาอย่างผิดสังเกต
อีกทั้งยังตัดสิทธิการอภิปรายของผู้แปรญัตติ เท่ากับเป็นการใช้เสียงข้างมากในสภา
กระทำการในสิ่งที่ผิดนิติธรรม และขัดแย้งกับความรู้สึกชั่วดีของสังคม
อย่างนี้ผิดหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย ในความหมายที่แท้จริง อย่างแน่นอน
ข้อความตอนหนึ่งของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุไว้เป็นหลักการที่ชัดเจน
และสมควรจะต้องจารึกเอาไว้ให้คนไทยทุกคน นักศึกษา ประชาชน ลูกหลานคนไทยในวันข้างหน้า...
“...เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีความมุ่งหมายที่จะให้องค์กร หรือสถาบันการเมือง
ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้อง ชอบธรรม มีความเป็นอิสระ และซื่อสัตย์สุจริต
เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์
ไม่ประสงค์ที่จะให้องค์กรหรือสถาบันการเมืองใดบิดเบือนการใช้อำนาจโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ปราศจากความชอบธรรมทุกรูปแบบ อีกทั้งไม่ประสงค์ที่จะให้องค์กร หรือสถาบันการเมือง
หยิบยกบทกฎหมายใดมาเป็นข้ออ้าง เพื่อใช้เป็นฐานสนับสนุน ค้ำจุน
ในอันที่จะแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน หรือพวกพ้องจากการใช้อำนาจนั้นๆ...”
เป็นคำอธิบายหลักการแห่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ชัดเจน และหนักแน่น
สอดคล้องกับความเข้าใจและหลักคิดของคนไทยส่วนใหญ่
ยิ่งประเด็น
“เสียงข้างมากในสภา” ยิ่งตรงกับความรู้สึกของคนไทย
ที่ได้ประกาศจุดยืนแล้วว่าจะไม่ยอมให้นักการเมืองและนักเลือกตั้ง
ที่มีเสียงข้างมากกระทำการใดๆ ที่ฉ้อฉล หรือทำลายความเป็นนิติรัฐของบ้านเมือง
เช่น กรณีประท้วงและต่อต้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม “สุดซอย” ขณะนี้
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
Cr. bangkokbiznews 21/11/56
คอลัมน์ : กาแฟดำ
๐๐๐๐๐ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : เสียงข้างมากกับหลักนิติธรรม ๐๐๐๐๐
ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อย มีความภาคภูมิใจ
ในความเป็นคนไทยขึ้นมาอีกหลายระดับ
เพราะว่าเป็นมาตรฐานแห่งการตีความสิ่งที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย”
ที่สามารถเปรียบเทียบกับมาตรฐานของสากลได้
เป็นการยืนยันว่า “องค์กรอิสระ” เป็นกลไกสำคัญของระบอบการปกครองประชาธิปไตย
ที่ต้องถ่วงดุลอำนาจทางการเมืองอื่นๆ เพื่อให้เป็นที่พึ่งพาของประชาชน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่เมื่อมีหลักฐานชัดเจนว่า ส.ส. และ ส.ว. ที่มีเสียงข้างมาก
พยายามผลักดันแก้ไขอย่างมีความน่าสงสัยคลางแคลง เสียบบัตรแทน ปลอมแปลงเอกสาร
ข้อความในสำเนาไม่เหมือนต้นร่าง เนื้อหาการแก้ไขมีประเด็น “ผลประโยชน์ทับซ้อน”
และเร่งรัดกระบวนการพิจารณาอย่างผิดสังเกต
อีกทั้งยังตัดสิทธิการอภิปรายของผู้แปรญัตติ เท่ากับเป็นการใช้เสียงข้างมากในสภา
กระทำการในสิ่งที่ผิดนิติธรรม และขัดแย้งกับความรู้สึกชั่วดีของสังคม
อย่างนี้ผิดหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย ในความหมายที่แท้จริง อย่างแน่นอน
ข้อความตอนหนึ่งของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุไว้เป็นหลักการที่ชัดเจน
และสมควรจะต้องจารึกเอาไว้ให้คนไทยทุกคน นักศึกษา ประชาชน ลูกหลานคนไทยในวันข้างหน้า...
“...เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีความมุ่งหมายที่จะให้องค์กร หรือสถาบันการเมือง
ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้อง ชอบธรรม มีความเป็นอิสระ และซื่อสัตย์สุจริต
เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์
ไม่ประสงค์ที่จะให้องค์กรหรือสถาบันการเมืองใดบิดเบือนการใช้อำนาจโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ปราศจากความชอบธรรมทุกรูปแบบ อีกทั้งไม่ประสงค์ที่จะให้องค์กร หรือสถาบันการเมือง
หยิบยกบทกฎหมายใดมาเป็นข้ออ้าง เพื่อใช้เป็นฐานสนับสนุน ค้ำจุน
ในอันที่จะแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน หรือพวกพ้องจากการใช้อำนาจนั้นๆ...”
เป็นคำอธิบายหลักการแห่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ชัดเจน และหนักแน่น
สอดคล้องกับความเข้าใจและหลักคิดของคนไทยส่วนใหญ่
ยิ่งประเด็น “เสียงข้างมากในสภา” ยิ่งตรงกับความรู้สึกของคนไทย
ที่ได้ประกาศจุดยืนแล้วว่าจะไม่ยอมให้นักการเมืองและนักเลือกตั้ง
ที่มีเสียงข้างมากกระทำการใดๆ ที่ฉ้อฉล หรือทำลายความเป็นนิติรัฐของบ้านเมือง
เช่น กรณีประท้วงและต่อต้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม “สุดซอย” ขณะนี้
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
Cr. bangkokbiznews 21/11/56
คอลัมน์ : กาแฟดำ