ความเดิม ตอนที่ ๑
http://pantip.com/topic/31137933
ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่ติดตามและให้กำลังใจ
ทั้งคะแนนโหวตและกิ๊ป
อ้อ.. รวมถึงคอมเม้นท์ที่ฝากมาพูดคุยทักทายกันด้วยค่ะ
'เกสรผกา'รอรับคำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อนำไปแก้ไขปรับปรุงงานเขียนอยู่นะคะ
..ด้วยความเคารพและขอบคุณจากใจจริง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ณ
.ที่ม้าไม้ยาวใต้ต้นเฟื่องฟ้านั้น ฉันและเจษฎากำลังนั่งชิดติดกันท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน เจษฎานั่งทับมือสองข้างกับเหลี่ยมม้าไม้ สายตาก้มมองดูกลีบดอกเฟื่องฟ้าที่ร่วงหล่นอยู่กับพื้น ฉันเองนั่งกอดอกมองสูงอยู่ที่ช่อดอกไม้สีม่วงอมชมพูสะพรั่งสดใส นานอึดใจใหญ่แล้วที่เราต่างคนต่างเงียบ ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร รู้สึกแต่เพียงว่า ณ.ขณะนี้ ช่างคล้ายกับโลกหดตัวเล็กลง อากาศก็พลอยลดหายไปจนแทบหายใจไม่ออก
ขอบตาทั้งสองข้างของฉันตอนนี้ กำลังรื้นหยาดน้ำใสจนต้องกระพริบตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่อยากปาดมือใดๆกับขอบตาทั้งสิ้น อยากให้มันไหลรินออกมา ตามแต่ใจของเจ้าน้ำใสจะต้องการ
.. บางทีมันอาจจะช่วยชะล้างอะไรบางสิ่งบางอย่างให้สดใสขึ้นมาก็ได้
.. ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิดนะ
..
สายลมอ่อนพรูแผ่วมาทักทาย โดยหอบเอากลิ่นอายดินผสมปนมาด้วย ดูเหมือนอากาศสดชื่นจะเริ่มแทรกตัวเข้ามาช่วยลดความกดดันให้ ฉันสูดลมหายใจยาวก่อนที่จะค่อยๆระบายออกมาด้วยเวลาไม่ต่างกัน เสียงหายใจคงสะกิดให้เจษฎารู้สึกตัว ใบหน้าคมคายมีริ้วรอยอิดโรยนั้น ค่อยๆเบือนหน้ามาทางฉัน
ความเงียบยังทำหน้าที่ของมันต่อ กาลเวลาที่แสนเชื่องช้าก็ยังขยับเขยื้อนด้วยความเหนื่อยล้าอยู่เช่นเดิม
ฉันจ้องมองหน้าเขาเลื่อนลอย และตัดสินใจเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน
" ทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเรา มันต้องสิ้นสุดลงแล้วอย่างนั้นเหรอเจษ?
.. แอมไม่ได้ฝันร้ายอยู่ใช่มั๊ย?
.. แอมตื่นอยู่ใช่มั๊ยเจษ?
.. "
น้ำเสียงของฉันสั่นเครือ มันช่างยากลำบากเหลือเกินกับการเปล่งเสียงใดๆออกมาในห้วงเวลานี้ น้ำตากลับตรงกันข้าม มันช่างง่ายดายเสียจริงกับการเอ่อล้นออกมา ซึ่งขณะนี้มันกำลังไหลอาบร่องแก้มทั้งสองข้างของฉันจนเปียกชื้น
แม้เจษฎาจะยังคงเอียงหน้าอยู่อย่างนั้น แต่สายตาของเขากลับชม้ายขึ้นลงระหว่างมือที่กอดอกและวงหน้าของฉันสลับกัน ท่าทีของเขาบ่งบอกให้รู้ว่า เขากำลังขาดความมั่นใจแม้แต่การสบตากับฉัน สายตาที่เคยเด็ดเดี่ยว
.. สายตาที่เคยมุ่งมั่น
.. และสายตาที่มีแต่ความอ่อนโยน
.. ขณะนี้มันเหลือแค่เพียงสายตาของคนที่ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างเห็นได้ชัด
" เจษขอโทษ
.. ขอโทษแอมจริงๆ " เสียงเอ่ยเอื้อนจากเขาเพิ่งเริ่มต้นขึ้นใหม่ " เจษรู้
..... รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ฝั่งเจษ คนผิดอยู่ที่ทางฝั่งนี้ แอมไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย "
เจษฎาหันกลับไปท้าวข้อศอกทั้งสองข้างกับหัวเข่าซ้ายขวา พร้อมกับยกมือลูบปิดหน้าตัวเอง ฉันเอื้อมมือไปโอบลูบแผ่นหลังของเขาก่อนที่จะแนบแก้มเปียกชื้นลงซบนิ่งกับหลังเสื้อ เสียงสะอื้นแผ่วของฉันทำให้เขาขยับเหยียดนั่งตัวตรง ใบหน้าหมองและสายตาหม่นเงยขึ้นสบสายตากับฉัน
ไม่มีคำพูดใดๆจากเราทั้งสอง นอกจากต่างคนต่างโผเข้าโอบกอดซึ่งกันและกัน
.. เนิ่นนานและเงียบงัน
..
ถัดจากวันนั้นอีกเพียงสามวัน เจษฎาก็เข้าพิธีแต่งงานกับ '
พิมสุคนธ์'
..............................................
..............................................
ชีวิตอีกบทบาทหนึ่งของพ่อเจษฎาได้ปรากฏความจริงขึ้นมาว่า นอกจากครอบครัวหลักที่มีภรรยาและเจษฎาอยู่แล้ว ยังมีอีกครอบครัวหนึ่งซึ่งพ่อของเจษฎาต้องรับผิดชอบในฐานะสามีและพ่อของลูกอีกสองคน ความจริงได้เปิดเผยออกมาด้วยเพราะภรรยาบ้านที่สองเสียชีวิตลงด้วยโรคประจำตัว ลูกชายที่กำลังจะจบปริญญาตรีและลูกสาวอีกคนที่เพิ่งจะเรียนปีหนึ่งในชั้นมหาวิทยาลัย จะต้องได้รับการดูแลและสนับสนุนการศึกษาต่อ เรื่องราวทั้งหมดจึงถูกถ่ายทอดออกมาให้บ้านใหญ่ได้รับรู้ความจริง
แม่ของเจษฏารับไม่ได้ และไม่ยอมออกความเห็นใดๆ มีเพียงเจษฎาที่คอยเคลียร์เรื่องทุกเรื่องประสานมือกับพ่อสองคน เจษฎายินดีรับน้องทั้งสองด้วยความเต็มใจ สุขภาพพ่อเริ่มมีอาการไม่สู้ดี ในขณะที่ต้องลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามความฝันอันสูงสุดของชีวิตที่ได้ตั้งใจเอาไว้ ค่าใช้จ่ายที่รุมเร้าเข้ามาพร้อมๆกัน ทั้งในส่วนของสมาชิกในครอบครัวทุกคนและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งป้ายคัทเอ้าท์ ป้ายโปสเต้อร์หลากหลายชนิด หลากหลายขนาด รวมไปถึงรถกระจายเสียงแนะนำตัว ทำให้พ่อของเจษฎาล้มป่วยลงก่อนหน้าวันเลือกตั้งเพียงสองอาทิตย์ ด้วยความเครียดที่ถาโถมเข้ามารอบด้าน
และแล้ว
.. วันเลือกตั้งก็ผ่านพ้นไปพร้อมๆกับความผิดหวัง
พ่ออาการทรุดหนักลง ทำให้เจษฎาตัดสินใจรับพ่อกลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านโดยมีพยายาลประจำตัวคอยดูแลใกล้ชิด แม่ของเจษฎาจึงเริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับที่บ้านมากขึ้นหลังจากใช้เวลาอยู่กับวัดมากกว่า นับตั้งแต่ได้ทราบความจริงเกี่ยวกับเรื่องบ้านหลังเล็ก
พ่อของ'พิมสุคนธ์'ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร และได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือทางด้านการเงินให้กับครอบครัวของเจษฏาเป็นอย่างดีด้วยความเต็มใจ แล้ววันหนึ่ง พ่อของพิมสุคนธ์และพ่อของเจษฏา ก็เห็นดีเห็นงามกับเรื่องการแต่งงานของหนุ่มสาวทั้งสอง
ฉันรู้ดีว่า
.. คนที่รับผิดชอบครอบครัวตัวจริงคือเจษาฏานั่นเอง
การแต่งงานระหว่างเขากับพิมสุคนธ์จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
..............................................
..............................................
ภาพในห้วงภวังค์ของฉันยังอยู่ในห้องนอนกับแม่เช่นเดิม
.. และยังอยู่บนโซฟาหนังนุ่มด้วยกันเช่นเดิม
..
" เจอคนถูกใจใหม่รึยังลูก? " คำถามนั้นทำให้ฉันชะงักสายตาซึ่งเหม่อมองนิ่งอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ แม่คงสัมผัสความรู้สึกได้จึงรีบพูดเสริม " แม่ก็เพียงคาดหวังอยากให้แอมสบายใจ แล้วก็มีความสุขเหมือนกับลูกสาวคนอื่นๆเค้า แค่นั้นเอง "
" แอมรู้ค่ะแม่ " ฉันเอนศีรษะพิงไหล่ของแม่ " การได้อยู่คนเดียว ได้ใช้ชีวิตด้วยตัวของตัวเองคนเดียวอย่างตอนนี้ มันก็ช่วยให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะแม่ ได้เก็บเกี่ยวสิ่งใหม่ๆเพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข แอมว่า
.. แอมก็มีความสุขดีนะ "
" ยังไม่ได้ตอบอีกคำถามนะ "
" อะไรหนอ?
.. "
" เจอใครพิเศษมั่งรึยัง? "
ฉันแอบอมยิ้มอยู่กับไหล่ของแม่
" ก็บอกแล้วไงค๊าาา
..ว่าอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว แม่กลัวจะไม่ได้เป็นคุณยายใช่ม๊าา
.. งั้น
.. เอาเป็นว่าแอมจะต้องรีบๆหาคนพิเศษโดยไวแล้วล่ะ จะได้มีหลานๆให้คุณยายซักสี่ห้าคน ดีมั๊ยคะ? "
แม่ยักไหล่ข้างที่ฉันเอนพิงอยู่นั้นเบาๆ
" แบบนี้เค้าเรียกพูดจากระทบกระเทียบนะ " แม่พูดอยู่ข้างๆหูของฉัน " ขอให้เจอใครที่ว่านั่นก่อนเห๊อะ แล้วค่อยมาคุยกันเรื่องหลาน "
" ตอนนี้แอมว่านะ
.. แอมมีคนพิเศษที่สุดในชีวิตสองคนก็มีความสุขมากมายแล้ว แม้ตัวแอมอาจจะอยู่ห่างไปหน่อย แต่ความรู้สึกอบอุ่นนั้นอยู่ติดตัวกับแอมตลอดเวลานะ แค่นี้แอมก็พอใจแล้วค่ะแม่ "
แขนข้างที่กอดฉันอยู่นั้นกระชับแน่นขึ้น แม่ซบแก้มกับศีรษะของฉัน สายใยแห่งความรักช่างนุ่มนวลละมุนละไมยิ่งนัก หลายต่อหลายครั้งที่ฉันหลับกับอ้อมกอดอบอุ่นของแม่ จวบจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ บางครั้ง.. ฉันก็ยังเผลอหลับบนตักของแม่อยู่บ่อยๆ แม่ยังคงเป็นแม่ที่โอบอ้อมอบอุ่นมิเคยเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
..
สายลมเย็นที่พัดแผ่วมาสะกิดนั้น ช่วยปลุกให้ฉันกลับคืนสู่ปัจจุบัน
..
ขอบฟ้ามืดดำฟากโพ้นเริ่มมีประกายเส้นแสงแปลบปลาบเป็นระยะๆ ฝนคงตั้งเค้าในม่านมืดอีกแล้ว ฉันหันกลับไปมองนาฬิกาติดผนังในห้องพักคอนโดมิเนียม ขณะนี้สามทุ่มกับสี่สิบนาที อาการง่วงหงาวหาวนอนเริ่มทำงานตามปกติวิสัย ป่านนี้พ่อกับแม่คงหลับไปแล้ว ฉันเองก็ได้เวลานอนแล้วเช่นกัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ลมหายใจแห่งรัก .. ๒
http://pantip.com/topic/31137933
ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่ติดตามและให้กำลังใจ
ทั้งคะแนนโหวตและกิ๊ป
อ้อ.. รวมถึงคอมเม้นท์ที่ฝากมาพูดคุยทักทายกันด้วยค่ะ
'เกสรผกา'รอรับคำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อนำไปแก้ไขปรับปรุงงานเขียนอยู่นะคะ
..ด้วยความเคารพและขอบคุณจากใจจริง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ณ.ที่ม้าไม้ยาวใต้ต้นเฟื่องฟ้านั้น ฉันและเจษฎากำลังนั่งชิดติดกันท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน เจษฎานั่งทับมือสองข้างกับเหลี่ยมม้าไม้ สายตาก้มมองดูกลีบดอกเฟื่องฟ้าที่ร่วงหล่นอยู่กับพื้น ฉันเองนั่งกอดอกมองสูงอยู่ที่ช่อดอกไม้สีม่วงอมชมพูสะพรั่งสดใส นานอึดใจใหญ่แล้วที่เราต่างคนต่างเงียบ ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร รู้สึกแต่เพียงว่า ณ.ขณะนี้ ช่างคล้ายกับโลกหดตัวเล็กลง อากาศก็พลอยลดหายไปจนแทบหายใจไม่ออก
ขอบตาทั้งสองข้างของฉันตอนนี้ กำลังรื้นหยาดน้ำใสจนต้องกระพริบตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่อยากปาดมือใดๆกับขอบตาทั้งสิ้น อยากให้มันไหลรินออกมา ตามแต่ใจของเจ้าน้ำใสจะต้องการ .. บางทีมันอาจจะช่วยชะล้างอะไรบางสิ่งบางอย่างให้สดใสขึ้นมาก็ได้ .. ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิดนะ ..
สายลมอ่อนพรูแผ่วมาทักทาย โดยหอบเอากลิ่นอายดินผสมปนมาด้วย ดูเหมือนอากาศสดชื่นจะเริ่มแทรกตัวเข้ามาช่วยลดความกดดันให้ ฉันสูดลมหายใจยาวก่อนที่จะค่อยๆระบายออกมาด้วยเวลาไม่ต่างกัน เสียงหายใจคงสะกิดให้เจษฎารู้สึกตัว ใบหน้าคมคายมีริ้วรอยอิดโรยนั้น ค่อยๆเบือนหน้ามาทางฉัน
ความเงียบยังทำหน้าที่ของมันต่อ กาลเวลาที่แสนเชื่องช้าก็ยังขยับเขยื้อนด้วยความเหนื่อยล้าอยู่เช่นเดิม
ฉันจ้องมองหน้าเขาเลื่อนลอย และตัดสินใจเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน
" ทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเรา มันต้องสิ้นสุดลงแล้วอย่างนั้นเหรอเจษ? .. แอมไม่ได้ฝันร้ายอยู่ใช่มั๊ย? .. แอมตื่นอยู่ใช่มั๊ยเจษ? .. "
น้ำเสียงของฉันสั่นเครือ มันช่างยากลำบากเหลือเกินกับการเปล่งเสียงใดๆออกมาในห้วงเวลานี้ น้ำตากลับตรงกันข้าม มันช่างง่ายดายเสียจริงกับการเอ่อล้นออกมา ซึ่งขณะนี้มันกำลังไหลอาบร่องแก้มทั้งสองข้างของฉันจนเปียกชื้น
แม้เจษฎาจะยังคงเอียงหน้าอยู่อย่างนั้น แต่สายตาของเขากลับชม้ายขึ้นลงระหว่างมือที่กอดอกและวงหน้าของฉันสลับกัน ท่าทีของเขาบ่งบอกให้รู้ว่า เขากำลังขาดความมั่นใจแม้แต่การสบตากับฉัน สายตาที่เคยเด็ดเดี่ยว .. สายตาที่เคยมุ่งมั่น .. และสายตาที่มีแต่ความอ่อนโยน .. ขณะนี้มันเหลือแค่เพียงสายตาของคนที่ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างเห็นได้ชัด
" เจษขอโทษ .. ขอโทษแอมจริงๆ " เสียงเอ่ยเอื้อนจากเขาเพิ่งเริ่มต้นขึ้นใหม่ " เจษรู้ ..... รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ฝั่งเจษ คนผิดอยู่ที่ทางฝั่งนี้ แอมไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย "
เจษฎาหันกลับไปท้าวข้อศอกทั้งสองข้างกับหัวเข่าซ้ายขวา พร้อมกับยกมือลูบปิดหน้าตัวเอง ฉันเอื้อมมือไปโอบลูบแผ่นหลังของเขาก่อนที่จะแนบแก้มเปียกชื้นลงซบนิ่งกับหลังเสื้อ เสียงสะอื้นแผ่วของฉันทำให้เขาขยับเหยียดนั่งตัวตรง ใบหน้าหมองและสายตาหม่นเงยขึ้นสบสายตากับฉัน
ไม่มีคำพูดใดๆจากเราทั้งสอง นอกจากต่างคนต่างโผเข้าโอบกอดซึ่งกันและกัน .. เนิ่นนานและเงียบงัน ..
ถัดจากวันนั้นอีกเพียงสามวัน เจษฎาก็เข้าพิธีแต่งงานกับ 'พิมสุคนธ์'
..............................................
..............................................
ชีวิตอีกบทบาทหนึ่งของพ่อเจษฎาได้ปรากฏความจริงขึ้นมาว่า นอกจากครอบครัวหลักที่มีภรรยาและเจษฎาอยู่แล้ว ยังมีอีกครอบครัวหนึ่งซึ่งพ่อของเจษฎาต้องรับผิดชอบในฐานะสามีและพ่อของลูกอีกสองคน ความจริงได้เปิดเผยออกมาด้วยเพราะภรรยาบ้านที่สองเสียชีวิตลงด้วยโรคประจำตัว ลูกชายที่กำลังจะจบปริญญาตรีและลูกสาวอีกคนที่เพิ่งจะเรียนปีหนึ่งในชั้นมหาวิทยาลัย จะต้องได้รับการดูแลและสนับสนุนการศึกษาต่อ เรื่องราวทั้งหมดจึงถูกถ่ายทอดออกมาให้บ้านใหญ่ได้รับรู้ความจริง
แม่ของเจษฏารับไม่ได้ และไม่ยอมออกความเห็นใดๆ มีเพียงเจษฎาที่คอยเคลียร์เรื่องทุกเรื่องประสานมือกับพ่อสองคน เจษฎายินดีรับน้องทั้งสองด้วยความเต็มใจ สุขภาพพ่อเริ่มมีอาการไม่สู้ดี ในขณะที่ต้องลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามความฝันอันสูงสุดของชีวิตที่ได้ตั้งใจเอาไว้ ค่าใช้จ่ายที่รุมเร้าเข้ามาพร้อมๆกัน ทั้งในส่วนของสมาชิกในครอบครัวทุกคนและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งป้ายคัทเอ้าท์ ป้ายโปสเต้อร์หลากหลายชนิด หลากหลายขนาด รวมไปถึงรถกระจายเสียงแนะนำตัว ทำให้พ่อของเจษฎาล้มป่วยลงก่อนหน้าวันเลือกตั้งเพียงสองอาทิตย์ ด้วยความเครียดที่ถาโถมเข้ามารอบด้าน
และแล้ว.. วันเลือกตั้งก็ผ่านพ้นไปพร้อมๆกับความผิดหวัง
พ่ออาการทรุดหนักลง ทำให้เจษฎาตัดสินใจรับพ่อกลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านโดยมีพยายาลประจำตัวคอยดูแลใกล้ชิด แม่ของเจษฎาจึงเริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับที่บ้านมากขึ้นหลังจากใช้เวลาอยู่กับวัดมากกว่า นับตั้งแต่ได้ทราบความจริงเกี่ยวกับเรื่องบ้านหลังเล็ก
พ่อของ'พิมสุคนธ์'ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร และได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือทางด้านการเงินให้กับครอบครัวของเจษฏาเป็นอย่างดีด้วยความเต็มใจ แล้ววันหนึ่ง พ่อของพิมสุคนธ์และพ่อของเจษฏา ก็เห็นดีเห็นงามกับเรื่องการแต่งงานของหนุ่มสาวทั้งสอง
ฉันรู้ดีว่า.. คนที่รับผิดชอบครอบครัวตัวจริงคือเจษาฏานั่นเอง
การแต่งงานระหว่างเขากับพิมสุคนธ์จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
..............................................
..............................................
ภาพในห้วงภวังค์ของฉันยังอยู่ในห้องนอนกับแม่เช่นเดิม .. และยังอยู่บนโซฟาหนังนุ่มด้วยกันเช่นเดิม..
" เจอคนถูกใจใหม่รึยังลูก? " คำถามนั้นทำให้ฉันชะงักสายตาซึ่งเหม่อมองนิ่งอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ แม่คงสัมผัสความรู้สึกได้จึงรีบพูดเสริม " แม่ก็เพียงคาดหวังอยากให้แอมสบายใจ แล้วก็มีความสุขเหมือนกับลูกสาวคนอื่นๆเค้า แค่นั้นเอง "
" แอมรู้ค่ะแม่ " ฉันเอนศีรษะพิงไหล่ของแม่ " การได้อยู่คนเดียว ได้ใช้ชีวิตด้วยตัวของตัวเองคนเดียวอย่างตอนนี้ มันก็ช่วยให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะแม่ ได้เก็บเกี่ยวสิ่งใหม่ๆเพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข แอมว่า.. แอมก็มีความสุขดีนะ "
" ยังไม่ได้ตอบอีกคำถามนะ "
" อะไรหนอ?.. "
" เจอใครพิเศษมั่งรึยัง? "
ฉันแอบอมยิ้มอยู่กับไหล่ของแม่
" ก็บอกแล้วไงค๊าาา..ว่าอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว แม่กลัวจะไม่ได้เป็นคุณยายใช่ม๊าา.. งั้น.. เอาเป็นว่าแอมจะต้องรีบๆหาคนพิเศษโดยไวแล้วล่ะ จะได้มีหลานๆให้คุณยายซักสี่ห้าคน ดีมั๊ยคะ? "
แม่ยักไหล่ข้างที่ฉันเอนพิงอยู่นั้นเบาๆ
" แบบนี้เค้าเรียกพูดจากระทบกระเทียบนะ " แม่พูดอยู่ข้างๆหูของฉัน " ขอให้เจอใครที่ว่านั่นก่อนเห๊อะ แล้วค่อยมาคุยกันเรื่องหลาน "
" ตอนนี้แอมว่านะ.. แอมมีคนพิเศษที่สุดในชีวิตสองคนก็มีความสุขมากมายแล้ว แม้ตัวแอมอาจจะอยู่ห่างไปหน่อย แต่ความรู้สึกอบอุ่นนั้นอยู่ติดตัวกับแอมตลอดเวลานะ แค่นี้แอมก็พอใจแล้วค่ะแม่ "
แขนข้างที่กอดฉันอยู่นั้นกระชับแน่นขึ้น แม่ซบแก้มกับศีรษะของฉัน สายใยแห่งความรักช่างนุ่มนวลละมุนละไมยิ่งนัก หลายต่อหลายครั้งที่ฉันหลับกับอ้อมกอดอบอุ่นของแม่ จวบจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ บางครั้ง.. ฉันก็ยังเผลอหลับบนตักของแม่อยู่บ่อยๆ แม่ยังคงเป็นแม่ที่โอบอ้อมอบอุ่นมิเคยเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด..
สายลมเย็นที่พัดแผ่วมาสะกิดนั้น ช่วยปลุกให้ฉันกลับคืนสู่ปัจจุบัน..
ขอบฟ้ามืดดำฟากโพ้นเริ่มมีประกายเส้นแสงแปลบปลาบเป็นระยะๆ ฝนคงตั้งเค้าในม่านมืดอีกแล้ว ฉันหันกลับไปมองนาฬิกาติดผนังในห้องพักคอนโดมิเนียม ขณะนี้สามทุ่มกับสี่สิบนาที อาการง่วงหงาวหาวนอนเริ่มทำงานตามปกติวิสัย ป่านนี้พ่อกับแม่คงหลับไปแล้ว ฉันเองก็ได้เวลานอนแล้วเช่นกัน