๙
ราตรีมาเยือนแสงไฟเหลืองส้ม จากคบเพลิงสองข้างทางสว่างเรืองรองตลอดทางเดินในป้อม เงาสะท้อนบนผนังหินทอดยาว เอราเดินมาหยุดยืนหน้าประตูห้องอลัน กำลังยกมือจะเคาะประตูไม้
"เข้ามาได้ ประตูไม่ได้ล็อก" เสียงข้างในห้องดังขึ้นมาก่อน
หญิงสาวผลักประตูเข้าไป กลิ่นควันไฟอ่อน ๆ คลุ้งอยู่ในห้อง อลันนั่งรออยู่บนเตียง ดวงตาคมเข้มทอดมองอย่างรู้ทัน
"ถอดเสื้อออกอลัน" หญิงสาวกล่าวเสียงเรียบ
"เร้าใจไม่แผ่วเลยนะ" ชายหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย
เอรานั่งลงข้าง ๆ สายตาจ้องมองแผ่นหลังชายหนุ่มที่มีแผลเป็นไฟไหม้กระจายเต็มหลัง หญิงสาวยกมือลูบไล้แผ่นหลังแผ่วเบา ก่อนจะเปิดขวดยาบรรจงทารอยไหม้บนแผ่นหลังให้อลัน
"ไฟบรรลัยกัลป์สร้างแผลเป็นให้แก่ท่าน หากท่านยังขืนใช้มันต่อไป เปลวเพลิงจะแผดเผาตัวท่านเอง"
มือของเอราหยุดลงเพียงชั่วครู่ ก่อนที่นางจะถอนหายใจเบา ๆ "ข้า...เป็นห่วงท่าน"
อลันเงียบไปชั่วขณะ ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวสลายหายไป "ข้ารู้ เอรา"
"ไฟบรรลัยกัลป์มิเพียงทำให้ท่านเกิดรอยแผลเป็น ซ้ำยังทำให้ท่านใช้พลังอัคคีไม่ได้ห้าวัน โชคดีที่พวกมันยังหาเราไม่เจอ"
ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ คว้าเสื้อมาสวม "ข้ายังใช้ดาบได้ดี ท่านอย่าได้ห่วงเลย"
เอรามองตาม พลางส่ายหน้าเบา ๆ "ท่านมันดื้อรั้นนัก...แต่ข้ายังห่วงอยู่ดี"
"ท่านกล่าวเช่นนี้ ทำข้าอยากกอดท่านซะแล้ว"
"ข้าเกรงว่าท่านจะทำอย่างอื่นมากกว่ากอด" หญิงสาวอมยิ้ม มือสองข้างตบหน้าขาตัวเอง แล้วลุกขึ้นยืน หันมองชายหนุ่มแล้วพูดต่อ "พรุ่งนี้ข้าจะลองฝึกเรให้ปลดปล่อยและควบคุมพลังในตัวเขา"
ชายหนุ่มนั่งฟังอย่างสงบเงียบดวงตาจ้องมองหญิงสาวที่กำลังจะเดินออกจากห้อง
"ท่านไม่อยู่ให้ข้าทำอะไรมากกว่ากอดรึ" อลันเย้า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมุมปาก
"ฝันไปเถอะอลัน" เอราปิดประตูตามหลังดังปัง
รอยยิ้มฉายอิ่มเต็มใบหน้าชายหนุ่ม ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งกายลงนอนไม่นานจึงหลับไป
......
ทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างสุดสายตา สายลมพัดเอื่อยเย็นสบาย ต้นไม้สามสี่ต้นเรียงรายห่างกันเป็นระยะ บนเนินดินมีหินก้อนใหญ่ประดับอยู่ ร่างสองร่างปรากฏขึ้นตรงยอดเนิน ก่อนจะไถลกายลงสู่ทุ่งหญ้าเบื้องล่าง
เรสะดุดโขดหินล้มร่างกลิ้งหลุน ๆ ลงจากเนิน ขณะที่คีรินทร์วิ่งตามมาติด ๆ ด้วยความคล่องแคล่ว กระโดดข้ามหินผาด้วยท่วงท่าชำนาญ
"อีกหน่อยเจ้าก็จะคล่องเหมือนข้า" คีรินทร์ยื่นมือให้เรจับแล้วดึงขึ้น เด็กชายโซเซเล็กน้อย รู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งร่าง
"ไม่เป็นไรนะ" คีรินทร์ถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
เรยิ้มแหย ๆ แล้วส่ายหน้า ก่อนยกมือปัดเศษหญ้าออกจากเสื้อผ้า
"ข้าว่าเรามาสายแล้วละ โดนเอราดุแน่ ๆ" คีรินทร์พูดไม่ทันจบ สายลมหอบใหญ่พัดโหม คลื่นลมหมุนวนโอบล้อมร่างทั้งสอง ยกพวกเขาลอยขึ้นเหนือพื้น หอบละลิ่วไปยังต้นไม้ใหญ่ที่เอรายืนอยู่
หญิงสาวยกมือไพล่หลัง ลมที่หอบร่างทั้งคู่พลันสลาย พวกเขาร่วงลงบนพื้นหญ้า ส่งเสียงร้อง "โอ๊ย!" พร้อมกัน
"เอาละ ลุกขึ้น ข้าจะสอนพวกเจ้าปลดปล่อยพลัง" เอรากล่าวด้วยเสียงเรียบแต่ทรงพลัง
"ข้ามีพลังแบบอลันกับเลโอด้วยหรือ?" เรรีบลุกขึ้นถามดวงตาเป็นประกาย
เอราหันมองเด็กชาย แววตาอ่อนโยนปนจริงจัง นางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนกล่าวขึ้นว่า
"เร เจ้าต้องรู้สิ่งหนึ่ง สิ่งที่อยู่ในตัวเจ้าคือ อัญมณีโลหิต ขุมพลังมหาศาลที่ซ่อนอยู่ภายใน หากไม่เรียนรู้ควบคุม วันหนึ่งมันจะกลืนกินเจ้าเสียเอง"
ดวงตาเรเบิกกว้างด้วยความตะลึง ส่วนคีรินทร์อ้าปากค้างเหมือนเจอเรื่องเหลือเชื่อ
"ข้ามีอะไรนะ" เรพูดติดขัด
"อัญมณีโลหิต" เอรากล่าวย้ำชัดถ้อย
"เห็นไหม ข้าบอกแล้วว่าเจ้ามีพลัง!" คีรินทร์โอบไหล่เร เขย่าเบา ๆ พลางหัวเราะ "แต่ฟังดูน่ากลัวชะมัด" ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมพร้อมทำท่าขนลุกตัวสั่นเล็กน้อย
"ยืนห่างออกจากกัน" เอรากางแขนส่งสัญญาณให้ทั้งสองถอยออกไป "คีรินทร์ ข้ารู้ว่าพลังของเจ้าคือปฐพี ส่วนเร ข้ายังไม่รู้ว่าพลังของเจ้าเป็นสิ่งใด เจ้าต้องค้นหามันด้วยตัวเอง...หลับตาลง" หญิงสาวกล่าวเสียงทุ้มหนัก
"ปล่อยใจให้ว่าง อย่าคิดเรื่องใดทั้งสิ้น ใช้ประสาทสัมผัสรับรู้สิ่งรอบกาย กลิ่น เสียง ผิวสัมผัส อุณหภูมิ จากนั้นปิดกั้นสิ่งเหล่านี้ แล้วหันกลับไปฟังเสียงจากภายใน รู้สึกถึงสิ่งที่ไหลเวียนในกาย...เหมือนสายเลือดที่หล่อเลี้ยงทั่วทั้งร่าง"
เอราหยุดพูด ปล่อยให้ทั้งสองลงมือทำ คีรินทร์เม้มปากแน่น หน้าผากย่นดูยุ่งยาก เหงื่อไหลซึมออกมา หอบหายใจผิดปกติ
"คีรินทร์ อย่าเกร็ง เจ้าพยายามเกินไป" เอรากล่าวเสียงอ่อน "ปล่อยกายตามสบาย ค่อย ๆ ซึมซับสิ่งที่อยู่ข้างใน มองเห็นมัน แล้วดึงพลังออกมารวมไว้ที่ฝ่ามือ"
คีรินทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอ และเริ่มสัมผัสได้ถึงความอุ่นบริเวณท้อง ก่อนจะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ฉับพลันร่างเหมือนถูกดึงเข้าสู่ห้วงภวังค์ กลางผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ อุดมด้วยพฤกษานานาพันธุ์ ลมเย็นชื้นพัดผ่านแก้ม เสียงขับขานอันไพเราะก้องกังวานแว่วเข้าโสตประสาท
'ปฐพียิ่งใหญ่จงแตะต้อง จิตสอดคล้องหนักแน่นดังหินผา ซื่อสัตย์ตรงมีเมตตาเพื่อโลกา เพียงวาจาเอื้อนเอ่ยจักเผยพลัน'
คีรินทร์สะดุ้งตื่น หอบแรง เหงื่อท่วมตัว เข่าทรุดลง ฝ่ามือทั้งสองแนบกับพื้นหญ้า
"ปฐพีสะเทือน!"
แผ่นดินรอบตัวสั่นสะเทือน ปริแตกเป็นรอยร้าว ก่อนจะสงบลงอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่ง หอบหายใจแรง
"เจ้าทำได้ คีรินทร์" เอรากล่าว "แต่เจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะควบคุมมันให้มั่นคง"
คีรินทร์โบกมือพัลวัน "แค่นี้ข้าก็แทบขาดใจแล้ว ราวกับวิ่งข้ามภูเขามาหนึ่งรอบ ร่างกายหนักอึ้งไปหมด"
เอราระบายลมหายใจแผ่วเบาแล้วกล่าวเสียงเรียบ
"เมื่อใดที่เจ้ารู้สึกว่าร่างกายเบาเวลาปลดปล่อยพลัง เมื่อนั้นเจ้ากับพลังจะกลายเป็นหนึ่งเดียว แต่ตอนนี้ เจ้ายังแยกจากกันอยู่ เจ้าต้องฝึกฝนอีกมาก"
..........
นักล่าปีศาจ ๙
"เข้ามาได้ ประตูไม่ได้ล็อก" เสียงข้างในห้องดังขึ้นมาก่อน
หญิงสาวผลักประตูเข้าไป กลิ่นควันไฟอ่อน ๆ คลุ้งอยู่ในห้อง อลันนั่งรออยู่บนเตียง ดวงตาคมเข้มทอดมองอย่างรู้ทัน
"ถอดเสื้อออกอลัน" หญิงสาวกล่าวเสียงเรียบ
"เร้าใจไม่แผ่วเลยนะ" ชายหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย
เอรานั่งลงข้าง ๆ สายตาจ้องมองแผ่นหลังชายหนุ่มที่มีแผลเป็นไฟไหม้กระจายเต็มหลัง หญิงสาวยกมือลูบไล้แผ่นหลังแผ่วเบา ก่อนจะเปิดขวดยาบรรจงทารอยไหม้บนแผ่นหลังให้อลัน
"ไฟบรรลัยกัลป์สร้างแผลเป็นให้แก่ท่าน หากท่านยังขืนใช้มันต่อไป เปลวเพลิงจะแผดเผาตัวท่านเอง"
มือของเอราหยุดลงเพียงชั่วครู่ ก่อนที่นางจะถอนหายใจเบา ๆ "ข้า...เป็นห่วงท่าน"
อลันเงียบไปชั่วขณะ ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวสลายหายไป "ข้ารู้ เอรา"
"ไฟบรรลัยกัลป์มิเพียงทำให้ท่านเกิดรอยแผลเป็น ซ้ำยังทำให้ท่านใช้พลังอัคคีไม่ได้ห้าวัน โชคดีที่พวกมันยังหาเราไม่เจอ"
ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ คว้าเสื้อมาสวม "ข้ายังใช้ดาบได้ดี ท่านอย่าได้ห่วงเลย"
เอรามองตาม พลางส่ายหน้าเบา ๆ "ท่านมันดื้อรั้นนัก...แต่ข้ายังห่วงอยู่ดี"
"ท่านกล่าวเช่นนี้ ทำข้าอยากกอดท่านซะแล้ว"
"ข้าเกรงว่าท่านจะทำอย่างอื่นมากกว่ากอด" หญิงสาวอมยิ้ม มือสองข้างตบหน้าขาตัวเอง แล้วลุกขึ้นยืน หันมองชายหนุ่มแล้วพูดต่อ "พรุ่งนี้ข้าจะลองฝึกเรให้ปลดปล่อยและควบคุมพลังในตัวเขา"
ชายหนุ่มนั่งฟังอย่างสงบเงียบดวงตาจ้องมองหญิงสาวที่กำลังจะเดินออกจากห้อง
"ท่านไม่อยู่ให้ข้าทำอะไรมากกว่ากอดรึ" อลันเย้า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมุมปาก
"ฝันไปเถอะอลัน" เอราปิดประตูตามหลังดังปัง
รอยยิ้มฉายอิ่มเต็มใบหน้าชายหนุ่ม ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งกายลงนอนไม่นานจึงหลับไป
เรสะดุดโขดหินล้มร่างกลิ้งหลุน ๆ ลงจากเนิน ขณะที่คีรินทร์วิ่งตามมาติด ๆ ด้วยความคล่องแคล่ว กระโดดข้ามหินผาด้วยท่วงท่าชำนาญ
"อีกหน่อยเจ้าก็จะคล่องเหมือนข้า" คีรินทร์ยื่นมือให้เรจับแล้วดึงขึ้น เด็กชายโซเซเล็กน้อย รู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งร่าง
"ไม่เป็นไรนะ" คีรินทร์ถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
เรยิ้มแหย ๆ แล้วส่ายหน้า ก่อนยกมือปัดเศษหญ้าออกจากเสื้อผ้า
"ข้าว่าเรามาสายแล้วละ โดนเอราดุแน่ ๆ" คีรินทร์พูดไม่ทันจบ สายลมหอบใหญ่พัดโหม คลื่นลมหมุนวนโอบล้อมร่างทั้งสอง ยกพวกเขาลอยขึ้นเหนือพื้น หอบละลิ่วไปยังต้นไม้ใหญ่ที่เอรายืนอยู่
หญิงสาวยกมือไพล่หลัง ลมที่หอบร่างทั้งคู่พลันสลาย พวกเขาร่วงลงบนพื้นหญ้า ส่งเสียงร้อง "โอ๊ย!" พร้อมกัน
"เอาละ ลุกขึ้น ข้าจะสอนพวกเจ้าปลดปล่อยพลัง" เอรากล่าวด้วยเสียงเรียบแต่ทรงพลัง
"ข้ามีพลังแบบอลันกับเลโอด้วยหรือ?" เรรีบลุกขึ้นถามดวงตาเป็นประกาย
เอราหันมองเด็กชาย แววตาอ่อนโยนปนจริงจัง นางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนกล่าวขึ้นว่า
"เร เจ้าต้องรู้สิ่งหนึ่ง สิ่งที่อยู่ในตัวเจ้าคือ อัญมณีโลหิต ขุมพลังมหาศาลที่ซ่อนอยู่ภายใน หากไม่เรียนรู้ควบคุม วันหนึ่งมันจะกลืนกินเจ้าเสียเอง"
ดวงตาเรเบิกกว้างด้วยความตะลึง ส่วนคีรินทร์อ้าปากค้างเหมือนเจอเรื่องเหลือเชื่อ
"ข้ามีอะไรนะ" เรพูดติดขัด
"อัญมณีโลหิต" เอรากล่าวย้ำชัดถ้อย
"เห็นไหม ข้าบอกแล้วว่าเจ้ามีพลัง!" คีรินทร์โอบไหล่เร เขย่าเบา ๆ พลางหัวเราะ "แต่ฟังดูน่ากลัวชะมัด" ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมพร้อมทำท่าขนลุกตัวสั่นเล็กน้อย
"ยืนห่างออกจากกัน" เอรากางแขนส่งสัญญาณให้ทั้งสองถอยออกไป "คีรินทร์ ข้ารู้ว่าพลังของเจ้าคือปฐพี ส่วนเร ข้ายังไม่รู้ว่าพลังของเจ้าเป็นสิ่งใด เจ้าต้องค้นหามันด้วยตัวเอง...หลับตาลง" หญิงสาวกล่าวเสียงทุ้มหนัก
"ปล่อยใจให้ว่าง อย่าคิดเรื่องใดทั้งสิ้น ใช้ประสาทสัมผัสรับรู้สิ่งรอบกาย กลิ่น เสียง ผิวสัมผัส อุณหภูมิ จากนั้นปิดกั้นสิ่งเหล่านี้ แล้วหันกลับไปฟังเสียงจากภายใน รู้สึกถึงสิ่งที่ไหลเวียนในกาย...เหมือนสายเลือดที่หล่อเลี้ยงทั่วทั้งร่าง"
เอราหยุดพูด ปล่อยให้ทั้งสองลงมือทำ คีรินทร์เม้มปากแน่น หน้าผากย่นดูยุ่งยาก เหงื่อไหลซึมออกมา หอบหายใจผิดปกติ
"คีรินทร์ อย่าเกร็ง เจ้าพยายามเกินไป" เอรากล่าวเสียงอ่อน "ปล่อยกายตามสบาย ค่อย ๆ ซึมซับสิ่งที่อยู่ข้างใน มองเห็นมัน แล้วดึงพลังออกมารวมไว้ที่ฝ่ามือ"
คีรินทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอ และเริ่มสัมผัสได้ถึงความอุ่นบริเวณท้อง ก่อนจะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ฉับพลันร่างเหมือนถูกดึงเข้าสู่ห้วงภวังค์ กลางผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ อุดมด้วยพฤกษานานาพันธุ์ ลมเย็นชื้นพัดผ่านแก้ม เสียงขับขานอันไพเราะก้องกังวานแว่วเข้าโสตประสาท
'ปฐพียิ่งใหญ่จงแตะต้อง จิตสอดคล้องหนักแน่นดังหินผา ซื่อสัตย์ตรงมีเมตตาเพื่อโลกา เพียงวาจาเอื้อนเอ่ยจักเผยพลัน'
คีรินทร์สะดุ้งตื่น หอบแรง เหงื่อท่วมตัว เข่าทรุดลง ฝ่ามือทั้งสองแนบกับพื้นหญ้า
"ปฐพีสะเทือน!"
แผ่นดินรอบตัวสั่นสะเทือน ปริแตกเป็นรอยร้าว ก่อนจะสงบลงอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่ง หอบหายใจแรง
"เจ้าทำได้ คีรินทร์" เอรากล่าว "แต่เจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะควบคุมมันให้มั่นคง"
คีรินทร์โบกมือพัลวัน "แค่นี้ข้าก็แทบขาดใจแล้ว ราวกับวิ่งข้ามภูเขามาหนึ่งรอบ ร่างกายหนักอึ้งไปหมด"
เอราระบายลมหายใจแผ่วเบาแล้วกล่าวเสียงเรียบ
"เมื่อใดที่เจ้ารู้สึกว่าร่างกายเบาเวลาปลดปล่อยพลัง เมื่อนั้นเจ้ากับพลังจะกลายเป็นหนึ่งเดียว แต่ตอนนี้ เจ้ายังแยกจากกันอยู่ เจ้าต้องฝึกฝนอีกมาก"