เจ้าฟ้ามูรตี
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1
http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2
http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3
http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4
http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5
http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6
http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7
http://pantip.com/topic/31068381
*****************
บทที่ 8
ข้างฝ่ายอาณาจักรละวิรัฐในครานั้น...
องค์สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศ ได้เสด็จกลับสู่พระนคร ภายหลังจากทรงเดินทางไปเกาะเทพธิดา
เรือสำเภาพระที่นั่งจอดเทียบท่า ท่ามกลางเหล่าปวงประชา แลพสกนิกรทั้งหลายที่มาเฝ้ารับเสด็จพร้อมส่งเสียงไชโยโห่ร้องโบกไม้โบกมือ แลโบกธงทิวกันสลอน
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากา พระชายาเชื้อสายภูธราประเทศได้เสด็จขึ้นไปรับสมเด็จพระสวามีถึงพระระเบียงบน อันมีพระวิสูตรอันบางเบาปกปิด
ในมิช้า มหาดเล็กสองนายก็ค่อยๆคลี่ม้วนม่านนั้นออก แลพระหน่อเนื้อเจ้าแผ่นดินก็ทรงเผยพระองค์ออกมาอย่างสง่างาม
" เจ้าพี่ท่าน...!!!!!! "
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาทรงส่งพระสุรเสียงแหลมในทันทีที่สายพระเนตรแห่งพระนางทอดไปยังร่างของพระสวามีผู้อยู่ในชุดอิสตรีอันงดงาม อีกทั้งดวงพักตร์ก็ประทินแป้งร่ำวาดทาสีเนตรแลโอษฐ์อย่างกับหญิงสาวในวัง
" ทำตื่นตระหนกไปได้ ศรีตะกุเจ้า ราวกับเห็นปีศาจกระนั้นแล "
เจ้าฟ้าฉกรรณราชาดำรัสพลางยิ้มหวาน พลางทรงโบกพระวิชนีจีบในพระหัตถ์อย่างแผ่วผิว สมเด็จพระชายาทรงกัดพระทนต์ดำรัสออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า
" เจ้าพี่ท่าน ไฉนจึงฉลองพระองค์เช่นนี้ ? "
" อ้าว... กระไรได้พระน้องนาง เมื่อพี่เดินทางไปถึงเกาะเทพธิดา หากมิกระทำตนเสมอเสมือนเขาแล้วเขาจะต้อนรับขับสู้เรากระนั้นฤา "
สมเด็จพระชายาทรงฝืนพระทัยดำรัสว่า
" เจ้าพี่คงไม่สดับข่าว ว่าบัดนี้เจ้านางแก้วกานดา สมเด็จพระขนิษฐาของพระองค์ทรงถูกเจ้าฟ้ามูรตีช่วงชิงไปเป็นพระสนมเอกแล้วกระมัง "
" เหรอ... "
พระดำรัสเย็นชาเฉยเมยแห่งองค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชาอุบัติขึ้น ยังความประหลาดพระทัยให้เกิดแก่องค์สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาเป็นที่ยิ่ง
" อ๊ะ... กระไรกัน ? เจ้าพี่มิทรงประหวั่นพรั่นพรึงคะนึงหาอันใดเลยกระนั้นฤา "
" เพลานี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้น น้องยาเจ้า "
ตรัสจบองค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชาทรงผินพระพักตร์ไปยังบุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแต่งกายอย่างขุนศึก
" ขอแนะนำ กัตตบุษย์ แม่ทัพคนใหม่แห่งอาณาจักรละวิรัฐเรา เขาจะเป็นหนึ่งในเหล่าองค์รักษ์ผู้ภักดีแห่งข้า "
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาทรงตะลึงชะงักอยู่ตรงนั้น สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชาเสด็จควงแขนแม่ทัพรูปงามลงจากสำเภาแล้วขึ้นพระราชยานคานหาม มุ่งสู่พระบรมมหาราชวังในทันใด
- - - - - - - - -
ณ ราตรีหนึ่ง
มาร์ฒแม้นดารณีย์ศรีวังละวิรัฐ นางแบกพระสุพรรณศรี พระสุพรรณราชผู้สอดรู้ ได้เล็ดลอดเข้าสู่เขตพระบรมราชรโหฐานชั้นใน นางหลบลี้หนีสายตาแห่งราชองครักษ์ผู้กำยำจำนวนหนึ่งไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนกระทั่งถึงห้องพระบรรทมแห่งองค์สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชา
ในที่สุด นางแนบใบหน้าเข้ายังร่องพระบัญชรห้องพระบรรทมแห่งนั้น และแล้ว สิ่งที่นางได้แลเห็นก็คือภาพเจ้าฟ้าฉกรรณราชากำลังปรนเปรอสวาทอย่างเผ็ดร้อนอยู่กับกัตตบุษย์ผู้สง่างามสมชายชาตรี
ฝ่าพระหัตถ์อันเนียนนุ่มแห่งเชื้อพระวงศ์บรรจงลูบไล้เรือนกายอันกำยำล่ำสันเป็นมันระยับของแม่ทัพหนุ่มชาวเกาะเทพธิดาผู้นี้อย่างคลั่งไคล้และเต็มไปด้วยเพลิงเสน่หาอันคุกรุ่น
มาร์ฒแม้นดารณีย์อิสตรีผู้ใฝ่สูง ได้รีบผละกายจากมาก่อนจะรีบตรงไปยังหอพระเทพอีมูในทันควัน
นางเร่งรุดเข้ากราบทูลทุกสรรพสิ่งให้องค์สมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐวัยชราได้ทรงทราบเฉกเช่นทุกครา
" กาลชักจะไปกันใกญ่แล้วนะเพคะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท องค์เจ้าฟ้าทรงกระทำการอุบาทว์เกินจะรับไหว ทรงไม่ใส่พระทัยในคำทัดทานของผู้ใด แม้กระทั่งสมเด็จพระศรีตะกุมะลากาพระชายา ขนาดสมเด็จพระขนิษฐาแก้วกานดาถูกเจ้าฟ้ามูรตีชิงตัวไปเป็นพระสนมเอก ยังมิทรงคิดที่จะติดตามชิงตัวกลับมาเลยเพคะ "
" อะไรนะ !!!! ? "
สมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐพระดำรัสลั่นดุจราชสีห์คำราม ตรัสอีกว่า
" เจ้า... เจ้าว่าอีกทีซิ "
มาร์ฒแม้นดารณีย์ตัวสั่นกราบทูลเสียงสั่นเครือ
" ก..ก็ สมเด็จเจ้านางแก้วกานดาไงเพคะ ทรงถูกเจ้าฟ้ามูรตีลักพาตัวไปอนันตาเสียนาน นี่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทไม่ทรงทราบหรอกเหรอเพคะ "
พระเจ้ากรุงละวิรัฐเมื่อทรงทราบดังนั้นก็ทรงทรุดพระวรกายลงกับพระแท่นบรรทมโดยพลัน ทรงสลบไศลไม่ได้พระสติไปในบัดนั้น
- - - - - - - - -
กลางราตรีกาล...
เสียงอึกทึกครึกโครมบังเกิดขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เหล่านางกำนัลมากมายวิ่งพล่านกันไปทั่ว เฉกเช่นเดียวกันกับเหล่านายทหารมหาดเล็กที่รีบกระจายกันไปตามหาแพทย์หลวงมาดูพระอาการ
นางกำนัลผู้หนึ่งวิ่งไปตามทางเดินในวังอย่างว่องไวจนชายผ้านุ่งที่ยาวระพื้นนั้นสะบัดพริ้ว
นางเปิดบานหับห้องพระบรรทมสมเด็จพระศรีตะกุมะลากาโดยพลันพลางก้มลงกราบทูล
" พระชายาเพคะ พระอาการสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรุดหนักเพคะ "
" จริงฤาเจ้า !! "
ดำริจบ ทรงฉวยผ้าคลุมบางเบามาพันองค์ก่อนจะทรงรีบรุดสืบพระบาทออกจากห้องพระบรรทมไปโดยมีนางกำนัลมากมายตามเสด็จ แลเห็นชายพระผ้าคลุมทอดยาวลากไปตามพื้นพระตำหนักอย่างสง่า
- - - - - - - - -
ภายในห้องพระบรรทมแห่งสมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐ ซึ่งขณะนั้น องค์กษัตริย์วัยชรากำลังบรรทมอยู่บนพระแท่น โดยมีขุนนาง อำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่รายล้อมอยู่โดยรอบ แพทย์หลวงกำลังตรวจดูพระอาการอยู่อย่างใกล้ชิด
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาทรงกวาดพระเนตรไปทั่วจึ่งตรัส
" ผู้ใดเข้าเฝ้าพระอยู่หัวเจ้าหลังสุด "
" หม่อมฉันเองเพคะ พระนาง "
มาร์ฒแม้นดารณีย์เสียงอ่อนพลางค่อยๆคืบคลานออกมาก้มหน้าซุกพื้น
" เหตุเป็นเช่นใดกันเมื่อเจ้าอยู่เฝ้าพระเจ้าอยู่หัว "
" ขอเดชะ หม่อมฉันเพียงแต่กราบทูลพระเจ้าอยู่หัวว่า สมเด็จเจ้านางแก้วกานดาทรงถูกเจ้าฟ้ามูรตีชิงตัวไปเป็นพระสนมเอก ก็เท่านั้นเองเพคะ "
" หา...!!!! เจ้า..... "
ทุกคนตะลึง..
มโหรีสีซอให้ฟังคราหนึ่งจึงรัวระนาด
แพทย์หลวงถอยออกจากแท่นพระบรรทมมาอย่างช้าๆ ก่อนกราบทูลว่า
" ขอเดชะ พระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จสวรรคตแล้วพะย่ะค่ะ "
มโหรีลั่นฉาบกรับโหม่งมโหรทึกและรัวสังข์สั่นพิณเห่กล่อมสุดโหยหวนครวญเป็นเพลง มหาฤทธาสูญสลายมลายล้าง สร้างความรันทดสลดหดหู่ในการลครั้งกระนั้นจนดังสนั่นลั่นไปทั้งพระบรมมหาราชวังละวิรัฐ
เหล่านางกำนัล ขุนนาง อำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่ ต่างส่งเสียงร้องร่ำไห้กันเป็นที่อนาถา ก่อนสมเด็จพระศรีตะกุมะลากาจะทรงวาดพระเนตรอันมายังมาร์ฒแม้นดารณีย์ในทันใด
" งานพระบรมศพจบสิ้นลงเมื่อใด เมื่อนั้นคือวันดับชีวาเจ้า "
มาร์ฒแม้นดารณีย์ปล่อยเสียงร้องครวญออกมาในบัดดล
" ให้อภัยหล่อมฉันด้วยเพคะ พระนาง ให้อภัยหม่อมฉันด้วย "
ครากระนั้นเอง...
สุรเสียงหนึ่งซึ่งคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากพระทวารห้องพระบรรทมแห่งนั้น
" จะไปเอาความมันทำไม คนก็ตายไปแล้ว "
เหล่าบุคคลทั้งมวล ณ ที่นั้น ต่างพากันหันไปมองยังเจ้าของเสียงที่เผยกายเข้ามาให้เห็นเป็นประจักษ์
ทุกคนต่างนัยน์ตาลุกโพลงในทันทีที่เห็นสมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศผู้อยู่ในชุดฉลองพระองค์อย่างสมเด็จพระราชินีละวิรัฐ พลางทรงโบกพระวิชนีจีบคู่พระทัยไปมา
มโหรีกระหึ่มเพลง มหารานีเสวยสวรรค์ จบด้วยการสั่นกระดิ่งสีรุ้ง
" เสด็จพี่ "
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาทรงนิ่งอึง
- - - - - - - - -
ครั้นเมื่องานพระบรมศพสมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐสำเร็จเสร็จสิ้นลงด้วยดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศจึ่งทรงมีพระดำริที่จะจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระองค์เองขึ้นเสวยสิริราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาในทันที
ในครานี้ ทรงได้เฉลิมพระนามพระองค์เองใหม่เป็นที่ สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา และพระองค์ยังได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระศรีตะกุมะลากา ชายาเชื้อสายภูธรานคร ขึ้นเป็นพระราชินีคู่พระทัยอีกด้วย ซึ่งทรงมีพระนามว่า สมเด็จพระศรีตะกุมะลากามหาราชินี ยังความปลาบปลื้มชื่นชมโสมนัสยินดีเป็นที่ยิ่งแก่เหล่าพสกนิกรและยังความอิจฉาตาร้อนให้เกิดแก่นางมาร์ฒแม้นดารณีย์ นางแบกพระสุพรรณศรี พระสุพรรณราช เป็นยิ่งนัก นางกัดทนต์กรอดๆ ขณะทอดมองสมเด็จพระศรีตะกุมะลากามหาราชินีกำลังชูพระเศียรขึ้นรับพระมหามงกุฏ ที่องค์สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตราทรงพระราชทานสวมให้
" ขอบพระทัยเพคะ "
สมเด็จพระราชินีน้อมรับด้วยพระหทัยระริกระรื่นสมดังปอง
มโหรีตื่นเต้นไม่เป็นส่ำ ต่างร่ายรำครวญทำนองเพลง กฤษฎาภินิหารเทวาประทานพร เป็นการสรรเสริญ
- - - - - - - -
รุ่งสุริยาทอรัศมีเจิดจ้า....
มหาสมาคมสโมสรอุบัติขึ้น ณ ท้องพระโรงพระบรมมหาราชวังละวิรัฐ สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา ทรงออกประทับบัลลังก์มหาพิสุทธิ์สุวรรณกาลี พร้อมด้วยพระราชินีคู่พระทัย เพื่อทรงว่าราชการงานเมืองเป็นปฐม
โดยพลัน มหาดเล็กถลาเข้าสู่ท้องพระโรง พลางก้มลงกราบบังคมทูลแถลง
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกปักษ์พิทักษ์เกล้า ณ บัดนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสุบินสงรรค์ถวัลยราชรานี กษัตรียาแห่งเถมรูประเทศ ได้เสด็จโดยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ถึงพระทวารพระราชวังแล้วพระเจ้าข้า "
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากามหาราชินีทรงยิ้มจึ่งเอียงพระวรกายมาทูลกระซิบ
" เสด็จพี่ เห็นทีพระนางเธอคงจะมาถวายพระพรที่ทรงขึ้นครองราชย์กระนั้น "
" กระไรได้ คงจะมาเจรจาเรื่องสวรรค์ธารามหานทีมากกว่า "
ตรัสพลางทรงหันมายังมหาดเล็กจึ่งตรัสต่อ
" เชิญพระนางไปพำนักก่อน พรุ่งนี้ค่อยเจรจาพาที "
" พระเจ้าข้า "
มหาดเล็กคลาคลาดจากไป
- - - - - - - - -
ตกดึก...
ตรานั้น ตรึงสมัย แม่ทัพหนุ่มรูปงามวรกายกำยำล่ำสันสะท้านทรวงประจำกองทัพของสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ ได้เล็ดลอดมาตามทางในอุทยาน ด้วยประสงค์จะเข้าเฝ้าพระนางสุบินสวรรค์ตามพระบัญชา แต่ว่า...
ทันใดกันนั้นเอง...
ปรากฏร่างหญิงสาวสคราญในอาภรณ์อันบางเบาสาวเท้าก้าวเข้ามาขวาง ที่แท้เป็นสมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา ผู้ทรงปลอมพระองค์เป็นสตรีโดยที่ตรึงสมัยมิเคยรู้จักฤาพบพักตร์มาก่อน
" แม่นาง... ใยเจ้าจึงมาขวางข้าไว้ "
ตรึงสมัยร้องบอก ซึ่งองค์ฉกรรณราชาทรงยิ้มจึ่งตรัสโดยทรงดัดพระสุรเสียงเป็นสตรีว่า
" ก็มาคอยเจ้านะสิ พ่อหนุ่มรูปงามนามว่ากระไรกันจ๊ะ "
" ตรึงสมัย แล้วเจ้าเล่า..คนสวย "
" รัญจวนจิตรา "
องค์ฉกรรณราชาทรงโป้ปดพระนามไป
" มิไยไม่ไปหาความสำราญกัน "
ตรึงสมัยกล่าวจบก็ตรงเข้าฉุดองค์ฉกรรณราชาเข้าสู่ศาลสกลางน้ำอันปลอดคน โคมประทีปที่ห้อยย้อยระย้าอยู่ถูกดับลงโดยพลันจนมืดมิด
แต่....
โคมประทีปกลับถูกจุดส่องสว่างขึ้นอีกครั้งอย่างฉับพลันราวต้องมนต์
" อะไรกันนี่...!!! เจ้ามิใช่อิสตรีแต่เป็นบุรุษดอกหรือนั่น !!!? "
" ตรึงสมัยร้องในทันทีที่ล่วงรู้ความจริงว่า รัญจวนจิตรา หรือองค์ฉกรรณราชานั้นเป็นบุรุษเพศเช่นเดียวกันกับเขา
แต่กระนั้น...
ตรึงสมัยแทนที่จะผลักไส ตรงกันข้าม เขากลับทำนัยน์ตาวาวพลางกอดรัดองค์ฉกรรณราชายิ่งกว่าก่อนเก่า พร้อมพร่ำพรอดว่า
" โอ้...รัญจวนจิตราเจ้าเอย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นพวกรักหลากเพศอยู่แล้ว "
" จริงฤานี่ เช่นนั้น... "
โคมประทีปก็ดับลงโดยพลันอีกครั้ง
* * * * * * * * *
จบบทที่ 8 โปรดติดตามต่อบทที่ 9
เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 8
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1 http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/31068381
*****************
บทที่ 8
ข้างฝ่ายอาณาจักรละวิรัฐในครานั้น...
องค์สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศ ได้เสด็จกลับสู่พระนคร ภายหลังจากทรงเดินทางไปเกาะเทพธิดา
เรือสำเภาพระที่นั่งจอดเทียบท่า ท่ามกลางเหล่าปวงประชา แลพสกนิกรทั้งหลายที่มาเฝ้ารับเสด็จพร้อมส่งเสียงไชโยโห่ร้องโบกไม้โบกมือ แลโบกธงทิวกันสลอน
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากา พระชายาเชื้อสายภูธราประเทศได้เสด็จขึ้นไปรับสมเด็จพระสวามีถึงพระระเบียงบน อันมีพระวิสูตรอันบางเบาปกปิด
ในมิช้า มหาดเล็กสองนายก็ค่อยๆคลี่ม้วนม่านนั้นออก แลพระหน่อเนื้อเจ้าแผ่นดินก็ทรงเผยพระองค์ออกมาอย่างสง่างาม
" เจ้าพี่ท่าน...!!!!!! "
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาทรงส่งพระสุรเสียงแหลมในทันทีที่สายพระเนตรแห่งพระนางทอดไปยังร่างของพระสวามีผู้อยู่ในชุดอิสตรีอันงดงาม อีกทั้งดวงพักตร์ก็ประทินแป้งร่ำวาดทาสีเนตรแลโอษฐ์อย่างกับหญิงสาวในวัง
" ทำตื่นตระหนกไปได้ ศรีตะกุเจ้า ราวกับเห็นปีศาจกระนั้นแล "
เจ้าฟ้าฉกรรณราชาดำรัสพลางยิ้มหวาน พลางทรงโบกพระวิชนีจีบในพระหัตถ์อย่างแผ่วผิว สมเด็จพระชายาทรงกัดพระทนต์ดำรัสออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า
" เจ้าพี่ท่าน ไฉนจึงฉลองพระองค์เช่นนี้ ? "
" อ้าว... กระไรได้พระน้องนาง เมื่อพี่เดินทางไปถึงเกาะเทพธิดา หากมิกระทำตนเสมอเสมือนเขาแล้วเขาจะต้อนรับขับสู้เรากระนั้นฤา "
สมเด็จพระชายาทรงฝืนพระทัยดำรัสว่า
" เจ้าพี่คงไม่สดับข่าว ว่าบัดนี้เจ้านางแก้วกานดา สมเด็จพระขนิษฐาของพระองค์ทรงถูกเจ้าฟ้ามูรตีช่วงชิงไปเป็นพระสนมเอกแล้วกระมัง "
" เหรอ... "
พระดำรัสเย็นชาเฉยเมยแห่งองค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชาอุบัติขึ้น ยังความประหลาดพระทัยให้เกิดแก่องค์สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาเป็นที่ยิ่ง
" อ๊ะ... กระไรกัน ? เจ้าพี่มิทรงประหวั่นพรั่นพรึงคะนึงหาอันใดเลยกระนั้นฤา "
" เพลานี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้น น้องยาเจ้า "
ตรัสจบองค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชาทรงผินพระพักตร์ไปยังบุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแต่งกายอย่างขุนศึก
" ขอแนะนำ กัตตบุษย์ แม่ทัพคนใหม่แห่งอาณาจักรละวิรัฐเรา เขาจะเป็นหนึ่งในเหล่าองค์รักษ์ผู้ภักดีแห่งข้า "
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาทรงตะลึงชะงักอยู่ตรงนั้น สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชาเสด็จควงแขนแม่ทัพรูปงามลงจากสำเภาแล้วขึ้นพระราชยานคานหาม มุ่งสู่พระบรมมหาราชวังในทันใด
- - - - - - - - -
ณ ราตรีหนึ่ง
มาร์ฒแม้นดารณีย์ศรีวังละวิรัฐ นางแบกพระสุพรรณศรี พระสุพรรณราชผู้สอดรู้ ได้เล็ดลอดเข้าสู่เขตพระบรมราชรโหฐานชั้นใน นางหลบลี้หนีสายตาแห่งราชองครักษ์ผู้กำยำจำนวนหนึ่งไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนกระทั่งถึงห้องพระบรรทมแห่งองค์สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชา
ในที่สุด นางแนบใบหน้าเข้ายังร่องพระบัญชรห้องพระบรรทมแห่งนั้น และแล้ว สิ่งที่นางได้แลเห็นก็คือภาพเจ้าฟ้าฉกรรณราชากำลังปรนเปรอสวาทอย่างเผ็ดร้อนอยู่กับกัตตบุษย์ผู้สง่างามสมชายชาตรี
ฝ่าพระหัตถ์อันเนียนนุ่มแห่งเชื้อพระวงศ์บรรจงลูบไล้เรือนกายอันกำยำล่ำสันเป็นมันระยับของแม่ทัพหนุ่มชาวเกาะเทพธิดาผู้นี้อย่างคลั่งไคล้และเต็มไปด้วยเพลิงเสน่หาอันคุกรุ่น
มาร์ฒแม้นดารณีย์อิสตรีผู้ใฝ่สูง ได้รีบผละกายจากมาก่อนจะรีบตรงไปยังหอพระเทพอีมูในทันควัน
นางเร่งรุดเข้ากราบทูลทุกสรรพสิ่งให้องค์สมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐวัยชราได้ทรงทราบเฉกเช่นทุกครา
" กาลชักจะไปกันใกญ่แล้วนะเพคะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท องค์เจ้าฟ้าทรงกระทำการอุบาทว์เกินจะรับไหว ทรงไม่ใส่พระทัยในคำทัดทานของผู้ใด แม้กระทั่งสมเด็จพระศรีตะกุมะลากาพระชายา ขนาดสมเด็จพระขนิษฐาแก้วกานดาถูกเจ้าฟ้ามูรตีชิงตัวไปเป็นพระสนมเอก ยังมิทรงคิดที่จะติดตามชิงตัวกลับมาเลยเพคะ "
" อะไรนะ !!!! ? "
สมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐพระดำรัสลั่นดุจราชสีห์คำราม ตรัสอีกว่า
" เจ้า... เจ้าว่าอีกทีซิ "
มาร์ฒแม้นดารณีย์ตัวสั่นกราบทูลเสียงสั่นเครือ
" ก..ก็ สมเด็จเจ้านางแก้วกานดาไงเพคะ ทรงถูกเจ้าฟ้ามูรตีลักพาตัวไปอนันตาเสียนาน นี่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทไม่ทรงทราบหรอกเหรอเพคะ "
พระเจ้ากรุงละวิรัฐเมื่อทรงทราบดังนั้นก็ทรงทรุดพระวรกายลงกับพระแท่นบรรทมโดยพลัน ทรงสลบไศลไม่ได้พระสติไปในบัดนั้น
- - - - - - - - -
กลางราตรีกาล...
เสียงอึกทึกครึกโครมบังเกิดขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เหล่านางกำนัลมากมายวิ่งพล่านกันไปทั่ว เฉกเช่นเดียวกันกับเหล่านายทหารมหาดเล็กที่รีบกระจายกันไปตามหาแพทย์หลวงมาดูพระอาการ
นางกำนัลผู้หนึ่งวิ่งไปตามทางเดินในวังอย่างว่องไวจนชายผ้านุ่งที่ยาวระพื้นนั้นสะบัดพริ้ว
นางเปิดบานหับห้องพระบรรทมสมเด็จพระศรีตะกุมะลากาโดยพลันพลางก้มลงกราบทูล
" พระชายาเพคะ พระอาการสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรุดหนักเพคะ "
" จริงฤาเจ้า !! "
ดำริจบ ทรงฉวยผ้าคลุมบางเบามาพันองค์ก่อนจะทรงรีบรุดสืบพระบาทออกจากห้องพระบรรทมไปโดยมีนางกำนัลมากมายตามเสด็จ แลเห็นชายพระผ้าคลุมทอดยาวลากไปตามพื้นพระตำหนักอย่างสง่า
- - - - - - - - -
ภายในห้องพระบรรทมแห่งสมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐ ซึ่งขณะนั้น องค์กษัตริย์วัยชรากำลังบรรทมอยู่บนพระแท่น โดยมีขุนนาง อำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่รายล้อมอยู่โดยรอบ แพทย์หลวงกำลังตรวจดูพระอาการอยู่อย่างใกล้ชิด
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาทรงกวาดพระเนตรไปทั่วจึ่งตรัส
" ผู้ใดเข้าเฝ้าพระอยู่หัวเจ้าหลังสุด "
" หม่อมฉันเองเพคะ พระนาง "
มาร์ฒแม้นดารณีย์เสียงอ่อนพลางค่อยๆคืบคลานออกมาก้มหน้าซุกพื้น
" เหตุเป็นเช่นใดกันเมื่อเจ้าอยู่เฝ้าพระเจ้าอยู่หัว "
" ขอเดชะ หม่อมฉันเพียงแต่กราบทูลพระเจ้าอยู่หัวว่า สมเด็จเจ้านางแก้วกานดาทรงถูกเจ้าฟ้ามูรตีชิงตัวไปเป็นพระสนมเอก ก็เท่านั้นเองเพคะ "
" หา...!!!! เจ้า..... "
ทุกคนตะลึง..
มโหรีสีซอให้ฟังคราหนึ่งจึงรัวระนาด
แพทย์หลวงถอยออกจากแท่นพระบรรทมมาอย่างช้าๆ ก่อนกราบทูลว่า
" ขอเดชะ พระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จสวรรคตแล้วพะย่ะค่ะ "
มโหรีลั่นฉาบกรับโหม่งมโหรทึกและรัวสังข์สั่นพิณเห่กล่อมสุดโหยหวนครวญเป็นเพลง มหาฤทธาสูญสลายมลายล้าง สร้างความรันทดสลดหดหู่ในการลครั้งกระนั้นจนดังสนั่นลั่นไปทั้งพระบรมมหาราชวังละวิรัฐ
เหล่านางกำนัล ขุนนาง อำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่ ต่างส่งเสียงร้องร่ำไห้กันเป็นที่อนาถา ก่อนสมเด็จพระศรีตะกุมะลากาจะทรงวาดพระเนตรอันมายังมาร์ฒแม้นดารณีย์ในทันใด
" งานพระบรมศพจบสิ้นลงเมื่อใด เมื่อนั้นคือวันดับชีวาเจ้า "
มาร์ฒแม้นดารณีย์ปล่อยเสียงร้องครวญออกมาในบัดดล
" ให้อภัยหล่อมฉันด้วยเพคะ พระนาง ให้อภัยหม่อมฉันด้วย "
ครากระนั้นเอง...
สุรเสียงหนึ่งซึ่งคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากพระทวารห้องพระบรรทมแห่งนั้น
" จะไปเอาความมันทำไม คนก็ตายไปแล้ว "
เหล่าบุคคลทั้งมวล ณ ที่นั้น ต่างพากันหันไปมองยังเจ้าของเสียงที่เผยกายเข้ามาให้เห็นเป็นประจักษ์
ทุกคนต่างนัยน์ตาลุกโพลงในทันทีที่เห็นสมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศผู้อยู่ในชุดฉลองพระองค์อย่างสมเด็จพระราชินีละวิรัฐ พลางทรงโบกพระวิชนีจีบคู่พระทัยไปมา
มโหรีกระหึ่มเพลง มหารานีเสวยสวรรค์ จบด้วยการสั่นกระดิ่งสีรุ้ง
" เสด็จพี่ "
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาทรงนิ่งอึง
- - - - - - - - -
ครั้นเมื่องานพระบรมศพสมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐสำเร็จเสร็จสิ้นลงด้วยดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศจึ่งทรงมีพระดำริที่จะจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระองค์เองขึ้นเสวยสิริราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาในทันที
ในครานี้ ทรงได้เฉลิมพระนามพระองค์เองใหม่เป็นที่ สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา และพระองค์ยังได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระศรีตะกุมะลากา ชายาเชื้อสายภูธรานคร ขึ้นเป็นพระราชินีคู่พระทัยอีกด้วย ซึ่งทรงมีพระนามว่า สมเด็จพระศรีตะกุมะลากามหาราชินี ยังความปลาบปลื้มชื่นชมโสมนัสยินดีเป็นที่ยิ่งแก่เหล่าพสกนิกรและยังความอิจฉาตาร้อนให้เกิดแก่นางมาร์ฒแม้นดารณีย์ นางแบกพระสุพรรณศรี พระสุพรรณราช เป็นยิ่งนัก นางกัดทนต์กรอดๆ ขณะทอดมองสมเด็จพระศรีตะกุมะลากามหาราชินีกำลังชูพระเศียรขึ้นรับพระมหามงกุฏ ที่องค์สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตราทรงพระราชทานสวมให้
" ขอบพระทัยเพคะ "
สมเด็จพระราชินีน้อมรับด้วยพระหทัยระริกระรื่นสมดังปอง
มโหรีตื่นเต้นไม่เป็นส่ำ ต่างร่ายรำครวญทำนองเพลง กฤษฎาภินิหารเทวาประทานพร เป็นการสรรเสริญ
- - - - - - - -
รุ่งสุริยาทอรัศมีเจิดจ้า....
มหาสมาคมสโมสรอุบัติขึ้น ณ ท้องพระโรงพระบรมมหาราชวังละวิรัฐ สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา ทรงออกประทับบัลลังก์มหาพิสุทธิ์สุวรรณกาลี พร้อมด้วยพระราชินีคู่พระทัย เพื่อทรงว่าราชการงานเมืองเป็นปฐม
โดยพลัน มหาดเล็กถลาเข้าสู่ท้องพระโรง พลางก้มลงกราบบังคมทูลแถลง
" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกปักษ์พิทักษ์เกล้า ณ บัดนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสุบินสงรรค์ถวัลยราชรานี กษัตรียาแห่งเถมรูประเทศ ได้เสด็จโดยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ถึงพระทวารพระราชวังแล้วพระเจ้าข้า "
สมเด็จพระศรีตะกุมะลากามหาราชินีทรงยิ้มจึ่งเอียงพระวรกายมาทูลกระซิบ
" เสด็จพี่ เห็นทีพระนางเธอคงจะมาถวายพระพรที่ทรงขึ้นครองราชย์กระนั้น "
" กระไรได้ คงจะมาเจรจาเรื่องสวรรค์ธารามหานทีมากกว่า "
ตรัสพลางทรงหันมายังมหาดเล็กจึ่งตรัสต่อ
" เชิญพระนางไปพำนักก่อน พรุ่งนี้ค่อยเจรจาพาที "
" พระเจ้าข้า "
มหาดเล็กคลาคลาดจากไป
- - - - - - - - -
ตกดึก...
ตรานั้น ตรึงสมัย แม่ทัพหนุ่มรูปงามวรกายกำยำล่ำสันสะท้านทรวงประจำกองทัพของสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ ได้เล็ดลอดมาตามทางในอุทยาน ด้วยประสงค์จะเข้าเฝ้าพระนางสุบินสวรรค์ตามพระบัญชา แต่ว่า...
ทันใดกันนั้นเอง...
ปรากฏร่างหญิงสาวสคราญในอาภรณ์อันบางเบาสาวเท้าก้าวเข้ามาขวาง ที่แท้เป็นสมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา ผู้ทรงปลอมพระองค์เป็นสตรีโดยที่ตรึงสมัยมิเคยรู้จักฤาพบพักตร์มาก่อน
" แม่นาง... ใยเจ้าจึงมาขวางข้าไว้ "
ตรึงสมัยร้องบอก ซึ่งองค์ฉกรรณราชาทรงยิ้มจึ่งตรัสโดยทรงดัดพระสุรเสียงเป็นสตรีว่า
" ก็มาคอยเจ้านะสิ พ่อหนุ่มรูปงามนามว่ากระไรกันจ๊ะ "
" ตรึงสมัย แล้วเจ้าเล่า..คนสวย "
" รัญจวนจิตรา "
องค์ฉกรรณราชาทรงโป้ปดพระนามไป
" มิไยไม่ไปหาความสำราญกัน "
ตรึงสมัยกล่าวจบก็ตรงเข้าฉุดองค์ฉกรรณราชาเข้าสู่ศาลสกลางน้ำอันปลอดคน โคมประทีปที่ห้อยย้อยระย้าอยู่ถูกดับลงโดยพลันจนมืดมิด
แต่....
โคมประทีปกลับถูกจุดส่องสว่างขึ้นอีกครั้งอย่างฉับพลันราวต้องมนต์
" อะไรกันนี่...!!! เจ้ามิใช่อิสตรีแต่เป็นบุรุษดอกหรือนั่น !!!? "
" ตรึงสมัยร้องในทันทีที่ล่วงรู้ความจริงว่า รัญจวนจิตรา หรือองค์ฉกรรณราชานั้นเป็นบุรุษเพศเช่นเดียวกันกับเขา
แต่กระนั้น...
ตรึงสมัยแทนที่จะผลักไส ตรงกันข้าม เขากลับทำนัยน์ตาวาวพลางกอดรัดองค์ฉกรรณราชายิ่งกว่าก่อนเก่า พร้อมพร่ำพรอดว่า
" โอ้...รัญจวนจิตราเจ้าเอย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นพวกรักหลากเพศอยู่แล้ว "
" จริงฤานี่ เช่นนั้น... "
โคมประทีปก็ดับลงโดยพลันอีกครั้ง
* * * * * * * * *
จบบทที่ 8 โปรดติดตามต่อบทที่ 9