เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 8

กระทู้สนทนา
เจ้าฟ้ามูรตี

บทประพันธ์ ด๋ง

ปฐมบท และบทที่ 1 http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/31068381

*****************


บทที่ 8




ข้างฝ่ายอาณาจักรละวิรัฐในครานั้น...

องค์สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศ ได้เสด็จกลับสู่พระนคร ภายหลังจากทรงเดินทางไปเกาะเทพธิดา

เรือสำเภาพระที่นั่งจอดเทียบท่า ท่ามกลางเหล่าปวงประชา แลพสกนิกรทั้งหลายที่มาเฝ้ารับเสด็จพร้อมส่งเสียงไชโยโห่ร้องโบกไม้โบกมือ แลโบกธงทิวกันสลอน

สมเด็จพระศรีตะกุมะลากา พระชายาเชื้อสายภูธราประเทศได้เสด็จขึ้นไปรับสมเด็จพระสวามีถึงพระระเบียงบน อันมีพระวิสูตรอันบางเบาปกปิด

ในมิช้า มหาดเล็กสองนายก็ค่อยๆคลี่ม้วนม่านนั้นออก แลพระหน่อเนื้อเจ้าแผ่นดินก็ทรงเผยพระองค์ออกมาอย่างสง่างาม

" เจ้าพี่ท่าน...!!!!!! "

สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาทรงส่งพระสุรเสียงแหลมในทันทีที่สายพระเนตรแห่งพระนางทอดไปยังร่างของพระสวามีผู้อยู่ในชุดอิสตรีอันงดงาม อีกทั้งดวงพักตร์ก็ประทินแป้งร่ำวาดทาสีเนตรแลโอษฐ์อย่างกับหญิงสาวในวัง

" ทำตื่นตระหนกไปได้ ศรีตะกุเจ้า ราวกับเห็นปีศาจกระนั้นแล "

เจ้าฟ้าฉกรรณราชาดำรัสพลางยิ้มหวาน พลางทรงโบกพระวิชนีจีบในพระหัตถ์อย่างแผ่วผิว สมเด็จพระชายาทรงกัดพระทนต์ดำรัสออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

" เจ้าพี่ท่าน ไฉนจึงฉลองพระองค์เช่นนี้ ? "

" อ้าว... กระไรได้พระน้องนาง เมื่อพี่เดินทางไปถึงเกาะเทพธิดา หากมิกระทำตนเสมอเสมือนเขาแล้วเขาจะต้อนรับขับสู้เรากระนั้นฤา "

สมเด็จพระชายาทรงฝืนพระทัยดำรัสว่า

" เจ้าพี่คงไม่สดับข่าว ว่าบัดนี้เจ้านางแก้วกานดา สมเด็จพระขนิษฐาของพระองค์ทรงถูกเจ้าฟ้ามูรตีช่วงชิงไปเป็นพระสนมเอกแล้วกระมัง "

" เหรอ... "

พระดำรัสเย็นชาเฉยเมยแห่งองค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชาอุบัติขึ้น ยังความประหลาดพระทัยให้เกิดแก่องค์สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาเป็นที่ยิ่ง

" อ๊ะ... กระไรกัน ? เจ้าพี่มิทรงประหวั่นพรั่นพรึงคะนึงหาอันใดเลยกระนั้นฤา "

" เพลานี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้น น้องยาเจ้า "

ตรัสจบองค์เจ้าฟ้าฉกรรณราชาทรงผินพระพักตร์ไปยังบุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแต่งกายอย่างขุนศึก

" ขอแนะนำ กัตตบุษย์ แม่ทัพคนใหม่แห่งอาณาจักรละวิรัฐเรา เขาจะเป็นหนึ่งในเหล่าองค์รักษ์ผู้ภักดีแห่งข้า "

สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาทรงตะลึงชะงักอยู่ตรงนั้น สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชาเสด็จควงแขนแม่ทัพรูปงามลงจากสำเภาแล้วขึ้นพระราชยานคานหาม มุ่งสู่พระบรมมหาราชวังในทันใด

- - - - - - - - -

ณ ราตรีหนึ่ง

มาร์ฒแม้นดารณีย์ศรีวังละวิรัฐ นางแบกพระสุพรรณศรี พระสุพรรณราชผู้สอดรู้ ได้เล็ดลอดเข้าสู่เขตพระบรมราชรโหฐานชั้นใน นางหลบลี้หนีสายตาแห่งราชองครักษ์ผู้กำยำจำนวนหนึ่งไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนกระทั่งถึงห้องพระบรรทมแห่งองค์สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชา

ในที่สุด นางแนบใบหน้าเข้ายังร่องพระบัญชรห้องพระบรรทมแห่งนั้น และแล้ว สิ่งที่นางได้แลเห็นก็คือภาพเจ้าฟ้าฉกรรณราชากำลังปรนเปรอสวาทอย่างเผ็ดร้อนอยู่กับกัตตบุษย์ผู้สง่างามสมชายชาตรี

ฝ่าพระหัตถ์อันเนียนนุ่มแห่งเชื้อพระวงศ์บรรจงลูบไล้เรือนกายอันกำยำล่ำสันเป็นมันระยับของแม่ทัพหนุ่มชาวเกาะเทพธิดาผู้นี้อย่างคลั่งไคล้และเต็มไปด้วยเพลิงเสน่หาอันคุกรุ่น

มาร์ฒแม้นดารณีย์อิสตรีผู้ใฝ่สูง ได้รีบผละกายจากมาก่อนจะรีบตรงไปยังหอพระเทพอีมูในทันควัน

นางเร่งรุดเข้ากราบทูลทุกสรรพสิ่งให้องค์สมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐวัยชราได้ทรงทราบเฉกเช่นทุกครา

" กาลชักจะไปกันใกญ่แล้วนะเพคะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท องค์เจ้าฟ้าทรงกระทำการอุบาทว์เกินจะรับไหว ทรงไม่ใส่พระทัยในคำทัดทานของผู้ใด แม้กระทั่งสมเด็จพระศรีตะกุมะลากาพระชายา ขนาดสมเด็จพระขนิษฐาแก้วกานดาถูกเจ้าฟ้ามูรตีชิงตัวไปเป็นพระสนมเอก ยังมิทรงคิดที่จะติดตามชิงตัวกลับมาเลยเพคะ "

" อะไรนะ !!!! ? "

สมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐพระดำรัสลั่นดุจราชสีห์คำราม ตรัสอีกว่า

" เจ้า... เจ้าว่าอีกทีซิ "

มาร์ฒแม้นดารณีย์ตัวสั่นกราบทูลเสียงสั่นเครือ

" ก..ก็ สมเด็จเจ้านางแก้วกานดาไงเพคะ ทรงถูกเจ้าฟ้ามูรตีลักพาตัวไปอนันตาเสียนาน นี่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทไม่ทรงทราบหรอกเหรอเพคะ "

พระเจ้ากรุงละวิรัฐเมื่อทรงทราบดังนั้นก็ทรงทรุดพระวรกายลงกับพระแท่นบรรทมโดยพลัน ทรงสลบไศลไม่ได้พระสติไปในบัดนั้น

- - - - - - - - -

กลางราตรีกาล...

เสียงอึกทึกครึกโครมบังเกิดขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เหล่านางกำนัลมากมายวิ่งพล่านกันไปทั่ว เฉกเช่นเดียวกันกับเหล่านายทหารมหาดเล็กที่รีบกระจายกันไปตามหาแพทย์หลวงมาดูพระอาการ

นางกำนัลผู้หนึ่งวิ่งไปตามทางเดินในวังอย่างว่องไวจนชายผ้านุ่งที่ยาวระพื้นนั้นสะบัดพริ้ว

นางเปิดบานหับห้องพระบรรทมสมเด็จพระศรีตะกุมะลากาโดยพลันพลางก้มลงกราบทูล

" พระชายาเพคะ พระอาการสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรุดหนักเพคะ "

" จริงฤาเจ้า !! "

ดำริจบ ทรงฉวยผ้าคลุมบางเบามาพันองค์ก่อนจะทรงรีบรุดสืบพระบาทออกจากห้องพระบรรทมไปโดยมีนางกำนัลมากมายตามเสด็จ แลเห็นชายพระผ้าคลุมทอดยาวลากไปตามพื้นพระตำหนักอย่างสง่า

- - - - - - - - -

ภายในห้องพระบรรทมแห่งสมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐ ซึ่งขณะนั้น องค์กษัตริย์วัยชรากำลังบรรทมอยู่บนพระแท่น โดยมีขุนนาง อำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่รายล้อมอยู่โดยรอบ แพทย์หลวงกำลังตรวจดูพระอาการอยู่อย่างใกล้ชิด

สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาทรงกวาดพระเนตรไปทั่วจึ่งตรัส

" ผู้ใดเข้าเฝ้าพระอยู่หัวเจ้าหลังสุด "

" หม่อมฉันเองเพคะ พระนาง "

มาร์ฒแม้นดารณีย์เสียงอ่อนพลางค่อยๆคืบคลานออกมาก้มหน้าซุกพื้น

" เหตุเป็นเช่นใดกันเมื่อเจ้าอยู่เฝ้าพระเจ้าอยู่หัว "

" ขอเดชะ หม่อมฉันเพียงแต่กราบทูลพระเจ้าอยู่หัวว่า สมเด็จเจ้านางแก้วกานดาทรงถูกเจ้าฟ้ามูรตีชิงตัวไปเป็นพระสนมเอก ก็เท่านั้นเองเพคะ "

" หา...!!!! เจ้า..... "

ทุกคนตะลึง..

มโหรีสีซอให้ฟังคราหนึ่งจึงรัวระนาด

แพทย์หลวงถอยออกจากแท่นพระบรรทมมาอย่างช้าๆ ก่อนกราบทูลว่า

" ขอเดชะ พระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จสวรรคตแล้วพะย่ะค่ะ "

มโหรีลั่นฉาบกรับโหม่งมโหรทึกและรัวสังข์สั่นพิณเห่กล่อมสุดโหยหวนครวญเป็นเพลง มหาฤทธาสูญสลายมลายล้าง สร้างความรันทดสลดหดหู่ในการลครั้งกระนั้นจนดังสนั่นลั่นไปทั้งพระบรมมหาราชวังละวิรัฐ

เหล่านางกำนัล ขุนนาง อำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่ ต่างส่งเสียงร้องร่ำไห้กันเป็นที่อนาถา ก่อนสมเด็จพระศรีตะกุมะลากาจะทรงวาดพระเนตรอันมายังมาร์ฒแม้นดารณีย์ในทันใด

" งานพระบรมศพจบสิ้นลงเมื่อใด เมื่อนั้นคือวันดับชีวาเจ้า "

มาร์ฒแม้นดารณีย์ปล่อยเสียงร้องครวญออกมาในบัดดล

" ให้อภัยหล่อมฉันด้วยเพคะ พระนาง ให้อภัยหม่อมฉันด้วย "

ครากระนั้นเอง...

สุรเสียงหนึ่งซึ่งคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากพระทวารห้องพระบรรทมแห่งนั้น

" จะไปเอาความมันทำไม คนก็ตายไปแล้ว "

เหล่าบุคคลทั้งมวล ณ ที่นั้น ต่างพากันหันไปมองยังเจ้าของเสียงที่เผยกายเข้ามาให้เห็นเป็นประจักษ์

ทุกคนต่างนัยน์ตาลุกโพลงในทันทีที่เห็นสมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศผู้อยู่ในชุดฉลองพระองค์อย่างสมเด็จพระราชินีละวิรัฐ พลางทรงโบกพระวิชนีจีบคู่พระทัยไปมา

มโหรีกระหึ่มเพลง มหารานีเสวยสวรรค์ จบด้วยการสั่นกระดิ่งสีรุ้ง

" เสด็จพี่ "

สมเด็จพระศรีตะกุมะลากาทรงนิ่งอึง

- - - - - - - - -

ครั้นเมื่องานพระบรมศพสมเด็จพระเจ้ากรุงละวิรัฐสำเร็จเสร็จสิ้นลงด้วยดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สมเด็จเจ้าฟ้าฉกรรณราชามหาอุปราชละวิรัฐประเทศจึ่งทรงมีพระดำริที่จะจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระองค์เองขึ้นเสวยสิริราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาในทันที

ในครานี้ ทรงได้เฉลิมพระนามพระองค์เองใหม่เป็นที่ สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา และพระองค์ยังได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระศรีตะกุมะลากา ชายาเชื้อสายภูธรานคร ขึ้นเป็นพระราชินีคู่พระทัยอีกด้วย ซึ่งทรงมีพระนามว่า สมเด็จพระศรีตะกุมะลากามหาราชินี ยังความปลาบปลื้มชื่นชมโสมนัสยินดีเป็นที่ยิ่งแก่เหล่าพสกนิกรและยังความอิจฉาตาร้อนให้เกิดแก่นางมาร์ฒแม้นดารณีย์ นางแบกพระสุพรรณศรี พระสุพรรณราช เป็นยิ่งนัก นางกัดทนต์กรอดๆ ขณะทอดมองสมเด็จพระศรีตะกุมะลากามหาราชินีกำลังชูพระเศียรขึ้นรับพระมหามงกุฏ ที่องค์สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตราทรงพระราชทานสวมให้

" ขอบพระทัยเพคะ "

สมเด็จพระราชินีน้อมรับด้วยพระหทัยระริกระรื่นสมดังปอง

มโหรีตื่นเต้นไม่เป็นส่ำ ต่างร่ายรำครวญทำนองเพลง กฤษฎาภินิหารเทวาประทานพร เป็นการสรรเสริญ

- - - - - - - -

รุ่งสุริยาทอรัศมีเจิดจ้า....

มหาสมาคมสโมสรอุบัติขึ้น ณ ท้องพระโรงพระบรมมหาราชวังละวิรัฐ สมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา ทรงออกประทับบัลลังก์มหาพิสุทธิ์สุวรรณกาลี พร้อมด้วยพระราชินีคู่พระทัย เพื่อทรงว่าราชการงานเมืองเป็นปฐม

โดยพลัน มหาดเล็กถลาเข้าสู่ท้องพระโรง พลางก้มลงกราบบังคมทูลแถลง

" ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกปักษ์พิทักษ์เกล้า ณ บัดนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสุบินสงรรค์ถวัลยราชรานี กษัตรียาแห่งเถมรูประเทศ ได้เสด็จโดยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ถึงพระทวารพระราชวังแล้วพระเจ้าข้า "

สมเด็จพระศรีตะกุมะลากามหาราชินีทรงยิ้มจึ่งเอียงพระวรกายมาทูลกระซิบ

" เสด็จพี่ เห็นทีพระนางเธอคงจะมาถวายพระพรที่ทรงขึ้นครองราชย์กระนั้น "

" กระไรได้ คงจะมาเจรจาเรื่องสวรรค์ธารามหานทีมากกว่า "

ตรัสพลางทรงหันมายังมหาดเล็กจึ่งตรัสต่อ

" เชิญพระนางไปพำนักก่อน พรุ่งนี้ค่อยเจรจาพาที "

" พระเจ้าข้า "

มหาดเล็กคลาคลาดจากไป

- - - - - - - - -

ตกดึก...

ตรานั้น ตรึงสมัย แม่ทัพหนุ่มรูปงามวรกายกำยำล่ำสันสะท้านทรวงประจำกองทัพของสมเด็จพระนางเจ้าสุบินสวรรค์ ได้เล็ดลอดมาตามทางในอุทยาน ด้วยประสงค์จะเข้าเฝ้าพระนางสุบินสวรรค์ตามพระบัญชา แต่ว่า...

ทันใดกันนั้นเอง...

ปรากฏร่างหญิงสาวสคราญในอาภรณ์อันบางเบาสาวเท้าก้าวเข้ามาขวาง ที่แท้เป็นสมเด็จพระเจ้าฉกรรณราชามหาโอฬาริกละวิรัฐกษัตรา ผู้ทรงปลอมพระองค์เป็นสตรีโดยที่ตรึงสมัยมิเคยรู้จักฤาพบพักตร์มาก่อน

" แม่นาง... ใยเจ้าจึงมาขวางข้าไว้ "

ตรึงสมัยร้องบอก ซึ่งองค์ฉกรรณราชาทรงยิ้มจึ่งตรัสโดยทรงดัดพระสุรเสียงเป็นสตรีว่า

" ก็มาคอยเจ้านะสิ พ่อหนุ่มรูปงามนามว่ากระไรกันจ๊ะ "

" ตรึงสมัย แล้วเจ้าเล่า..คนสวย "

" รัญจวนจิตรา "

องค์ฉกรรณราชาทรงโป้ปดพระนามไป

" มิไยไม่ไปหาความสำราญกัน "

ตรึงสมัยกล่าวจบก็ตรงเข้าฉุดองค์ฉกรรณราชาเข้าสู่ศาลสกลางน้ำอันปลอดคน โคมประทีปที่ห้อยย้อยระย้าอยู่ถูกดับลงโดยพลันจนมืดมิด

แต่....

โคมประทีปกลับถูกจุดส่องสว่างขึ้นอีกครั้งอย่างฉับพลันราวต้องมนต์

" อะไรกันนี่...!!! เจ้ามิใช่อิสตรีแต่เป็นบุรุษดอกหรือนั่น !!!? "

" ตรึงสมัยร้องในทันทีที่ล่วงรู้ความจริงว่า รัญจวนจิตรา หรือองค์ฉกรรณราชานั้นเป็นบุรุษเพศเช่นเดียวกันกับเขา

แต่กระนั้น...

ตรึงสมัยแทนที่จะผลักไส ตรงกันข้าม เขากลับทำนัยน์ตาวาวพลางกอดรัดองค์ฉกรรณราชายิ่งกว่าก่อนเก่า พร้อมพร่ำพรอดว่า

" โอ้...รัญจวนจิตราเจ้าเอย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นพวกรักหลากเพศอยู่แล้ว "

" จริงฤานี่ เช่นนั้น... "

โคมประทีปก็ดับลงโดยพลันอีกครั้ง


* * * * * * * * *

จบบทที่ 8 โปรดติดตามต่อบทที่ 9
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่