ตอนที่ 3...
ความปรารถนาดลใจ
“ลูกไม่เข้าใจจริงๆ เหตุใดเจ้าพี่อานามานัสถึงทรงยอมให้กษัตริย์แห่งบันนาตุกะมาพักอยู่ที่เมืองของเรา”
เจ้าหญิงแอนนาริตาเสด็จมาระบายพระทัยกับพระบิดาเหมือนอย่างเช่นเคย คราวนี้นางสับสนในจิตใจเหลือเกินไม่รู้ว่าตนต้องทำเยี่ยงไรกับ
กษัตริย์ต่างเมืองและไม่เข้าใจสิ่งที่พระเชษฐาทำลงไป
“ลูกกลัวว่าจะใจอ่อนให้กษัตริย์บันนาตุกะงั้นหรือ” กษัตริย์เซนารักรับสั่งเบาๆ
“เปล่าเพคะ ลูกเพียงแต่ไม่อยากทำร้ายใครเพราะมันยังไม่ถึงเวลา” แอนนาริตาทำหน้าเศร้าซึมก้มพระพักตร์ไม่อยากให้พระบิดาทรงเห็นความอ่อนไหวในสีหน้าของนาง
“แอนนาริตา เวลานี้ลูกอายุเท่าใดแล้ว”
“พ้นหน้าฝนนี้ไปลูกก็จะย่างเข้ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์แล้วเพคะ” เจ้าหญิงแอนนาริตาตอบพระบิดาสุรเสียงยังไม่สู้ดี
“ถ้าเช่นนั้นลูกคงไม่ลืมหน้าที่ที่ลูกควรทำ เพื่อรับใช้ชาติบ้านเมืองแห่งเซนารัก” กษัตริย์บาฮาซารีตรัส พระพักตร์ดูแข็งกระด้างมองไปที่พระพักตร์รูปงามของผู้เป็นธิดา พระองค์รอเวลาที่บันนาตุกะจะถูกทำลายด้วยมือของสตรีแห่งเซนารักแม้คนที่พระองค์ต้องการแก้แค้นได้จากโลกนี้ไปแล้วแต่ความแค้นที่ฝั่งลึกในจิตใจของราชาบาฮาซารีไม่เคยลดลง ไม่ว่าอย่างไรบันนาตุกะจะต้องล้มสลาย ลูกหลานที่สืบสายพระโลหิตของกษัตริย์แห่งบันนาตุกะทุกพระองค์จะต้องระเหิดระเหยไม่มีที่ซุกหัว นั่นคือสิ่งที่พระองค์ต้องการเป็นที่สุด
“ลูกรู้เพคะ ว่าลูกจะต้องอภิเษกสมรสกับกษัตริย์แห่งบันาตุกะเพื่อชาติบ้านเมืองเพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนชาวเซนารัก” คำตอบที่ได้ยินจากปากของธิดาสร้างความปลื้มใจให้ผู้เป็นบิดายิ่ง กษัตริย์บาฮาซารีเดินมาโอบกอดลูกรักด้วยความหวังในใจว่าราชธิดาของพระองค์จะทำให้ความตั้งใจของพระองค์เป็นจริง
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ลูกต้องให้คำมั่นสัญญากับพ่อ แอนนาริตา แม้ลูกจะอภิเษกสมรสกับกษัตริย์อัสมันไปแล้วแต่พ่ออยากขอร้องให้ลูกห้ามผูกใจรัก คิดเสน่หาในตัวราชาอัสมันเป็นอันขาด”
“เจ้าพ่อเคยตรัสกับลูกถึงเรื่องนี้มาแล้วแต่ถึงตอนนี้ลูกก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าพ่อทรงขอร้อง เจ้าพ่อ บอกลูกได้หรือไม่ว่าเป็นเพราะอะไร เหตุใดถึงไม่ทรงยอมให้ลูกคิดรักในตัวกษัตริย์อัสมัน”
พระพักตร์รูปไข่มองพระพักตร์คมสันของพระบิดานางกำลังรอฟังคำตอบจากพระองค์ ความรักและความจงรักภักดีต่อพระบิดาและบ้านเมืองทำให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นธิดาองค์เดียวแห่งเซนารักต้องตัดสินใจเลือกทำการหนึ่งเพื่อให้เกิดประโยชน์กับเซนารักมากที่สุดแต่ก็ไม่เข้าใจในประการหนึ่งที่พระบิดาสั่งห้ามให้นางคิดเสน่หากับพระราชาอัสมันผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระสวามีในวันข้างหน้า
“พ่อยังบอกลูกในตอนนี้ไม่ได้ แต่หลังจากงานราชาอภิเษกสมรสของลูกกับพระราชาอัสมันเสร็จสิ้นพ่อจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ลูกฟังและเมื่อนั้นลูกจะไม่มีทางปฏิเสธในสิ่งที่พ่อต้องการให้ลูกทำ” ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าในพระทัยของพระบิดาเวลานี้คิดทำการใดอยู่แต่มิว่าสิ่งที่พระบิดาคิดจะเป็นการใด สำหรับตัวนางก็ยังคงต้องเข้าพิธีราชาอภิเษกอยู่ดีแต่จะทำเช่นใดเล่าที่จะไม่ให้ฝักใฝ่ในรักที่กษัตริย์อัสมันผู้นี้ จะหักห้ามใจได้จริงหรือ
“ถ้าเช่นนั้นลูกกลับตำหนักก่อนนะเพคะ” เจ้าหญิงแอนนาริตาพระพักตร์ยิ้มแย้มก่อนจะเดินออกจากห้องบรรทมของพระบิดาโดยมีมายา นางสนม กำลังนั่งรออยู่หน้าห้องบรรทมของกษัตริย์เซนารัก
“เราไม่อยากคิดว่าเราจะต้องอภิเษกสมรสกับกษัตริย์แห่งบันนาตุกะด้วยเรื่องของการเมืองเลยนะพี่มายา”
“ทำไมละเพคะ เจ้าหญิงไม่ทรงโปรดเจ้าชายแห่งบันนาตุกะหรอกหรือ” มายาทูลถาม ตอนนี้นางกำลังมองบัวงามแห่งเซนารักอย่างชื่นชม
“ไม่รู้สิ เราเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เวลานี้เราสับสนเหลือเกิน” จะคิดเช่นใดเล่าเพราะแม้แต่จะคิดรักก็ยังไม่ได้ สัจจะวาจาที่ได้ให้ไว้กับพระบิดานั้นจำต้องปฏิบัติไม่อาจผิดสัญญาที่ให้ไว้ได้
“ไม่ว่าเจ้าหญิงจะทรงคิดเช่นใด พี่มายาคนนี้จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเจ้าหญิงเพคะ” แอนนาริตาทรงพระสรวลเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของมายา มายาเป็นบ่าวคนเดียวที่นางสนิทรองลงมาจากพี่สาวของนางและยอมเล่าความในใจให้อาจเพราะนางไม่ใช่แค่เป็นบ่าวแต่มายาเปรียบเสมือนเพื่อนเล่น เพื่อนคิด หนำซ้ำยังเป็นเสมือนพี่สาวที่นางนับถือ
“พี่มายาไปเตรียมน้ำอาบให้เราเถอะ ส่วนเราจะขออยู่ชมดาวอยู่ที่นี่สักประเดี๋ยว”
“ทรงประทับอยู่คนเดียวได้หรือเพคะ” มายาถามอย่างห่วงใย
“เราไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก ในที่แห่งนี้ก็เป็นเมืองของเราหาใช่เมืองข้าศึก หรือพี่มายาลืมไปแล้วว่าเราคือเจ้าหญิงแอนนาริตาผู้มีความรอบรู้ในด้านการยิงธนูและยิงปืน” เจ้าหญิงแอนนาริตาเอ่ยยิ้มๆ ก่อนที่มายาจะเห็นพระหัตถ์ของเจ้าหญิงมีอาวุธปืน
“พระองค์หญิงทรงไปเอามาจากที่ใดเพคะ” มายาทูลถามอย่างตกใจกลัว
“เอาที่ใดไม่สำคัญเพราะเราเป็นหญิง อันตรายย่อมมีรอบด้าน เราแค่พกมันเพื่อป้องกันตัว” เห็นสีหน้าของบ่าวผู้จงรักภักดีแล้วอดที่จะยอกเย้าไม่ได้
“เราไม่บ้ายิงปืนในยามวิกาลหรอก ถ้ามีเหตุร้ายจริง เราจะเอากริชที่แนบข้างกายเรานี่แหละจู่โจมแทน พี่มายาไม่ต้องเป็นห่วง บนตัวของเรามีอาวุธมากมายที่พี่มายาอาจจะนึกไม่ถึงก็ได้”
“บ่าวเข้าใจแล้วเพคะ” มายาเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะรีบไปทำตามที่เจ้าหญิงแอนนาริตาบอก
ราตรีนี้ช่างมืดมิดไร้หมู่ดาวระยิบระยับอับแสงอาจเพราะฟ้ามีเมฆดำกำบังเหล่าหมู่ดาว เวลานี้มีเรื่องมากมายที่ต้องให้คิดตริตรองโดยเฉพาะเรื่องพระคู่หมั้นที่มาตามคำมั่นสัญญาของเจ้าพี่อานามานัสและหน้าที่ที่นางถูกมอบหมายจากผู้เป็นพระบิดา แม้เรื่องราชาอภิเษกสมรสจะเป็นสิ่งที่นางไม่อาจปฏิเสธได้ พระพักตร์เรียบเฉยกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มกำลังมองหาหมู่ดาวระยิบระยับบนฟากฟ้า สายพระเนตรกลมโตดูเลื่อนลอยเหมือนกำลังนึกถึงใครบางคน
พระพักตร์คมเข้ม ดวงตาสีดำ นาสิกโด่งได้รูปและริมพระโอษฐ์หยักศก วรกายกำยำแข็งแรง พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แห่งบันนาตุกะที่ทรงพระสิริโฉมสง่างามยิ่ง ราศีแห่งความน่ายำเกรงให้ความรู้สึกหวาดหวั่นทุกครั้งที่ได้พบเจอ แม้ว่านางจะแสดงออกว่าเฉยชาก็ตาม เปลือกตางามปิดสนิท หากการเลือกที่จะอภิเษกสมรสกับกษัตริย์บันนาตุกะแล้วจะทำให้บ้านเมืองและราษฎร์อยู่ดีกินดีได้ มันก็เป็นสิ่งที่นางสมควรที่จะทำมิใช่หรือ เนื่องด้วยบันนาตุกะมีแร่ธาตุสมบูรณ์มากมาย ประชากรส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพเพาะปลูกส่วนเซนารัก แม้ราษฎรจะทำการเพาะปลูกก็จริงแต่เมื่อยามแล้งทั้งอาหารและยาสมุนไพรมักไม่พอกิน ดังนั้นหากสองแผ่นดินสามารถเชื่อมโยงกันเป็นปึกแผ่นได้ ชาวเมืองเซนารักก็จะไม่อดตาย มีอาหารและยาใช้ทุกฤดูกาลเพราะสามารถขอการช่วยเหลือด้านอาหารและยาจากบันนาตุกะได้
พระโอษฐ์นิ่มสีชมพูเม้มเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะถอนลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกอ่อนล้า เพราะการเป็นเจ้าหญิงทำให้นางต้องแบกรับภาระและหน้าที่อันยิ่งใหญ่
การใดจะสำคัญไปกว่าการจงรักษ์ภักดีต่อเซนารักเล่า
เหมือนฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาหา ข้อพระหัตถ์เรียวเล็กชักกริชที่ซุกซ่อนจากข้างบั้นพระองค์ขึ้นมาแทบทันทีและรอจังหวะที่เสียงฝีเท้านั้นจะเดินเข้ามาใกล้อีกนิด หากเป็นคนของเซนารักจริง จะต้องรู้ว่ายามวิกาลเช่นนี้มิควรเข้ามาบริเวณในส่วนของพระองค์แม้กระทั่งพระบิดาและพระเชษฐา ฉะนั้น ผู้ที่สามารถเข้าออกได้ในยามวิกาลเช่นนี้มีเพียงมายาคนเดียวเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้น ผู้ใดกันเล่าที่บังอาจ อาจหาญเข้ามาบุกรุกถึงสถานที่ส่วนพระองค์ได้ในเมื่อเจ้าหญิงให้บ่าวรับใช้คนสนิทไปเตรียมที่บรรทมให้และคิดว่ามายาคงจะเลยไปจัดเตรียมเครื่องสรงน้ำให้นางต่ออีก
ฉับ!
เสียงเสียดสีของกริชกับปลอกที่สวมก่อนที่ร่างอรชรจะหันขวับมาพร้อมกับพระหัตถ์เรียวเล็กที่ชี้อาวุธไปที่ใบหน้าของผู้มาบุกรุก
“ฝ่าบาท” เมื่อเห็นว่าผู้มาบุกรุกนั้นคือใคร เจ้าหญิงแอนนาริตาถึงกับยืนนิ่งงันในขณะที่มือเล็กยังไม่ยอมเก็บดาบเล็กเข้าที่
สายพระเนตรคมกริบที่มองไปยังดาบที่อยู่ไม่ห่างพระอุระของพระองค์ ก่อนจะทรงมองร่างอรชรตรงหน้าที่กำลังจ้องมองพระพักตร์คมเข้มราวกับพระองค์คือศัตรู กษัตริย์หนุ่มแย้มสรวลเล็กน้อย นึกชื่นชมในความปรีชาสามารถและความมีไหวพริบในตัวเจ้าหญิงแอนนาริตาและมีบางสิ่งที่พระองค์จำได้ไม่เคยลืมนั่นคือกริชเล่มนี้เป็นกริชที่พระองค์เคยให้ไว้แก่แอนนาริตาน้อยยามที่ต้องจากมา เจ้าหญิงแอนนาริตารีบเก็บกริชเข้าที่รู้สึกไม่ชอบในสีพระพักตร์ที่อีกฝ่ายส่งมา
“ขออภัยที่พี่เข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าหญิง” รับสั่งเสียงเรียบเมื่อเห็นพระหัตถ์เล็กที่ไร้กริชของพระองค์แล้ว
“ฝ่าบาทไม่ควรเข้ามาในยามวิกาลเช่นนี้ หากเมื่อสักครู่ถ้าพระองค์ทรงได้รับอันตรายจากอาวุธของหม่อมฉัน พระองค์จะทรงทำเช่นไร ทุกคนคงได้คิดว่าหม่อมฉันจงใจปลงพระชนม์พระองค์” เจ้าหญิงแอนนาริตาตรัสถาม สีพระพักตร์บ่งบอกถึงความไม่พอใจที่กษัตริย์หนุ่มถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตจากนางก่อน
“หากพี่จะต้องตายด้วยกริชนั้น กริชที่เมื่อครั้งหนึ่งเคยเป็นของพี่กับมือของผู้หญิงที่พี่มีใจเสน่หาด้วยพี่ก็หาเสียดายชีวิตไม่” พระพักตร์คมเข้มจ้องมองพระพักตร์รูปไข่ในที่ที่มีเพียงแสงจันทร์ส่องแสงสว่าง ค่ำคืนที่พระองค์ทรงมองเห็นดาวบนดินที่งดงามมากกว่าดาวบนท้องนภา
เจ้าหญิงแอนนาริตามองพระพักตร์คมเข้มที่กำลังจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา วรกายอรชรเหมือนถูกไฟร้อนแรงกำลังแผดเผา ดวงตาสีดำที่กำลังหลอมละลายนางอย่างจงใจให้รู้ว่าเวลานี้พระองค์ทรงปรารถนาในตัวนางมากแค่ไหน
“ฝ่าบาทอย่าทรงทำให้หม่อมฉันรู้สึกผิดเลยเพคะ สำหรับกษัตริย์ผู้ที่น่าเกรงขาม น่ายกย่องและเป็นถึงนักรบโดยสายเลือดอย่างพระองค์ หากจะต้องมาสิ้นพระชนม์ด้วยฝีมือของหม่อมฉันซึ่งเป็นผู้หญิง เห็นทีจะไม่เข้าท่าและหม่อมฉันก็ไม่อยากเป็นที่ประนามของใครต่อใครว่าทรงทำร้ายแขกบ้านแขกเมืองหรอกเพคะ” ริมพระโอษฐ์ ตรัสด้วยสุรเสียงฉะฉานแลดูเหมือนจะประชดเล็กน้อยก่อนที่ฝีพระบาทเล็กจะเตรียมเสด็จ อัสมันเดินตามแอนนาริตาที่กำลังเร่งฝีเท้าให้ออกห่างจากกษัตริย์แห่งบันนาตุกะ
“จะทรงตามหม่อมฉันมาทำไม เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว ฝ่าบาทควรจะกลับไปยังที่พักได้แล้วเพคะ พรุ่งนี้เช้าจะได้เสด็จกลับบันนาตุกะเสียที” วรกายอรชลของเจ้าหญิงแอนนาริตาหันกลับไปพร้อมกับวาจาตัดเยื้อใยจนกษัตริย์หนุ่มถึงกับโต้ตอบด้วยความเสียพระทัย
“แอนนาริตา น้องอยากให้พี่กลับมากถึงเพียงนี้เชียวรึ ทำไมน้องถึงไม่เห็นใจพี่บ้าง” น้ำเสียงฟังดูน่าน้อยใจยิ่งนัก แอนนาริตาเองก็รู้สึกเจ็บแต่นางไม่อาจขัดคำขอร้องของพระบิดาได้
“เพคะ หม่อมฉันขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีที่มีจิตเมตตาก็จริงแต่ฝ่าบาทคงจะได้ยินมาบ้างว่าหม่อมฉันเป็นสตรีที่ไร้ความรู้สึกต่อบุรุษเพศทุกคนเช่นกัน”
“ดังนั้น ความสัมพันธ์ในวัยเด็กของเรา หาได้มีความสำคัญต่อน้องเลยหรือ สิบปีที่พี่ไม่ได้เห็นหน้าน้องพี่คิดถึงและหวงหารอวันที่พี่จะได้พบน้อง แต่น้องกลับทำเมินเฉยใส่พี่ แอนนาริตา พี่ไม่เข้าใจถึงสิ่งที่น้องกำลังทำอยู่เลย”
“อย่าทรงเอาเรื่องราวในวัยเด็กของหม่อมฉันมารื้อฟื้นเลยเพคะ หม่อมฉันลืมมันไปหมดสิ้นแล้ว”
สุรเสียงเรียบเฉยแต่เหมือนหัวใจของกษัตริย์อัสมันจะหลุดลอยออกไปจากพระอุระ พระพักตร์คมเข้มเศร้าสลดไปกับคำพูดเฉียบคมของเจ้าหญิงน้อยแห่งเซนารักก่อนที่สายพระเนตรจะทอดมองวรกายอรชรเคลื่อนไหวจากพระองค์ไปอย่างเยือกเย็นสมดั่งคำตรัสของเจ้าชายอานามานัสว่านางเปรียบเสมือนรูปปั้นสลักที่งดงามแต่เยือกเย็นกับบุรุษเพศทุกคน
แอนนาริตา เหตุใด น้องถึงเย็นชาใส่พี่ถึงเพียงนี้
ดวงยิหวาแห้งราชันย์ ตอนที่ 3
ความปรารถนาดลใจ
“ลูกไม่เข้าใจจริงๆ เหตุใดเจ้าพี่อานามานัสถึงทรงยอมให้กษัตริย์แห่งบันนาตุกะมาพักอยู่ที่เมืองของเรา”
เจ้าหญิงแอนนาริตาเสด็จมาระบายพระทัยกับพระบิดาเหมือนอย่างเช่นเคย คราวนี้นางสับสนในจิตใจเหลือเกินไม่รู้ว่าตนต้องทำเยี่ยงไรกับ
กษัตริย์ต่างเมืองและไม่เข้าใจสิ่งที่พระเชษฐาทำลงไป
“ลูกกลัวว่าจะใจอ่อนให้กษัตริย์บันนาตุกะงั้นหรือ” กษัตริย์เซนารักรับสั่งเบาๆ
“เปล่าเพคะ ลูกเพียงแต่ไม่อยากทำร้ายใครเพราะมันยังไม่ถึงเวลา” แอนนาริตาทำหน้าเศร้าซึมก้มพระพักตร์ไม่อยากให้พระบิดาทรงเห็นความอ่อนไหวในสีหน้าของนาง
“แอนนาริตา เวลานี้ลูกอายุเท่าใดแล้ว”
“พ้นหน้าฝนนี้ไปลูกก็จะย่างเข้ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์แล้วเพคะ” เจ้าหญิงแอนนาริตาตอบพระบิดาสุรเสียงยังไม่สู้ดี
“ถ้าเช่นนั้นลูกคงไม่ลืมหน้าที่ที่ลูกควรทำ เพื่อรับใช้ชาติบ้านเมืองแห่งเซนารัก” กษัตริย์บาฮาซารีตรัส พระพักตร์ดูแข็งกระด้างมองไปที่พระพักตร์รูปงามของผู้เป็นธิดา พระองค์รอเวลาที่บันนาตุกะจะถูกทำลายด้วยมือของสตรีแห่งเซนารักแม้คนที่พระองค์ต้องการแก้แค้นได้จากโลกนี้ไปแล้วแต่ความแค้นที่ฝั่งลึกในจิตใจของราชาบาฮาซารีไม่เคยลดลง ไม่ว่าอย่างไรบันนาตุกะจะต้องล้มสลาย ลูกหลานที่สืบสายพระโลหิตของกษัตริย์แห่งบันนาตุกะทุกพระองค์จะต้องระเหิดระเหยไม่มีที่ซุกหัว นั่นคือสิ่งที่พระองค์ต้องการเป็นที่สุด
“ลูกรู้เพคะ ว่าลูกจะต้องอภิเษกสมรสกับกษัตริย์แห่งบันาตุกะเพื่อชาติบ้านเมืองเพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนชาวเซนารัก” คำตอบที่ได้ยินจากปากของธิดาสร้างความปลื้มใจให้ผู้เป็นบิดายิ่ง กษัตริย์บาฮาซารีเดินมาโอบกอดลูกรักด้วยความหวังในใจว่าราชธิดาของพระองค์จะทำให้ความตั้งใจของพระองค์เป็นจริง
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ลูกต้องให้คำมั่นสัญญากับพ่อ แอนนาริตา แม้ลูกจะอภิเษกสมรสกับกษัตริย์อัสมันไปแล้วแต่พ่ออยากขอร้องให้ลูกห้ามผูกใจรัก คิดเสน่หาในตัวราชาอัสมันเป็นอันขาด”
“เจ้าพ่อเคยตรัสกับลูกถึงเรื่องนี้มาแล้วแต่ถึงตอนนี้ลูกก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าพ่อทรงขอร้อง เจ้าพ่อ บอกลูกได้หรือไม่ว่าเป็นเพราะอะไร เหตุใดถึงไม่ทรงยอมให้ลูกคิดรักในตัวกษัตริย์อัสมัน”
พระพักตร์รูปไข่มองพระพักตร์คมสันของพระบิดานางกำลังรอฟังคำตอบจากพระองค์ ความรักและความจงรักภักดีต่อพระบิดาและบ้านเมืองทำให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นธิดาองค์เดียวแห่งเซนารักต้องตัดสินใจเลือกทำการหนึ่งเพื่อให้เกิดประโยชน์กับเซนารักมากที่สุดแต่ก็ไม่เข้าใจในประการหนึ่งที่พระบิดาสั่งห้ามให้นางคิดเสน่หากับพระราชาอัสมันผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระสวามีในวันข้างหน้า
“พ่อยังบอกลูกในตอนนี้ไม่ได้ แต่หลังจากงานราชาอภิเษกสมรสของลูกกับพระราชาอัสมันเสร็จสิ้นพ่อจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ลูกฟังและเมื่อนั้นลูกจะไม่มีทางปฏิเสธในสิ่งที่พ่อต้องการให้ลูกทำ” ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าในพระทัยของพระบิดาเวลานี้คิดทำการใดอยู่แต่มิว่าสิ่งที่พระบิดาคิดจะเป็นการใด สำหรับตัวนางก็ยังคงต้องเข้าพิธีราชาอภิเษกอยู่ดีแต่จะทำเช่นใดเล่าที่จะไม่ให้ฝักใฝ่ในรักที่กษัตริย์อัสมันผู้นี้ จะหักห้ามใจได้จริงหรือ
“ถ้าเช่นนั้นลูกกลับตำหนักก่อนนะเพคะ” เจ้าหญิงแอนนาริตาพระพักตร์ยิ้มแย้มก่อนจะเดินออกจากห้องบรรทมของพระบิดาโดยมีมายา นางสนม กำลังนั่งรออยู่หน้าห้องบรรทมของกษัตริย์เซนารัก
“เราไม่อยากคิดว่าเราจะต้องอภิเษกสมรสกับกษัตริย์แห่งบันนาตุกะด้วยเรื่องของการเมืองเลยนะพี่มายา”
“ทำไมละเพคะ เจ้าหญิงไม่ทรงโปรดเจ้าชายแห่งบันนาตุกะหรอกหรือ” มายาทูลถาม ตอนนี้นางกำลังมองบัวงามแห่งเซนารักอย่างชื่นชม
“ไม่รู้สิ เราเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เวลานี้เราสับสนเหลือเกิน” จะคิดเช่นใดเล่าเพราะแม้แต่จะคิดรักก็ยังไม่ได้ สัจจะวาจาที่ได้ให้ไว้กับพระบิดานั้นจำต้องปฏิบัติไม่อาจผิดสัญญาที่ให้ไว้ได้
“ไม่ว่าเจ้าหญิงจะทรงคิดเช่นใด พี่มายาคนนี้จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเจ้าหญิงเพคะ” แอนนาริตาทรงพระสรวลเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของมายา มายาเป็นบ่าวคนเดียวที่นางสนิทรองลงมาจากพี่สาวของนางและยอมเล่าความในใจให้อาจเพราะนางไม่ใช่แค่เป็นบ่าวแต่มายาเปรียบเสมือนเพื่อนเล่น เพื่อนคิด หนำซ้ำยังเป็นเสมือนพี่สาวที่นางนับถือ
“พี่มายาไปเตรียมน้ำอาบให้เราเถอะ ส่วนเราจะขออยู่ชมดาวอยู่ที่นี่สักประเดี๋ยว”
“ทรงประทับอยู่คนเดียวได้หรือเพคะ” มายาถามอย่างห่วงใย
“เราไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก ในที่แห่งนี้ก็เป็นเมืองของเราหาใช่เมืองข้าศึก หรือพี่มายาลืมไปแล้วว่าเราคือเจ้าหญิงแอนนาริตาผู้มีความรอบรู้ในด้านการยิงธนูและยิงปืน” เจ้าหญิงแอนนาริตาเอ่ยยิ้มๆ ก่อนที่มายาจะเห็นพระหัตถ์ของเจ้าหญิงมีอาวุธปืน
“พระองค์หญิงทรงไปเอามาจากที่ใดเพคะ” มายาทูลถามอย่างตกใจกลัว
“เอาที่ใดไม่สำคัญเพราะเราเป็นหญิง อันตรายย่อมมีรอบด้าน เราแค่พกมันเพื่อป้องกันตัว” เห็นสีหน้าของบ่าวผู้จงรักภักดีแล้วอดที่จะยอกเย้าไม่ได้
“เราไม่บ้ายิงปืนในยามวิกาลหรอก ถ้ามีเหตุร้ายจริง เราจะเอากริชที่แนบข้างกายเรานี่แหละจู่โจมแทน พี่มายาไม่ต้องเป็นห่วง บนตัวของเรามีอาวุธมากมายที่พี่มายาอาจจะนึกไม่ถึงก็ได้”
“บ่าวเข้าใจแล้วเพคะ” มายาเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะรีบไปทำตามที่เจ้าหญิงแอนนาริตาบอก
ราตรีนี้ช่างมืดมิดไร้หมู่ดาวระยิบระยับอับแสงอาจเพราะฟ้ามีเมฆดำกำบังเหล่าหมู่ดาว เวลานี้มีเรื่องมากมายที่ต้องให้คิดตริตรองโดยเฉพาะเรื่องพระคู่หมั้นที่มาตามคำมั่นสัญญาของเจ้าพี่อานามานัสและหน้าที่ที่นางถูกมอบหมายจากผู้เป็นพระบิดา แม้เรื่องราชาอภิเษกสมรสจะเป็นสิ่งที่นางไม่อาจปฏิเสธได้ พระพักตร์เรียบเฉยกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มกำลังมองหาหมู่ดาวระยิบระยับบนฟากฟ้า สายพระเนตรกลมโตดูเลื่อนลอยเหมือนกำลังนึกถึงใครบางคน
พระพักตร์คมเข้ม ดวงตาสีดำ นาสิกโด่งได้รูปและริมพระโอษฐ์หยักศก วรกายกำยำแข็งแรง พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แห่งบันนาตุกะที่ทรงพระสิริโฉมสง่างามยิ่ง ราศีแห่งความน่ายำเกรงให้ความรู้สึกหวาดหวั่นทุกครั้งที่ได้พบเจอ แม้ว่านางจะแสดงออกว่าเฉยชาก็ตาม เปลือกตางามปิดสนิท หากการเลือกที่จะอภิเษกสมรสกับกษัตริย์บันนาตุกะแล้วจะทำให้บ้านเมืองและราษฎร์อยู่ดีกินดีได้ มันก็เป็นสิ่งที่นางสมควรที่จะทำมิใช่หรือ เนื่องด้วยบันนาตุกะมีแร่ธาตุสมบูรณ์มากมาย ประชากรส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพเพาะปลูกส่วนเซนารัก แม้ราษฎรจะทำการเพาะปลูกก็จริงแต่เมื่อยามแล้งทั้งอาหารและยาสมุนไพรมักไม่พอกิน ดังนั้นหากสองแผ่นดินสามารถเชื่อมโยงกันเป็นปึกแผ่นได้ ชาวเมืองเซนารักก็จะไม่อดตาย มีอาหารและยาใช้ทุกฤดูกาลเพราะสามารถขอการช่วยเหลือด้านอาหารและยาจากบันนาตุกะได้
พระโอษฐ์นิ่มสีชมพูเม้มเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะถอนลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกอ่อนล้า เพราะการเป็นเจ้าหญิงทำให้นางต้องแบกรับภาระและหน้าที่อันยิ่งใหญ่
การใดจะสำคัญไปกว่าการจงรักษ์ภักดีต่อเซนารักเล่า
เหมือนฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาหา ข้อพระหัตถ์เรียวเล็กชักกริชที่ซุกซ่อนจากข้างบั้นพระองค์ขึ้นมาแทบทันทีและรอจังหวะที่เสียงฝีเท้านั้นจะเดินเข้ามาใกล้อีกนิด หากเป็นคนของเซนารักจริง จะต้องรู้ว่ายามวิกาลเช่นนี้มิควรเข้ามาบริเวณในส่วนของพระองค์แม้กระทั่งพระบิดาและพระเชษฐา ฉะนั้น ผู้ที่สามารถเข้าออกได้ในยามวิกาลเช่นนี้มีเพียงมายาคนเดียวเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้น ผู้ใดกันเล่าที่บังอาจ อาจหาญเข้ามาบุกรุกถึงสถานที่ส่วนพระองค์ได้ในเมื่อเจ้าหญิงให้บ่าวรับใช้คนสนิทไปเตรียมที่บรรทมให้และคิดว่ามายาคงจะเลยไปจัดเตรียมเครื่องสรงน้ำให้นางต่ออีก
ฉับ!
เสียงเสียดสีของกริชกับปลอกที่สวมก่อนที่ร่างอรชรจะหันขวับมาพร้อมกับพระหัตถ์เรียวเล็กที่ชี้อาวุธไปที่ใบหน้าของผู้มาบุกรุก
“ฝ่าบาท” เมื่อเห็นว่าผู้มาบุกรุกนั้นคือใคร เจ้าหญิงแอนนาริตาถึงกับยืนนิ่งงันในขณะที่มือเล็กยังไม่ยอมเก็บดาบเล็กเข้าที่
สายพระเนตรคมกริบที่มองไปยังดาบที่อยู่ไม่ห่างพระอุระของพระองค์ ก่อนจะทรงมองร่างอรชรตรงหน้าที่กำลังจ้องมองพระพักตร์คมเข้มราวกับพระองค์คือศัตรู กษัตริย์หนุ่มแย้มสรวลเล็กน้อย นึกชื่นชมในความปรีชาสามารถและความมีไหวพริบในตัวเจ้าหญิงแอนนาริตาและมีบางสิ่งที่พระองค์จำได้ไม่เคยลืมนั่นคือกริชเล่มนี้เป็นกริชที่พระองค์เคยให้ไว้แก่แอนนาริตาน้อยยามที่ต้องจากมา เจ้าหญิงแอนนาริตารีบเก็บกริชเข้าที่รู้สึกไม่ชอบในสีพระพักตร์ที่อีกฝ่ายส่งมา
“ขออภัยที่พี่เข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าหญิง” รับสั่งเสียงเรียบเมื่อเห็นพระหัตถ์เล็กที่ไร้กริชของพระองค์แล้ว
“ฝ่าบาทไม่ควรเข้ามาในยามวิกาลเช่นนี้ หากเมื่อสักครู่ถ้าพระองค์ทรงได้รับอันตรายจากอาวุธของหม่อมฉัน พระองค์จะทรงทำเช่นไร ทุกคนคงได้คิดว่าหม่อมฉันจงใจปลงพระชนม์พระองค์” เจ้าหญิงแอนนาริตาตรัสถาม สีพระพักตร์บ่งบอกถึงความไม่พอใจที่กษัตริย์หนุ่มถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตจากนางก่อน
“หากพี่จะต้องตายด้วยกริชนั้น กริชที่เมื่อครั้งหนึ่งเคยเป็นของพี่กับมือของผู้หญิงที่พี่มีใจเสน่หาด้วยพี่ก็หาเสียดายชีวิตไม่” พระพักตร์คมเข้มจ้องมองพระพักตร์รูปไข่ในที่ที่มีเพียงแสงจันทร์ส่องแสงสว่าง ค่ำคืนที่พระองค์ทรงมองเห็นดาวบนดินที่งดงามมากกว่าดาวบนท้องนภา
เจ้าหญิงแอนนาริตามองพระพักตร์คมเข้มที่กำลังจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา วรกายอรชรเหมือนถูกไฟร้อนแรงกำลังแผดเผา ดวงตาสีดำที่กำลังหลอมละลายนางอย่างจงใจให้รู้ว่าเวลานี้พระองค์ทรงปรารถนาในตัวนางมากแค่ไหน
“ฝ่าบาทอย่าทรงทำให้หม่อมฉันรู้สึกผิดเลยเพคะ สำหรับกษัตริย์ผู้ที่น่าเกรงขาม น่ายกย่องและเป็นถึงนักรบโดยสายเลือดอย่างพระองค์ หากจะต้องมาสิ้นพระชนม์ด้วยฝีมือของหม่อมฉันซึ่งเป็นผู้หญิง เห็นทีจะไม่เข้าท่าและหม่อมฉันก็ไม่อยากเป็นที่ประนามของใครต่อใครว่าทรงทำร้ายแขกบ้านแขกเมืองหรอกเพคะ” ริมพระโอษฐ์ ตรัสด้วยสุรเสียงฉะฉานแลดูเหมือนจะประชดเล็กน้อยก่อนที่ฝีพระบาทเล็กจะเตรียมเสด็จ อัสมันเดินตามแอนนาริตาที่กำลังเร่งฝีเท้าให้ออกห่างจากกษัตริย์แห่งบันนาตุกะ
“จะทรงตามหม่อมฉันมาทำไม เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว ฝ่าบาทควรจะกลับไปยังที่พักได้แล้วเพคะ พรุ่งนี้เช้าจะได้เสด็จกลับบันนาตุกะเสียที” วรกายอรชลของเจ้าหญิงแอนนาริตาหันกลับไปพร้อมกับวาจาตัดเยื้อใยจนกษัตริย์หนุ่มถึงกับโต้ตอบด้วยความเสียพระทัย
“แอนนาริตา น้องอยากให้พี่กลับมากถึงเพียงนี้เชียวรึ ทำไมน้องถึงไม่เห็นใจพี่บ้าง” น้ำเสียงฟังดูน่าน้อยใจยิ่งนัก แอนนาริตาเองก็รู้สึกเจ็บแต่นางไม่อาจขัดคำขอร้องของพระบิดาได้
“เพคะ หม่อมฉันขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีที่มีจิตเมตตาก็จริงแต่ฝ่าบาทคงจะได้ยินมาบ้างว่าหม่อมฉันเป็นสตรีที่ไร้ความรู้สึกต่อบุรุษเพศทุกคนเช่นกัน”
“ดังนั้น ความสัมพันธ์ในวัยเด็กของเรา หาได้มีความสำคัญต่อน้องเลยหรือ สิบปีที่พี่ไม่ได้เห็นหน้าน้องพี่คิดถึงและหวงหารอวันที่พี่จะได้พบน้อง แต่น้องกลับทำเมินเฉยใส่พี่ แอนนาริตา พี่ไม่เข้าใจถึงสิ่งที่น้องกำลังทำอยู่เลย”
“อย่าทรงเอาเรื่องราวในวัยเด็กของหม่อมฉันมารื้อฟื้นเลยเพคะ หม่อมฉันลืมมันไปหมดสิ้นแล้ว”
สุรเสียงเรียบเฉยแต่เหมือนหัวใจของกษัตริย์อัสมันจะหลุดลอยออกไปจากพระอุระ พระพักตร์คมเข้มเศร้าสลดไปกับคำพูดเฉียบคมของเจ้าหญิงน้อยแห่งเซนารักก่อนที่สายพระเนตรจะทอดมองวรกายอรชรเคลื่อนไหวจากพระองค์ไปอย่างเยือกเย็นสมดั่งคำตรัสของเจ้าชายอานามานัสว่านางเปรียบเสมือนรูปปั้นสลักที่งดงามแต่เยือกเย็นกับบุรุษเพศทุกคน
แอนนาริตา เหตุใด น้องถึงเย็นชาใส่พี่ถึงเพียงนี้