ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
เป็นแนว Action- Fantasy
ปฐมบท
http://pantip.com/topic/30724109
\\\\\\\\\\\\\\\\
Login ครั้งที่ 1
ร่วมมือ
นัยน์ตาสีเทาฉายแววประหวั่นกำลังกระพริบถี่ๆกราดมองรอบทิศด้วยความตื่นเต้นตื่นกลัว เด็กหนุ่มได้ยินเสียงรัวของหัวใจที่เต้นดังตุบๆแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอกซ้าย เหงื่อไหลผุดพรายเต็มกลางแผ่นหลัง
บรรดาผู้ชมบนอัฒจันทร์ตะโกนกึกก้องต่อเนื่องเรียกชื่อของเด็กหนุ่มสองคนบนสังเวียนยักษ์อันเป็นลานประหารของพวกเขาในยามนี้ เสียงโห่เฮเรียกขวัญกำลังใจนั้นกลับทำให้โมเว็ทรู้สึกห่อเหี่ยวจนตัวแทบจะเล็กลีบลงในฉับพลัน เขารีบก้าวเท้ายาวๆเดินเข้าไปหาเจเรมีย์ พยายามตะโกนบอกเพื่อนแต่อีกฝ่ายไม่ได้ยินเสียงของเขาเลยสักนิด
“นายบอกว่าอะไรนะ?”
“เราต้องหนี!”โมเว็ทย้ำก่อนจะพยายามเลื่อนแขนที่ถูกไพล่หลังขยับไปมาเป็นเชิงบอกเพื่อนว่าพวกเขาต้องหาวิธีสลัดกุญแจมือออกเสียก่อน
“นายต้องการอะไร!?”
“หนี! นายได้ยินไหม!?”ไม่ว่าโมเว็ทจะตะโกนสักเพียงใด เสียงเชียร์บนอัฒจันทร์ก็กลืนคำพูดของเขาหายไปในสายลม
ผู้เป็นเพื่อนมองโมเว็ทมีทีท่าลุกรี้ลุกรนแล้วก็เดาได้ไม่ยากนักว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่เขาหรือจะช่วยเพื่อนให้หลุดออกไปจากที่นี่ได้? ในเมื่อเขาเองก็ยังช่วยตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป
ในฉับพลันนั้นเองจู่ๆก็มีแสงวาบคลอบคลุมร่างของทั้งสองเอาไว้ พวกเขาถูกแรงบางอย่างทำให้ดีดออกห่างจากกัน แรงกระแทกปริศนานั้นหนักหน่วงมากพอที่จะทำให้โมเว็ทปลิวไปไกลจนกระทบกับกำแพงอิฐ ร่างร่วงบนพื้นสนามร้าวระบมไปทั่ว เด็กหนุ่มกลิ้งตัวไปมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ในวินาทีเดียวกันนั้น จู่ๆก็มีละอองแสงสีฟ้าทาทาบบนผิวกายของเขา แสงนั้นปรากฏขึ้นในฉับพลันและสลายไปในชั่วพริบตาเดียว จู่ๆอาการปวดหนึบตามกล้ามเนื้อก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง เขาค่อยๆขยับกายลุกขึ้น เสียงเฮอีกระลอกดังสนั่นทันทีที่เด็กหนุ่มเริ่มทรงตัวได้
โมเว็ทหอบแฮ่กจดจ้องมองเพื่อนตาไม่กระพริบ นานนับนาทีที่ทั้งสองต่างยืนนิ่งใช้เพียงดวงตาสื่อความหมายถึงกันและกันในระยะไกลจนกระทั่งมีเสียงลำโพงประกาศแทรกเข้ามาฟังดูคล้ายเสียงของหุ่นยนต์ มันสะท้อนทั่วทั้งโดมทำให้ทุกคนบนอัฒจันทร์ต้องเงียบเสียงลง
“นี่คืออะเดลเบิร์ก อารีน่า: ระบบทดลอง ... กำลังเข้าสู่การต่อสู้แบบเรียลไทม์ ... การโอนถ่ายข้อมูลแก่ตัวละครเรียบร้อยแล้ว”
โมเว็ทมองตัวอักษรขนาดยักษ์ลอยเบื้องหน้า มันแลดูคล้ายแผ่นกระดาษปลิวไปตามสายลม ตัวอักษรนั้นอ่านได้ความว่า ‘Adelberg Arena: Alpha Testing’ คำว่าแอลฟาเทสติ้งนั้นไขความกระจ่างให้แก่โมเว็ทได้รับรู้ในทันทีว่าสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่งซึ่งยังคงอยู่ในช่วงของการทดสอบขั้นแรกโดยผู้พัฒนาระบบ
นั่นหมายความว่าโคลอสเซียมแห่งนี้ถูกจำลองขึ้นมา และมันคงมีไว้เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
โมเว็ทและเจเรมีย์คงเป็นเพียงเหยื่อของการทดลองในครั้งนี้ด้วย
ให้ตายเถอะ! … คิดแล้วก็ต้องกัดฟันกรอด ทั้งหัวเสียทั้งตื่นกลัว
ฉับพลันนั้นเองกุญแจข้อมือก็หายไปคล้ายกับว่ามันถูกน้ำกรดสาดใส่เกิดเป็นฟองฟู่ลอยลู่ขึ้นสู่อากาศแล้วสลายไปในพริบตา ขณะเดียวกันก็ปรากฏเส้นลำแสงสีเขียวนับพันเส้นห่อหุ้มร่างกายของสองหนุ่มเอาไว้ บรรดาเส้นแสงเหล่านั้นรวมกันจนเกิดเป็นโครงร่างสามมิติเป็นรูปของเกราะมันวาว จู่ๆดาบเล่มยาวก็โผล่ออกมาอยู่ในมือของพวกเขา
ทั้งสองผงะค้างก้มมองใบดาบกว้างนั้นอย่างฉงน น้ำหนักของดาบเล่มใหญ่ควรจะถ่วงลงจนทำให้พวกเขาต้องลงไปนอนกลิ้งเกลือกบนพื้น ทว่ามันกลับเบาหวิวราวกับมีปุยนุ่นก้อนหนึ่งกลิ้งอยู่ในกำมือเท่านั้น
บัดนี้พวกเขาอยู่ในชุดเกราะสัมฤทธิ์แลดูรุ่มร่าม สวมหมวกสีทองใบโตซึ่งกลางหมวกประดับด้วยพู่แลดูคล้ายหมวกโรมัน แทนที่ความไม่คุ้นเคยจะกลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้การย่างเท้านั้นยากลำบากขึ้น แต่ทว่าสิ่งที่รู้สึกได้จริงในยามนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
โมเว็ทก้มมองเครื่องแต่งกายอันน่าอึดอัดอย่าง เขาพอจะเดาได้ไม่ยากว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากโปรแกรมที่ถูกติดตั้งเอาไว้ในโดม เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นเพียงสนามกีฬาจำลองเพราะฉะนั้นทุกอย่างที่อยู่ภายในโดมก็ล้วนถูกจำลองขึ้นมาทั้งสิ้น
เจเรมีย์เผลอหัวเราะประชดให้กับชีวิตที่หดสั้นลงจนแทบจะกลายเป็นศูนย์ เขายินดีที่จะหัวเราะอีกครั้งให้กับเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นรอบกายแม้ว่าเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กำลังเล่นตลกอะไรอยู่ก็ตาม
“ดูสิโมเว็ท ... ให้ตายเถอะ! พวกเรากลายเป็นตัวอะไร? อัศวิน?”
“ฉันไม่รู้”
ในอึดใจเดียวกันร่างของพวกเขาก็เกิดอาการกระตุกราวกับมีแรงดันจากภายในบริเวณช่องท้องเกิดขึ้น ทั้งโมเว็ทและเจเรมีย์ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก ลำตัวชะงักค้าง ริมฝีปากที่เคยขยับเปิดเองได้ก็ถูกปิดแน่นเหมือนดั่งถูกทาด้วยกาว มีแรงอันหนักหน่วงพยายามดันผ่านออกมาจากทุกอณูผิว มันมีอิทธิพลมากกว่าโสตประสาตทั้งกายซึ่งทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถออกคำสั่งแก่แขนขาหรือศีรษะได้อีกเลย บัดนี้พวกเขาตกอยู่ในสภาพคล้ายคนเป็นอัมพาต มีเพียงสมองเท่านั้นที่ยังคงครุ่นคิดและรับรู้ได้
เสียงบนอัฒจันทร์ดังขึ้นอีกครา มีทั้งเสียงนกหวีดและเสียงเชียร์ บรรดาชายหนุ่มบนอัฒจันทร์เริ่มลงพนัน มองดูการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างตื่นเต้น
แก๊ง! แก๊ง! แก๊ง!
เสียงระฆังดังขึ้นรัว แล้วทันใดนั้นประตูข้างอัฒจันทร์ฝั่งใต้ก็เปิดออกพร้อมกับร่างนายทหารในชุดนักรบโรมันเข็นกรงเหล็กซึ่งวางอยู่บนกระดานแข็งๆทรงสี่เหลี่ยมเข้ามาในสนาม ภายในกรงนั้นมีสัตว์ประหลาดตัวมหึมาถูกขังอยู่ด้วย
ปึง! ปึง!
เจ้าสัตว์ประหลาดส่งเสียงคำรามลั่นฟ้า ทำเอาเหล่าคนดูอุทานเสียงสูงพร้อมกันด้วยความตกใจ อุ้งตีนโตตะปบกรงเหล็กด้วยความรุนแรงที่ทำให้ล้อทั้งสี่สะเทือนไหว นายทหารจำลองนั้นรีบวิ่งกลับเข้าไปใต้อัฒจันทร์แล้วจึงเลื่อนประตูปิดลงทันที
สัตว์อัปลักษณ์สี่เท้ามีสองหัว หัวหนึ่งเป็นแพะอีกหัวเป็นสิงโต ขาคู่หน้าเป็นอุ้งเท้าหนาซ่อนกรงเล็บแหลมคมไว้พร้อมขย้ำเหยื่อ ส่วนขาคู่หลังมีลักษณะเป็นกีบ หางยาวตวัดไปมาเป็นลำตัวงูยาวใหญ่ คมเขี้ยวแฝงกรดพิษของอสรพิษฝังลงบนลูกกรงเพียงวินาทีเดียวก็ทำให้เหล็กหนาหลอมละลาย
ตัวอักษรปรากฏขึ้นเหนือกรงในทันใด อ่านได้ความว่า ‘Chimera (คิเมียร่า)’
เจเรมีย์กับโมเว็ทอยากจะร้องลั่นหลีกหนีจากสัตว์ประหลาดตัวมหึมาเบื้องหน้าทว่าร่างกายที่ตกอยู่ใต้อำนาจการสั่งการของแรงปริศนาทำให้พวกเขาหยุดยืนนิ่ง ถือดาบแกว่งกวัดเบาๆอย่างสบายอารมณ์ราวกับไม่รู้สึกเกรงกลัวเจ้าตัวประหลาดซึ่งจ้องจะจับกินเนื้อของพวกเขาเลยสักนิด
โมเว็ทพยายามเหลือบตามองมือของตนเองกำลังควงด้ามดาบอย่างชำนิชำนาญ จู่ๆเขาก็เปล่งเสียงพูดโดยที่สมองไม่ได้สั่งการออกมาว่า
“จัดการมันให้ได้ก่อนแล้วฉันจะจัดการแกทีหลัง”
เจเรมีย์หันมองโมเว็ทด้วยรอยยิ้มเย็น “ฝันไปเถอะ”
เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของพวกเขา?
แย่ชะมัด!
นี่เขาพูดอะไรออกไป? โมเว็ทอยากจะนอนคลั่งอยู่ตรงนั้น บัดนี้ตัวเขาไม่ใช่ตัวเขาอีกต่อไปเพราะร่างกายทุกส่วนแม้แต่คำพูดนั้นอยู่ภายใต้การบงการของอำนาจลึกลับและแรงประหลาดที่บังคับให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
เด็กหนุ่มเลิกคิด เขากรอกตามองรอบกายก่อนจะหันไปจรดสายตาจ้องมองคิเมียร่าซึ่งบัดนี้สามารถพังกรงแข็งแรงออกมาได้สำเร็จแล้ว
มันคำรามลั่นสนั่นหวั่นไหว คลื่นเสียงทำให้บรรดาผู้ชมต้องเลื่อนมืออุดหูก้มตัวหลบใต้เก้าอี้ในขณะที่เจเรมีย์และโมเว็ทในชุดเกราะยังคงยิ้มหน้าระรื่นไม่หวั่นเกรงศัตรูตัวร้ายซึ่งมีความสูงมากกว่าสี่เมตรเบื้องหน้าของตน
ในวินาทีนั้นทั้งสองก็ถลาตัววิ่งเข้าหาคิเมียร่า เจ้าสัตว์ประหลาดคู้ตัวคำรามต่ำข่มขู่ก่อนจะกระโจนใส่ สองหนุ่มรีบกระโดดหลบแยกกันคนละทิศ หางงูสะบัดหันหัวส่งเสียงฟ่อๆ โมเว็ทไม่รอช้ากระชับดาบเล่มใหญ่ในมือแล้วจึงเหวี่ยงใส่เจ้างูตัวยาวนั้นทันที
ควับ! ควับ!
อสรพิษร้ายหลบได้ทุกคราแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ย่อท้อ เขากลิ้งตัวหนีเมื่อมันพุ่งหัวหมายจะฉกร่าง ก่อนจะตวัดดาบฟันคองูนั้นอย่างจัง
ฉับ!
To Be Continued .........
Run! วิ่งฝ่าเกมอันตราย- Login ครั้งที่ 1
เป็นแนว Action- Fantasy
ปฐมบท
http://pantip.com/topic/30724109
\\\\\\\\\\\\\\\\
Login ครั้งที่ 1
ร่วมมือ
นัยน์ตาสีเทาฉายแววประหวั่นกำลังกระพริบถี่ๆกราดมองรอบทิศด้วยความตื่นเต้นตื่นกลัว เด็กหนุ่มได้ยินเสียงรัวของหัวใจที่เต้นดังตุบๆแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอกซ้าย เหงื่อไหลผุดพรายเต็มกลางแผ่นหลัง
บรรดาผู้ชมบนอัฒจันทร์ตะโกนกึกก้องต่อเนื่องเรียกชื่อของเด็กหนุ่มสองคนบนสังเวียนยักษ์อันเป็นลานประหารของพวกเขาในยามนี้ เสียงโห่เฮเรียกขวัญกำลังใจนั้นกลับทำให้โมเว็ทรู้สึกห่อเหี่ยวจนตัวแทบจะเล็กลีบลงในฉับพลัน เขารีบก้าวเท้ายาวๆเดินเข้าไปหาเจเรมีย์ พยายามตะโกนบอกเพื่อนแต่อีกฝ่ายไม่ได้ยินเสียงของเขาเลยสักนิด
“นายบอกว่าอะไรนะ?”
“เราต้องหนี!”โมเว็ทย้ำก่อนจะพยายามเลื่อนแขนที่ถูกไพล่หลังขยับไปมาเป็นเชิงบอกเพื่อนว่าพวกเขาต้องหาวิธีสลัดกุญแจมือออกเสียก่อน
“นายต้องการอะไร!?”
“หนี! นายได้ยินไหม!?”ไม่ว่าโมเว็ทจะตะโกนสักเพียงใด เสียงเชียร์บนอัฒจันทร์ก็กลืนคำพูดของเขาหายไปในสายลม
ผู้เป็นเพื่อนมองโมเว็ทมีทีท่าลุกรี้ลุกรนแล้วก็เดาได้ไม่ยากนักว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่เขาหรือจะช่วยเพื่อนให้หลุดออกไปจากที่นี่ได้? ในเมื่อเขาเองก็ยังช่วยตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป
ในฉับพลันนั้นเองจู่ๆก็มีแสงวาบคลอบคลุมร่างของทั้งสองเอาไว้ พวกเขาถูกแรงบางอย่างทำให้ดีดออกห่างจากกัน แรงกระแทกปริศนานั้นหนักหน่วงมากพอที่จะทำให้โมเว็ทปลิวไปไกลจนกระทบกับกำแพงอิฐ ร่างร่วงบนพื้นสนามร้าวระบมไปทั่ว เด็กหนุ่มกลิ้งตัวไปมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ในวินาทีเดียวกันนั้น จู่ๆก็มีละอองแสงสีฟ้าทาทาบบนผิวกายของเขา แสงนั้นปรากฏขึ้นในฉับพลันและสลายไปในชั่วพริบตาเดียว จู่ๆอาการปวดหนึบตามกล้ามเนื้อก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง เขาค่อยๆขยับกายลุกขึ้น เสียงเฮอีกระลอกดังสนั่นทันทีที่เด็กหนุ่มเริ่มทรงตัวได้
โมเว็ทหอบแฮ่กจดจ้องมองเพื่อนตาไม่กระพริบ นานนับนาทีที่ทั้งสองต่างยืนนิ่งใช้เพียงดวงตาสื่อความหมายถึงกันและกันในระยะไกลจนกระทั่งมีเสียงลำโพงประกาศแทรกเข้ามาฟังดูคล้ายเสียงของหุ่นยนต์ มันสะท้อนทั่วทั้งโดมทำให้ทุกคนบนอัฒจันทร์ต้องเงียบเสียงลง
“นี่คืออะเดลเบิร์ก อารีน่า: ระบบทดลอง ... กำลังเข้าสู่การต่อสู้แบบเรียลไทม์ ... การโอนถ่ายข้อมูลแก่ตัวละครเรียบร้อยแล้ว”
โมเว็ทมองตัวอักษรขนาดยักษ์ลอยเบื้องหน้า มันแลดูคล้ายแผ่นกระดาษปลิวไปตามสายลม ตัวอักษรนั้นอ่านได้ความว่า ‘Adelberg Arena: Alpha Testing’ คำว่าแอลฟาเทสติ้งนั้นไขความกระจ่างให้แก่โมเว็ทได้รับรู้ในทันทีว่าสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่งซึ่งยังคงอยู่ในช่วงของการทดสอบขั้นแรกโดยผู้พัฒนาระบบ
นั่นหมายความว่าโคลอสเซียมแห่งนี้ถูกจำลองขึ้นมา และมันคงมีไว้เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
โมเว็ทและเจเรมีย์คงเป็นเพียงเหยื่อของการทดลองในครั้งนี้ด้วย
ให้ตายเถอะ! … คิดแล้วก็ต้องกัดฟันกรอด ทั้งหัวเสียทั้งตื่นกลัว
ฉับพลันนั้นเองกุญแจข้อมือก็หายไปคล้ายกับว่ามันถูกน้ำกรดสาดใส่เกิดเป็นฟองฟู่ลอยลู่ขึ้นสู่อากาศแล้วสลายไปในพริบตา ขณะเดียวกันก็ปรากฏเส้นลำแสงสีเขียวนับพันเส้นห่อหุ้มร่างกายของสองหนุ่มเอาไว้ บรรดาเส้นแสงเหล่านั้นรวมกันจนเกิดเป็นโครงร่างสามมิติเป็นรูปของเกราะมันวาว จู่ๆดาบเล่มยาวก็โผล่ออกมาอยู่ในมือของพวกเขา
ทั้งสองผงะค้างก้มมองใบดาบกว้างนั้นอย่างฉงน น้ำหนักของดาบเล่มใหญ่ควรจะถ่วงลงจนทำให้พวกเขาต้องลงไปนอนกลิ้งเกลือกบนพื้น ทว่ามันกลับเบาหวิวราวกับมีปุยนุ่นก้อนหนึ่งกลิ้งอยู่ในกำมือเท่านั้น
บัดนี้พวกเขาอยู่ในชุดเกราะสัมฤทธิ์แลดูรุ่มร่าม สวมหมวกสีทองใบโตซึ่งกลางหมวกประดับด้วยพู่แลดูคล้ายหมวกโรมัน แทนที่ความไม่คุ้นเคยจะกลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้การย่างเท้านั้นยากลำบากขึ้น แต่ทว่าสิ่งที่รู้สึกได้จริงในยามนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
โมเว็ทก้มมองเครื่องแต่งกายอันน่าอึดอัดอย่าง เขาพอจะเดาได้ไม่ยากว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากโปรแกรมที่ถูกติดตั้งเอาไว้ในโดม เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นเพียงสนามกีฬาจำลองเพราะฉะนั้นทุกอย่างที่อยู่ภายในโดมก็ล้วนถูกจำลองขึ้นมาทั้งสิ้น
เจเรมีย์เผลอหัวเราะประชดให้กับชีวิตที่หดสั้นลงจนแทบจะกลายเป็นศูนย์ เขายินดีที่จะหัวเราะอีกครั้งให้กับเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นรอบกายแม้ว่าเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กำลังเล่นตลกอะไรอยู่ก็ตาม
“ดูสิโมเว็ท ... ให้ตายเถอะ! พวกเรากลายเป็นตัวอะไร? อัศวิน?”
“ฉันไม่รู้”
ในอึดใจเดียวกันร่างของพวกเขาก็เกิดอาการกระตุกราวกับมีแรงดันจากภายในบริเวณช่องท้องเกิดขึ้น ทั้งโมเว็ทและเจเรมีย์ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก ลำตัวชะงักค้าง ริมฝีปากที่เคยขยับเปิดเองได้ก็ถูกปิดแน่นเหมือนดั่งถูกทาด้วยกาว มีแรงอันหนักหน่วงพยายามดันผ่านออกมาจากทุกอณูผิว มันมีอิทธิพลมากกว่าโสตประสาตทั้งกายซึ่งทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถออกคำสั่งแก่แขนขาหรือศีรษะได้อีกเลย บัดนี้พวกเขาตกอยู่ในสภาพคล้ายคนเป็นอัมพาต มีเพียงสมองเท่านั้นที่ยังคงครุ่นคิดและรับรู้ได้
เสียงบนอัฒจันทร์ดังขึ้นอีกครา มีทั้งเสียงนกหวีดและเสียงเชียร์ บรรดาชายหนุ่มบนอัฒจันทร์เริ่มลงพนัน มองดูการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างตื่นเต้น
แก๊ง! แก๊ง! แก๊ง!
เสียงระฆังดังขึ้นรัว แล้วทันใดนั้นประตูข้างอัฒจันทร์ฝั่งใต้ก็เปิดออกพร้อมกับร่างนายทหารในชุดนักรบโรมันเข็นกรงเหล็กซึ่งวางอยู่บนกระดานแข็งๆทรงสี่เหลี่ยมเข้ามาในสนาม ภายในกรงนั้นมีสัตว์ประหลาดตัวมหึมาถูกขังอยู่ด้วย
ปึง! ปึง!
เจ้าสัตว์ประหลาดส่งเสียงคำรามลั่นฟ้า ทำเอาเหล่าคนดูอุทานเสียงสูงพร้อมกันด้วยความตกใจ อุ้งตีนโตตะปบกรงเหล็กด้วยความรุนแรงที่ทำให้ล้อทั้งสี่สะเทือนไหว นายทหารจำลองนั้นรีบวิ่งกลับเข้าไปใต้อัฒจันทร์แล้วจึงเลื่อนประตูปิดลงทันที
สัตว์อัปลักษณ์สี่เท้ามีสองหัว หัวหนึ่งเป็นแพะอีกหัวเป็นสิงโต ขาคู่หน้าเป็นอุ้งเท้าหนาซ่อนกรงเล็บแหลมคมไว้พร้อมขย้ำเหยื่อ ส่วนขาคู่หลังมีลักษณะเป็นกีบ หางยาวตวัดไปมาเป็นลำตัวงูยาวใหญ่ คมเขี้ยวแฝงกรดพิษของอสรพิษฝังลงบนลูกกรงเพียงวินาทีเดียวก็ทำให้เหล็กหนาหลอมละลาย
ตัวอักษรปรากฏขึ้นเหนือกรงในทันใด อ่านได้ความว่า ‘Chimera (คิเมียร่า)’
เจเรมีย์กับโมเว็ทอยากจะร้องลั่นหลีกหนีจากสัตว์ประหลาดตัวมหึมาเบื้องหน้าทว่าร่างกายที่ตกอยู่ใต้อำนาจการสั่งการของแรงปริศนาทำให้พวกเขาหยุดยืนนิ่ง ถือดาบแกว่งกวัดเบาๆอย่างสบายอารมณ์ราวกับไม่รู้สึกเกรงกลัวเจ้าตัวประหลาดซึ่งจ้องจะจับกินเนื้อของพวกเขาเลยสักนิด
โมเว็ทพยายามเหลือบตามองมือของตนเองกำลังควงด้ามดาบอย่างชำนิชำนาญ จู่ๆเขาก็เปล่งเสียงพูดโดยที่สมองไม่ได้สั่งการออกมาว่า
“จัดการมันให้ได้ก่อนแล้วฉันจะจัดการแกทีหลัง”
เจเรมีย์หันมองโมเว็ทด้วยรอยยิ้มเย็น “ฝันไปเถอะ”
เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของพวกเขา?
แย่ชะมัด!
นี่เขาพูดอะไรออกไป? โมเว็ทอยากจะนอนคลั่งอยู่ตรงนั้น บัดนี้ตัวเขาไม่ใช่ตัวเขาอีกต่อไปเพราะร่างกายทุกส่วนแม้แต่คำพูดนั้นอยู่ภายใต้การบงการของอำนาจลึกลับและแรงประหลาดที่บังคับให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
เด็กหนุ่มเลิกคิด เขากรอกตามองรอบกายก่อนจะหันไปจรดสายตาจ้องมองคิเมียร่าซึ่งบัดนี้สามารถพังกรงแข็งแรงออกมาได้สำเร็จแล้ว
มันคำรามลั่นสนั่นหวั่นไหว คลื่นเสียงทำให้บรรดาผู้ชมต้องเลื่อนมืออุดหูก้มตัวหลบใต้เก้าอี้ในขณะที่เจเรมีย์และโมเว็ทในชุดเกราะยังคงยิ้มหน้าระรื่นไม่หวั่นเกรงศัตรูตัวร้ายซึ่งมีความสูงมากกว่าสี่เมตรเบื้องหน้าของตน
ในวินาทีนั้นทั้งสองก็ถลาตัววิ่งเข้าหาคิเมียร่า เจ้าสัตว์ประหลาดคู้ตัวคำรามต่ำข่มขู่ก่อนจะกระโจนใส่ สองหนุ่มรีบกระโดดหลบแยกกันคนละทิศ หางงูสะบัดหันหัวส่งเสียงฟ่อๆ โมเว็ทไม่รอช้ากระชับดาบเล่มใหญ่ในมือแล้วจึงเหวี่ยงใส่เจ้างูตัวยาวนั้นทันที
ควับ! ควับ!
อสรพิษร้ายหลบได้ทุกคราแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ย่อท้อ เขากลิ้งตัวหนีเมื่อมันพุ่งหัวหมายจะฉกร่าง ก่อนจะตวัดดาบฟันคองูนั้นอย่างจัง
ฉับ!
To Be Continued .........