THE NEARQUALIGHT: THE RISE OF THE LOST PRINCE
CHAPTER 3 : DICISSION : ตัดสินใจ
ข้ามฟากไปยังอีกตึกหนึ่งที่ห่างไกลออกไปจากห้องพยาบาล..ในห้องที่อยู่ลึกสุดในตึกของศูนย์อำนวยการแห่งนี้..คณะอาจารย์ร่วมสามสิบคนกำลังนั่งประจำตำแหน่งของตน บรรยากาศดูไม่สุนทรีย์เสียเท่าไหร่..เสียงของอาจารย์หนุ่มคนหนึ่ง ผู้ที่มีป้ายตั้งอยู่ด้านหน้าว่า “ผู้อำนวยการ” ดังขึ้นอย่างสุขุม
“ถึงจะไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นจริง”
ชายหนุ่มผมสีแดงเข้มกล่าว..เค้าอยู่ในชุดสูทสีดำเลื่อม เสื้อผ้าเรียบกริบราวกับจะสามารถจะบาดกระดาษให้ขาดได้..เนคไทค์สีน้ำตาลลายตัดเฉียง แสดงให้เห็นถึงความมีรสนิยม ผิวแลดูละเอียดและใส ราวกับเด็กน้อย..ใช่เลย..เค้าดูเด็กกว่าจะเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนที่พิเศษแห่งนี้ แต่นั่นคือสิ่งที่เป็น..
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในโลกแห่งเมลโรทอว์..ไม่เคยมีใครที่มีรีจิสเตอร์เกทอยู่เหนือฟากฟ้ามาก่อน..เห็นได้ชัดว่า เด็กคนนั้นมีความพิเศษ..เราอาจต้องพิจารณาให้เค้าเข้าเรียนที่นี่” ชายหนุ่มผมสีแดงเข้มเอ่ยขึ้น
“แต่ ผอ.ครับ จากที่ผมดูแล้ว เค้าไม่ได้เป็นนิวไทปเปอร์เหมือนพวกเราเลยนะครับ..พวกเรา อาจารย์ทุกคนสัมผัสไม่ได้ถึงความเป็นไทปเปอร์ของเค้า..ไม่มีพ่อแม่ หรือครอบครัวคนไหนของเค้าที่เป็นไทปเปอร์..ไม่มีประวัติ ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
ชายที่ดูมีอายุคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ร่างอวบท้วมกับผิวที่ไม่เต่งตึงแสดงถึงอายุของเค้าได้ในระดับหนึ่ง สายตามองตรงไปยัง ผู้อำนวยการหนุ่มอย่างแรงกล้า..อาจารย์คนอื่นๆหลับตาลง พยักหน้าอย่างเห็นด้วย..
“ผอ.ควอเรนซ์ ท่านก็ทราบดี..ว่าการรับคนธรรมดาเข้ามาอยู่ในที่ที่เป็นโลกของไทปเปอร์ มันเสี่ยงมากแค่ไหน..ยิ่งที่นี่เป็นโรงเรียนด้วยแล้ว ยิ่งมีความเสี่ยงต่อพวกเราและนักเรียนทุกคน..”
เค้ากล่าว..ก่อนหยุดไปชั่วครู่ และเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“หรือว่าเด็กน้อยอย่างท่านไม่ทราบ!” ทั้งห้องเงียบกริบ..รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ขมุกขมัวของอารมณ์
“ผมทราบครับ..แต่คนธรรมดาเปิดรีจิสเตอร์เกทเองไม่ได้..อาจารย์ลูอิส”
ควอเรนซ์กล่าวเสียงเรียบ เลี่ยงการต่อล้อต่อเถียงอันจะทำให้เกิดอารมณ์ที่ครุกรุ่น พยายามควบคุมสถานการณ์.ให้นิ่งที่สุด..ลูอิสนิ่ง ไม่เอ่ยตอบ..เพราะมันคือสิ่งที่เป็นความจริง คนธรรมดาไม่สามารถเปิดรีจิสเตอร์เกท เพื่อพาตัวเองมายังเมลโรทอว์ได้..มีแต่ไทปเปอร์ และ นิวไทปเปอร์เท่านั้นที่มีความสามารถดังกล่าวนั้น..
“บางที..การที่พวกเรารับรู้ถึงพลังของเค้าไม่ได้..อาจเป็นเพราะเค้าอาจไม่ใช่ไทปเปอร์ที่มีลักษณะพลังตามที่เราเคยเข้าใจหรือรู้จักก็ได้นะครับ”
อาจารย์หนุ่มวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ผมสีน้ำตาลปรกหน้าของเค้าทำให้เค้าดูลึกลับ ซ้ำยังมีสายตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะนั่นอีก..
“หมายความว่ายังไง วินเฟรด”
ลูอิสเอ่ย อาจารย์ทุกคนดูสนใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มกล่าว..
“พวกเราไทปเปอร์..จะรู้ถึงตัวตนของคนอื่นว่าเป็นเหมือนกันมั้ย ก็จากการสั่งสมประสบการณ์ในการพบปะกับผู้ที่เป็นไทปเปอร์เหมือนกัน..ผ่านการร่ายบทสวด..ได้ยินบทสวดจากผู้อื่น..ผ่านการต่อสู้ จนความรู้สึกเหล่านั้นมันแทรกซึมผ่านร่างกายฝังรากลงลึกในสัญชาตญาณ”
“อย่างตัวผมเอง..อาจารย์ลูอิซ คุณจำไม่ได้หรือครับ..ว่าตอนแรกคุณก็สัมผัสไม่ได้ถึงความเป็นไทปเปอร์ของผม ในเมื่อคุณไม่ได้คุ้นเคยกับคนที่ถือครองพลังแห่ง…”
“เข้าใจแล้ว!! มันก็..เป็นไปได้..”
ลูอิสรีบพูดตัดบทอย่างติดๆขัดๆ..เหงื่อตกเบาๆ วินเฟรดยิ้มกริ่ม
“แต่ขนาดตัวของท่าน ผอ.เองที่สัมผัสรูปแบบของนิวไทปเปอร์มามากที่สุดในโรงเรียนเรา ยังไม่สามารถสัมผัสได้เลย”
ลูอิซเอ่ยเสียงดังขัดจังหวะ ทุกคนนิ่งเงียบไปอีกครั้ง..เสียงกระแอมดังขึ้นที่หัวโต๊ะตัวยาว เป็นเสียงของควอเรนซ์
“แต่ไม่ได้แปลว่าเค้าไม่ได้เป็นนิวไทปเปอร์..จริงมั้ยครับ อาจารย์ลูอิซ”
ลูอิซสะอึก นั่งนิ่งเงียบ..ควอเรนซ์ยืนขึ้นช้าๆ เอามือทั้งสองข้างท้าวที่โต๊ะ พร้อมใช้สายตามองผ่านผมสีแดงสวยที่ยาวลงมาถึงดวงตา
“เจตนารมณ์ของการมีสถานที่แห่งนี้มันชัดเจนอยู่แล้วครับ..เราคงไม่สามารถปล่อยให้คนๆนึงที่มีโอกาสเป็นนิวไทปเปอร์ กลายเป็นในสิ่งที่พวกเราหรือใครๆไม่อยากให้เป็น..ต้องดูแล ควบคุม สอนสั่ง อบรมพวกเค้าเหล่านี้ จึงมีพวกเราอยู่ตรงนี้ไงครับ”
ควอเรนซ์กล่าว..วินเฟรดยิ้มในใจพลางคิด..’ยังหนุ่มแน่นแท้ๆ แต่มีวิสัยทัศน์ และยึดมั่นตามเจตนารมณ์ของสิ่งที่ยึดถือมาตลอดขนาดนี้..ถึงจะยังเด็กแต่ก็ถือว่าเหมาะสมแล้วแก่การสืบทอดตำแหน่ง ผู้อำนวยการของสถานที่แห่งนี้’
“สามเดือน..” ชายหนุ่มผมสีแดงกล่าว..ทุกคนมองไปเป็นสายตาเดียวกัน
“คือเวลาที่เราจะให้เค้าได้พิสูจน์..ว่าตัวเค้าเป็นนิวไทปเปอร์ที่แสนพิเศษ หรือเป็นคนธรรมดาที่อยู่ๆก็ดันเปิดเกทบนท้องฟ้าได้..”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
“ปวดหัวแค่นิดเดียว ทำเป็นสำออยจะมาห้องพยาบาลให้ได้เลยนะ”
เอสเตอร์กล่าว พร้อมเหลือบตาไปทางไวท์ที่ทำหน้ามุ่ยอยู่..เด็กหนุ่มหนึ่งคน ตามด้วยร่างบางๆของสองหญิงสาวกำลังอยู่บนทางเดินที่มุ่งตรงไปยังห้องพยาบาล
“ชั้นขอให้เธอมาด้วยหรือไง..” ไวท์ตวาด
“โอ้ยยย แค่นายบอกว่าจะมาเอายาห้องพยาบาล ชั้นก็รู้หมดแล้ว..ไม่ต้องมาฟอร์ม” เอสเตอร์ยิ้มอย่างมีเลศนัย ไวท์หันขวับมาทันที
“พวกเรารู้นะคะว่าไวท์แอบชอบ วาเนร่า” หญิงสาวผิวขาวราวไฟนีออน กล่าวขึ้นพร้อมดวงตาที่กลมโต เรเนซนั่นเอง
“หน้าแดงอ่ะ ไวท์ ฮ่าๆๆ” เอสเตอร์กล่าวพร้อมระเบิดหัวเราะลั่น
“ยัยบ้า!!”
ไวท์หันไปตวาดเอสเตอร์เสียงลั่นพร้อมใบหน้าแดงก่ำ..เอสเตอร์หน้าหงิกก่อนสวนทันควัน
“เรเนซก็มากับชั้น ทำไมนายไม่เห็นว่าเรเนซเลยฮะ…อ๋อ ใช่สินะ ถ้านายชอบวาเนร่า จะไปว่าเรเนซอย่างงั้นไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ เข้าใจล่ะๆ”
เอสเตอร์กล่าวพลางพยักหน้าให้กับตัวเอง เรเนซยิ้มเจื่อนๆ
“ไม่เกี่ยวเลยเฟ้ย ลองดูนิสัยเธอกับเรเนซดูสิ อย่างเธอมันเรียกเด็กเกรียน ยัยบ๊อง..เรเนซ เค้าเป็นถึงดาวโรงเรียนไม่ทำตัวเกรียนๆอย่างเธอ ถึงไม่โดนชั้นว่านี่ไง”
ไวท์หยุดฝีเท้าทันท่วงทีก่อนหันกลับไปพูดเสียงลั่น..เอสเตอร์และเรเนซหยุดการย่างก้าวตามไปด้วย..ไวท์ยักคิ้วยิ้มมุมปาก ก่อนหันกลับและเดินต่อไปที่ห้องพยาบาล ทิ้งเด็กสาวทั้งสองยืนนิ่งสนิทไว้เบื้องหลัง
“หนอยยย..ชักจะมีน้ำโหแล้วนะ หมอนี่..”
เอสเตอร์ร้องเสียงลั่น พยายามจะเดินไปเอาเรื่อง..แต่มีเรเนซรั้งเอาไว้..พร้อมบอกเด็กสาวให้ใจเย็นๆ..จนในที่สุดทั้งสามคนก็เดินมาถึงห้องพยาบาล
“วา…เน….ร่า มีผู้ป่วยอาการปวดทางใจ เอ้ย ปวดหัวมาขอยาจ้า”
เอสเตอร์พูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาถึงห้องพยาบาล..ไวท์หันไปเขม่น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่วาเนร่าใช้มือเปิดม่านที่กั้นโซนรับรองกับโซนเตียงผู้ป่วยออกมา..
“อ้าว ทุกคน..มีอะไรคะ ใครเป็นอะไร” วาเนร่ากล่าวเสียงใสหน้าตาตื่น
เอสเตอร์ กับ เรเนซนิ่งเงียบ เสมือนรอฟังคำตอบของชายหนุ่มที่ทำตัวอวดเก่งอยู่เมื่อครู่
“ชั้นเอง..ปวดหัวน่ะ”
ไวท์กล่าว พยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้..แม้จะเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน แต่ของแบบนี้มันไม่ง่ายเท่าไหร่แฮะ เค้าคิด
“ไวท์หรอ..แปปนะ”
เด็กสาวพูดพร้อมทำหน้าตกใจก่อนปรี่เข้ามาเอามือแปะที่หน้าผากของเค้า
“ตัวร้อนจริงๆด้วย อาจเป็นไข้นะ เดี๋ยวเอายาให้นะจ้ะ”
เธอกล่าวพร้อมรีบหันหลังกลับไปที่ตู้ยา..ไวท์ยืนแข็งทื่อ หน้าแดงลามไปถึงหู ทิ้งเอสเตอร์ที่อยู่เบื้องหลังปล่อยขำอย่างเบาเสียงที่สุดเท่าที่จะทำได้..เรเนซหัวเราะเบาๆ..ตัวร้อนไม่ใช่เพราะเป็นไข้มั้ง เธอคิด
“วาเนร่านี่จะซื่อไปถึงไหนเนี้ยะ..เรเนซ เธอเป็นเพื่อนสนิทเค้าไม่บอกเค้าไปล่ะ ว่าหมอนี่มันแอบชอบ” เอสเตอร์กระซิบใส่เด็กสาวที่อยู่ข้างๆ
“ของแบบนี้เป็นเรื่องของพวกเค้า ปล่อยให้เค้ารู้กันเองเถอะค่ะ เอสเตอร์”
“นี่จ้ะ ยา..ทานก่อนนะ น่าจะดีขึ้น”
วาเนร่ากล่าวพร้อมยื่นยาให้ไวท์และนั่งลงที่เก้าอี้..ไวท์กล่าวขอบคุณ ก่อนที่ทุกคนจะนั่งลงที่โซฟาของห้องรับรอง
“วันนี้เป็นไงบ้าง วาเนร่า มีเด็กป่วยการเมืองเยอะเหมือนเดิมมั้ย”
เอสเตอร์กล่าวถามเด็กสาวผู้น่ารัก
“ไม่มีหรอกค่ะ เด็กป่วยการเมือง..”
“แต่มีสิ่งที่น่าตกใจมากกว่า”
วาเนร่ากล่าว..ทุกคนชะงักไปชั่วครู่พร้อมมองไปที่วาเนร่าเป็นตาเดียวกัน
“มีเด็กปีหนึ่งกลุ่มนึงพา เด็กผู้ชายคนนึงมาส่งที่ห้องพยาบาลบอกว่าตกจากต้นไม้” เธอกล่าว
“แล้วมันแปลกตรงไหน?” ไวท์เอ่ยถามแววตาฉงน
“แต่ก่อนจะตกจากต้นไม้ พวกเด็กๆบอกว่า เค้าตกลงมาจากรีจิสเตอร์เกท”
สายตาของทั้งสามคนเบิกโพรงขึ้นชั่ววินาที
“เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง วาเนร่า” เรเนซพูด
“ชั้นก็คิดอย่างนั้น แต่เด็กๆยืนยันแบบนั้น ก็ไม่รู้ความจริงเป็นยังไงน่ะนะ”
“ถึงจะน่าตกใจ..แต่เรื่องแบบนั้นมัน..คุ้นหูชั้นอยู่นะ”
เอสเตอร์กล่าวเสียงแผ่วเบาในลำคอเกินกว่าใครจะได้ยิน..ทันใดนั้นฮัมมิ่งเบิร์ดตัวเล็กก็บินเข้ามาผ่านหน้าต่างห้องพยาบาล เข้ามาเกาะที่ไหล่ของเรเนซพร้อมประดิษฐ์เสียงเจื้อยแจ้ว
“มีคนมาค่ะ..เหมือนเป็นพวกอาจารย์..ผอ.ควอเรนซ์ก็มาด้วย” เรเนซกล่าว
“มาที่ไหนจ้ะ..ที่นี่หรอ” วาเนร่าเอ่ยถาม..เรเนซพยักหน้า
“เรื่องของหมอนั่นแน่..” ไวท์สมทบ
“ไวท์ เรเนซ มานี่เร็ว”
เอสเตอร์พูดขึ้นก่อนจะลุกและรีบเดินไปยังหลังเคาเตอร์จ่ายยา..ทุกคนมองตามไปที่เด็กสาว..
“เธอทำอะไรน่ะ”
“นายรีบมาเลย เรเนซด้วย ชั้นอยากรู้ว่าพวก ผอ.มาทำไม..ต้องแอบฟัง”
ไวท์ถอนหายใจยาวกับความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนสาวคนสนิท
เรเนซยืนขึ้นก่อนกล่าว
“เรื่องนั้นให้ เรน่า แอบฟังให้ก็ได้ค่ะ”
เด็กสาวกล่าวพร้อมมองไปยังนกฮัมมิ่งเบิร์ดที่เกาะอยู่ที่ไหล่ของเธอ
“ชั้นรู้ว่าเจ้าเรน่ามันทำได้ แต่ชั้นอยากได้ยินกับหู” เอสเตอร์เสียงสูงใส่
เรเนซยิ้มเจื่อนๆ..ไวท์เดินไปหลบหลังเคาเตอร์อย่างช่วยไม่ได้ เพราะตัวเค้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน..
“งั้นชั้นรอข้างนอกนะคะ เดี๋ยวคนจะเยอะเกิน..เดี๋ยวจะให้เรน่าอยู่ฟัง”
สิ้นเสียงเด็กสาว เธอก็เดินออกไปจากห้องพยาบาล..ไวท์และเอสเตอร์หลบอยู่หลังเคาเตอร์จ่ายยา ทิ้งเด็กสาวผู้น่ารัก วาเนร่า เสมือนอยู่กลางห้องเพียงลำพัง
ไม่กี่วินาทีที่เรเนซเดินออกไป.. ควอเรนซ์ วินเฟรด และเมย์ก็เดินเข้ามาในห้องพยาบาล..วาเนร่ายืนขึ้นโค้งลงเล็กๆเป็นการคำนับ
“สวัสดีครับ คุณวาเนร่า เหนื่อยหน่อยนะ”
ควอเรนซ์กล่าวพร้อมรอยยิ้มละไม วินเฟรดก็เช่นกัน..วาเนร่ายิ้มรับ
“วาเนร่า..เด็กหนุ่มที่ตกจากต้นไม้..อาการเป็นยังไงบ้างแล้วจ้ะ”
อาจารย์เมย์เอ่ยถามเด็กสาวผู้เป็นดั่งลูกศิษย์เอก..อาจารย์เมย์ หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว ผมสีดำขลับ ดูสะอาดสะอ้าน..เธอคืออาจารย์ประจำวิชา แพทยศาสตร์และการฟื้นฟู ประจำสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการของควอเรนซ์อีกด้วย
“หนูเพิ่งให้ยาเค้าทานยาแก้อักเสบค่ะ อาจารย์..ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้ด้วยว่าตัวเองกระดูกข้อเท้าหัก..ตอนเค้าสลบหนูให้ยาชาไป..จะลุกเดินลูกเดียว หนูเลยต้องพยายามยั้งเอาไว้..ไม่รู้ว่าถ้ายาชาหมดฤทธิ์ อาการปวดที่ข้อเท้าจะเป็นยัง..”
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!“
เสียงร้องของชายหนุ่มคนหนึ่งดังลั่นขึ้นทั่วบริเวณ..วาเนร่ารีบวิ่งเข้าไปในห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ตามด้วยควอเรนซ์ วินเฟรด และอาจารย์เมย์
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็กสาวผู้หลบซ่อนอยู่หลังเคาเตอร์..เอสเตอร์พุ่งตัวเองออกไปตาม แต่ไวท์ก็ดึงมือเธอไว้จนแขนแทบจะหลุด
“เธอจะบ้าหรือไง..ออกไปเดี๋ยวเค้าไล่เราออกจากห้อง..ก็อดรู้ว่าเค้าพูดอะไรกันพอดี”
เด็กสาวไม่ตอบอะไร แต่กำลังบีบแขนตัวเองเพราะเจ็บปวดจากแรงกระชากของเพื่อนของเธอ
“อยู่นี่ นิ่งๆ..ตั้งใจฟัง”
“โอ้ยยยยยย ปวดๆๆๆๆ”
เสียงของเซนทริคร้องลั่น แน่นอนว่ายาชาที่วาเนร่าได้ให้ไว้ตอนเค้าไม่ได้สติ มันหมดลงแล้ว..
“อยู่นิ่งๆก่อนนะจ้ะ พ่อหนุ่มน้อย”
เสียงละมุนของอาจารย์เมย์ดังขึ้น..เซนทริคนิ่งไปชั่วครู่ พร้อมกับอาจารย์เมย์ที่เดินเข้าไปหาเค้าที่ปลายเตียง พร้อมยื่นมือทั้งสองข้างออกไปอย่างช้าๆ
“ยอดน้ำค้าง ปลายหญ้าอันเหน็บหนาว และพลังแห่งชีวาของหมู่มวลมนุษย์”
“โปรดมอบพลังแห่งการเชื่อมโยงและพักฟื้นแก่ข้า..ผู้เป็นบ่าวแห่งพระองค์”
“จุดเริ่มต้นแห่งสายน้ำ..BEGIN OF THE RIVER”
THE NEARQUALIGHT: THE RISE OF THE LOST PRINCE ตอนที่ 3 รบกวนด้วยนะครับ
CHAPTER 3 : DICISSION : ตัดสินใจ
ข้ามฟากไปยังอีกตึกหนึ่งที่ห่างไกลออกไปจากห้องพยาบาล..ในห้องที่อยู่ลึกสุดในตึกของศูนย์อำนวยการแห่งนี้..คณะอาจารย์ร่วมสามสิบคนกำลังนั่งประจำตำแหน่งของตน บรรยากาศดูไม่สุนทรีย์เสียเท่าไหร่..เสียงของอาจารย์หนุ่มคนหนึ่ง ผู้ที่มีป้ายตั้งอยู่ด้านหน้าว่า “ผู้อำนวยการ” ดังขึ้นอย่างสุขุม
“ถึงจะไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นจริง”
ชายหนุ่มผมสีแดงเข้มกล่าว..เค้าอยู่ในชุดสูทสีดำเลื่อม เสื้อผ้าเรียบกริบราวกับจะสามารถจะบาดกระดาษให้ขาดได้..เนคไทค์สีน้ำตาลลายตัดเฉียง แสดงให้เห็นถึงความมีรสนิยม ผิวแลดูละเอียดและใส ราวกับเด็กน้อย..ใช่เลย..เค้าดูเด็กกว่าจะเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนที่พิเศษแห่งนี้ แต่นั่นคือสิ่งที่เป็น..
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในโลกแห่งเมลโรทอว์..ไม่เคยมีใครที่มีรีจิสเตอร์เกทอยู่เหนือฟากฟ้ามาก่อน..เห็นได้ชัดว่า เด็กคนนั้นมีความพิเศษ..เราอาจต้องพิจารณาให้เค้าเข้าเรียนที่นี่” ชายหนุ่มผมสีแดงเข้มเอ่ยขึ้น
“แต่ ผอ.ครับ จากที่ผมดูแล้ว เค้าไม่ได้เป็นนิวไทปเปอร์เหมือนพวกเราเลยนะครับ..พวกเรา อาจารย์ทุกคนสัมผัสไม่ได้ถึงความเป็นไทปเปอร์ของเค้า..ไม่มีพ่อแม่ หรือครอบครัวคนไหนของเค้าที่เป็นไทปเปอร์..ไม่มีประวัติ ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
ชายที่ดูมีอายุคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ร่างอวบท้วมกับผิวที่ไม่เต่งตึงแสดงถึงอายุของเค้าได้ในระดับหนึ่ง สายตามองตรงไปยัง ผู้อำนวยการหนุ่มอย่างแรงกล้า..อาจารย์คนอื่นๆหลับตาลง พยักหน้าอย่างเห็นด้วย..
“ผอ.ควอเรนซ์ ท่านก็ทราบดี..ว่าการรับคนธรรมดาเข้ามาอยู่ในที่ที่เป็นโลกของไทปเปอร์ มันเสี่ยงมากแค่ไหน..ยิ่งที่นี่เป็นโรงเรียนด้วยแล้ว ยิ่งมีความเสี่ยงต่อพวกเราและนักเรียนทุกคน..”
เค้ากล่าว..ก่อนหยุดไปชั่วครู่ และเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“หรือว่าเด็กน้อยอย่างท่านไม่ทราบ!” ทั้งห้องเงียบกริบ..รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ขมุกขมัวของอารมณ์
“ผมทราบครับ..แต่คนธรรมดาเปิดรีจิสเตอร์เกทเองไม่ได้..อาจารย์ลูอิส”
ควอเรนซ์กล่าวเสียงเรียบ เลี่ยงการต่อล้อต่อเถียงอันจะทำให้เกิดอารมณ์ที่ครุกรุ่น พยายามควบคุมสถานการณ์.ให้นิ่งที่สุด..ลูอิสนิ่ง ไม่เอ่ยตอบ..เพราะมันคือสิ่งที่เป็นความจริง คนธรรมดาไม่สามารถเปิดรีจิสเตอร์เกท เพื่อพาตัวเองมายังเมลโรทอว์ได้..มีแต่ไทปเปอร์ และ นิวไทปเปอร์เท่านั้นที่มีความสามารถดังกล่าวนั้น..
“บางที..การที่พวกเรารับรู้ถึงพลังของเค้าไม่ได้..อาจเป็นเพราะเค้าอาจไม่ใช่ไทปเปอร์ที่มีลักษณะพลังตามที่เราเคยเข้าใจหรือรู้จักก็ได้นะครับ”
อาจารย์หนุ่มวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ผมสีน้ำตาลปรกหน้าของเค้าทำให้เค้าดูลึกลับ ซ้ำยังมีสายตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะนั่นอีก..
“หมายความว่ายังไง วินเฟรด”
ลูอิสเอ่ย อาจารย์ทุกคนดูสนใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มกล่าว..
“พวกเราไทปเปอร์..จะรู้ถึงตัวตนของคนอื่นว่าเป็นเหมือนกันมั้ย ก็จากการสั่งสมประสบการณ์ในการพบปะกับผู้ที่เป็นไทปเปอร์เหมือนกัน..ผ่านการร่ายบทสวด..ได้ยินบทสวดจากผู้อื่น..ผ่านการต่อสู้ จนความรู้สึกเหล่านั้นมันแทรกซึมผ่านร่างกายฝังรากลงลึกในสัญชาตญาณ”
“อย่างตัวผมเอง..อาจารย์ลูอิซ คุณจำไม่ได้หรือครับ..ว่าตอนแรกคุณก็สัมผัสไม่ได้ถึงความเป็นไทปเปอร์ของผม ในเมื่อคุณไม่ได้คุ้นเคยกับคนที่ถือครองพลังแห่ง…”
“เข้าใจแล้ว!! มันก็..เป็นไปได้..”
ลูอิสรีบพูดตัดบทอย่างติดๆขัดๆ..เหงื่อตกเบาๆ วินเฟรดยิ้มกริ่ม
“แต่ขนาดตัวของท่าน ผอ.เองที่สัมผัสรูปแบบของนิวไทปเปอร์มามากที่สุดในโรงเรียนเรา ยังไม่สามารถสัมผัสได้เลย”
ลูอิซเอ่ยเสียงดังขัดจังหวะ ทุกคนนิ่งเงียบไปอีกครั้ง..เสียงกระแอมดังขึ้นที่หัวโต๊ะตัวยาว เป็นเสียงของควอเรนซ์
“แต่ไม่ได้แปลว่าเค้าไม่ได้เป็นนิวไทปเปอร์..จริงมั้ยครับ อาจารย์ลูอิซ”
ลูอิซสะอึก นั่งนิ่งเงียบ..ควอเรนซ์ยืนขึ้นช้าๆ เอามือทั้งสองข้างท้าวที่โต๊ะ พร้อมใช้สายตามองผ่านผมสีแดงสวยที่ยาวลงมาถึงดวงตา
“เจตนารมณ์ของการมีสถานที่แห่งนี้มันชัดเจนอยู่แล้วครับ..เราคงไม่สามารถปล่อยให้คนๆนึงที่มีโอกาสเป็นนิวไทปเปอร์ กลายเป็นในสิ่งที่พวกเราหรือใครๆไม่อยากให้เป็น..ต้องดูแล ควบคุม สอนสั่ง อบรมพวกเค้าเหล่านี้ จึงมีพวกเราอยู่ตรงนี้ไงครับ”
ควอเรนซ์กล่าว..วินเฟรดยิ้มในใจพลางคิด..’ยังหนุ่มแน่นแท้ๆ แต่มีวิสัยทัศน์ และยึดมั่นตามเจตนารมณ์ของสิ่งที่ยึดถือมาตลอดขนาดนี้..ถึงจะยังเด็กแต่ก็ถือว่าเหมาะสมแล้วแก่การสืบทอดตำแหน่ง ผู้อำนวยการของสถานที่แห่งนี้’
“สามเดือน..” ชายหนุ่มผมสีแดงกล่าว..ทุกคนมองไปเป็นสายตาเดียวกัน
“คือเวลาที่เราจะให้เค้าได้พิสูจน์..ว่าตัวเค้าเป็นนิวไทปเปอร์ที่แสนพิเศษ หรือเป็นคนธรรมดาที่อยู่ๆก็ดันเปิดเกทบนท้องฟ้าได้..”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
“ปวดหัวแค่นิดเดียว ทำเป็นสำออยจะมาห้องพยาบาลให้ได้เลยนะ”
เอสเตอร์กล่าว พร้อมเหลือบตาไปทางไวท์ที่ทำหน้ามุ่ยอยู่..เด็กหนุ่มหนึ่งคน ตามด้วยร่างบางๆของสองหญิงสาวกำลังอยู่บนทางเดินที่มุ่งตรงไปยังห้องพยาบาล
“ชั้นขอให้เธอมาด้วยหรือไง..” ไวท์ตวาด
“โอ้ยยย แค่นายบอกว่าจะมาเอายาห้องพยาบาล ชั้นก็รู้หมดแล้ว..ไม่ต้องมาฟอร์ม” เอสเตอร์ยิ้มอย่างมีเลศนัย ไวท์หันขวับมาทันที
“พวกเรารู้นะคะว่าไวท์แอบชอบ วาเนร่า” หญิงสาวผิวขาวราวไฟนีออน กล่าวขึ้นพร้อมดวงตาที่กลมโต เรเนซนั่นเอง
“หน้าแดงอ่ะ ไวท์ ฮ่าๆๆ” เอสเตอร์กล่าวพร้อมระเบิดหัวเราะลั่น
“ยัยบ้า!!”
ไวท์หันไปตวาดเอสเตอร์เสียงลั่นพร้อมใบหน้าแดงก่ำ..เอสเตอร์หน้าหงิกก่อนสวนทันควัน
“เรเนซก็มากับชั้น ทำไมนายไม่เห็นว่าเรเนซเลยฮะ…อ๋อ ใช่สินะ ถ้านายชอบวาเนร่า จะไปว่าเรเนซอย่างงั้นไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ เข้าใจล่ะๆ”
เอสเตอร์กล่าวพลางพยักหน้าให้กับตัวเอง เรเนซยิ้มเจื่อนๆ
“ไม่เกี่ยวเลยเฟ้ย ลองดูนิสัยเธอกับเรเนซดูสิ อย่างเธอมันเรียกเด็กเกรียน ยัยบ๊อง..เรเนซ เค้าเป็นถึงดาวโรงเรียนไม่ทำตัวเกรียนๆอย่างเธอ ถึงไม่โดนชั้นว่านี่ไง”
ไวท์หยุดฝีเท้าทันท่วงทีก่อนหันกลับไปพูดเสียงลั่น..เอสเตอร์และเรเนซหยุดการย่างก้าวตามไปด้วย..ไวท์ยักคิ้วยิ้มมุมปาก ก่อนหันกลับและเดินต่อไปที่ห้องพยาบาล ทิ้งเด็กสาวทั้งสองยืนนิ่งสนิทไว้เบื้องหลัง
“หนอยยย..ชักจะมีน้ำโหแล้วนะ หมอนี่..”
เอสเตอร์ร้องเสียงลั่น พยายามจะเดินไปเอาเรื่อง..แต่มีเรเนซรั้งเอาไว้..พร้อมบอกเด็กสาวให้ใจเย็นๆ..จนในที่สุดทั้งสามคนก็เดินมาถึงห้องพยาบาล
“วา…เน….ร่า มีผู้ป่วยอาการปวดทางใจ เอ้ย ปวดหัวมาขอยาจ้า”
เอสเตอร์พูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาถึงห้องพยาบาล..ไวท์หันไปเขม่น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่วาเนร่าใช้มือเปิดม่านที่กั้นโซนรับรองกับโซนเตียงผู้ป่วยออกมา..
“อ้าว ทุกคน..มีอะไรคะ ใครเป็นอะไร” วาเนร่ากล่าวเสียงใสหน้าตาตื่น
เอสเตอร์ กับ เรเนซนิ่งเงียบ เสมือนรอฟังคำตอบของชายหนุ่มที่ทำตัวอวดเก่งอยู่เมื่อครู่
“ชั้นเอง..ปวดหัวน่ะ”
ไวท์กล่าว พยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้..แม้จะเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน แต่ของแบบนี้มันไม่ง่ายเท่าไหร่แฮะ เค้าคิด
“ไวท์หรอ..แปปนะ”
เด็กสาวพูดพร้อมทำหน้าตกใจก่อนปรี่เข้ามาเอามือแปะที่หน้าผากของเค้า
“ตัวร้อนจริงๆด้วย อาจเป็นไข้นะ เดี๋ยวเอายาให้นะจ้ะ”
เธอกล่าวพร้อมรีบหันหลังกลับไปที่ตู้ยา..ไวท์ยืนแข็งทื่อ หน้าแดงลามไปถึงหู ทิ้งเอสเตอร์ที่อยู่เบื้องหลังปล่อยขำอย่างเบาเสียงที่สุดเท่าที่จะทำได้..เรเนซหัวเราะเบาๆ..ตัวร้อนไม่ใช่เพราะเป็นไข้มั้ง เธอคิด
“วาเนร่านี่จะซื่อไปถึงไหนเนี้ยะ..เรเนซ เธอเป็นเพื่อนสนิทเค้าไม่บอกเค้าไปล่ะ ว่าหมอนี่มันแอบชอบ” เอสเตอร์กระซิบใส่เด็กสาวที่อยู่ข้างๆ
“ของแบบนี้เป็นเรื่องของพวกเค้า ปล่อยให้เค้ารู้กันเองเถอะค่ะ เอสเตอร์”
“นี่จ้ะ ยา..ทานก่อนนะ น่าจะดีขึ้น”
วาเนร่ากล่าวพร้อมยื่นยาให้ไวท์และนั่งลงที่เก้าอี้..ไวท์กล่าวขอบคุณ ก่อนที่ทุกคนจะนั่งลงที่โซฟาของห้องรับรอง
“วันนี้เป็นไงบ้าง วาเนร่า มีเด็กป่วยการเมืองเยอะเหมือนเดิมมั้ย”
เอสเตอร์กล่าวถามเด็กสาวผู้น่ารัก
“ไม่มีหรอกค่ะ เด็กป่วยการเมือง..”
“แต่มีสิ่งที่น่าตกใจมากกว่า”
วาเนร่ากล่าว..ทุกคนชะงักไปชั่วครู่พร้อมมองไปที่วาเนร่าเป็นตาเดียวกัน
“มีเด็กปีหนึ่งกลุ่มนึงพา เด็กผู้ชายคนนึงมาส่งที่ห้องพยาบาลบอกว่าตกจากต้นไม้” เธอกล่าว
“แล้วมันแปลกตรงไหน?” ไวท์เอ่ยถามแววตาฉงน
“แต่ก่อนจะตกจากต้นไม้ พวกเด็กๆบอกว่า เค้าตกลงมาจากรีจิสเตอร์เกท”
สายตาของทั้งสามคนเบิกโพรงขึ้นชั่ววินาที
“เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง วาเนร่า” เรเนซพูด
“ชั้นก็คิดอย่างนั้น แต่เด็กๆยืนยันแบบนั้น ก็ไม่รู้ความจริงเป็นยังไงน่ะนะ”
“ถึงจะน่าตกใจ..แต่เรื่องแบบนั้นมัน..คุ้นหูชั้นอยู่นะ”
เอสเตอร์กล่าวเสียงแผ่วเบาในลำคอเกินกว่าใครจะได้ยิน..ทันใดนั้นฮัมมิ่งเบิร์ดตัวเล็กก็บินเข้ามาผ่านหน้าต่างห้องพยาบาล เข้ามาเกาะที่ไหล่ของเรเนซพร้อมประดิษฐ์เสียงเจื้อยแจ้ว
“มีคนมาค่ะ..เหมือนเป็นพวกอาจารย์..ผอ.ควอเรนซ์ก็มาด้วย” เรเนซกล่าว
“มาที่ไหนจ้ะ..ที่นี่หรอ” วาเนร่าเอ่ยถาม..เรเนซพยักหน้า
“เรื่องของหมอนั่นแน่..” ไวท์สมทบ
“ไวท์ เรเนซ มานี่เร็ว”
เอสเตอร์พูดขึ้นก่อนจะลุกและรีบเดินไปยังหลังเคาเตอร์จ่ายยา..ทุกคนมองตามไปที่เด็กสาว..
“เธอทำอะไรน่ะ”
“นายรีบมาเลย เรเนซด้วย ชั้นอยากรู้ว่าพวก ผอ.มาทำไม..ต้องแอบฟัง”
ไวท์ถอนหายใจยาวกับความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนสาวคนสนิท
เรเนซยืนขึ้นก่อนกล่าว
“เรื่องนั้นให้ เรน่า แอบฟังให้ก็ได้ค่ะ”
เด็กสาวกล่าวพร้อมมองไปยังนกฮัมมิ่งเบิร์ดที่เกาะอยู่ที่ไหล่ของเธอ
“ชั้นรู้ว่าเจ้าเรน่ามันทำได้ แต่ชั้นอยากได้ยินกับหู” เอสเตอร์เสียงสูงใส่
เรเนซยิ้มเจื่อนๆ..ไวท์เดินไปหลบหลังเคาเตอร์อย่างช่วยไม่ได้ เพราะตัวเค้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน..
“งั้นชั้นรอข้างนอกนะคะ เดี๋ยวคนจะเยอะเกิน..เดี๋ยวจะให้เรน่าอยู่ฟัง”
สิ้นเสียงเด็กสาว เธอก็เดินออกไปจากห้องพยาบาล..ไวท์และเอสเตอร์หลบอยู่หลังเคาเตอร์จ่ายยา ทิ้งเด็กสาวผู้น่ารัก วาเนร่า เสมือนอยู่กลางห้องเพียงลำพัง
ไม่กี่วินาทีที่เรเนซเดินออกไป.. ควอเรนซ์ วินเฟรด และเมย์ก็เดินเข้ามาในห้องพยาบาล..วาเนร่ายืนขึ้นโค้งลงเล็กๆเป็นการคำนับ
“สวัสดีครับ คุณวาเนร่า เหนื่อยหน่อยนะ”
ควอเรนซ์กล่าวพร้อมรอยยิ้มละไม วินเฟรดก็เช่นกัน..วาเนร่ายิ้มรับ
“วาเนร่า..เด็กหนุ่มที่ตกจากต้นไม้..อาการเป็นยังไงบ้างแล้วจ้ะ”
อาจารย์เมย์เอ่ยถามเด็กสาวผู้เป็นดั่งลูกศิษย์เอก..อาจารย์เมย์ หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว ผมสีดำขลับ ดูสะอาดสะอ้าน..เธอคืออาจารย์ประจำวิชา แพทยศาสตร์และการฟื้นฟู ประจำสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการของควอเรนซ์อีกด้วย
“หนูเพิ่งให้ยาเค้าทานยาแก้อักเสบค่ะ อาจารย์..ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้ด้วยว่าตัวเองกระดูกข้อเท้าหัก..ตอนเค้าสลบหนูให้ยาชาไป..จะลุกเดินลูกเดียว หนูเลยต้องพยายามยั้งเอาไว้..ไม่รู้ว่าถ้ายาชาหมดฤทธิ์ อาการปวดที่ข้อเท้าจะเป็นยัง..”
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!“
เสียงร้องของชายหนุ่มคนหนึ่งดังลั่นขึ้นทั่วบริเวณ..วาเนร่ารีบวิ่งเข้าไปในห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ตามด้วยควอเรนซ์ วินเฟรด และอาจารย์เมย์
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็กสาวผู้หลบซ่อนอยู่หลังเคาเตอร์..เอสเตอร์พุ่งตัวเองออกไปตาม แต่ไวท์ก็ดึงมือเธอไว้จนแขนแทบจะหลุด
“เธอจะบ้าหรือไง..ออกไปเดี๋ยวเค้าไล่เราออกจากห้อง..ก็อดรู้ว่าเค้าพูดอะไรกันพอดี”
เด็กสาวไม่ตอบอะไร แต่กำลังบีบแขนตัวเองเพราะเจ็บปวดจากแรงกระชากของเพื่อนของเธอ
“อยู่นี่ นิ่งๆ..ตั้งใจฟัง”
“โอ้ยยยยยย ปวดๆๆๆๆ”
เสียงของเซนทริคร้องลั่น แน่นอนว่ายาชาที่วาเนร่าได้ให้ไว้ตอนเค้าไม่ได้สติ มันหมดลงแล้ว..
“อยู่นิ่งๆก่อนนะจ้ะ พ่อหนุ่มน้อย”
เสียงละมุนของอาจารย์เมย์ดังขึ้น..เซนทริคนิ่งไปชั่วครู่ พร้อมกับอาจารย์เมย์ที่เดินเข้าไปหาเค้าที่ปลายเตียง พร้อมยื่นมือทั้งสองข้างออกไปอย่างช้าๆ
“ยอดน้ำค้าง ปลายหญ้าอันเหน็บหนาว และพลังแห่งชีวาของหมู่มวลมนุษย์”
“โปรดมอบพลังแห่งการเชื่อมโยงและพักฟื้นแก่ข้า..ผู้เป็นบ่าวแห่งพระองค์”
“จุดเริ่มต้นแห่งสายน้ำ..BEGIN OF THE RIVER”