ขออนุญาต tag หลายหมวดนะคะ อยากจะเตือนกันให้ทั่วๆค่ะ
ครั้งแรก....
จำได้ว่าวันนั้นรีบมาก กำลังเดินๆอยู่ มีน้องผู้หญิงคนนึงเรียก พอหันไปมอง
น้องผู้หญิงคนนึง ยืนอยู่กับน้องผู้ชาย
“พี่คะๆ” พอเห็นเราเริ่มระวังตัว เธอก็รีบพูดต่อว่า “ไม่ต้องกลัวนะคะ หนูมีเรื่องจะถามค่ะ”
ไอ้เราก็เป็นคนดี เห็นคนท่าทางน่าสงสาร เลยหยุดฟัง เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง
“จากตรงนี้ไปอนุเสารีย์ชัยยังไงคะ”
อ๋อ ที่แท้ถามทาง เห็นแบบนั้นก็เลยบอกไปยาวๆ
หลังจากที่บอกทางเสร็จ น้องผู้หญิงพูดต่อว่า
“หนูกับน้องอยู่นครนายก เรามาหาพ่อที่กรุงเทพ แต่บริษัทของพ่อย้ายไปไหนก็ไม่รู้แล้ว
ตอนนี้หนูกับน้องอยากกลับบ้านมาก โทรศัพท์ไม่มีติดตัว มีเงินอยู่แต่ไม่พอค่ารถ
พี่ช่วยหนูเรื่องค่ารถได้มั้ยคะ สองคน คนละ 65 ค่ะ”
โอ้โห เราสองจิตสองใจมาก เพราะหนึ่ง กลัวว่าเป็นแก๊งต้มเรารึเปล่า กับสองถ้าเค้ากำลังลำบากจริงๆจะทำยังไง
ตอนนั้นเราถามน้องผู้หญิงคนนั้นว่า ไม่มีเงินแล้วมาจากบ้านกันยังไง? แล้วพ่อเราพักอยู่ที่ไหน? ติดต่อกันไม่ได้เลยหลอ?
แต่เค้าตอบช้าๆสไตล์เด็กต่างจังหวดเพิ่งมา กทม.อ่ะค่ะ
เราก็เลยไม่รู้จะยังไงดี เค้าบอก “หนูกับน้องมีเงินค่ะ แต่ไม่พอขาดอีกคนละ65 ตอนนี้พ่ออยู่ไหนก็ไม่รู้ค่ะ”
สรุปคือสงสารค่ะ ตอนนั้นกระเป๋าตัวยังมีเงินโหรงเหรง มีอยู่ 160บาท แต่อีกใจก็คิดอยู่ว่าอาจจะเป็นแก๊งมาหลอกรึเปล่า
ตัดสินใจให้ไป 60บาทค่ะ คิดอยู่ว่าถ้าลำบากจริงก็ถือว่าได้ช่วย(บ้าง) แต่ถ้าโดนหลอกก็ถือว่าค่าโง่(ไม่เยอะเท่าไหร่)
หลังจากนั้นเหตุการณ์นั้นก็จบไปค่ะ
ผ่านมา 2เดือน
เจอเหตุการณ์ทำนองเดียวกันอีกค่ะ! เหวอมาก
ไปทานข้าวกับแฟน ทานเสร็จแล้วเดินออกจากร้านมาได้ไม่ถึง 10ก้าวดี
มีเสียงป้าคนนึงเรียกค่ะ
“หนูๆ” ไอ้เราก็หันไปตามเสียง ตามปกติเราก็เริ่มระวังตัวค่ะ
เหมือนเดิมค่ะ พอเค้าเห็นว่าเราเริ่มระวังตัวจะรีบพูดต่อทันที “ไม่ต้องกลัวนะ ป้ามีเรื่องจะถาม”
เราก็ อ๋อค่ะ เรากับแฟนก็ยังระวังๆตัวอยู่แต่ก็อยากจะช่วย เผื่อเค้าเดือดร้อนมีเรื่องให้ช่วย
“ป้ากับหลานมาจากวังน้อย เข้ากรุงเทพมาหาญาติแต่เค้าย้ายไปไหนไม่รู้แล้ว
ป้าไม่มีค่ารถกลับบ้าน หนูช่วยค่ารถป้าหน่อยได้มั้ยคนละ 67”
โอ้โห พอถึงประโยคนี้เราถึงบางอ้อเลยค่ะ แก๊งนี้นี่เอง
ตอนนั้นเราหันไปคุยกับแฟนเลยว่า “แพทเทิร์นเหมือนเดิมเป๊ะ”
จากนั้นเราก็บอกป้าว่า “อ๋อหนูเพิ่งทานข้าวมาอะค่ะ ออกมาจากร้านตรงนี้เอง จ่ายตังค์ไปหมดแล้วอะค่ะ”
ป้าเค้าก็ “อ๋อๆ ไม่เป็นไรนะ” แล้วก็ทำหน้าดราม่า
เรารีบลากแขนแฟนเดินออกมาเลยค่ะ คันปากยิบๆ อยากจะเม้าท์ให้แฟนเราฟังว่าเคยเจอแบบนี้
ที่ไหนได้ แฟนเราก็เคยเจอแบบนี้แล้วเหมือนกัน!!! เงิบเลยเรา
แต่แฟนเราเป็นคนพกเงินน้อย และเป็นคนค่อนข้างใจแข็งอะค่ะ เวลาเจอคนมาขอเงินแฟนเรามักจะปฏิเสธตลอด
เลยรอดมาได้ แฟนเราบอกไม่ได้ให้ไป เพราะตอนนั้นก็รีบด้วย เลยรีบเดินออกมา
สรุปนะคะ อยากจะให้ระวังตัวมากๆ ข้อสังเกตของแก๊งนี้ก็คือจะให้ผู้หญิงเป็นคนเจรจาค่ะ ผู้ขายยืนเฉยๆ
แต่จะมาเป็นคู่เสมอนะคะ
แก๊งนี้จะมีประโยคเด็ดเลยคือ
-ไม่ต้องกลัวนะคะ จะถามเรื่องทาง มีอะไรจะถาม
-อยู่ต่างจังหวัด เข้ามาหาญาติ
-บริษัท หรือบ้านของญาติย้ายไปแล้ว
-อยากกลับบ้าน แต่ค่ารถไม่พอ ช่วยหน่อยได้มั้ย
และที่สำคัญมากๆที่เราว่าหลายคนน่าจะเคยให้เลยก็คือ ราคาค่ารถค่ะ
เค้าไม่ได้ขอกันมาก แต่ขอเหมือนคำนวณให้ใกล้ความจริง จะไม่เกิน 70บาทค่ะ
ทำให้เชื่อว่าค่ารถจริงๆอีกอย่างนึงคือ เงิน60-70บาท คนไทยใจดี ขี้สงสาร
ให้ได้ง่ายๆเลยอ่ะค่ะ
ขอบคุณที่อ่านนะคะ
ระวัง มิจฉาชีพขอเงินค่ารถกลับบ้าน! เจอมากับตัว!
ขออนุญาต tag หลายหมวดนะคะ อยากจะเตือนกันให้ทั่วๆค่ะ
ครั้งแรก....
จำได้ว่าวันนั้นรีบมาก กำลังเดินๆอยู่ มีน้องผู้หญิงคนนึงเรียก พอหันไปมอง
น้องผู้หญิงคนนึง ยืนอยู่กับน้องผู้ชาย
“พี่คะๆ” พอเห็นเราเริ่มระวังตัว เธอก็รีบพูดต่อว่า “ไม่ต้องกลัวนะคะ หนูมีเรื่องจะถามค่ะ”
ไอ้เราก็เป็นคนดี เห็นคนท่าทางน่าสงสาร เลยหยุดฟัง เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง
“จากตรงนี้ไปอนุเสารีย์ชัยยังไงคะ”
อ๋อ ที่แท้ถามทาง เห็นแบบนั้นก็เลยบอกไปยาวๆ
หลังจากที่บอกทางเสร็จ น้องผู้หญิงพูดต่อว่า
“หนูกับน้องอยู่นครนายก เรามาหาพ่อที่กรุงเทพ แต่บริษัทของพ่อย้ายไปไหนก็ไม่รู้แล้ว
ตอนนี้หนูกับน้องอยากกลับบ้านมาก โทรศัพท์ไม่มีติดตัว มีเงินอยู่แต่ไม่พอค่ารถ
พี่ช่วยหนูเรื่องค่ารถได้มั้ยคะ สองคน คนละ 65 ค่ะ”
โอ้โห เราสองจิตสองใจมาก เพราะหนึ่ง กลัวว่าเป็นแก๊งต้มเรารึเปล่า กับสองถ้าเค้ากำลังลำบากจริงๆจะทำยังไง
ตอนนั้นเราถามน้องผู้หญิงคนนั้นว่า ไม่มีเงินแล้วมาจากบ้านกันยังไง? แล้วพ่อเราพักอยู่ที่ไหน? ติดต่อกันไม่ได้เลยหลอ?
แต่เค้าตอบช้าๆสไตล์เด็กต่างจังหวดเพิ่งมา กทม.อ่ะค่ะ
เราก็เลยไม่รู้จะยังไงดี เค้าบอก “หนูกับน้องมีเงินค่ะ แต่ไม่พอขาดอีกคนละ65 ตอนนี้พ่ออยู่ไหนก็ไม่รู้ค่ะ”
สรุปคือสงสารค่ะ ตอนนั้นกระเป๋าตัวยังมีเงินโหรงเหรง มีอยู่ 160บาท แต่อีกใจก็คิดอยู่ว่าอาจจะเป็นแก๊งมาหลอกรึเปล่า
ตัดสินใจให้ไป 60บาทค่ะ คิดอยู่ว่าถ้าลำบากจริงก็ถือว่าได้ช่วย(บ้าง) แต่ถ้าโดนหลอกก็ถือว่าค่าโง่(ไม่เยอะเท่าไหร่)
หลังจากนั้นเหตุการณ์นั้นก็จบไปค่ะ
ผ่านมา 2เดือน
เจอเหตุการณ์ทำนองเดียวกันอีกค่ะ! เหวอมาก
ไปทานข้าวกับแฟน ทานเสร็จแล้วเดินออกจากร้านมาได้ไม่ถึง 10ก้าวดี
มีเสียงป้าคนนึงเรียกค่ะ
“หนูๆ” ไอ้เราก็หันไปตามเสียง ตามปกติเราก็เริ่มระวังตัวค่ะ
เหมือนเดิมค่ะ พอเค้าเห็นว่าเราเริ่มระวังตัวจะรีบพูดต่อทันที “ไม่ต้องกลัวนะ ป้ามีเรื่องจะถาม”
เราก็ อ๋อค่ะ เรากับแฟนก็ยังระวังๆตัวอยู่แต่ก็อยากจะช่วย เผื่อเค้าเดือดร้อนมีเรื่องให้ช่วย
“ป้ากับหลานมาจากวังน้อย เข้ากรุงเทพมาหาญาติแต่เค้าย้ายไปไหนไม่รู้แล้ว
ป้าไม่มีค่ารถกลับบ้าน หนูช่วยค่ารถป้าหน่อยได้มั้ยคนละ 67”
โอ้โห พอถึงประโยคนี้เราถึงบางอ้อเลยค่ะ แก๊งนี้นี่เอง
ตอนนั้นเราหันไปคุยกับแฟนเลยว่า “แพทเทิร์นเหมือนเดิมเป๊ะ”
จากนั้นเราก็บอกป้าว่า “อ๋อหนูเพิ่งทานข้าวมาอะค่ะ ออกมาจากร้านตรงนี้เอง จ่ายตังค์ไปหมดแล้วอะค่ะ”
ป้าเค้าก็ “อ๋อๆ ไม่เป็นไรนะ” แล้วก็ทำหน้าดราม่า
เรารีบลากแขนแฟนเดินออกมาเลยค่ะ คันปากยิบๆ อยากจะเม้าท์ให้แฟนเราฟังว่าเคยเจอแบบนี้
ที่ไหนได้ แฟนเราก็เคยเจอแบบนี้แล้วเหมือนกัน!!! เงิบเลยเรา
แต่แฟนเราเป็นคนพกเงินน้อย และเป็นคนค่อนข้างใจแข็งอะค่ะ เวลาเจอคนมาขอเงินแฟนเรามักจะปฏิเสธตลอด
เลยรอดมาได้ แฟนเราบอกไม่ได้ให้ไป เพราะตอนนั้นก็รีบด้วย เลยรีบเดินออกมา
สรุปนะคะ อยากจะให้ระวังตัวมากๆ ข้อสังเกตของแก๊งนี้ก็คือจะให้ผู้หญิงเป็นคนเจรจาค่ะ ผู้ขายยืนเฉยๆ
แต่จะมาเป็นคู่เสมอนะคะ
แก๊งนี้จะมีประโยคเด็ดเลยคือ
-ไม่ต้องกลัวนะคะ จะถามเรื่องทาง มีอะไรจะถาม
-อยู่ต่างจังหวัด เข้ามาหาญาติ
-บริษัท หรือบ้านของญาติย้ายไปแล้ว
-อยากกลับบ้าน แต่ค่ารถไม่พอ ช่วยหน่อยได้มั้ย
และที่สำคัญมากๆที่เราว่าหลายคนน่าจะเคยให้เลยก็คือ ราคาค่ารถค่ะ
เค้าไม่ได้ขอกันมาก แต่ขอเหมือนคำนวณให้ใกล้ความจริง จะไม่เกิน 70บาทค่ะ
ทำให้เชื่อว่าค่ารถจริงๆอีกอย่างนึงคือ เงิน60-70บาท คนไทยใจดี ขี้สงสาร
ให้ได้ง่ายๆเลยอ่ะค่ะ
ขอบคุณที่อ่านนะคะ