จขกท. สอนใน ร.ร.แห่งหนึ่ง ห้องจะอยู่ด้านริมเกือบสุดของตึก ใครไปใครมาจะเจอก่อน เมื่อเข้ารั้วมา รั้วก็ไม่ปิด เพราะมีคนเข้าออกทั้งวัน ไม่มียาม ที่ผ่านมาก็เจอประมาณเรี่ยไรค่ะ เจอบ่อยมาก ทั้งโลงศพ ผ้าป่า คือในที่ทำงานก็มีเพื่อนเอาซองผ้าป่ามาให้เป็นประจำอยู่แล้ว ก็ทำบุญไปทุกครั้ง แต่ต่อมาเริ่มมีคนเข้ามาเรี่ยไร ก็จะทำไปตามกำลังทรัพย์ มีทั้งคนมาขายของสากกะเบือยันเรือรบ ที่ตื๊อมากๆก็มี ปฏิเสธไปด้วยความนุ่มนวลก็ยังตื๊อสุดๆ และจะเป็นมุกค่ะว่า ถ้าไปหาเพื่อนที่ทำงานแล้วเขารำคาญไม่ซื้อ ก็จะโบ้ยให้ไปหาคนนั้นคนนี้ต่อ อยู่ห้องนั้นห้องนี้ ไล่ไปให้พ้นตัวไม่พอยังมาบอกจุดพิกัดเราอีกแน่ะ แล้วเริ่มสังเกตว่าพอตอนเราท้องยิ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก (คนท้องชอบทำบุญว่างั้น) ที่จะเล่าคือ ตอนนี้มีมาขอเงินกันแปลกๆ (อาจจะไม่แปลกสำหรับคุณๆ อาจจะเคยเจอกันมาบ้างแล้ว) แต่จขกท. เจอสามครั้งในมุกแบบนี้ เป็นมุกขอค่าน้ำมันรถ เพราะว่าน้ำมันแพงไงคะ ขอทีได้เยอะเลยไม่ใช่ 5 บาท 10 บาท วันหนึ่งพักกลางวัน มีหญิงคนหนึ่งอายุราว 30 ปี เข้ามา(อีกแล้ว เข้าง่ายจริงๆ) มาเจอเราก่อนอีกแล้ว สภาพการแต่งกายทรุดโทรมค่ะ แต่ว่าที่น่ากลัวคือ ถึงจะใส่เสื้อแขนยาวปกปิด ก็เห็นผิวหนังที่แขนที่เป็นพุพอง คล้ายๆท้าวแสนปม เรากลัวมาก เพราะว่าเราท้องอยู่อ่ะ เราไม่รู้เค้าจะมาแบบไหน มีเชื้อโรคหรือเปล่า เค้ามาบอกว่า (พูดจาดี น่าสงสาร) จอดซาเล้งไว้หน้ารั้ว น้ำมันหมด ขอน้ำมันเติมรถกลับบ้านหน่อยค่ะ ถ้ามีเมื่อไรจะมาใช้คืน ที่บ้านหนูขายปลาหมึกย่าง (จะขายได้ไหม แม่ค้าไม่สะอาด) วันหลังจะแวะเอาปลาหมึกมาคืนให้ เราแบบบอกตรงๆ คือ อยากให้เขาออกไป เลยตัดรำคาญด้วยการหยิบเงินให้ 20 บาท เค้าบอก 20 บาท ยังไม่พอน้ำมันลิตรนึงเลยครู เราเลยควักให้อีกใบ เค้าแบบบอก ขอเหรียญเศษๆอะไรก็ได้ค่ะ ให้มีน้ำมันเติมกลับบ้าน เลยแบบไม่ไหวแล้วอ่ะ (เหม็นด้วย เราแพ้ท้อง) เลยควักแบงค์ 50 ให้ไป แบบส่งให้โดยระมัดระวัง (กลัวโดนปุ่มปม แผลอะไรของเค้า) แล้วบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องคืนนะ แต่ไม่ต้องแวะมาอีกนะคะ
พอเค้าไปแล้ว (ไม่ได้เดินออกมามองว่าไปที่นอกรั้ว หรือไปไหน) นักเรียนถามว่า ครูให้เค้าทำไมอ่ะ เราตอบ อ้าว! ไม่ใช่ผู้ปกครองใครหรอ เดี๋ยวหาว่าครูไม่มีน้ำใจ นักเรียนตอบ ไม่ใช่คนแถวนี้ค่ะ เราเลยบอก ช่างมัน ทำบุญไปนะ เผื่อเค้าเดือดร้อนจริงๆ อยากให้เค้ารีบไป กลัวมาวุ่นวายกับนักเรียน เล่าให้พี่ที่ทำงานฟัง เค้าบอก ไล่ไปเลย ไม่ต้องเกรงใจ ให้ไปทำไม สงสัยไปซื้อเหล้าหรือเปล่า เดี๋ยวได้ง่าย ก็มาอีก หากินกันง่ายๆ สำหรับเรานะ เรากลัวเค้าอ่ะ แล้วก็แบบกลัวเค้าด่า หรือมาทำร้าย เพราะเราท้องอยู่ ได้แต่อนุโมนาว่าถ้าเค้าเดือดร้อนจริงๆ ก็จะได้ช่วยกันไป ใจเราเจอเรื่องน้ำมันรถมาสามครั้งแล้ว ครั้งแรกตอนเรียนไปเยี่ยมพ่อที่รพ.ศิริราช ขากลับรอรถเมล์หน้ารพ. มีชายแต่งตัวดี อ้างเป็นนศ.ราชภัฏแห่งหนึ่งในกทม.นี่แหละบอกมาซื้อของ รถเสีย อะไรสักอย่าง พูดจาน่าเชื่อถือ รายละเอียดจำไม่ได้ นานแล้ว สรุปให้ไป 50 บาท (คนที่ป้ายรถเมล์เยอะแยะ ทำไมเป็นตรูเนี่ย) ครั้งที่สองไปกับแฟน แถวหมู่บ้านที่เราไม่เคยไป และช่วงไม่มีบ้านคน เราจอดรถถามทาง เจอชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ พูดดี บอกจะขอค่าน้ำมันกลับทองผาภูมิ ระบุ 200 บาทเลยนะ แล้วส่งบัตรประชาชนให้เรายึดไว้ ด้วยความที่แบบเออ ให้บัตรเนอะ คงจริงแล้วเราจะเอามาทำไม ขี้เกียจส่งคืน เขาขอชื่อที่อยู่เพื่อส่งธนาณัติคืนมา สองปีแล้วยังไมได้เงินคืนเลยอ่ะ
คือการที่มีคนมาขอความช่วยเหลือ เราจะรู้ได้ไงว่าเค้าเดือดร้อนหรือไม่ ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำบุญ จะให้ไหมคะ ถ้าปฏิเสธ จะบอกอย่างไร ขอความคิดเห็นด้วยค่ะ คุยกับแฟน บอกว่า ถ้าอยากทำบุญ ขออะไรมาควรให้สิ่งนั้นดีไหม เพื่อจะได้บุญจริงๆกับคนที่ลำบาก และดัดนิสัยคนที่โกหกหลอกลวงไปในตัว เช่น ขอค่าน้ำมันก็เอาแกลลอนน้ำมัน บอกให้เขาเข็นรถมาจะเทใส่ให้ไปเลย หรือ เดี๋ยวให้คนไปซื้อมาเติมให้ ขอค่าข้าว บอกรอก่อนนะ เดี๋ยวไปขอแม่ครัวที่โรงอาหารเอาข้าวมาให้ทาน ขอค่านมลูก บอกรอก่อนเดี๋ยวกลับไปเอานมผงที่บ้านมาให้ เป็นต้น ใครมีความเห็น มีเรื่องเล่า มาแชร์กันบ้างค่ะ
เคยมีคนมาขอเงินมุกแปลกๆ บ้างไหมคะ ส่วนใหญ่มาแบบไหนกัน มาแชร์หน่อยค่ะ
พอเค้าไปแล้ว (ไม่ได้เดินออกมามองว่าไปที่นอกรั้ว หรือไปไหน) นักเรียนถามว่า ครูให้เค้าทำไมอ่ะ เราตอบ อ้าว! ไม่ใช่ผู้ปกครองใครหรอ เดี๋ยวหาว่าครูไม่มีน้ำใจ นักเรียนตอบ ไม่ใช่คนแถวนี้ค่ะ เราเลยบอก ช่างมัน ทำบุญไปนะ เผื่อเค้าเดือดร้อนจริงๆ อยากให้เค้ารีบไป กลัวมาวุ่นวายกับนักเรียน เล่าให้พี่ที่ทำงานฟัง เค้าบอก ไล่ไปเลย ไม่ต้องเกรงใจ ให้ไปทำไม สงสัยไปซื้อเหล้าหรือเปล่า เดี๋ยวได้ง่าย ก็มาอีก หากินกันง่ายๆ สำหรับเรานะ เรากลัวเค้าอ่ะ แล้วก็แบบกลัวเค้าด่า หรือมาทำร้าย เพราะเราท้องอยู่ ได้แต่อนุโมนาว่าถ้าเค้าเดือดร้อนจริงๆ ก็จะได้ช่วยกันไป ใจเราเจอเรื่องน้ำมันรถมาสามครั้งแล้ว ครั้งแรกตอนเรียนไปเยี่ยมพ่อที่รพ.ศิริราช ขากลับรอรถเมล์หน้ารพ. มีชายแต่งตัวดี อ้างเป็นนศ.ราชภัฏแห่งหนึ่งในกทม.นี่แหละบอกมาซื้อของ รถเสีย อะไรสักอย่าง พูดจาน่าเชื่อถือ รายละเอียดจำไม่ได้ นานแล้ว สรุปให้ไป 50 บาท (คนที่ป้ายรถเมล์เยอะแยะ ทำไมเป็นตรูเนี่ย) ครั้งที่สองไปกับแฟน แถวหมู่บ้านที่เราไม่เคยไป และช่วงไม่มีบ้านคน เราจอดรถถามทาง เจอชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ พูดดี บอกจะขอค่าน้ำมันกลับทองผาภูมิ ระบุ 200 บาทเลยนะ แล้วส่งบัตรประชาชนให้เรายึดไว้ ด้วยความที่แบบเออ ให้บัตรเนอะ คงจริงแล้วเราจะเอามาทำไม ขี้เกียจส่งคืน เขาขอชื่อที่อยู่เพื่อส่งธนาณัติคืนมา สองปีแล้วยังไมได้เงินคืนเลยอ่ะ
คือการที่มีคนมาขอความช่วยเหลือ เราจะรู้ได้ไงว่าเค้าเดือดร้อนหรือไม่ ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำบุญ จะให้ไหมคะ ถ้าปฏิเสธ จะบอกอย่างไร ขอความคิดเห็นด้วยค่ะ คุยกับแฟน บอกว่า ถ้าอยากทำบุญ ขออะไรมาควรให้สิ่งนั้นดีไหม เพื่อจะได้บุญจริงๆกับคนที่ลำบาก และดัดนิสัยคนที่โกหกหลอกลวงไปในตัว เช่น ขอค่าน้ำมันก็เอาแกลลอนน้ำมัน บอกให้เขาเข็นรถมาจะเทใส่ให้ไปเลย หรือ เดี๋ยวให้คนไปซื้อมาเติมให้ ขอค่าข้าว บอกรอก่อนนะ เดี๋ยวไปขอแม่ครัวที่โรงอาหารเอาข้าวมาให้ทาน ขอค่านมลูก บอกรอก่อนเดี๋ยวกลับไปเอานมผงที่บ้านมาให้ เป็นต้น ใครมีความเห็น มีเรื่องเล่า มาแชร์กันบ้างค่ะ