คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
ในกรณีที่ต้องพึ่งคนอื่นแล้วจริงๆ ผมก็คงไปขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่แถวนั้นครับ ก็อธิบายเค้าไปตามตรง ส่วนเค้าจะให้ความช่วยเหลือหรือไม่เป็นก็สุดแท้แต่เค้าครับ หากเค้าให้ความช่วยเหลือ ผมก็คงขอที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อกลับครับ เพราะผมก็คงจะหาโอกาสตอบแทนบุญคุณ
ส่วนในกรณีที่มีคนมาขอความช่วยเหลือ หากผมเห็นว่าสิ่งนั้นอยู่ในวิสัยที่พอจะช่วยได้ก็คงช่วยไปครับ แต่ก็ต้องดูสภาวะ ณ ตอนนั้นเช่นกันครับ หากเดินมาขอเงินขณะที่ดมกาวอยู่ ก็คงปฏิเสธครับ
ผมเจอบทความ และปุจฉา-วิสัชนาซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เช่นนี้ในเวปของพระไพศาล วิสาโล ซึ่งผมอ่านแล้วประทับใจมาก และยึดถือนำมาปฏิบัติครับ
บทความเรื่อง “ความดีที่น่าเสี่ยง” โดย ภาวัน จาก นิตยสาร IMAGE ธันวาคม ๒๕๕๑
คุณเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างไหม ขณะที่กำลังรอรถเมล์อยู่ ก็มีผู้ชายสีหน้าเศร้า ๆ มาขอเงินคุณ เขาเล่าว่าเขามาตามหาญาติที่กรุงเทพ ฯ จนเงินเกลี้ยงกระเป๋า แต่ไม่พบ อยากจะกลับบ้านแต่ไม่มีเงินค่าโดยสาร จึงอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ
คุณฟังแล้วก็สงสารจึงให้เงินไป ๕๐ บาท เขายกมือไหว้ขอบคุณคุณเป็นการใหญ่ก่อนที่จะจากไป แต่แล้วไม่กี่วันต่อมาคุณก็เห็นชายคนเดียวกันนี้เดินขอเงินจากใครต่อใครไม่ไกลจากจุดที่เขาเคยขอเงินคุณ
เจอแบบนี้เข้าคุณจะรู้สึกอย่างไร?
เป็นธรรมดาที่คุณจะเสียความรู้สึกหรือโมโหเมื่อรู้ว่าตนเองถูกหลอก หลายคนถึงกับตั้งใจเด็ดขาดว่าจะไม่ควักเงินให้อีกหากมีใครมาขอเงินเขา ก็พวกนี้มันสิบแปดมงกุฎกันทั้งนั้น
การสรุปบทเรียนแบบนี้แม้จะดูสมเหตุสมผล แต่ก็น่าคิดว่าเป็นความยุติธรรมหรือไม่ที่เราจะเอาพฤติกรรมของคน ๆ หนึ่งมาเป็นข้อสรุปแบบเหวี่ยงแหว่าใครก็ตามที่แบมือขอเงินเราล้วนเป็นพวกลวงโลกทั้งนั้น หากคุณถูกผู้ชายคนหนึ่งหลอก ควรหรือไม่ที่จะสรุปว่าผู้ชายทั้งโลกเชื่อไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณย่อมรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลยที่ถูกตราหน้าอย่างนั้นทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันอ้าปากหรือโอภาปราศรัยกันเลย
แม้จะถูกหลอกครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างมากที่เราจะสรุปได้ก็คือคนที่แบมือขอเงินเรานั้นส่วนใหญ่ โกหกเรา ถึงแม้คุณจะถูก ๙ คนหลอก ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่สิบจะเป็นเช่นนั้นด้วย คำถามก็คือหากไม่แน่ใจว่าคนที่สิบจะมาหลอกเราด้วยหรือไม่ เราควรให้เงินเขาไหม? ถ้าคุณไม่อยากถูกหลอกอีก ก็ตัดสินใจไม่ยาก เบือนหน้าหนีเขาก็หมดเรื่อง
แต่หากลองคิดอีกมุมหนึ่งว่า หากคน ๆ นั้นเขาเดือดร้อนจริง ๆ และมีความจำเป็นต้องกลับบ้านด่วน เพราะทิ้งพ่อที่พิการหรือลูกเล็ก ๆ เอาไว้ การปฏิเสธของคุณอาจมีผลกระทบต่อชีวิตของเขามาก แต่ถ้าคุณให้เงินเขา ก็อาจจะมีความหมายใหญ่หลวงต่อเขา
ลองนึกอีกทีว่าหากคุณตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับเขา แล้วพบว่าไม่ว่าจะแบมือขอเงินจากใคร ก็ถูกปฏิเสธหมด ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เงินจำนวนมาก คุณจะรู้สึกอย่างไรกับผู้คน คุณจะยังมีศรัทธาในเพื่อนมนุษย์หรือไม่ และหากคุณทำความดีมาตลอด แต่ต้องได้รับผลอย่างนี้ คุณจะยังศรัทธาในความดีและเชื่อมั่นในบุญกุศลอีกหรือไม่
เงิน ๕๐ บาทหรือ ๑๐๐ บาท อาจไม่มากสำหรับคุณ หากถูกหลอก ก็ไม่ทำให้คุณกระเทือนเท่าไร แต่หากเขาเดือดร้อนจริง ๆ เงินจำนวนเล็กน้อยนี้สามารถฟื้นศรัทธาและความหวังของเขาขึ้นมา และยังอาจมีผลต่ออีกหลายชีวิตที่รอการกลับบ้านของเขา มองในแง่นี้การให้เงินแก่เขาจึงเป็นการ “ลงทุน”ที่น่าเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะหากเสียก็เสียไม่มาก แต่หากได้ก็ได้มหาศาล เป็นแต่ว่าผลได้นั้นไม่ได้เกิดกับคุณ ยิ่งกว่านั้นโอกาสที่จะ “ได้” อาจมากกว่าแทงหวยใต้ดินเสียอีก
การช่วยเหลือคนที่ไม่รู้จักนั้นจะว่าไปก็ไม่ต่างจากการเสี่ยงโชค เป็นไปได้ว่าโอกาสจะถูกหลอกมีมากกว่า ช่วยไป ๑๐ คนอาจกลายเป็นว่าเราถูก ๙ คนหลอก มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เดือดร้อนจริง แม้กระนั้นก็ยังคุ้มอยู่ดีมิใช่หรือ
มีคำกล่าวว่า ปล่อยคนผิด ๑๐ คนยังดีกว่าลงโทษผู้บริสุทธิ์ ๑ คน ในทำนองเดียวกัน ในกรณีที่มีคนมาขอเงินเรา ก็อาจพูดได้เช่นกันว่า ถูกคนโกง ๑๐ คนหลอกก็ยังดีกว่าเมินเฉยผู้ทุกข์ยาก ๑ คน
ใครที่ยังทำใจไม่ได้เมื่อรู้ว่าถูกหลอกเอาเงินไป ลองฟังเรื่องราวของ โรเบอร์โต เดอ วิเซนโซ นักกอล์ฟชาวอาร์เจนตินาชื่อก้องโลกเมื่อ ๓๐ ปีก่อน
ครั้งหนึ่งมีหญิงสาวมาพบเขาแล้วเล่าว่าลูกของเธอป่วยหนักและกำลังจะตาย เขาฟังแล้วก็สงสาร จึงมอบเช็คที่เพิ่งได้รับจากการชนะถ้วยรางวัลให้เธอไป
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา มีเพื่อนมาบอกเขาว่า เขาถูกผู้หญิงคนนั้นหลอก เพราะเธอยังไม่ได้แต่งงาน และไม่มีลูกที่เจ็บป่วย ประโยคแรกที่ออกจากปากของโรเบอร์โตก็คือ “หมายความว่า ไม่มีเด็กที่กำลังจะตาย ใช่ไหม ?”
เมื่อได้รับคำยืนยัน เขาก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “นี่เป็นข่าวดีที่สุดที่ได้ยินมาตลอดอาทิตย์นี้เลย” แทนที่จะโมโห เขากลับยินดี เพราะเขานึกถึงเด็กมากกว่าเงินในกระเป๋าของเขา ใช่หรือไม่ว่าถ้าเรานึกถึงคนอื่นมากขึ้น การถูกหลอกจะกลายเป็นเรื่องเล็กลงไปทันที
จาก: http://www.visalo.org/article/Image255112.htm
ปุจฉา-วิสัชนาเรื่อง “รู้สึกผิดที่ไม่ได้ให้เงินช่วยเหลือ เพราะกลัวเป็นมิจฉาชีพ” โดย พระไพศาล วิสาโล วันที่ 4 มกราคม 2013
ปุจฉา: กราบเรียนพระอาจารย์ วันนี้ขับรถติดไฟแดงเวลาประมาณ 2 ทุ่มค่ะ มีผู้หญิงคนหนึ่งขับมอเตอร์ไซค์มาเคาะกระจก ขอเงิน 190 บาทบอกว่าเอาไปรักษาลูก ๆ ไม่สบายอยู่รพ.จุฬา
ดิฉันปฏิเสธไปเพราะไม่ทราบว่าเป็นพวกมิจฉาชีพหรือเปล่า ประกอบกับดิฉันขับรถมาคนเดียวด้วย เมื่อปฏิเสธเค้าแล้ว เค้าก็ไม่ตื้อค่ะ ขับมอเตอร์ไซค์ออกไปค่ะ
ตอนนั้นไม่สบายใจที่ปฏิเสธเค้าไปค่ะ ถ้าลูกเค้าไม่สบายไม่มีเงินรักษาดิฉันจะรู้สึกผิดมากขึ้นเลยค่ะ ลําพังไม่เสียดายเงินหรอกค่ะ แต่ปัจจุบันมิจฉาชีพหาเงินแบบแปลกๆค่ะ กราบเรียนถามว่าที่ปฏิเสธไม่ให้เงินเค้าไปแล้วลูกเค้าไม่สบายจริงๆจะบาปไหมคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
วิสัชนา: การที่คุณปฏิเสธไม่ให้เงินเขา ไม่ใช่เพราะคุณใจไม้ไส้ระกำ แต่เพราะไม่มั่นใจในสวัสดิภาพ ไม่ถือว่าเป็นบาป
กรณีของคุณเป็นเรื่องที่น่าคิดว่า หากเหตุการณ์นี้เกิดในเวลากลางวัน และมีคนอยู่กับคุณด้วย คุณควรจะให้หรือไม่ ในเมื่อไม่แน่ใจว่าเขามาหลอกเอาเงินหรือเปล่า (เขาอาจไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มา แต่เดินมาขอเงินจากคุณ)
ในความเห็นของอาตมานั้น แม้ไม่แน่ใจว่าเขาพูดจริงหรือไม่ แต่ก็ยังคิดว่าน่าให้ (ให้เท่าไหร่อีกเรื่องหนึ่ง) เพราะหากเขาพูดจริง แล้วเราไม่ให้ โชคร้ายก็ตกกับลูกของเขา แต่หากเขาพูดเท็จแล้วเราให้เงินเขา ก็เป็นโชคดีของเขา ชั่งน้ำหนักดูระหว่างโชคร้ายของลูก กับโชคดีของเขาแล้ว อาตมาคิดว่าให้เงินเขาดีกว่า เพราะหากเขาพูดจริง เงินที่เราให้นั้นอาจช่วยเด็กคนหนึ่งได้ แต่หากเขาพูดเท็จ เราก็แค่เสียเงินไปเพียงไม่เท่าไหร่
อย่างไรก็ตามก่อนจะให้เงิน ควรย้ำกับเขาว่า เราให้เงินเพราะวางใจในตัวเขาทั้ง ๆ ที่เป็นคนแปลกหน้า หากเขาโกหกมันจะเป็นบาปแก่เขา และถ้าเขาพูดไม่จริงก็ควรยุติเพียงเท่านี้ ไม่ควรไปหลอกใครต่อ เพราะต่อไปจะทำให้คนที่ร้อนเงินเพราะลูกไม่สบาย ไม่สามารถจะขอใครได้ เพราะถูกผู้คนหวาดระแวง อันเป็นผลจากพฤติกรรมหลอกลวงของเขา เท่ากับว่าเขามีส่วนทำให้คนอื่นเดือดร้อน เป็นการสร้างกรรมที่หนักขึ้นกว่าเดิม
จาก: http://www.visalo.org/QA/Q560104.htm
ผมแค่นำมาแบ่งปันให้อ่านกันนะครับ มิได้มีเจตนาชักจูง เชื้อเชิญใดๆ ทั้งสิ้น แต่ละคนก็มีเหตุ-ปัจจัยของตนครับ หากช่วยเหลือแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ก็มิควรทำครับ มันจะเป็นการสร้างทุกข์แก่ตนเอง
ขอบคุณครับ
แก้ไขเพื่อเพิ่มเนื้อหาครับ
ส่วนในกรณีที่มีคนมาขอความช่วยเหลือ หากผมเห็นว่าสิ่งนั้นอยู่ในวิสัยที่พอจะช่วยได้ก็คงช่วยไปครับ แต่ก็ต้องดูสภาวะ ณ ตอนนั้นเช่นกันครับ หากเดินมาขอเงินขณะที่ดมกาวอยู่ ก็คงปฏิเสธครับ
ผมเจอบทความ และปุจฉา-วิสัชนาซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เช่นนี้ในเวปของพระไพศาล วิสาโล ซึ่งผมอ่านแล้วประทับใจมาก และยึดถือนำมาปฏิบัติครับ
บทความเรื่อง “ความดีที่น่าเสี่ยง” โดย ภาวัน จาก นิตยสาร IMAGE ธันวาคม ๒๕๕๑
คุณเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างไหม ขณะที่กำลังรอรถเมล์อยู่ ก็มีผู้ชายสีหน้าเศร้า ๆ มาขอเงินคุณ เขาเล่าว่าเขามาตามหาญาติที่กรุงเทพ ฯ จนเงินเกลี้ยงกระเป๋า แต่ไม่พบ อยากจะกลับบ้านแต่ไม่มีเงินค่าโดยสาร จึงอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ
คุณฟังแล้วก็สงสารจึงให้เงินไป ๕๐ บาท เขายกมือไหว้ขอบคุณคุณเป็นการใหญ่ก่อนที่จะจากไป แต่แล้วไม่กี่วันต่อมาคุณก็เห็นชายคนเดียวกันนี้เดินขอเงินจากใครต่อใครไม่ไกลจากจุดที่เขาเคยขอเงินคุณ
เจอแบบนี้เข้าคุณจะรู้สึกอย่างไร?
เป็นธรรมดาที่คุณจะเสียความรู้สึกหรือโมโหเมื่อรู้ว่าตนเองถูกหลอก หลายคนถึงกับตั้งใจเด็ดขาดว่าจะไม่ควักเงินให้อีกหากมีใครมาขอเงินเขา ก็พวกนี้มันสิบแปดมงกุฎกันทั้งนั้น
การสรุปบทเรียนแบบนี้แม้จะดูสมเหตุสมผล แต่ก็น่าคิดว่าเป็นความยุติธรรมหรือไม่ที่เราจะเอาพฤติกรรมของคน ๆ หนึ่งมาเป็นข้อสรุปแบบเหวี่ยงแหว่าใครก็ตามที่แบมือขอเงินเราล้วนเป็นพวกลวงโลกทั้งนั้น หากคุณถูกผู้ชายคนหนึ่งหลอก ควรหรือไม่ที่จะสรุปว่าผู้ชายทั้งโลกเชื่อไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณย่อมรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลยที่ถูกตราหน้าอย่างนั้นทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันอ้าปากหรือโอภาปราศรัยกันเลย
แม้จะถูกหลอกครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างมากที่เราจะสรุปได้ก็คือคนที่แบมือขอเงินเรานั้นส่วนใหญ่ โกหกเรา ถึงแม้คุณจะถูก ๙ คนหลอก ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่สิบจะเป็นเช่นนั้นด้วย คำถามก็คือหากไม่แน่ใจว่าคนที่สิบจะมาหลอกเราด้วยหรือไม่ เราควรให้เงินเขาไหม? ถ้าคุณไม่อยากถูกหลอกอีก ก็ตัดสินใจไม่ยาก เบือนหน้าหนีเขาก็หมดเรื่อง
แต่หากลองคิดอีกมุมหนึ่งว่า หากคน ๆ นั้นเขาเดือดร้อนจริง ๆ และมีความจำเป็นต้องกลับบ้านด่วน เพราะทิ้งพ่อที่พิการหรือลูกเล็ก ๆ เอาไว้ การปฏิเสธของคุณอาจมีผลกระทบต่อชีวิตของเขามาก แต่ถ้าคุณให้เงินเขา ก็อาจจะมีความหมายใหญ่หลวงต่อเขา
ลองนึกอีกทีว่าหากคุณตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับเขา แล้วพบว่าไม่ว่าจะแบมือขอเงินจากใคร ก็ถูกปฏิเสธหมด ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เงินจำนวนมาก คุณจะรู้สึกอย่างไรกับผู้คน คุณจะยังมีศรัทธาในเพื่อนมนุษย์หรือไม่ และหากคุณทำความดีมาตลอด แต่ต้องได้รับผลอย่างนี้ คุณจะยังศรัทธาในความดีและเชื่อมั่นในบุญกุศลอีกหรือไม่
เงิน ๕๐ บาทหรือ ๑๐๐ บาท อาจไม่มากสำหรับคุณ หากถูกหลอก ก็ไม่ทำให้คุณกระเทือนเท่าไร แต่หากเขาเดือดร้อนจริง ๆ เงินจำนวนเล็กน้อยนี้สามารถฟื้นศรัทธาและความหวังของเขาขึ้นมา และยังอาจมีผลต่ออีกหลายชีวิตที่รอการกลับบ้านของเขา มองในแง่นี้การให้เงินแก่เขาจึงเป็นการ “ลงทุน”ที่น่าเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะหากเสียก็เสียไม่มาก แต่หากได้ก็ได้มหาศาล เป็นแต่ว่าผลได้นั้นไม่ได้เกิดกับคุณ ยิ่งกว่านั้นโอกาสที่จะ “ได้” อาจมากกว่าแทงหวยใต้ดินเสียอีก
การช่วยเหลือคนที่ไม่รู้จักนั้นจะว่าไปก็ไม่ต่างจากการเสี่ยงโชค เป็นไปได้ว่าโอกาสจะถูกหลอกมีมากกว่า ช่วยไป ๑๐ คนอาจกลายเป็นว่าเราถูก ๙ คนหลอก มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เดือดร้อนจริง แม้กระนั้นก็ยังคุ้มอยู่ดีมิใช่หรือ
มีคำกล่าวว่า ปล่อยคนผิด ๑๐ คนยังดีกว่าลงโทษผู้บริสุทธิ์ ๑ คน ในทำนองเดียวกัน ในกรณีที่มีคนมาขอเงินเรา ก็อาจพูดได้เช่นกันว่า ถูกคนโกง ๑๐ คนหลอกก็ยังดีกว่าเมินเฉยผู้ทุกข์ยาก ๑ คน
ใครที่ยังทำใจไม่ได้เมื่อรู้ว่าถูกหลอกเอาเงินไป ลองฟังเรื่องราวของ โรเบอร์โต เดอ วิเซนโซ นักกอล์ฟชาวอาร์เจนตินาชื่อก้องโลกเมื่อ ๓๐ ปีก่อน
ครั้งหนึ่งมีหญิงสาวมาพบเขาแล้วเล่าว่าลูกของเธอป่วยหนักและกำลังจะตาย เขาฟังแล้วก็สงสาร จึงมอบเช็คที่เพิ่งได้รับจากการชนะถ้วยรางวัลให้เธอไป
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา มีเพื่อนมาบอกเขาว่า เขาถูกผู้หญิงคนนั้นหลอก เพราะเธอยังไม่ได้แต่งงาน และไม่มีลูกที่เจ็บป่วย ประโยคแรกที่ออกจากปากของโรเบอร์โตก็คือ “หมายความว่า ไม่มีเด็กที่กำลังจะตาย ใช่ไหม ?”
เมื่อได้รับคำยืนยัน เขาก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “นี่เป็นข่าวดีที่สุดที่ได้ยินมาตลอดอาทิตย์นี้เลย” แทนที่จะโมโห เขากลับยินดี เพราะเขานึกถึงเด็กมากกว่าเงินในกระเป๋าของเขา ใช่หรือไม่ว่าถ้าเรานึกถึงคนอื่นมากขึ้น การถูกหลอกจะกลายเป็นเรื่องเล็กลงไปทันที
จาก: http://www.visalo.org/article/Image255112.htm
ปุจฉา-วิสัชนาเรื่อง “รู้สึกผิดที่ไม่ได้ให้เงินช่วยเหลือ เพราะกลัวเป็นมิจฉาชีพ” โดย พระไพศาล วิสาโล วันที่ 4 มกราคม 2013
ปุจฉา: กราบเรียนพระอาจารย์ วันนี้ขับรถติดไฟแดงเวลาประมาณ 2 ทุ่มค่ะ มีผู้หญิงคนหนึ่งขับมอเตอร์ไซค์มาเคาะกระจก ขอเงิน 190 บาทบอกว่าเอาไปรักษาลูก ๆ ไม่สบายอยู่รพ.จุฬา
ดิฉันปฏิเสธไปเพราะไม่ทราบว่าเป็นพวกมิจฉาชีพหรือเปล่า ประกอบกับดิฉันขับรถมาคนเดียวด้วย เมื่อปฏิเสธเค้าแล้ว เค้าก็ไม่ตื้อค่ะ ขับมอเตอร์ไซค์ออกไปค่ะ
ตอนนั้นไม่สบายใจที่ปฏิเสธเค้าไปค่ะ ถ้าลูกเค้าไม่สบายไม่มีเงินรักษาดิฉันจะรู้สึกผิดมากขึ้นเลยค่ะ ลําพังไม่เสียดายเงินหรอกค่ะ แต่ปัจจุบันมิจฉาชีพหาเงินแบบแปลกๆค่ะ กราบเรียนถามว่าที่ปฏิเสธไม่ให้เงินเค้าไปแล้วลูกเค้าไม่สบายจริงๆจะบาปไหมคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
วิสัชนา: การที่คุณปฏิเสธไม่ให้เงินเขา ไม่ใช่เพราะคุณใจไม้ไส้ระกำ แต่เพราะไม่มั่นใจในสวัสดิภาพ ไม่ถือว่าเป็นบาป
กรณีของคุณเป็นเรื่องที่น่าคิดว่า หากเหตุการณ์นี้เกิดในเวลากลางวัน และมีคนอยู่กับคุณด้วย คุณควรจะให้หรือไม่ ในเมื่อไม่แน่ใจว่าเขามาหลอกเอาเงินหรือเปล่า (เขาอาจไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มา แต่เดินมาขอเงินจากคุณ)
ในความเห็นของอาตมานั้น แม้ไม่แน่ใจว่าเขาพูดจริงหรือไม่ แต่ก็ยังคิดว่าน่าให้ (ให้เท่าไหร่อีกเรื่องหนึ่ง) เพราะหากเขาพูดจริง แล้วเราไม่ให้ โชคร้ายก็ตกกับลูกของเขา แต่หากเขาพูดเท็จแล้วเราให้เงินเขา ก็เป็นโชคดีของเขา ชั่งน้ำหนักดูระหว่างโชคร้ายของลูก กับโชคดีของเขาแล้ว อาตมาคิดว่าให้เงินเขาดีกว่า เพราะหากเขาพูดจริง เงินที่เราให้นั้นอาจช่วยเด็กคนหนึ่งได้ แต่หากเขาพูดเท็จ เราก็แค่เสียเงินไปเพียงไม่เท่าไหร่
อย่างไรก็ตามก่อนจะให้เงิน ควรย้ำกับเขาว่า เราให้เงินเพราะวางใจในตัวเขาทั้ง ๆ ที่เป็นคนแปลกหน้า หากเขาโกหกมันจะเป็นบาปแก่เขา และถ้าเขาพูดไม่จริงก็ควรยุติเพียงเท่านี้ ไม่ควรไปหลอกใครต่อ เพราะต่อไปจะทำให้คนที่ร้อนเงินเพราะลูกไม่สบาย ไม่สามารถจะขอใครได้ เพราะถูกผู้คนหวาดระแวง อันเป็นผลจากพฤติกรรมหลอกลวงของเขา เท่ากับว่าเขามีส่วนทำให้คนอื่นเดือดร้อน เป็นการสร้างกรรมที่หนักขึ้นกว่าเดิม
จาก: http://www.visalo.org/QA/Q560104.htm
ผมแค่นำมาแบ่งปันให้อ่านกันนะครับ มิได้มีเจตนาชักจูง เชื้อเชิญใดๆ ทั้งสิ้น แต่ละคนก็มีเหตุ-ปัจจัยของตนครับ หากช่วยเหลือแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ก็มิควรทำครับ มันจะเป็นการสร้างทุกข์แก่ตนเอง
ขอบคุณครับ

แก้ไขเพื่อเพิ่มเนื้อหาครับ
แสดงความคิดเห็น
จากกระทู้ ระวัง มิจฉาชีพขอเงินค่ารถกลับบ้าน! ถ้าเราเดือดร้อนจริงๆควรทำยังไงดี?
จากกระทู้ ระวัง มิจฉาชีพขอเงินค่ารถกลับบ้าน!
มีหลายคนที่โดนหลอกในลักษณะเดียวกันพอสมควร
ซึ่งหลายคนอาจจะเกิดความระวังตัวมากขึ้นจากเหตุการณ์ที่ได้พบเจอมา
ซึ่งบางทีเราเองก็แยกไม่ออกว่า คนไหนคือมิจฉาชีพ หรือ คนที่เดือดร้อนจริงๆ
...
ลองคิดเล่นๆครับ ว่า
หากเราทำกระเป๋าตังหาย/มือถือหาย และเดือดร้อนจริงๆ
เราควรจะทำยังไงดีครับ
...
เพราะปกติการไปขอเงินคนแปลกหน้าก็แปลกแล้ว
และหากคนแรกเขาไม่ให้ / เราไปขอคนถัดไปมันก็ดูคล้ายมิจฉาชีพเข้าไปใหญ่
เราควรจะหาทางออกยังไงดีครับในเวลาแบบนั้น?