เป็นเพราะปรากฏหลักฐานอย่างชัดแจ้งว่า นายคันโตนาซี เป็นผู้มีทิฐิความเชื่อแบบพวกอัญเดียรถีย์
อีกทั้งยังมีพฤติกรรม ชอบวนเวียนถามซ้ำๆ ซาก อยู่แต่ว่า สัตว์เกิดที่ไหน ๆๆๆๆๆ ดุจเดียวกับ มารผู้มีบาป !
แต่แทนที่ไอ้หมอนี่ จะยอมรับไปตามความจริง และแก้ไขให้ถูกต้อง ตรงตามพระธรรมวินัย
ว่าความคิดความเชื่อเรื่อง สัตว์ตายแล้วเกิด หรือไม่เกิดนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่ทรงบัญญัติ
และสิ่งที่มันกับพวก เคยเชื่อถือกันว่าถูกต้องนั้น แท้ที่จริง ก็เป็นเพียงแค่ความเห็นผิด นอกพระพุทธศาสนา เท่านั้นเอง
ซึ่งมันก็ไม่ทำ !
อยู่ดีๆ นายคันโตนาซี ก็เกิดอาการ "ความจำเสื่อม" ขึ้นมาดื้อๆ อีกทั้งยังมีอาการ "หวาดผวา"
ในทุกๆ ครั้งที่มีผู้อ้างถึง พระบาลีพุทธพจน์ ที่ตรัสว่า ไม่ทรงบัญญัติว่าสัตว์ตายแล้วเกิด !
แต่ล่าสุด นายคันโตนาซี กลับออกอาการ "แบ๊ว" ด้วยความใสซื่อ เป็นอย่างยิ่งว่า .........
๑) "ผมไม่ได้ถามเรื่องสัตว์ตายแล้วเกิดไม่เกิด"
ก็ใช่นะครับ ในกระทู้ที่แกพึ่งตั้งขึ้นเมื่อล่าสุดนั้น แกไม่ได้ถาม แต่ก่อนหน้านั้น แกถามแบบนี้มาโดยตลอดนี่ครับ
และที่สำคัญไปกว่านั้น ก็คือ มัน "ร้อน" นักหรืออย่างไร หากว่าจะมีใครสักคนยกพระบาลีพุทธพจน์สักบทหนึ่งขึ้นมาแสดง
ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ(โดยสุจริตใจ) คงไม่มีใครออกอาการร้อนรน ในทุกๆ ครั้งที่เห็นพระบาลีพุทธพจน์ ใช่หรือไม่ ?
และก็อย่ามาอ้างนะครับว่า พระบาลีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของกระทู้ ทั้งนี้เพราะ
ไอ้ตัว เจ้าของกระทู้ นั้นเอง มิใช่หรือ ที่เป็นคนกล่าวข้อความ ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อพระบาลีพุทธพจน์
โดยที่จนบัดนี้ ยังไม่พบว่ามันผู้นั้นจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร หรือมิใช่ ?
๒) "ขอถามว่า ผมเคยบอกว่ามีสัตว์บุคคลในปฏิจจสมุปบาทเมื่อไหร่ ?"
อ้าววววววววว เหรอครับ คันโตนาซี ไม่เคยคิด หรือพูดแบบนี้จริงๆ หรือครับ ?
แล้วสุนัขตัวใดกันหนอ ที่เห่าหอนข้อความนี้ไว้ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ความว่า
"ในเมื่อไม่มีปฏิจจสมุปบาทข้ามภพชาติ อะไร ที่ทำให้สัตว์ตายแล้วไปเกิดในนรกสวรรค์ครับ ?"
ก็ถ้า คันโตนาซี ไม่เคยเชื่อว่ามี สัตว์บุคคล ฯ ในปฏิจจสมุปบาท แล้วมันมาถาม คำถามโง่ๆ แบบนี้ทำไมกัน
มิหนำซ้ำ ยังแอบจิกกัดพระ ในทำนองว่า ท่านพุทธทาส ปฏิเสธเรื่องปฏิจจสมุปบาทแบบข้ามภพชาติ
จึงทำให้ไม่สามารถอธิบายได้ว่า สัตว์ เมื่อตายแล้ว จะไปเกิด ในนรกสวรรค์ ได้อย่างไร ????????
ผมขอถามคำเดียว เลยนะครับ ถ้าแกไม่เชื่อเรื่อง (๑) มีสัตว์ตายแล้วไปเกิด และ (๒) มีสัตว์บุคคล ฯลฯ ในปฏิจจสมุปบาท
แล้ว แกจะมาตั้งคำถามเพื่อ "หลอกด่า" ท่านพุทธทาส แบบนั้นไปทำไมกันครับ ?
สรุปแบบรวดรัด ก็แล้วกันนะครับ กล่าวคือ คันโตนาซี มีความเชื่องมงายแบบโง่ๆ
ในเรื่อง (๑) มีสัตว์ตายแล้วไปเกิด และ (๒) มีสัตว์บุคคล ฯลฯ ในปฏิจจสมุปบาท หรือไม่ ?
๑) ถ้าเชื่อ นั่นย่อมหมายความว่า คันโตนาซี มีความเชื่อแบบพวกอัญเดียรถีย์ นอกพระพุทธศาสนา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว
คันโตนาซี ถือสิทธิ์อะไร มากล่าวร้ายต่อ พระมหาเถระอย่างท่านพุทธทาส ที่สอนธรรมตรงกับพระพุทธเจ้า
ซึ่งย่อมเป็นธรรมดาอยู่เอง ที่จะต้องขัดแย้งกับความเชื่อของอัญเดียรถีย์อย่างแกและพวก ?
๒) แต่ถ้าอ้างว่า ไม่มีความเชื่ออย่างนั้น คันโตนาซี ก็ต้องอธิบายให้ได้ว่า
ในเมื่อไม่เชื่อ แล้วแกจะไปตั้งคำถามแย้งโง่ๆ แบบนั้น ขึ้นมาทำไม ?
ทั้งนี้ ขออนุญาตทำความเข้าใจให้ตรงกัน ดังนี้ว่า หากไม่แจกแจงแยกแยะ
ข้อผิดข้อถูกให้ชัดแจ้งว่า สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน และสิ่งใดที่พระพุทธเจ้าไม่ตรัสสอน
มันย่อมเป็นไปไม่ได้เลย ในการที่จะเสวนาธรรม ให้เกิดความกระจ่างในสัมมาทิฐิ ความเห็นชอบ
ดังนั้น จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายคันโตนาซี จะสามารถชี้แจงให้เกิดความกระจ่างชัด ได้ว่า
ข้อความ อัปยศ ดังกล่าวนี้ มีความหมายว่าอย่างไร และ สมควรกล่าวว่า ผิด หรือ ถูก อย่างไร
ในบริบทของแนวทางคำสอน อันเป็นสัมมาทิฐิในพระพุทธธศาสนา นิกายเถรวาท
เมื่อได้รับทราบ ข้อเท็จจริง อย่างถูกต้องครบถ้วน และชอบธรรมแล้ว
จึงจะสามารถ เจรจาธรรม ในประเด็นอื่นๆ ได้ในลำดับถัดไป
ชัดเจนแล้วนะครับ
สัตว์ผู้มาเกิด ......... เป็นคำถามของมิจฉาทิฐิตนใด ?
อีกทั้งยังมีพฤติกรรม ชอบวนเวียนถามซ้ำๆ ซาก อยู่แต่ว่า สัตว์เกิดที่ไหน ๆๆๆๆๆ ดุจเดียวกับ มารผู้มีบาป !
แต่แทนที่ไอ้หมอนี่ จะยอมรับไปตามความจริง และแก้ไขให้ถูกต้อง ตรงตามพระธรรมวินัย
ว่าความคิดความเชื่อเรื่อง สัตว์ตายแล้วเกิด หรือไม่เกิดนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่ทรงบัญญัติ
และสิ่งที่มันกับพวก เคยเชื่อถือกันว่าถูกต้องนั้น แท้ที่จริง ก็เป็นเพียงแค่ความเห็นผิด นอกพระพุทธศาสนา เท่านั้นเอง
ซึ่งมันก็ไม่ทำ !
อยู่ดีๆ นายคันโตนาซี ก็เกิดอาการ "ความจำเสื่อม" ขึ้นมาดื้อๆ อีกทั้งยังมีอาการ "หวาดผวา"
ในทุกๆ ครั้งที่มีผู้อ้างถึง พระบาลีพุทธพจน์ ที่ตรัสว่า ไม่ทรงบัญญัติว่าสัตว์ตายแล้วเกิด !
แต่ล่าสุด นายคันโตนาซี กลับออกอาการ "แบ๊ว" ด้วยความใสซื่อ เป็นอย่างยิ่งว่า .........
๑) "ผมไม่ได้ถามเรื่องสัตว์ตายแล้วเกิดไม่เกิด"
ก็ใช่นะครับ ในกระทู้ที่แกพึ่งตั้งขึ้นเมื่อล่าสุดนั้น แกไม่ได้ถาม แต่ก่อนหน้านั้น แกถามแบบนี้มาโดยตลอดนี่ครับ
และที่สำคัญไปกว่านั้น ก็คือ มัน "ร้อน" นักหรืออย่างไร หากว่าจะมีใครสักคนยกพระบาลีพุทธพจน์สักบทหนึ่งขึ้นมาแสดง
ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ(โดยสุจริตใจ) คงไม่มีใครออกอาการร้อนรน ในทุกๆ ครั้งที่เห็นพระบาลีพุทธพจน์ ใช่หรือไม่ ?
และก็อย่ามาอ้างนะครับว่า พระบาลีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของกระทู้ ทั้งนี้เพราะ
ไอ้ตัว เจ้าของกระทู้ นั้นเอง มิใช่หรือ ที่เป็นคนกล่าวข้อความ ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อพระบาลีพุทธพจน์
โดยที่จนบัดนี้ ยังไม่พบว่ามันผู้นั้นจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร หรือมิใช่ ?
๒) "ขอถามว่า ผมเคยบอกว่ามีสัตว์บุคคลในปฏิจจสมุปบาทเมื่อไหร่ ?"
อ้าววววววววว เหรอครับ คันโตนาซี ไม่เคยคิด หรือพูดแบบนี้จริงๆ หรือครับ ?
แล้วสุนัขตัวใดกันหนอ ที่เห่าหอนข้อความนี้ไว้ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ความว่า
"ในเมื่อไม่มีปฏิจจสมุปบาทข้ามภพชาติ อะไร ที่ทำให้สัตว์ตายแล้วไปเกิดในนรกสวรรค์ครับ ?"
ก็ถ้า คันโตนาซี ไม่เคยเชื่อว่ามี สัตว์บุคคล ฯ ในปฏิจจสมุปบาท แล้วมันมาถาม คำถามโง่ๆ แบบนี้ทำไมกัน
มิหนำซ้ำ ยังแอบจิกกัดพระ ในทำนองว่า ท่านพุทธทาส ปฏิเสธเรื่องปฏิจจสมุปบาทแบบข้ามภพชาติ
จึงทำให้ไม่สามารถอธิบายได้ว่า สัตว์ เมื่อตายแล้ว จะไปเกิด ในนรกสวรรค์ ได้อย่างไร ????????
ผมขอถามคำเดียว เลยนะครับ ถ้าแกไม่เชื่อเรื่อง (๑) มีสัตว์ตายแล้วไปเกิด และ (๒) มีสัตว์บุคคล ฯลฯ ในปฏิจจสมุปบาท
แล้ว แกจะมาตั้งคำถามเพื่อ "หลอกด่า" ท่านพุทธทาส แบบนั้นไปทำไมกันครับ ?
สรุปแบบรวดรัด ก็แล้วกันนะครับ กล่าวคือ คันโตนาซี มีความเชื่องมงายแบบโง่ๆ
ในเรื่อง (๑) มีสัตว์ตายแล้วไปเกิด และ (๒) มีสัตว์บุคคล ฯลฯ ในปฏิจจสมุปบาท หรือไม่ ?
๑) ถ้าเชื่อ นั่นย่อมหมายความว่า คันโตนาซี มีความเชื่อแบบพวกอัญเดียรถีย์ นอกพระพุทธศาสนา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว
คันโตนาซี ถือสิทธิ์อะไร มากล่าวร้ายต่อ พระมหาเถระอย่างท่านพุทธทาส ที่สอนธรรมตรงกับพระพุทธเจ้า
ซึ่งย่อมเป็นธรรมดาอยู่เอง ที่จะต้องขัดแย้งกับความเชื่อของอัญเดียรถีย์อย่างแกและพวก ?
๒) แต่ถ้าอ้างว่า ไม่มีความเชื่ออย่างนั้น คันโตนาซี ก็ต้องอธิบายให้ได้ว่า
ในเมื่อไม่เชื่อ แล้วแกจะไปตั้งคำถามแย้งโง่ๆ แบบนั้น ขึ้นมาทำไม ?
ทั้งนี้ ขออนุญาตทำความเข้าใจให้ตรงกัน ดังนี้ว่า หากไม่แจกแจงแยกแยะ
ข้อผิดข้อถูกให้ชัดแจ้งว่า สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน และสิ่งใดที่พระพุทธเจ้าไม่ตรัสสอน
มันย่อมเป็นไปไม่ได้เลย ในการที่จะเสวนาธรรม ให้เกิดความกระจ่างในสัมมาทิฐิ ความเห็นชอบ
ดังนั้น จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายคันโตนาซี จะสามารถชี้แจงให้เกิดความกระจ่างชัด ได้ว่า
ข้อความ อัปยศ ดังกล่าวนี้ มีความหมายว่าอย่างไร และ สมควรกล่าวว่า ผิด หรือ ถูก อย่างไร
ในบริบทของแนวทางคำสอน อันเป็นสัมมาทิฐิในพระพุทธธศาสนา นิกายเถรวาท
เมื่อได้รับทราบ ข้อเท็จจริง อย่างถูกต้องครบถ้วน และชอบธรรมแล้ว
จึงจะสามารถ เจรจาธรรม ในประเด็นอื่นๆ ได้ในลำดับถัดไป
ชัดเจนแล้วนะครับ