คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ขอแสดงความคิดเห็นแยกเป็นสองประเด็นครับ จากเหตุการณ์เท่าที่ จขกท เล่ามาในกระทู้
เรื่องอุบัติเหตุน่าจะเป็นความผิดของ จขกท ทั้งสิ้นที่ไม่ได้ดูแลระวังความปลอดภัยของลูก ไม่ใช่ว่าลิฟท์มีปัญหาหรือชำรุดทำให้เกิดอุบัติเหตุครับ ลิฟท์มันทำงานตามปกติ การพาเด็กไปที่สาธารณะก็ต้องระวังสิ่งที่ก่อให้เกิดอุบัติหตุได้ครับ ของทุกอย่างมันก็มีอันตรายของมันตามสภาพเช่นบันไดเลื่อน ลิฟท์ ฯลฯ
ส่วนโรงแรมก็ผิดในแง่ของการให้ความช่วยเหลือปฐมพยาบาลที่ล่าช้า และการแสดงความเอาใจใส่เห็นใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ
เรื่องอุบัติเหตุน่าจะเป็นความผิดของ จขกท ทั้งสิ้นที่ไม่ได้ดูแลระวังความปลอดภัยของลูก ไม่ใช่ว่าลิฟท์มีปัญหาหรือชำรุดทำให้เกิดอุบัติเหตุครับ ลิฟท์มันทำงานตามปกติ การพาเด็กไปที่สาธารณะก็ต้องระวังสิ่งที่ก่อให้เกิดอุบัติหตุได้ครับ ของทุกอย่างมันก็มีอันตรายของมันตามสภาพเช่นบันไดเลื่อน ลิฟท์ ฯลฯ
ส่วนโรงแรมก็ผิดในแง่ของการให้ความช่วยเหลือปฐมพยาบาลที่ล่าช้า และการแสดงความเอาใจใส่เห็นใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
โรงแรม ที่ชื่อเหมือนผ้าทอชนิดหนึ่ง อยู่ถนนนิมมานเหมินท์ ผมเพิ่งจะไปมาเมื่อบ่ายวันนี้เลยครับ
เป็นโรงแรมในย่านนิมมาน ที่เปิดได้ไม่นาน มีห้องหลายๆ แบบหลายสไตล์
(แต่ส่วนตัวผมก็มองว่า เป็นโรงแรมที่ออกแบบมาได้ maintenance ลำบากพอสมควรนะ)
ทีนี้ ผมไม่ใช่คนของโรงแรม แค่ไปรับ-ส่ง เพื่อนที่มาเที่ยวเชียงใหม่เท่านั้น ไม่รู้จักอะไรยังไงกับคนของโรงแรมทั้งนั้น (ออกตัวก่อนนะครับ)
แต่ผมก็กลับมองว่า เรื่องลิฟท์ กับเด็ก เป็นอะไรที่ต้องระมัดระวังมากๆ เลยนะครับ
เหมือนกับเคสราวบันไดเลื่อนห้างชื่อดังในกรุงเทพ ที่เลื่อนไปใกล้กับคานจนหนีบคอเด็กน้อยวัย 12 ขวบที่จะโงกก้มลงมา
(อันนั้นขึ้นบันไดเลื่อนตามลำพังด้วย)
แม้บนรถไฟฟ้า มีมีสติกเกอร์ติดไว้ข้างประตูรถไฟฟ้าว่า อย่าเอามือแตะรถไฟฟ้า เพราะอาจจะโดนดูดเข้าไปตรงซอกประตูได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ในทางกลับกันนะครับ สมมติว่าโรงแรมติดสติ๊กเกอร์จริง แต่ถ้าคุณแม่ไม่เตือน ก็มีค่าเท่าเดิม ถูกไหมครับ ?
โรงแรม ผิดที่ไม่มีความพร้อมในการรับมือกับเหตุฉุกเฉินเลย และดูไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยกับตัวครอบครัวและน้องผู้บาดเจ็บเท่าไหร่
แต่ ความผิดส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ผู้ใหญ่ ที่ไม่ได้ คอยจูงมือลูก ไม่ให้ไปเล่น หรือไปแตะนั่นนู่นนี่
หรือถ้าเห็นเด็กไปแตะ ก็ต้องบอกว่า อย่าไปแตะให้ถอยออกมา มันน่าจะเป็นสามัญสำนึก โดยไม่จำเป็นต้องให้ใครมาติดป้ายเตือนสตินะครับ
ปล. ยังดีนะครับ ที่ทางผู้ปกครองไม่ได้พาลูกไปบริเวณบ่อจากุชชี่ (จริงๆ เหมือนสร้างเป็นสระว่ายน้ำ แต่ขนาดเล็กเกินนนน)
เพราะบ่อก็ลึกใช้ได้อยู่ แต่ตรงนั้น เค้ามีป้ายบอกไว้ชัดเลยว่า ให้บริการเฉพาะผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไปเท่านั้น
เป็นโรงแรมในย่านนิมมาน ที่เปิดได้ไม่นาน มีห้องหลายๆ แบบหลายสไตล์
(แต่ส่วนตัวผมก็มองว่า เป็นโรงแรมที่ออกแบบมาได้ maintenance ลำบากพอสมควรนะ)
ทีนี้ ผมไม่ใช่คนของโรงแรม แค่ไปรับ-ส่ง เพื่อนที่มาเที่ยวเชียงใหม่เท่านั้น ไม่รู้จักอะไรยังไงกับคนของโรงแรมทั้งนั้น (ออกตัวก่อนนะครับ)
แต่ผมก็กลับมองว่า เรื่องลิฟท์ กับเด็ก เป็นอะไรที่ต้องระมัดระวังมากๆ เลยนะครับ
เหมือนกับเคสราวบันไดเลื่อนห้างชื่อดังในกรุงเทพ ที่เลื่อนไปใกล้กับคานจนหนีบคอเด็กน้อยวัย 12 ขวบที่จะโงกก้มลงมา
(อันนั้นขึ้นบันไดเลื่อนตามลำพังด้วย)
แม้บนรถไฟฟ้า มีมีสติกเกอร์ติดไว้ข้างประตูรถไฟฟ้าว่า อย่าเอามือแตะรถไฟฟ้า เพราะอาจจะโดนดูดเข้าไปตรงซอกประตูได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ในทางกลับกันนะครับ สมมติว่าโรงแรมติดสติ๊กเกอร์จริง แต่ถ้าคุณแม่ไม่เตือน ก็มีค่าเท่าเดิม ถูกไหมครับ ?
โรงแรม ผิดที่ไม่มีความพร้อมในการรับมือกับเหตุฉุกเฉินเลย และดูไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยกับตัวครอบครัวและน้องผู้บาดเจ็บเท่าไหร่
แต่ ความผิดส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ผู้ใหญ่ ที่ไม่ได้ คอยจูงมือลูก ไม่ให้ไปเล่น หรือไปแตะนั่นนู่นนี่
หรือถ้าเห็นเด็กไปแตะ ก็ต้องบอกว่า อย่าไปแตะให้ถอยออกมา มันน่าจะเป็นสามัญสำนึก โดยไม่จำเป็นต้องให้ใครมาติดป้ายเตือนสตินะครับ
ปล. ยังดีนะครับ ที่ทางผู้ปกครองไม่ได้พาลูกไปบริเวณบ่อจากุชชี่ (จริงๆ เหมือนสร้างเป็นสระว่ายน้ำ แต่ขนาดเล็กเกินนนน)
เพราะบ่อก็ลึกใช้ได้อยู่ แต่ตรงนั้น เค้ามีป้ายบอกไว้ชัดเลยว่า ให้บริการเฉพาะผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไปเท่านั้น
ความคิดเห็นที่ 9
เรื่องลิฟท์มีความปลอดภัยแค่ไหนอันนี้ผมไม่ทราบเพราะไม่ได้เห็น
แต่เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กที่จะต้องดูแลลูกหลานไม่ให้เล่นกับลิฟท์ครับ
กรณีนี้จากที่คุณเล่า ลูกของคุณเอามือวางบนประตูลิฟท์และประตูเลื่อนเข้าไปหนีบเอง
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ลิฟท์ปกติจะทราบและไม่ทำกัน
ถึงเด็กจะไม่ทราบและไม่เดียงสา และแม้จะไม่มีป้ายเตือนก็ตาม แต่ผู้ปกครองก็ต้องดูแลเด็กและเตือนไม่ให้ทำเช่นนั้น
ลิฟท์อาจจะมีข้อบกพร่องในเรื่องที่ไม่มีสวิตช์หยุดทำงานมีแต่ปุ่มกดขอความช่วยเหลือ
แต่สาเหตุของอุบัติเหตุก็คือลูกคุณวางมือเข้าไปในช่องประตูลิฟท์ครับ ไม่ใช่กรณีลิฟท์ขาดหรือทำงานผิดพลาด
ส่วนเรื่องการเอาใจใส่ของทางโรงแรมที่มีต่อเคสของคุณ ถ้าเป็นอย่างที่ว่ามาก็สมควรตำหนิครับ
แต่ขอฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงจากทางโรงแรมก่อนด้วยครับ
แต่เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กที่จะต้องดูแลลูกหลานไม่ให้เล่นกับลิฟท์ครับ
กรณีนี้จากที่คุณเล่า ลูกของคุณเอามือวางบนประตูลิฟท์และประตูเลื่อนเข้าไปหนีบเอง
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ลิฟท์ปกติจะทราบและไม่ทำกัน
ถึงเด็กจะไม่ทราบและไม่เดียงสา และแม้จะไม่มีป้ายเตือนก็ตาม แต่ผู้ปกครองก็ต้องดูแลเด็กและเตือนไม่ให้ทำเช่นนั้น
ลิฟท์อาจจะมีข้อบกพร่องในเรื่องที่ไม่มีสวิตช์หยุดทำงานมีแต่ปุ่มกดขอความช่วยเหลือ
แต่สาเหตุของอุบัติเหตุก็คือลูกคุณวางมือเข้าไปในช่องประตูลิฟท์ครับ ไม่ใช่กรณีลิฟท์ขาดหรือทำงานผิดพลาด
ส่วนเรื่องการเอาใจใส่ของทางโรงแรมที่มีต่อเคสของคุณ ถ้าเป็นอย่างที่ว่ามาก็สมควรตำหนิครับ
แต่ขอฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงจากทางโรงแรมก่อนด้วยครับ
ความคิดเห็นที่ 19
เห้อ ๆๆๆๆ เหนื่อยแทนเจ้าของกระทู้ ใครคิดต่างก็ว่าเค้าหมด เหนื่อยมั้ยคุณ
คราวหลังคุณก็ติดป้ายเตือนทุกคนว่า
กรุณาติดป้ายเตือนครอบครัวผมด้วย เพราะครอบครัวผมไม่มีสามัญสำนึกพอที่จะคิดเองได้
และกรุณาอย่ามาว่าดิฉัน เพราะดิฉันแค่แสดงความคิดเห็น
คุณมาถามในบอร์ดสาธารณะ ควรทำใจในเรื่องคำตอบ
ถ้าไม่งั้นคราวหลัง อย่าถาม
เพลียเกิน
คราวหลังคุณก็ติดป้ายเตือนทุกคนว่า
กรุณาติดป้ายเตือนครอบครัวผมด้วย เพราะครอบครัวผมไม่มีสามัญสำนึกพอที่จะคิดเองได้
และกรุณาอย่ามาว่าดิฉัน เพราะดิฉันแค่แสดงความคิดเห็น
คุณมาถามในบอร์ดสาธารณะ ควรทำใจในเรื่องคำตอบ
ถ้าไม่งั้นคราวหลัง อย่าถาม
เพลียเกิน
แสดงความคิดเห็น
=== ความปลอดภัยและความรับผิดชอบของโรงแรมบูติค ชื่อเหมือนผ้าทอ ถนนนิมมานเหมินทร์ ในเชียงใหม่ ===
โรงแรมบูติค ชื่อเหมือนผ้าทอ ถนนนิมมานเหมินทร์ ในเชียงใหม่ ผมเข้าพักวันที่ 2 กค 56 เช็คอิน ประมาณ 13.00น ห้อง 701 เหตุเกิดเวลา 17.39น ผมกำลังถามหาความรับผิดชอบของเจ้าของซึ่งเป็นสมาชิกหอการค้าเชียงใหม่ กับ การบริหาร การบริการ การจัดการเรื่องความปลอดภัยและการแก้ปัญหาและติดตามผล เมื่อแขกของโรงแรมประสบอุบัติเหตุ
***ผมขอสงวนชื่อโรงแรมและเจ้าของโรงแรมก่อนนะครับ แต่หากเจ้าของโรงแรมยังบ่ายเบี่ยง ยังโยนให้คนนั้น คนนี้มาคุยกับผมและไม่มีข้อสรุปใดๆอีกภายในวันนี้ ผมคงต้องแจ้งชื่อเพื่อให้สังคมรับทราบว่า มนุษยธรรมกับความรับผิดชอบของเจ้าของท่านนี้เป็นอย่างไร ล่าสุดโทรศัพท์ เลขาบอกไปต่างประเทศแล้ว*****
เหตุการณ์เกิดขึ้นดังนี้ครับ
17.39 น ภรรยาผมและลูกสองคนออกจากห้องพัก 701 ซึ่งติดอยู่กับลิฟต์เลย ได้ออกจากห้องพักเพื่อจะลงมาชั้น 1 ซึ่งผมได้ลงมาก่อนเพื่อสอบถามข้อมูลเรื่องที่จะไปซื้อขนม ซื้อของ หรือไปทานอาหาร
ขณะลูกทั้งสองคนยืนรอหน้าลิฟต์แก้วเพื่อให้ลิฟต์กลับขึ้นมาที่ชั้น 7 ย้ำว่าภรรยาผมยืนอยู่ด้วยตลอดเวลา ลูกสาวยืนเอามือจับประตูเพราะเป็นลิฟต์แก้ว ซึ่งมันดูน่าสนใจสำหรับเด็กที่เห็นตัวลิฟต์วิ่งขึ้นลง ( ครอบครัวผมสี่คนเข้าพักที่โรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศหลายที่ตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กผมอายุ 1ปี 8เดือน มิใช่ครั้งแรกในชีวิต) เมื่อลิฟต์เปิดออกประตูแยกออกและดึงมือซ้ายลูกสาวผม ตามเข้าไปติดที่ซอกด้านข้าง
ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ภรรยาและผมที่มีสติ ภรรยาขอความช่วยเหลือทั้ง
1. กดสัญญาณเตือนภัยในลิฟต์
2. ทั้งวิ่งกลับเข้าไปห้องพักใช้โทรศัพท์ห้องพักโทรหาreceptionที่ลอบบี้ที่ชั้น1 ไม่สามารถติดต่อใครได้
3. จึงโทรมือถือหาผมซึ่งอยู่ที่ลอบบี้ชั้นหนึ่งเช่นกัน
ผมรีบแจ้งreceptionว่าเกิดอุบัติเหตุ receptionก็ตกใจแต่ทำอะไรไม่ถูก บอกผมว่าจะโทรตามช่างซึ่งไม่ได้อยู่ที่โรงแรม รปภก็วิ่งขึ้นทางบันไดเพราะมีลิฟต์แค่ตัวเดียว ผมจึงรีบวิ่งตามขึ้นไป ผมวิ่งแซง รปภ ขึ้นไปถึงขั้น 7 และช่วยงัดลิฟต์ด้วยมือปล่าว จนมือลูกผมหลุดออกมาได้ มือช้ำและเป็นแผลถลอก ลูกร้องไห้ไม่หยุด "กระดูกแตก เอ็นขาด" ผุดขึ้นมาในหัว ผมจึงโทรเรียกรถตู้ของผมเองที่เช่ามาเที่ยวเชียงใหม่ ให้รีบเอารถมารอที่ทางเข้าโรงแรมทันที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีคลิปเหตุการณ์ในลิฟต์ด้วย แต่ขอเวลาอัพโหลดครับ
ขณะที่เจ้าหน้าที่โรงแรม ยังคงสนใจตรวจสอบตัวลิฟต์ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครเข้ามาดูขณะที่ผมอุ้มลูกลงมาถึงชั้นล่างและขึ้นรถไปโรงพยาบาลลานนาในเวลาไม่ถึงสิบนาที "ไม่มีโทรศัพท์หรือเจ้าหน้าที่โรงแรมตามมาที่โรงพยาบาล" "ไม่มีการทักทายหรือเข้ามาสอบถามหลังจากกลับมาถึงโรงแรม"
ผลการตรวจเบื้องต้น กระดูกนิ้วมือไม่แตก แต่มีกล้ามเนื้อภายในฉีกบวม มีแผลถลอกจากการที่ประตูลิฟต์ดึงมือให้เข้าไปติดซอกประตู
หมอให้รอดูอาการและกลับบ้านได้
"ลูกแอปเบิ้ลเมื่อหล่นพื้น ยังไงก็ต้องมีรอยช้ำ ไม่มีทาง 100% แน่นอน" มือ-กระดูกมือ-กล้ามเนื้อมือมัดใหญ่มัดเล็ก-เอ็น จะทำงานได้สมบูรณ์เมื่ออายุ 8 ขวบในขณะที่เด็กกำลังจะเจริญเติบโต แต่ถ้ามีปัจจัยมาขัดขวางพัฒนาการตามปกติ ก็ยากที่จะบอกได้ว่าจะมีผลกับพัฒนาการหรือไม่ พอจะมั่นใจได้ก็ต่อเมื่ออายุ8ขวบและใช้งานมือได้ครบทุกรูปแบบ ลองนึกถึงการกำมือ จับคอร์ดกีร์ต้า ชูสองนิ้วสู้ตาย ทำมือรูป i-love-u จีบมือรำไทย เล่นเปียนโน ใช้นิ้วพิมพ์งานคอมพิวเตอร์ จะเห็นว่ากล้ามเนื้อมือและนิ้วมีความละเอีอดอ่อนมากใช่ไหมครับ มีใครรับรองได้ว่ามันจะปกติ100% หลังถูกลิฟต์หนีบตอนอายุจะสามขวบ?????????
ผมจึงต้องขอreceptionคุยกับเจ้าของโรงแรม แต่ผู้ที่receptionให้คุยโทรศัพท์ด้วยคือผู้จัดการซึ่งตอนนั้น 19.00น อยู่ที่ลำพูน ผู้จัดการแจ้งว่าจะติดต่อบริษัทลิฟต์และผู้จัดการจะเดินทางมาในวันรุ่งขึ้น ผมจะบอกไปว่าผมจะแจ้งความ สภ.ภูพิงค์ และขอให้เข้ามาคืนนั้นเลย จึงได้เข้ามาพบกัน
แต่สุดท้ายทั้งร้อยเวร ผม และผู้จัดการซึ่งไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ บอกว่าความเสียหายให้ผมไปคุยกับประกันที่ทางโรงแรมทำไว้ แต่ก็ไม่สามารถบอกรายละเอียดชื่อและข้อตกลงรับผิดชอบของกรมธรรณ์ได้ ผมเห็นท่าไม่ได้แล้ว จึงเสนอให้ไปลงบันทึกประจำวัน โดยให้ผู้จัดการซึ่งแกก็บอกว่า แกไม่มีอำนาจในการไปลงบันทึกประจำวัน ผมก็บอกว่าท่านอ้างตัวว่าเป็นผู้จัดการมานั่งคุยแทนโรงแรมตั้งเป็นชั่วโมง ก็ให้ท่านไปในนามบุคคลว่าท่านบอกว่าท่านเป็นผู้จัดการ จึงได้ไปทำบันทึกประจำวัน เนื้อหาคือ 1.มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง 2. มีการร้องขอของผู้เสียหายถูกละเมิดให้ทางโรงแรมรับผิดชอบ 3. ทางโรงแรมโดยผู้จัดการและตัวแทนบริษัทลิฟต์รับทราบเรื่อง และผู้จัดการจะทำสิ่งที่ผมร้องขอภายในวันที่ 3 กค 56 ก่อน11.00น เพราะผมต้องบินกลับกรุงเทพประมาณ 4 โมงเย็น จึงกลับจากสถานีตำรวจและเข้านอนเกือบตีสอง
ผมเห็นท่าทางแล้วจะยาว ผมได้เบอร์เจ้าของโรงแรม ชื่อทางการของบริษัทที่เป็นเจ้าของโรงแรม และรายชื่อเจ้าของตัวจริงในคืนนั้น
ตรวจสอบแล้ว เป็นคนมีหน้ามีตาในเชียงใหม่ อยู่ในหอการค้าเชียงใหม่ด้วย
เช้าวันที่ 3 กค 56 เวลาประมาณ 7 โมงเช้า ผมต่อสายตรงถึงเจ้าของโรงแรม ท่านรับสาย ผมได้สอบถามว่าท่านทราบเรื่องหรือไม่ ท่านแจ้งว่าทราบและขอให้ติดต่อผ่านผู้จัดการ ผมแจ้งไปว่าเรื่องความรับผิดชอบ เรื่องความปลอดภัย มีปัญหาสำหรับโรงแรม และไม่พอใจกับการแก้ปัญหา ท่านระบุว่าจะให้การดูแลรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ขอโทษ และสอบถามอาการลูกสาวผม
แต่เช้าวันที่ 3 กค 56 ตั้งแต่ 8.00 น จนถึง 12.00น ไม่มีอะไรคืบหน้า ผู้จัดการนัดบริษัทประกันว่าจะยอมมาถึงที่เกิดเหตุเกือบ11.30น เกิดอุบัติเหตุ ใช้เวลาเรียกประกันเกือบ 24 ชม ผู้จัดการแจ้งว่าติดต่อตั้งแต่เมื่อวานค่ำไม่ได้ เมื่อมาถึง11.30น ตัวแทนประกันเป็นน้องพนักงานไม่ใช่ผู้จัดการ ผู้จัดการโรงแรมบอกว่า ผู้จัดการบริษัทประกันไม่ยอมมา คุยกันไปก็ไม่ได้ข้อสรุปอะไร และเริ่มจะกลายเป็นการให้ผมคุยตกลงกับประกันภัยแทนโรงแรม ผมจึงแจ้งยืนยันเหมือนเดิม "ผมพักที่โรงแรมนี้ เกิดการบาดเจ็บ ผู้ที่ต้องดูแลรับผิดชอบคือโรงแรม ไม่ใช่ 3rd party" ผมขอให้โรงแรมกลับไปคุยกับประกันและบริษัทลิฟต์ และสรุปเป็นหนังสือ ตามที่ผมร้องขอคือ "โรงพยาบาลรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด เพราะผู้เข้าพักถูกละเมิด ทำให้เกิดการบาดเจ็บขณะเข้าพักในโรงแรม โดยผู้ปกครองของเด็กเป็นผู้เลือกแพทย์,สถานพยาบาล และวิธีการรักษาเอง โดยตรวจติดตามเป็นระยะจนกว่าจะครบ8ขวบ หากพบว่ามีความผิดปกติในระหว่างอายุดังกล่าว ไม่สามารถใช้งานมือข้างซ้ายได้ตามปกติ ให้รับการรักษาจนกว่าจะหายเป็นปกติหรือเทียบเท่าปกติ" ผมจึงกลับไปสถานีตำรวจภูพิงค์ เพื่อลงประจำวันตามลำพังว่า สิ่งที่ร้องขอเมื่อวาน ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ขอขอบคุณร้อยเวรท่านที่เป็นเจ้าของเรื่องครับ ท่านให้คำแนะนำและคำปรึกษาเป็นอย่างดี
ผมจึงเดินทางกลับ ระหว่างเดินทางกลับ มีโทรศัพท์ของผู้ที่บอกว่าตนเองชื่อ พล เป็นผู้จัดการแผนกบุคคลของบริษัทเจ้าของโรงแรม ประจำที่กรุงเทพ จะเป็นผู้รับประสานงานแทนผู้จัดการโรงแรมที่เชียงใหม่ บอกว่าจะติดต่อผมเมื่อกลับในวันที่ 4 กค 56
วันที่ 4 กค 56
จนถึง 11.00 น ผมไม่ได้รับการติดต่อจากใครๆทั้งสิ้น จึงโทรไปหาเจ้าของโรงแรมอีกครั้ง ปรากฎว่าเบอร์หลักผมโทรไปไม่ติด สงสัยบล็อคเบอร์ จึงเอาอีกเบอร์โทรไป ปรากฎว่าโทรติด ผู้รับเป็นเจ้าหน้าที่ บอกผมว่าท่านเดินทางไปต่างประเทศประมาณ 1 สัปดาห์ ผมจึงฝากไปแจ้งท่าน ผมไม่พบความชัดเจนและความจริงใจในการแก้ไขปัญหา เมื่อเกิดขึ้นที่โรงแรมของท่าน ผู้ติดต่อด้วยโยนผมไปทางนั้นทีทางนี้ที ผมขอคุยกับท่านโดยตรงและไม่ขอคุยกับตัวแทนของโรงแรมท่านอีกแล้ว และขอดูpassportด้วยว่าท่านเดินทางไปต่างประเทศจริงหรือไม่
สิ่งที่ผมพบและต้องการเป็นอุทาหรณ์แก่ทุกท่านในขณะที่เรื่องยังไม่จบคือ
1. การเข้าพักในโรงแรม การจอง การเช็คอิน การจ่ายเงิน ขอให้ทำให้ละเอียดเป็นทางการ ผมใช้การจ่ายด้วยบัตรเครดิตเพื่อเป็นหลักฐานการเข้าพักจริง
2. มือถือปัจจุบัน สามารถถ่ายภาพนิ่ง ถ่ายคลิปวิดีโอได้ อย่าเสียดายเงินที่จะซื้อเมมอันใหญ่ 32GB หรือ 64 GB มีพื้นที่เหลือเยอะๆยิ่งดี เพราะคุณไม่รู้ว่าต้องใช้ในยามฉุกเฉินเมื่อใด แบตเตอรี่ ชาร์ตให้เต็มเสมอ
3. เมื่อเดินเข้าโรงแรม สำรวจรายละเอียดเรื่องความปลอดภัย ตัวลิฟต์ ห้อง ห้องน้ำต่างๆ โทรศัพท์ภายในห้องพักใช้ได้หรือไม่ โทรreception เบอร์อะไร ลองโทรไปดูว่าติดต่อได้หรือไม่ และอื่นๆ
สิ่งที่ผมพบข้อบกพร่องของที่โรงแรมที่เชียงใหม่แห่งนี้คือ
1. การออกแบบเพื่อความปลอดภัย ลิฟต์แก้วตัวดังกล่าว มีซอกด้านข้าง สามารถหนีบมือเด็กเล็กๆได้ ไม่มีป้ายเตือนห้ามจับ ขณะยืนรอลิฟต์
ผู้จัดการเถียงกับผมว่า มีป้ายแจ้งว่าห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีใช้ลิฟต์ตามลำพัง ผมกลับไปดูและถ่ายทั้งคลิปทั้งภาพนิ่ง พบว่าฝั่งภายนอกที่ยืนรอลิฟต์ มิได้มีคำเตื่อน หรือ สัญลักษณ์เตือนเรื่องความปลอดภัยแม่แต่ชั้นเดียว มีเฉพาะภายในเป็นป้ายเล็กๆแอบอยู่ทางขวา อยู่สูง ตัวหนังสือเล็กมากๆ ต้องสังเกตจริงๆ หรือ บอกว่ามีให้มาหาดู ถึงจะมองเห็นครับ ผมเข้าใจว่าเพราะลิฟต์ตัวเล็ก และต้องการความสวยงามและติดป้ายสำหรับโฆษณาเป็นหลัก ป้ายอันนี้ จึงเล็กและบีบให้ตัวอักษรเล็กตามไปด้วย ผมมีรูปตัวอักษรเทียบกับขนาดปุ่มกดลิฟต์ให้ดูครับไว้ลงให้อีกที ที่สำคัญห้ามเด็กใช้ลิฟต์ตามลำพังและห้ามพิงมีแต่ภายใน ภายนอกไม่มีแปลว่าเข้ามาใช้ถึงจะเห็นว่าห้ามใช้ สับสนนะครับ และกรณีผม ผู้ปกครองอยู่ด้วยและอยู่ภายนอกกำลังรอลิฟต์ ดูคลิปแล้วจะเข้าใจมากขึ้น จะปัดความรับผิดชอบให้เป็นความผิดของผู้เข้าพักเหรอ?
2. มาตรการความปลอดภัย ภายในห้องไม่มีป้ายแสดงเส้นทางหนีไฟว่า จากห้องที่พัก ถ้าจะหนีไฟจะไปทางไหน
3. มาตรการความปลอดภัย การติดต่อขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุ โทรศัพท์ในห้องพัก ไม่มีคำอธิบายว่า กด"0" ติดต่อไปไหน กด"1" ติดต่อไปไหน แฟนผมมีสติพอ และเดาด้วย common sense ว่าควรกดศูนย์ แต่ก็ไม่มีคนรับสาย มาคุยกันทีหลัง ผมก็บอกว่ากดถูกแล้ว เพราะผมกดไปถามนั่นนี่ก่อนหน้านั้น มีคนรับสาย แต่การไม่มีคนรับ ก็ทำให้แฟนผมเข้าใจผิดได้ว่า กดไม่ถูก
4. มาตรการความปลอดภัย ลิฟต์มีเพียงปุ่มกดกรุ่งขอความช่วยเหลือ ไม่มีปุ่มหยุดลิฟต์แบบ emergency เมื่อแฟนผมกด มันดังลงมาที่ชั้น 1หน้าลิฟต์ แต่กว่าที่เจ้าหน้าที่จะ response มันช้ากว่า แฟนผมกดโทรศัพท์มือถือมาหาผมจนผมรับสายขณะที่อยู่ที่receptionซึ่งก็อยู่ติดกับลิฟต์ตัวนั้น กลับเป็นผมเองที่รับโทรศัพท์เสร็จและบอกเจ้าหน้าที่ว่าเด็กถูกลิฟต์หนีบ จึงได้เริ่ม take action เจ้าหน้าที่ไม่ได้ซ้อมรับมืออุบัติเหตุแน่นอน เพราะresponseแรกที่บอกผมคือ จะโทรตามช่าง เพราะไม่มีช่างอยู่ประจำ
5. มาตรการความปลอดภัย รปภ ท่านเดียวที่อยู่นอกโรงแรมคอยโบกรถหรือดูทั่วไป เข้ามาที่reception และวิ่งขึ้นทางบันได ซึ่งผมก็เพิ่งรู้ว่าตรงนี้คือบันได เพราะใช้สีเทาเพื่อพลางตาเพื่อความสวยงาม แต่ไม่มีไฟส่องใดๆ ถ้าเกิดเหตุเพลิงไหม้ คนจะหนีลงมาจะหาทางเจอไหม วิ่งตามขึ้นไป ผมเลยวิ่งแซงรปภ ทั้งที่วัยผม 40 พอดี เพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันเกิดผม ทั้งๆที่ผมสะพายเป้อีกอัน ผมเข้าถึงลูกผมก่อนที่ความช่วยเหลือใดๆจากทางโรงแรมจะได้เริ่มต้น รวมเวลาทั้งสิ้นประมาณ 4 นาทีนับตั้งแต่ลิฟต์หนีบมือ
6. น้องๆที่เป็นพนักงานไปกับผมอีก 3 คน พักที่ห้อง 407 เล่าให้ฟังว่า ถามพนักงานว่าเกิดอะไรขึ้น พนักงานบอกว่าลิฟต์หนีบมือเด็กแบบประตูลิฟต์ปิดเข้ามาตรงกลาง พองับแล้วเซ็นเซอร์ก็สั่งให้เปิดออก เหมือนงับแล้วปล่อย ไม่เห็นต้องมากเรื่องพาไปโรงพยาบาลเลย กลายเป็นแขกเรื่องมากอีกต่างหาก ผมจึงไม่แปลกใจที่ไม่มีการออกมาดู ขณะที่ผมอุ้มลูกมาที่รถ"ของผมเอง" ไม่ใช่รถโรงแรม ไม่มีการโทรตามหรือส่งคนตามมาที่โรงพยาบาล จนกระทั้งผมต้องขอคุยกับผู้รับผิดชอบ จึงได้เริ่มบอกปัญหากัน แล้วถ้าผมไม่ได้เช่ารถตู้ไว้หละ กว่าจะตามรถตู้โรงแรมได้คงอีกนาน เผลอๆอาจต้องอุ้มลูกวิ่งไปถนนใหญ่โบกรถแดงไปส่งโรงพยาบาล