ชีวิตการทำงานของผมในแต่ละวัน บางครั้งต้องใช้คำว่า “พยายาม” กับเหตุการณ์เฉพาะหน้า ซึ่งคาดเดาไม่ได้เลย
ว่าวันนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น
“ลูกค้า” สำคัญมากต่อทุกอาชีพ ส่วน “ลูกน้อง” ก็ไม่น้อยไปกว่ากันเลย ดูเหมือนความต้องการของลูกค้ากับลูกน้อง
มักสวนทางกันเสมอ แต่ก็ไม่แน่เสมอไป เมื่อเจอบางเหตุการณ์ ที่ต่างก็แบ่งรับแบ่งสู้ด้วยความเข้าอกเข้าใจกันอย่างดี
โดยปราศจาก “เจ้าของ” ผู้ต้องอยู่ตรงกลาง ดังเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ ที่เกิดขึ้นภายในอู่ซ่อมรถของผม
“พี่แป๊ะ” เป็นลูกค้าประจำของที่อู่ เนื่องจากนำรถมาซ่อมหลายครั้งทั้งของตนเอง และเพื่อนฝูงที่แนะนำมา ทุกครั้ง
ที่นำรถเข้ามาจอด แกต้องมีอะไรติดไม้ติดมือมาฝากผมและพนักงานในอู่เสมอ สำหรับครั้งนี้ก็เช่นกัน
“เฮียริน ออกมานี่หน่อยเร็ว!! ”
พี่แป๊ะแง้มประตูออฟฟิตเข้ามาพอให้เห็นหน้าตาที่เลิกลั่ก พร้อมกวักมือเรียกผม แลดูตื่นเต้นเอาการ
แต่ก็สามารถทำให้ผมรีบลุกผละจากงานที่ทำอยู่ เพื่อเดินไปพบแกได้ทันที
“คราวที่แล้วซ่อมรถออกไป พวกชมกันตรึมเลย วันนี้น้องเขยผมจะเอารถมาตีราคา ฝากดูแลหน่อยนะ”
พี่แป๊ะเล่าพร้อมกับฝากงานขณะที่ยังเดินนำหน้าผมอย่างเร่งรีบเพื่อไปยังรถของแก เมื่อไปถึงตัวรถ
ผมเห็น “หมู” ตัวเขื่องส่งเสียงร้องดังลั่น และวิ่งวนด้วยอาการตื่นกลัวอยู่บนกะบะหลังรถ
“ฮ่า ฮ่า โตขนาดนี้ถูกใจไหม นี่ผมคัดมากับมือเลยนะ เพื่อเฮียโดยเฉพาะ”
พี่แป๊ะหัวเราะอวดเจ้าหมูสีชมพูเสียงดัง แล้วจึงเดินอ้อมไปเปิดประตูหน้ารถเพื่อหยิบผ้าผืนใหญ่
และวกกลับมาท้ายรถ กระโดดขึ้นไปบนกะบะด้วยท่าทางทะมัดทะแมง นำผ้าครอบบนมือและ
กางแขนทั้งสองข้างออกเพื่อจะจับเจ้าหมูตัวนั้น ชั่วเวลาไม่เกินอึดใจ แกตะครุบหมูเอาไว้ได้
ส่วนเจ้าหมูก็ทั้งดิ้นและร้อง แกทั้งกอดทั้งปล้ำหวังจะให้มันอยู่นิ่งๆ แต่ดูท่าทางจะไม่ได้ผล แกจึงตะโกนบอกผม
“เฮีย! สงสัยต้องเรียกลูกน้องมาช่วยกันหน่อยแล้ว”
“โอ พี่แป๊ะ! อย่าบอกนะ ว่าจะจับหมูตัวนี้ให้ผม”
ผมร้องเสียงหลง หลังจากที่ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าแกต้องจับมันให้ผมแน่นอน
“ก็ใช่น่ะสิ! พวกกันอย่าคิดอะไรมาก เอ..ไม่ไหว จับคนเดียวไม่ได้ เฮียช่วยตามลูกน้องให้ผมคนนะ”
พี่แป๊ะมีท่าทางที่เอาจริงเอาจังมาก หากผมปฏิเสธน้ำใจแกในทันทีดูจะไม่ง่ายเสียแล้ว สิ่งแรกที่พอจะคิดออก
คือให้แกลงมาจากรถก่อน เพราะเจ้าหมูยังคงส่งเสียงร้องไม่หยุด แถมดิ้นจนหลุดมือแล้วก็วิ่งวนลนลาน
แรงกระแทกจากกีบเท้าของมันปะทะกับพื้นกะบะเหล็ก ทำให้เสียงดังหนวกหูเพิ่มขึ้นอีกมากทีเดียว
“พี่แป๊ะ ช่วยลงจากรถมาคุยกันก่อน เรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยว่ากัน”
พี่แป๊ะลังเลแลดูเงอะงะเล็กน้อย แต่ก็ยอมกระโดดลงจากรถและเดินอ้อมมาหาผม จากนั้นผมก็ค่อยๆ
เดินนำหน้าแกมาที่โต๊ะม้าหิน เรียกแม่บ้านนำน้ำมาต้อนรับ หากแต่ท่าทางของแก ยังคงกังวลกับเจ้าหมูตัวนั้น
เพราะสายตาของแกยังคงเหลือบมองไปทางเจ้าหมูเป็นระยะ
“รถน้องเขยพี่แป๊ะจะมาเมื่อไหร่ครับ ?” ผมสร้างคำถามขึ้นด้วยความตั้งใจ เพื่อเบี่ยงเบนเรื่องไปทางอื่น
“วันนี้ น่าจะบ่ายแก่ๆนะ .. เฮีย! ตามลูกน้องให้ผมก่อนดีกว่า” แกวกกลับมาเรื่องเดิมอีกจนได้
“ผมต้องขอโทษพี่แป๊ะด้วยนะครับ คือผมจะบอกว่า .. ผมไม่ฆ่าสัตว์น่ะครับ”
ผมตัดสินใจกล่าวคำนี้ออกไป เพราะสถานการณ์ท่าจะบังคับผมแล้ว ผมเห็นสีหน้าแกเจื่อนลงเล็กน้อย
แต่ความตั้งใจของแกยังคงมีมากกว่า
“โอ้ย! เรื่องเล็กแค่นี้เอง เดี๋ยวผมจัดการให้ เฮียบอกลูกน้องต้มน้ำเลย เอาหม้อใหญ่หน่อย”
ผมส่ายหน้าทันที พร้อมกับโบกมือปฏิเสธ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างเด่นชัด
“ขอบคุณมากครับ แต่คราวนี้ผมขอนะครับ ผมไม่อยากให้ฆ่ามันเลย”
แกส่ายหน้าและโบกไม้โบกมือทันทีเช่นกัน
“เฮยย .. อย่าคิดมาก ผมตั้งใจแล้วนะ
ขอ เขอ อะไรกัน เสียน้ำใจหมด”
ด้วยน้ำเสียงที่ดังหนักแน่นขึ้นในประโยคหลัง พร้อมกับลุกขึ้นพรวดพราดเดินเข้าไปในอู่ และกวักมือเรียกช่างในอู่
ให้เดินตามแกไปที่รถทันที พอจะทำให้ผมทราบว่า แกไม่ละความตั้งใจแล้วแน่นอน
โดยปกติ ผมเป็นคนที่สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ เรื่องทำบุญทำทานก็มิได้ขาด ดังนั้น เรื่องที่พี่แป๊ะกำลังแสดงน้ำใจอยู่นี้
จึงสร้างความลำบากใจให้แก่ผมเป็นอย่างมาก
ความจริงผมก็แอบซาบซึ้งในน้ำใจที่พี่แป๊ะมอบให้ เพราะเท่าที่ทราบ หมูตัวขนาดนี้ กว่าจะนำขึ้นรถและบรรทุกมาถึงที่นี่
ไม่ง่ายเลย อีกทั้งสนนราคา ก็คงมิใช่ถูกๆ แกคงตั้งใจให้พวกเราแบ่งกันอย่างทั่วถึงเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไร
ผมก็เชื่อมั่นว่าการทัดทานเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพียงแต่ยังกระทำไม่สำเร็จลุล่วงเท่านั้นเอง
ผมเดินเข้าไปในอู่อย่างช้าๆ ทำทีเหมือนเข้าไปตรวจงานและสั่งงานปกติ แต่ความจริงแล้ว ผมตั้งใจเข้าไปหาหัวหน้าช่าง
ที่ชื่อ “เอก” เพื่อขอความช่วยเหลือบางอย่าง
“ช่างเอก ลูกค้าเรียกเจ้าพงษ์ไปช่วยจับหมูน่ะ เห็นว่าจะให้หมูเป็นๆ พร้อมทำให้เบ็ดเสร็จเลย เฮียปฏิเสธไปแล้ว
แต่แกไม่ยอม เราจะเอาอย่างไรดี ช่วยเฮียคิดหน่อยสิ”
“หรือครับ! เฮียไม่อยากให้ฆ่ามันใช่ไหม! อืม เอาอย่างไรดีล่ะ แต่เสียน้ำใจเหมือนกันนะเฮีย ถ้าเป็นแถวบ้านผมนะ
ให้หมูมาแบบนี้ เป็นงานเลยนา”
ผมสังเกตเห็นช่างเอกมีอาการอิหลักอิเหลื่อชอบกล เหมือนไม่เห็นด้วยกับความคิดของผม คำสั่งที่เด็ดขาดจึงเกิดขึ้น
“เอาเถอะ! ช่างเอกเดินไปบอกลูกค้าให้เฮียหน่อย ว่าเฮียไม่ต้องการให้ฆ่ามัน ให้แกนำกลับไป
เมื่อตะกี้เฮียบอกไปครั้งหนึ่งแล้ว กลัวแกจะโกรธ ช่างเอกหาวิธีหน่อยละกันนะ เพื่อให้แกเอากลับให้ได้
เดี๋ยวเฮียขอเลี่ยงเข้าออฟฟิตก่อน”
“โอเค ผมจะลองดู”
ช่างเอกรับปากด้วยท่าทางที่หนักแน่น หันไปเก็บเครื่องมือที่ถืออยู่เข้ากล่อง และเดินไปหาลูกค้าคือพี่แป๊ะ
ซึ่งกำลังทำไม้ทำมือ ง่วนอยู่กับการกำกับตำแหน่งเพื่อดักจับเจ้าหมูที่กำลังวิ่งสู้ฟัดสุดกำลัง
ส่วนผมก็กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน แต่อดไม่ได้ที่จะลอบมองเหตุการณ์ผ่านกระจกประตู ผมเห็นพี่แป๊ะกำลังคุยกับช่างเอก
โดยมีเจ้าพงษ์ยืนรออยู่บนกะบะรถ การสนทนาผ่านไปสิบกว่านาที ที่สุดผมก็ต้องโล่งใจที่เห็นคนของผมทั้งสองคน
เดินกลับเข้ามาที่อู่ ส่วนพี่แป๊ะก็ยุติการจับหมู และขับรถถอยออกจากอู่กลับไป
....
อีกสองวันถัดมา ผมเดินไปสั่งงานลูกน้องที่หลังอู่ ได้ยินเสียงแม่บ้านคุยกับช่างแถวนั้นว่า
“แหม วันนี้แดดดีเชียว เดี๋ยวเอาหมูมาตากอีกสักวันดีกว่า”
สักพักผมเห็นเธอถือกระด้งใบใหญ่ โดยมีเนื้อหมูชิ้นเล็กๆสีแดงคล้ำๆจำนวนมากเรียงกันแน่นเอียดอยู่ข้างใน
เธอเอามันมาตากแดด ผมฉุกคิดอะไรได้เล็กน้อย จึงตัดสินใจเรียกเธอมาถามถึงที่มาที่ไปของหมูในกระด้งใบนั้น
“อ้าว นี่ยังไม่มีใครบอกเฮียหรือ! ก็หมูตัวนั้นล่ะ! ช่างเอกเล่าให้ฟังว่าลูกค้าไม่ยอมเอากลับเลยต้องหาที่ให้แกทำหมู
ก็ไปได้ตรงหลังซอยโน่น วันก่อนฉันก็คิดว่าแกคงขับรถกลับบ้านไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ แกอุตส่าห์ขับรถวนอ้อม
เข้าไปในซอยด้านหลังซะงั้น”
ผมได้ยินเช่นนั้น ความเศร้าสลดใจระคนกับความรู้สึกที่หลากหลายประดังเข้ามาในจิตสำนึก ผมยังคงยืนนิ่ง
ทอดสายตาตามหลังแม่บ้านที่กำลังขะมักเขม้นปีนป่ายที่สูงเพื่อวางกระด้ง ระหว่างที่จัดเรียงชิ้นเนื้อเหล่านั้น
เธอก็หันมาเห็นผมยังคงมีอาการไม่สู้ดีนักบนใบหน้า จนเธออดที่จะกล่าวอะไรออกมาไม่ได้
“เฮ้อ! เฮียอย่าไปคิดอะไรมากเลย เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากฟังคำปลอบใจของเธอ และก้าวเท้าจะเดินกลับ แต่ก็มิวายต้องใจหายอีกครั้ง
กับคำปลอบใจประโยคสุดท้ายของเธอไม่ได้
“เฮียหนอเฮีย เตะหมูเข้าปาก สุนัข ! พอดีเลย”
(จบค่ะ) ................
ขาดตกบกพร่อง ต้องขออภัย ณ ที่นี้
และขอความรบกวนเพื่อนๆ ช่วยแนะนำเช่นเคยนะคะ
ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจตลอดมา รักทุกคนเลยค่ะ
เครดิต: ภาพจากอินเตอร์เน็ต
เรื่องเล่าจากเฮียริน .. "เสียน้ำใจ"
ชีวิตการทำงานของผมในแต่ละวัน บางครั้งต้องใช้คำว่า “พยายาม” กับเหตุการณ์เฉพาะหน้า ซึ่งคาดเดาไม่ได้เลย
ว่าวันนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น
“ลูกค้า” สำคัญมากต่อทุกอาชีพ ส่วน “ลูกน้อง” ก็ไม่น้อยไปกว่ากันเลย ดูเหมือนความต้องการของลูกค้ากับลูกน้อง
มักสวนทางกันเสมอ แต่ก็ไม่แน่เสมอไป เมื่อเจอบางเหตุการณ์ ที่ต่างก็แบ่งรับแบ่งสู้ด้วยความเข้าอกเข้าใจกันอย่างดี
โดยปราศจาก “เจ้าของ” ผู้ต้องอยู่ตรงกลาง ดังเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ ที่เกิดขึ้นภายในอู่ซ่อมรถของผม
“พี่แป๊ะ” เป็นลูกค้าประจำของที่อู่ เนื่องจากนำรถมาซ่อมหลายครั้งทั้งของตนเอง และเพื่อนฝูงที่แนะนำมา ทุกครั้ง
ที่นำรถเข้ามาจอด แกต้องมีอะไรติดไม้ติดมือมาฝากผมและพนักงานในอู่เสมอ สำหรับครั้งนี้ก็เช่นกัน
“เฮียริน ออกมานี่หน่อยเร็ว!! ”
พี่แป๊ะแง้มประตูออฟฟิตเข้ามาพอให้เห็นหน้าตาที่เลิกลั่ก พร้อมกวักมือเรียกผม แลดูตื่นเต้นเอาการ
แต่ก็สามารถทำให้ผมรีบลุกผละจากงานที่ทำอยู่ เพื่อเดินไปพบแกได้ทันที
“คราวที่แล้วซ่อมรถออกไป พวกชมกันตรึมเลย วันนี้น้องเขยผมจะเอารถมาตีราคา ฝากดูแลหน่อยนะ”
พี่แป๊ะเล่าพร้อมกับฝากงานขณะที่ยังเดินนำหน้าผมอย่างเร่งรีบเพื่อไปยังรถของแก เมื่อไปถึงตัวรถ
ผมเห็น “หมู” ตัวเขื่องส่งเสียงร้องดังลั่น และวิ่งวนด้วยอาการตื่นกลัวอยู่บนกะบะหลังรถ
“ฮ่า ฮ่า โตขนาดนี้ถูกใจไหม นี่ผมคัดมากับมือเลยนะ เพื่อเฮียโดยเฉพาะ”
พี่แป๊ะหัวเราะอวดเจ้าหมูสีชมพูเสียงดัง แล้วจึงเดินอ้อมไปเปิดประตูหน้ารถเพื่อหยิบผ้าผืนใหญ่
และวกกลับมาท้ายรถ กระโดดขึ้นไปบนกะบะด้วยท่าทางทะมัดทะแมง นำผ้าครอบบนมือและ
กางแขนทั้งสองข้างออกเพื่อจะจับเจ้าหมูตัวนั้น ชั่วเวลาไม่เกินอึดใจ แกตะครุบหมูเอาไว้ได้
ส่วนเจ้าหมูก็ทั้งดิ้นและร้อง แกทั้งกอดทั้งปล้ำหวังจะให้มันอยู่นิ่งๆ แต่ดูท่าทางจะไม่ได้ผล แกจึงตะโกนบอกผม
“เฮีย! สงสัยต้องเรียกลูกน้องมาช่วยกันหน่อยแล้ว”
“โอ พี่แป๊ะ! อย่าบอกนะ ว่าจะจับหมูตัวนี้ให้ผม”
ผมร้องเสียงหลง หลังจากที่ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าแกต้องจับมันให้ผมแน่นอน
“ก็ใช่น่ะสิ! พวกกันอย่าคิดอะไรมาก เอ..ไม่ไหว จับคนเดียวไม่ได้ เฮียช่วยตามลูกน้องให้ผมคนนะ”
พี่แป๊ะมีท่าทางที่เอาจริงเอาจังมาก หากผมปฏิเสธน้ำใจแกในทันทีดูจะไม่ง่ายเสียแล้ว สิ่งแรกที่พอจะคิดออก
คือให้แกลงมาจากรถก่อน เพราะเจ้าหมูยังคงส่งเสียงร้องไม่หยุด แถมดิ้นจนหลุดมือแล้วก็วิ่งวนลนลาน
แรงกระแทกจากกีบเท้าของมันปะทะกับพื้นกะบะเหล็ก ทำให้เสียงดังหนวกหูเพิ่มขึ้นอีกมากทีเดียว
“พี่แป๊ะ ช่วยลงจากรถมาคุยกันก่อน เรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยว่ากัน”
พี่แป๊ะลังเลแลดูเงอะงะเล็กน้อย แต่ก็ยอมกระโดดลงจากรถและเดินอ้อมมาหาผม จากนั้นผมก็ค่อยๆ
เดินนำหน้าแกมาที่โต๊ะม้าหิน เรียกแม่บ้านนำน้ำมาต้อนรับ หากแต่ท่าทางของแก ยังคงกังวลกับเจ้าหมูตัวนั้น
เพราะสายตาของแกยังคงเหลือบมองไปทางเจ้าหมูเป็นระยะ
“รถน้องเขยพี่แป๊ะจะมาเมื่อไหร่ครับ ?” ผมสร้างคำถามขึ้นด้วยความตั้งใจ เพื่อเบี่ยงเบนเรื่องไปทางอื่น
“วันนี้ น่าจะบ่ายแก่ๆนะ .. เฮีย! ตามลูกน้องให้ผมก่อนดีกว่า” แกวกกลับมาเรื่องเดิมอีกจนได้
“ผมต้องขอโทษพี่แป๊ะด้วยนะครับ คือผมจะบอกว่า .. ผมไม่ฆ่าสัตว์น่ะครับ”
ผมตัดสินใจกล่าวคำนี้ออกไป เพราะสถานการณ์ท่าจะบังคับผมแล้ว ผมเห็นสีหน้าแกเจื่อนลงเล็กน้อย
แต่ความตั้งใจของแกยังคงมีมากกว่า
“โอ้ย! เรื่องเล็กแค่นี้เอง เดี๋ยวผมจัดการให้ เฮียบอกลูกน้องต้มน้ำเลย เอาหม้อใหญ่หน่อย”
ผมส่ายหน้าทันที พร้อมกับโบกมือปฏิเสธ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างเด่นชัด
“ขอบคุณมากครับ แต่คราวนี้ผมขอนะครับ ผมไม่อยากให้ฆ่ามันเลย”
แกส่ายหน้าและโบกไม้โบกมือทันทีเช่นกัน
“เฮยย .. อย่าคิดมาก ผมตั้งใจแล้วนะ ขอ เขอ อะไรกัน เสียน้ำใจหมด”
ด้วยน้ำเสียงที่ดังหนักแน่นขึ้นในประโยคหลัง พร้อมกับลุกขึ้นพรวดพราดเดินเข้าไปในอู่ และกวักมือเรียกช่างในอู่
ให้เดินตามแกไปที่รถทันที พอจะทำให้ผมทราบว่า แกไม่ละความตั้งใจแล้วแน่นอน
โดยปกติ ผมเป็นคนที่สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ เรื่องทำบุญทำทานก็มิได้ขาด ดังนั้น เรื่องที่พี่แป๊ะกำลังแสดงน้ำใจอยู่นี้
จึงสร้างความลำบากใจให้แก่ผมเป็นอย่างมาก
ความจริงผมก็แอบซาบซึ้งในน้ำใจที่พี่แป๊ะมอบให้ เพราะเท่าที่ทราบ หมูตัวขนาดนี้ กว่าจะนำขึ้นรถและบรรทุกมาถึงที่นี่
ไม่ง่ายเลย อีกทั้งสนนราคา ก็คงมิใช่ถูกๆ แกคงตั้งใจให้พวกเราแบ่งกันอย่างทั่วถึงเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไร
ผมก็เชื่อมั่นว่าการทัดทานเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพียงแต่ยังกระทำไม่สำเร็จลุล่วงเท่านั้นเอง
ผมเดินเข้าไปในอู่อย่างช้าๆ ทำทีเหมือนเข้าไปตรวจงานและสั่งงานปกติ แต่ความจริงแล้ว ผมตั้งใจเข้าไปหาหัวหน้าช่าง
ที่ชื่อ “เอก” เพื่อขอความช่วยเหลือบางอย่าง
“ช่างเอก ลูกค้าเรียกเจ้าพงษ์ไปช่วยจับหมูน่ะ เห็นว่าจะให้หมูเป็นๆ พร้อมทำให้เบ็ดเสร็จเลย เฮียปฏิเสธไปแล้ว
แต่แกไม่ยอม เราจะเอาอย่างไรดี ช่วยเฮียคิดหน่อยสิ”
“หรือครับ! เฮียไม่อยากให้ฆ่ามันใช่ไหม! อืม เอาอย่างไรดีล่ะ แต่เสียน้ำใจเหมือนกันนะเฮีย ถ้าเป็นแถวบ้านผมนะ
ให้หมูมาแบบนี้ เป็นงานเลยนา”
ผมสังเกตเห็นช่างเอกมีอาการอิหลักอิเหลื่อชอบกล เหมือนไม่เห็นด้วยกับความคิดของผม คำสั่งที่เด็ดขาดจึงเกิดขึ้น
“เอาเถอะ! ช่างเอกเดินไปบอกลูกค้าให้เฮียหน่อย ว่าเฮียไม่ต้องการให้ฆ่ามัน ให้แกนำกลับไป
เมื่อตะกี้เฮียบอกไปครั้งหนึ่งแล้ว กลัวแกจะโกรธ ช่างเอกหาวิธีหน่อยละกันนะ เพื่อให้แกเอากลับให้ได้
เดี๋ยวเฮียขอเลี่ยงเข้าออฟฟิตก่อน”
“โอเค ผมจะลองดู”
ช่างเอกรับปากด้วยท่าทางที่หนักแน่น หันไปเก็บเครื่องมือที่ถืออยู่เข้ากล่อง และเดินไปหาลูกค้าคือพี่แป๊ะ
ซึ่งกำลังทำไม้ทำมือ ง่วนอยู่กับการกำกับตำแหน่งเพื่อดักจับเจ้าหมูที่กำลังวิ่งสู้ฟัดสุดกำลัง
ส่วนผมก็กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน แต่อดไม่ได้ที่จะลอบมองเหตุการณ์ผ่านกระจกประตู ผมเห็นพี่แป๊ะกำลังคุยกับช่างเอก
โดยมีเจ้าพงษ์ยืนรออยู่บนกะบะรถ การสนทนาผ่านไปสิบกว่านาที ที่สุดผมก็ต้องโล่งใจที่เห็นคนของผมทั้งสองคน
เดินกลับเข้ามาที่อู่ ส่วนพี่แป๊ะก็ยุติการจับหมู และขับรถถอยออกจากอู่กลับไป
....
อีกสองวันถัดมา ผมเดินไปสั่งงานลูกน้องที่หลังอู่ ได้ยินเสียงแม่บ้านคุยกับช่างแถวนั้นว่า
“แหม วันนี้แดดดีเชียว เดี๋ยวเอาหมูมาตากอีกสักวันดีกว่า”
สักพักผมเห็นเธอถือกระด้งใบใหญ่ โดยมีเนื้อหมูชิ้นเล็กๆสีแดงคล้ำๆจำนวนมากเรียงกันแน่นเอียดอยู่ข้างใน
เธอเอามันมาตากแดด ผมฉุกคิดอะไรได้เล็กน้อย จึงตัดสินใจเรียกเธอมาถามถึงที่มาที่ไปของหมูในกระด้งใบนั้น
“อ้าว นี่ยังไม่มีใครบอกเฮียหรือ! ก็หมูตัวนั้นล่ะ! ช่างเอกเล่าให้ฟังว่าลูกค้าไม่ยอมเอากลับเลยต้องหาที่ให้แกทำหมู
ก็ไปได้ตรงหลังซอยโน่น วันก่อนฉันก็คิดว่าแกคงขับรถกลับบ้านไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ แกอุตส่าห์ขับรถวนอ้อม
เข้าไปในซอยด้านหลังซะงั้น”
ผมได้ยินเช่นนั้น ความเศร้าสลดใจระคนกับความรู้สึกที่หลากหลายประดังเข้ามาในจิตสำนึก ผมยังคงยืนนิ่ง
ทอดสายตาตามหลังแม่บ้านที่กำลังขะมักเขม้นปีนป่ายที่สูงเพื่อวางกระด้ง ระหว่างที่จัดเรียงชิ้นเนื้อเหล่านั้น
เธอก็หันมาเห็นผมยังคงมีอาการไม่สู้ดีนักบนใบหน้า จนเธออดที่จะกล่าวอะไรออกมาไม่ได้
“เฮ้อ! เฮียอย่าไปคิดอะไรมากเลย เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากฟังคำปลอบใจของเธอ และก้าวเท้าจะเดินกลับ แต่ก็มิวายต้องใจหายอีกครั้ง
กับคำปลอบใจประโยคสุดท้ายของเธอไม่ได้
“เฮียหนอเฮีย เตะหมูเข้าปาก สุนัข ! พอดีเลย”
(จบค่ะ) ................
ขาดตกบกพร่อง ต้องขออภัย ณ ที่นี้
และขอความรบกวนเพื่อนๆ ช่วยแนะนำเช่นเคยนะคะ
ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจตลอดมา รักทุกคนเลยค่ะ
เครดิต: ภาพจากอินเตอร์เน็ต