พวกมิจฉาทิฐิ จะวนเวียน แถกแถ ไปใย

ถ้าพวกเม็ดมะขาม มันจะไม่ "หน้าด้าน" อย่างถึงที่สุดแล้ว กระทู้นี้ คงไม่เกิดขึ้นหรอกนะครับ
แต่ทั้งๆ ที่หลักฐานช้อความของพวกมันเอง ก็ชัดเจนมากถึงขนาดนั้นแล้ว
แต่มันยังอุตส่าห์ แถกแถ อย่างหน้าด้านๆ ว่าผู้อื่นเข้าใจผิดความหมาย & ผิดประเด็น ไปเสียได้ !







ก่อนอื่น ท่านทั้งหลายควรทราบว่า อะไรคือพื้นฐานทางความคิดของพวกเม็ดมะขาม ก่อนที่มันจะเขียนข้อความอัปยศนั้นขึ้นมา
การที่นางคนนี้ เขียนข้อความ "เสียดสี" โดยมีความมุ่งหมาย จะกล่าวปรามาสท่านพุทธทาสว่าเป็นมิจฉาทิฐิ
ก็เพราะ คนเหล่านี้ มีความเชื่อมาก่อน(โดยปราศจากการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ)แล้วว่า ท่านพุทธทาส เป็นพวก อุจเฉทวาท
ซึ่งนับเป็นพฤติกรรม ที่ไม่แตกต่างไปจากพวก มิจฉาทิฐิ เมื่อสมัยพุทธกาล ที่มักกล่าวตู่ใส่ร้ายพระพุทธเจ้า เลยแม้แต่น้อย !



และเพราะเข้าใจผิดไปว่า ท่านพุทธทาสเป็นอุจเฉทวาท มันจึงได้เขียนข้อความโง่ๆ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นขึ้นมา
โดยเข้าใจผิด(ซ้ำ)ไปอีกว่า พวกอุจเฉททิฐิ ไม่มีความเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพชาติ(แบบตายเข้าโลง)
ซึ่งพอมีผู้ยกหลักฐานชั้นพระไตรปิฎก มาแสดงให้เห็นว่า มิใช่มีแต่พวกสัสสตทิฐิเท่านั้น ที่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
ข้ามภพข้ามชาติ(แบบตายเข้าโลง) เพราะในความจริงแล้ว แม้แต่พวกอุจเฉททิฐิ เขาก็มีความเชื่อแบบนี้เช่นกัน
ซึ่งจากหลักฐานนี้เอง ที่ทำให้นางนั่นและพวก หงายเงิบ ในบัดดล

หรือมิใช่ ?



ดังนั้น ประเด็นปัญหาขั้นพื้นฐานที่ผมทวงถาม แต่ไร้ซึ่งคำตอบ(ที่ตรงกับคำถาม) ก็คือ
ในเมื่อปรากฏหลักฐานอย่างชัดแจ้งว่า ทั้งพวกสัสสตทิฐิ และ อุจเฉททิฐิ ซึ่งเป็นแนวคิดสุดโต่ง ๒ ข้าง
ต่างก็มีความเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติ(แบบตายเข้าโลง)
แล้วจะให้ท่านพุทธทาส หรือชาวพุทธฝ่ายสัมมาทิฐิทั้งหลาย กล่าวว่า
ความเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติ(แบบตายเข้าโลง) เป็นสัมมาทิฐิ ไปได้อย่างไร ?

อุปมาได้เช่นว่า ....................

พวกอัญเดียรถีย์ฝ่ายสัสสตทิฐิ มีความเห็นว่า พระพุทธเจ้า เป็นพวกมิจฉาทิฐิ(อุจเฉททิฐิ)
พวกอัญเดียรถีย์ฝ่ายอุจเฉททิฐิ ก็มีความเห็นว่า พระพุทธเจ้า เป็นพวกมิจฉาทิฐิ(สัสสตทิฐิ) เช่นกัน
แต่กระนั้นก็ตาม มันย่อมเป็นไปไม่ได้เลย ที่พวกเม็ดมะขามจะคาดหวังได้ว่า ท่านพุทธทาส หรือชาวพุทธฝ่ายสัมมาทิฐิทั้งหลาย
จะรับรองว่า "ความเชื่อ" หรือ คำกล่าว ของพวกอัญเดียรถีย์เหล่านั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องไปได้ !



ฉันใด ก็ฉันนั้น นะครับ มันเป็นไปไม่ได้เช่นกัน ที่จะให้ท่านพุทธทาส กล่าวรับรองว่า
ความเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติ(แบบตายเข้าโลง) เป็นสัมมาทิฐิ
ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า พวกอัญเดียรถีย์สุดโต่งทั้ง ๒ ฝ่าย ก็มีความคิดความเชื่อแบบนี้ อยู่เช่นกัน

ซึ่งถ้าหาก ผู้ที่อ้างตัวอ้างตนว่าเป็นชาวพุทธคนใดก็ตาม คิด และ ทำ เช่นนั้นจริง
มันจะไม่เท่ากับเป็นการกล่าวรับรองพวกมิจฉาทิฐิอัญเดียรถีย์ ว่าเป็นสัมมาทิฐิในพระพุทธศาสนา ไปหรอกละหรือ ?

นี่เป็นคำถามแรก ที่ไม่เคยได้รับคำตอบอย่างตรงไปตรงมาเลย จริงไหมครับ ?



แต่ที่น่าสมเพชยิ่งกว่า ก็คือ คล้อยหลังมาได้สักเกือบ ๒๐ วัน นางคนนั้นได้ออกมา แถกแถ ซ้ำสองอย่างปราศจากความละอาย
โดย "พลิกลิ้น" ไปอีกทางหนึ่งว่า การที่ มักขลิโคสาล เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่ใช่เพราะเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
ข้ามภพข้ามชาติ(แบบตายเข้าโลง) แต่เป็นเพราะ เขาไม่เชื่อในเรื่อง กฏแห่งกรรม และกฏแห่งเหตุปัจจัย ต่างหาก

ท่านทั้งหลาย จะเห็นได้ว่า ข้อความ พลิกลิ้น ของนางคนนี้ สามารถพิจารณาแยกแยะออกได้เป็น ๒ กรณี คือ

๑) นางคนนี้กำลังกล่าวว่า ความเป็นมิจฉาทิฐิ หรือ สัมมาทิฐิ ในพระพุทธศาสนา สามารถแยกแยะได้ด้วยเชื่อในเรื่อง กฏแห่งกรรม ฯ
มิได้แยกแยะโดยอาศัย ความเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติ(แบบตายเข้าโลง) ดังที่มันเคยกล่าวเอาไว้แต่แรก(หรือมิใช่?)
ซึ่งถ้าเป็นไปดังที่กล่าวมานี้ การกล่าวเชิงเสียดสีท่านพุทธทาส เพื่อปรามาสว่าท่านเป็นมิจฉาทิฐิ เมื่อ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ก็ย่อมเป็นการกล่าวไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้เพราะ ท่านปยุตโต ได้กล่าวยืนยันว่า สามารถปฏิบัติธรรมได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความเชื่อในเรื่องนรกสวรรค์ หรือ การเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติ

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดอยู่อย่างนี้ มันยังจะกล่าวได้อีกหรือว่า ผู้อื่น เข้าใจผิดความหมาย & ผิดประเด็น ?



๒) มีความเป็นไปได้อย่างมากว่า สำหรับความหมายในข้อความ พลิกลิ้น ของนางนั่น ก็คือ
มันพยายามจะบอกว่า มักขลิโคสาล .....................
(๒.๑) มีความเข้าใจถูกในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติ(แบบตายเข้าโลง)
(๒.๒) แต่มีความเข้าใจผิดในเรื่อง กฏแห่งกรรม และกฏแห่งเหตุปัจจัย

ใช่หรือไม่ ?

ทั้งนี้ ขอให้มันผู้นี้ จงรับทราบเอาไว้ด้วยว่า แม้จะ แถกแถ อย่างนี้แล้ว มันก็ยังไปไม่รอดอยู่ดี
เพราะหาก จะหมายความอย่างนี้จริงๆ มันก็ย่อมแปลความได้ว่าทั้ง สัสสตทิฐิ และ อุจเฉททิฐิ
และ สัมมาทิฐิในพระพุทธศาสนา ล้วนแล้วแต่เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติ(แบบตายเข้าโลง) เหมือนกันหมด
ซึ่งถ้าหาก ข้อเท็จจริง เป็นอย่างนี้ ก็ย่อมไม่สามารถนำเอาเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติ มาใช้ในการแยกแยะอะไรได้เลย

อุปมาได้กับการที่เรากล่าวว่า .....................

พวกสัสสตทิฐิ เชื่อว่า พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
อีกทั้ง พวกอุจเฉททิฐิ ก็เชื่อว่า พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
และ พวกสัมมาทิฐิในพระพุทธศาสนา ก็เชื่อเช่นกันว่า พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก

เมื่อเป็นเช่นนี้ เราสามารถกล่าวได้หรือไม่ว่า ความเชื่อว่า พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก เป็นสัมมาทิฐิ
แน่นอนว่า เราไม่สามารถกล่าวเช่นนั้นได้ เพราะในความเป็นจริง ก็คือ พวก สัสสตทิฐิ และ อุจเฉททิฐิ ก็มีความเชื่ออย่างนั้น เช่นกัน
ดังนั้น การกล่าวว่า ความเชื่อว่า พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก เป็นสัมมาทิฐิ
ก็จะกลายเป็นการรับรองว่า พวก สัสสตทิฐิ และ อุจเฉททิฐิ เป็นสัมมาทิฐิในพระพุทธศาสนาทันที ซึ่งทำไม่ได้ จริงไหม ?



ประเด็นปัญหาที่พึงพิจารณาต่อไป ก็คือ แล้วถ้าหาก มีคนกลุ่มหนึ่ง ไม่มีความเชื่อใดๆ เกี่ยวกับการขึ้นของดวงอาทิตย์
กล่าวคือ เขาไม่มีความเชื่อ หรือความสนใจใดๆ เลยว่า พระอาทิตย์ จะขึ้นทางทิศใด(หรือตกในทิศใด)
ในกรณีอย่างนี้ ควรจัดว่าเขาเป็นพวกสัมมาทิฐิ หรือ มิจฉาทิฐิฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในสุดโต่ง ๒ พวกนั้น ?

ในประเด็นนี้ สามารถพิจารณาได้ว่า ....................

ความเชื่อในเรื่อง การขึ้นทางทิศตะวันออกของดวงอาทิตย์ ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการปฏิบัติธรรม
หมายความว่า ชาวพุทธสัมมาทิฐิ สามารถปฏิบัติธรรมเพื่อความดับทุกข์ ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความเชื่อ
หรือความสนใจใดๆ ต่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงอาทิตย์ เลยแม้แต่น้อย
เพราะไม่ว่า พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออก จริงหรือไม่ก็ตาม
มันก็มิได้มีผลต่อการปฏิบัติธรรมแต่อย่างใดทั้งสิ้น(ทั้งในแง่บวกหรือลบ) !

ฉันใด ก็ฉันนั้น ไม่ว่า นรกสวรรค์ หรือ การเวียนว่ายตายเกิด มันจะมีจริง หรือ ไม่จริง ก็ตาม
นอกจากที่มันจะไม่สามารถใช้ในการแยกแยะตัดสินความเป็นมิจฉาทิฐิหรือสัมมาทิฐิในพระพุทธศาสนาได้แล้ว
มันก็มิได้มีผลกระทบใดๆ ทั้งในแง่บวกหรือลบ ต่อการปฏิบัติธรรมเพื่อความดับทุกข์ เลยแม้แต่น้อย

นี่เป็นแนวคำสอนของพระศาสดานะครับ

จึงไม่แปลกอะไรเลย ที่ท่านปยุตโต จะสรุปความว่า พระบาลีพุทธพจน์ทั้งจาก กาลามสูตร และ อปัณณกสูตร
ได้ชี้ชัดไว้ว่า ความเป็นสัมมาทิฐิในพระพุทธศาสนา ไม่จำเป็นต้องผูกโยงอยู่กับ "ความเชื่อ" ในเรื่องนรกสวรรค์
หรือ ความเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพข้ามชาติ(แบบตายเข้าโลง) แต่อย่างใดทั้งสิ้น

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดอยู่อย่างนี้ มันยังจะกล่าวได้อีกหรือว่า ผู้อื่น เข้าใจผิดความหมาย & ผิดประเด็น

จะหน้าด้าน แถกแถ กันไปถึงไหนกันหนอ ?
ถลอกปอกเปิกไปทั้งเนื้อทั้งตัวแล้วกระมัง ไม่รู้สึก เจ็บ แสบ บ้างเลยละหรือ ?
จะรับยาภายนอก ไว้ใช้รักษาอาการเจ็บแสบภายใน(ใจ) สักชุดไหมครับ ?



คริคริ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่