
ปัญหาความรักนี่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับทุกๆคนจริงๆนะคะ
ไม่ว่าจะไปรักเค้า เค้ารักเรา ยังไงก็มีปัญหามากมายให้แก้อยู่ดี
ปัญหาเราอาจจะไร้สาระหรือดูไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่ก็แก้ไม่ได้เสียทีค่ะ
...คือเราเป็นเพื่อนที่เรียนมหาลัยมาด้วยกันค่ะ เราเห็นเค้าครั้งแรกตอนรับน้อง
ดูจากท่าทาง เราคิดว่าเป็นทอมแน่ๆ และคิดว่าเราจะไม่เข้าใกล้เค้าเด็ดขาด
เพราะเพิ่งจะเข็ดที่ไปแอบชอบเพื่อนที่เป็นทอมตอนมอปลายมาหมาดๆ

แต่สุดท้ายหนีไม่พ้นค่ะ ได้มาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แต่พออยู่ไปอยู่มา
เราก็ได้รู้ว่าเค้าไม่ใช่ทอม เพราะมีแฟนเป็นผู้ชาย และนิสัยก็ผู้หญิงทั่วไป
แต่ด้วยท่าทางหรือการพูดจา คนก็อาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นทอมได้ค่ะ
---จนเรียนปีสอง ช่วงนั้นเล่นเอ็มกัน เฟสบุ๊คยังไม่แรงเท่าตอนนี้
ก็คุยกันทั่วไป เรื่องเรียน การบ้าน อะไรก็ว่ากันไปที่เพื่อนเค้าคุยกัน
จนมาเรื่องนึง เค้าบอกกับเราว่า เค้าแอบชอบเพื่อนในกลุ่มอยู่คนนึง
ซึ่งกลุ่มเราเป็นผู้หญิงทั้งหมดสิบคน เรียกว่าเกินครึ่งห้องเรียนเลยทีเดียว
เราก็เดาชื่อเพื่อนที่สนิทกับเค้ามากที่สุดไปเรื่อยๆ จนมันหมดทุกคนเหลือเราคนเดียว
เค้าก็เลยบอกว่าเค้าชอบเรา แต่เราคิดว่าเค้าพูดเล่น ก็ไม่ได้สนใจอะไร
แล้วตอนนั้นเราก็เห็นว่าเค้าไปสนิทกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึงด้วย
(ปล. ตอนนี้เค้าเลิกกับแฟนที่เป็นผู้ชายแล้วนะ)
***จนตอนนี้ปีสาม เราเรียนสามปีครึ่ง คือเรียนสามปีอีกครึ่งปีก็ฝึกงานสามเดือน
ตอนช่วงที่ฝึกงานสามเดือนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมันตรงกับเดือนนี้พอดี
ช่วงนั้นเค้าคบอยู่กับเพื่อนผู้ชาย ซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนในกลุ่มอีกที
แต่ประเด็นตรงนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ 55 แต่บอกไว้ก่อนเด๋วไม่เข้าใจ
ช่วงที่ฝึกงานเค้ามาหาเราบ่อยมาก มาถึงก็ไปส่งที่บ้าน ไปกินข้าวกันบ้าง
เค้าฝึกงานอยู่สาทร เราอยู่แถวราชดำเนิน มันไกลมากนะคะ
เราก็ยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่เค้าทำเท่าไหร่ เพราะเราลืมประเด็นเรื่องเอ็มไปแร้ว
แต่เค้าก็รื้อมันขึ้นมา และบอกว่าที่เค้าบอกไปเป็นเรื่องจริงนะ
ในเมื่อเค้าเองก็มีแฟนอยู่แล้ว เราก็ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้อย่างจริงจัง
แต่เป็นช่วงที่เค้ากับแฟนระหองระแหงกันอยู่ค่ะ จากนั้นก็เลิกกันไป
ฝ่ายแฟนเค้าก็รู้เรื่องที่เค้าชอบเรานะคะ ยังมีมาถามโน่นนี่กับเราอยู่
ประมาณว่าหวงก้างเพื่อนเรา ไม่อยากให้เราไปยุ่ง
+++ตอนช่วงสามเดือนที่ฝึกงาน บอกเลยว่าเรายังไม่เปิดใจเท่าไหร่
เค้าให้เรามาเต็มๆ แต่เหมือนเราให้ไปแค่ครึ่งเดียว คุยไปคุยมาจนฝึกงานเสร็จ
เราก็เป็นคนบอกเค้าเองว่าขอเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมดีกว่า
หลังจากนั้นก็เงียบๆไป เพราะเค้าทำงาน เราก็หางานทำ
แต่ก็จะได้ข่าวจากเพื่อนอีกคนที่สนิทกับทั้งเราและเค้าบ้าง
จนประมาณสามสี่เดือน เพื่อนเราก็บอกว่าเค้าตัดใจจากเราได้แล้ว
///หลังจากนั้น เค้าก็มาหาเราที่ทำงานค่ะ มารับมาส่งอีกเหมือนเดิม
แต่เราไม่เชื่อว่าเค้าตัดใจจากเราได้จริงๆ ก็ลองถามเค้าดูตรงๆ
ซึ่งเค้าเองก็บอกว่ายังรู้สึกเหมือนเดิมกับเรา ยังชอบเราอยู่
ช่วงที่เค้าหายไป เค้าก็ลองคุยกับคนอื่นหวังจะลืมเรา
แต่เค้าก็บอกว่ายังไงก็ลืมไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
ตอนนั้นเราเองก็รู้สึกดีกับเค้า เลยตกลงกลับมาคุยกันอีกครั้งนึง
เราค่อนข้างคาดหวังว่าครั้งนี้คงจะเป็นไปได้ดีและอาจจะได้เป็นแฟนกัน
ไปเที่ยว ไปดูหนัง ไปเดินเล่น ไปกินข้าวด้วยกัน จนล่าสุดไปเที่ยวหัวหินด้วยกันสองวัน
แต่ช่วงก่อนที่จะไปหัวหิน ความรู้สึกเรามันกลับมาอีกแล้ว
เราเลยตัดสินใจบอกเค้าในวันที่กลับจากหัวหิน ให้เราเป็นแค่เพื่อนกันเถอะ
ยอมรับว่าเราเสียใจมาก แต่เค้าคงเสียใจมากกว่าเรา
จึงไม่ได้พูดเชิงตัดขาด เพราะยังไงก็เพื่อนกัน ก็คือยังเจอกันได้ คุยกันได้เหมือนเดิม
++จนถึงตอนนี้ เค้าก็ยังมาหาเรา ยังมาเจอกันไปกินข้าวกันอยู่
แต่ทุกครั้งเค้าจะบอกเราว่า ยังไงก็ยังรอเราอยู่เสมอ
เป็นสิ่งที่เราไม่อยากได้ยินเลย เราไม่อยากให้เค้าต้องมารอเรา
เค้าควรจะเปิดใจแล้วเจอคนอื่นที่ดีกว่าเรามากกว่า

เราควรจะทำอย่างไรดี จะพูดจะบอกเค้ายังไงดีคะ
ขอโทษด้วยนะคะที่อาจจะเป็นเรื่องไร้สาระและพิมพ์อะไรที่ยืดยาว
ต้องขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านกัน มีข้อแนะนำก็บอกกันได้ค่ะ
ขอวิธีที่ทำให้คนๆนึงลืมเราค่ะ T-T
ไม่ว่าจะไปรักเค้า เค้ารักเรา ยังไงก็มีปัญหามากมายให้แก้อยู่ดี
ปัญหาเราอาจจะไร้สาระหรือดูไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่ก็แก้ไม่ได้เสียทีค่ะ
...คือเราเป็นเพื่อนที่เรียนมหาลัยมาด้วยกันค่ะ เราเห็นเค้าครั้งแรกตอนรับน้อง
ดูจากท่าทาง เราคิดว่าเป็นทอมแน่ๆ และคิดว่าเราจะไม่เข้าใกล้เค้าเด็ดขาด
เพราะเพิ่งจะเข็ดที่ไปแอบชอบเพื่อนที่เป็นทอมตอนมอปลายมาหมาดๆ
แต่สุดท้ายหนีไม่พ้นค่ะ ได้มาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แต่พออยู่ไปอยู่มา
เราก็ได้รู้ว่าเค้าไม่ใช่ทอม เพราะมีแฟนเป็นผู้ชาย และนิสัยก็ผู้หญิงทั่วไป
แต่ด้วยท่าทางหรือการพูดจา คนก็อาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นทอมได้ค่ะ
---จนเรียนปีสอง ช่วงนั้นเล่นเอ็มกัน เฟสบุ๊คยังไม่แรงเท่าตอนนี้
ก็คุยกันทั่วไป เรื่องเรียน การบ้าน อะไรก็ว่ากันไปที่เพื่อนเค้าคุยกัน
จนมาเรื่องนึง เค้าบอกกับเราว่า เค้าแอบชอบเพื่อนในกลุ่มอยู่คนนึง
ซึ่งกลุ่มเราเป็นผู้หญิงทั้งหมดสิบคน เรียกว่าเกินครึ่งห้องเรียนเลยทีเดียว
เราก็เดาชื่อเพื่อนที่สนิทกับเค้ามากที่สุดไปเรื่อยๆ จนมันหมดทุกคนเหลือเราคนเดียว
เค้าก็เลยบอกว่าเค้าชอบเรา แต่เราคิดว่าเค้าพูดเล่น ก็ไม่ได้สนใจอะไร
แล้วตอนนั้นเราก็เห็นว่าเค้าไปสนิทกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึงด้วย
(ปล. ตอนนี้เค้าเลิกกับแฟนที่เป็นผู้ชายแล้วนะ)
***จนตอนนี้ปีสาม เราเรียนสามปีครึ่ง คือเรียนสามปีอีกครึ่งปีก็ฝึกงานสามเดือน
ตอนช่วงที่ฝึกงานสามเดือนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมันตรงกับเดือนนี้พอดี
ช่วงนั้นเค้าคบอยู่กับเพื่อนผู้ชาย ซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนในกลุ่มอีกที
แต่ประเด็นตรงนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ 55 แต่บอกไว้ก่อนเด๋วไม่เข้าใจ
ช่วงที่ฝึกงานเค้ามาหาเราบ่อยมาก มาถึงก็ไปส่งที่บ้าน ไปกินข้าวกันบ้าง
เค้าฝึกงานอยู่สาทร เราอยู่แถวราชดำเนิน มันไกลมากนะคะ
เราก็ยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่เค้าทำเท่าไหร่ เพราะเราลืมประเด็นเรื่องเอ็มไปแร้ว
แต่เค้าก็รื้อมันขึ้นมา และบอกว่าที่เค้าบอกไปเป็นเรื่องจริงนะ
ในเมื่อเค้าเองก็มีแฟนอยู่แล้ว เราก็ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้อย่างจริงจัง
แต่เป็นช่วงที่เค้ากับแฟนระหองระแหงกันอยู่ค่ะ จากนั้นก็เลิกกันไป
ฝ่ายแฟนเค้าก็รู้เรื่องที่เค้าชอบเรานะคะ ยังมีมาถามโน่นนี่กับเราอยู่
ประมาณว่าหวงก้างเพื่อนเรา ไม่อยากให้เราไปยุ่ง
+++ตอนช่วงสามเดือนที่ฝึกงาน บอกเลยว่าเรายังไม่เปิดใจเท่าไหร่
เค้าให้เรามาเต็มๆ แต่เหมือนเราให้ไปแค่ครึ่งเดียว คุยไปคุยมาจนฝึกงานเสร็จ
เราก็เป็นคนบอกเค้าเองว่าขอเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมดีกว่า
หลังจากนั้นก็เงียบๆไป เพราะเค้าทำงาน เราก็หางานทำ
แต่ก็จะได้ข่าวจากเพื่อนอีกคนที่สนิทกับทั้งเราและเค้าบ้าง
จนประมาณสามสี่เดือน เพื่อนเราก็บอกว่าเค้าตัดใจจากเราได้แล้ว
///หลังจากนั้น เค้าก็มาหาเราที่ทำงานค่ะ มารับมาส่งอีกเหมือนเดิม
แต่เราไม่เชื่อว่าเค้าตัดใจจากเราได้จริงๆ ก็ลองถามเค้าดูตรงๆ
ซึ่งเค้าเองก็บอกว่ายังรู้สึกเหมือนเดิมกับเรา ยังชอบเราอยู่
ช่วงที่เค้าหายไป เค้าก็ลองคุยกับคนอื่นหวังจะลืมเรา
แต่เค้าก็บอกว่ายังไงก็ลืมไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
ตอนนั้นเราเองก็รู้สึกดีกับเค้า เลยตกลงกลับมาคุยกันอีกครั้งนึง
เราค่อนข้างคาดหวังว่าครั้งนี้คงจะเป็นไปได้ดีและอาจจะได้เป็นแฟนกัน
ไปเที่ยว ไปดูหนัง ไปเดินเล่น ไปกินข้าวด้วยกัน จนล่าสุดไปเที่ยวหัวหินด้วยกันสองวัน
แต่ช่วงก่อนที่จะไปหัวหิน ความรู้สึกเรามันกลับมาอีกแล้ว
เราเลยตัดสินใจบอกเค้าในวันที่กลับจากหัวหิน ให้เราเป็นแค่เพื่อนกันเถอะ
ยอมรับว่าเราเสียใจมาก แต่เค้าคงเสียใจมากกว่าเรา
จึงไม่ได้พูดเชิงตัดขาด เพราะยังไงก็เพื่อนกัน ก็คือยังเจอกันได้ คุยกันได้เหมือนเดิม
++จนถึงตอนนี้ เค้าก็ยังมาหาเรา ยังมาเจอกันไปกินข้าวกันอยู่
แต่ทุกครั้งเค้าจะบอกเราว่า ยังไงก็ยังรอเราอยู่เสมอ
เป็นสิ่งที่เราไม่อยากได้ยินเลย เราไม่อยากให้เค้าต้องมารอเรา
เค้าควรจะเปิดใจแล้วเจอคนอื่นที่ดีกว่าเรามากกว่า
ขอโทษด้วยนะคะที่อาจจะเป็นเรื่องไร้สาระและพิมพ์อะไรที่ยืดยาว
ต้องขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านกัน มีข้อแนะนำก็บอกกันได้ค่ะ