เราดูหนังภาพยนต์ เราจะเห็นภาพเคลื่อนไหว แต่ความจริงแล้ว มันคือภาพนิ่งบนฟิมท์หนังที่ผ่านตาอย่างพอดีอย่างรวดร็ว
ตาเรา(จักษุวิญญาณ)มองภาพ วิญญาณขันธ์จะรู้รับทราบ สัญญาขันธ์จะจำได้ว่า ภาพนิ่งที่ 1 เป็นอย่างนี้ ภาพนิ่งที่ 2 เป็นอย่างนั้น
........ภาพนิ่งที่ 1000 เป็นอย่างนี่ ....
สังขารขันธ์ ก็จะปรุงแต่งเปรียบเทียบกัน ตรงนี้แหละ ที่เราคิดว่ามันเคลื่อนไหว เราถูกหลอกแล้ว เราหลงแล้ว
เช่นเดียวกัน ขันธ์ 5 การทำงานร่วมกันอย่างรวดเร็วของรูปขันธ์(อวัยะทั้ง32)นามขันธ์(เวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ)
ก็เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปอย่างรวดเร็วมาก ประมาณว่า แค่พริบตา มีการเกิดดับ แสนโกฎิ ครั้ง
เราเลยคิดว่า มีอะไรควบคุม มีอะไรเคลื่อนไหว มีอะไรเป็นตัวรู้ เป็นจิต เป็นความคิดของเรา
จริงๆแล้วมันคือ วิญญาขันธ์ ที่เกิดดับอย่างต่อเนื่อง นั่นเอง
ความหลงทั้งหลาย เป็นผลงานของขันธ์ห้า ไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากขันธ์ห้า มันคือ อุปาทานขันธ์
ดังพระพุทธพจน์ ที่ทำให้ ท่านพาหิยะเอตทัตคะด้านตรัสรู้เร็วพลัน บรรลุทันทีที่ได้ยิน
“ดูกรพาหิยะ ในกาลใดแล
เมื่อท่านเห็น จักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟัง จักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบ จักเป็นสักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้ง จักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มี ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่าง โลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ”
แนะนำแลกเปลียนได้ครับ ผิดถูกประการใด ผมรับผิด ถือว่าฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียดเอง
จิต คือวิญญาณขันธ์
ตาเรา(จักษุวิญญาณ)มองภาพ วิญญาณขันธ์จะรู้รับทราบ สัญญาขันธ์จะจำได้ว่า ภาพนิ่งที่ 1 เป็นอย่างนี้ ภาพนิ่งที่ 2 เป็นอย่างนั้น
........ภาพนิ่งที่ 1000 เป็นอย่างนี่ ....
สังขารขันธ์ ก็จะปรุงแต่งเปรียบเทียบกัน ตรงนี้แหละ ที่เราคิดว่ามันเคลื่อนไหว เราถูกหลอกแล้ว เราหลงแล้ว
เช่นเดียวกัน ขันธ์ 5 การทำงานร่วมกันอย่างรวดเร็วของรูปขันธ์(อวัยะทั้ง32)นามขันธ์(เวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ)
ก็เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปอย่างรวดเร็วมาก ประมาณว่า แค่พริบตา มีการเกิดดับ แสนโกฎิ ครั้ง
เราเลยคิดว่า มีอะไรควบคุม มีอะไรเคลื่อนไหว มีอะไรเป็นตัวรู้ เป็นจิต เป็นความคิดของเรา
จริงๆแล้วมันคือ วิญญาขันธ์ ที่เกิดดับอย่างต่อเนื่อง นั่นเอง
ความหลงทั้งหลาย เป็นผลงานของขันธ์ห้า ไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากขันธ์ห้า มันคือ อุปาทานขันธ์
ดังพระพุทธพจน์ ที่ทำให้ ท่านพาหิยะเอตทัตคะด้านตรัสรู้เร็วพลัน บรรลุทันทีที่ได้ยิน
“ดูกรพาหิยะ ในกาลใดแล
เมื่อท่านเห็น จักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟัง จักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบ จักเป็นสักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้ง จักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
ในกาลนั้น ท่านย่อมไม่มี ในกาลใด ท่านไม่มี ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า ย่อมไม่มีในระหว่าง โลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ”
แนะนำแลกเปลียนได้ครับ ผิดถูกประการใด ผมรับผิด ถือว่าฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียดเอง