* ม่านรักเหนือดาว * บทที่ 11-12

กระทู้สนทนา
ดาวสูงเสียดฟ้าที่เคยถูกเหยียบจนมิดดิน

กลับต้องมาพบกับคนใจร้ายหน้าเดิมๆใต้ม่านละครเรื่องใหม่

จึงเป็นหน้าที่ของ ‘เจ้าชาย’ ที่จะพาเธอกลับไปเปล่งประกายให้เป็นดาวที่อยู่ ‘เหนือดาว’ สมดังชื่ออีกครั้ง!




บทที่ 11

    “ผมตามหาคุณอยู่”

    สายตานั้นคนถูกตามหานั้นมีเครื่องหมายคำถามตัวโตๆอยู่นั้น แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรออกไปก็ได้คำตอบเสียก่อน

    “แค่จะเอายางรัดผมมาคืน”

    เอายางมาคืน? ในเวลาเช่นนี้?

    เหนือดาวมองยางรัดผมสีน้ำตาลของตนในอุ้งมือปิลันธน์ตรงหน้าแล้วเผลอยกมือเกาศีรษะไม่รู้ตัว เงยขึ้นไปมองใบหน้าขาวเรียบเฉยนั้น ไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ที่จู่ๆก็เดินเข้ามาตรงนี้ และก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาจะได้ยินอะไรมากน้อยเพียงใด แต่การก้าวเข้ามาของบุคคลที่สี่เช่นเขามันก็ทำให้สงครามที่มีแต่จะทวีความรุนแรงกลับมอดดับลงแทบจะทันที

    “เอ่อ ขอบคุณค่ะ”

    ปิลันธน์แค่พยักหน้ารับน้อยๆก่อนจะหันหลังไปหาฝ่ายตรงข้ามทันที

    “รัญ พี่ยังไม่ได้การ์ดแต่งงาน ขอหน่อย”

    ความโกรธเคืองฉาบอยู่เต็มหน้ารัญรตี คิ้วสวยย่นเข้าหากัน ดวงตาหรี่เล็กฉายประกายแค้น... ทั้งแค้นคนที่เพิ่งจะว่าเธอเมื่อครู่นี้ และทั้งผู้ชายตรงหน้าที่ทำให้เธอต้องหลุดจากบทนางเอก พลันเธอก็ขบริมฝีปากแน่นอย่างเป็นเชิงไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับ และไม่แม้แต่จะหยิบสิ่งที่ปิลันธน์กำลังขอออกมาจากถุงกระดาษขนาดใหญ่บรรจุคำเชิญจำนวนมากที่ตนหิ้วมาหมายให้คนในกองละครเวทีเพื่อไม่ให้เป็นการน่าเกลียด

อันที่จริง... เธอไม่อยากจะมาแจกที่นี่ด้วยซ้ำไป ไม่อยากแม้แต่จะแต่งงานเพราะเกรงจะขายหน้าศัตรู หากแต่หนึ่งชีวิตที่กำลังสร้างตัวอยู่ในท้องของเธอกลับเรียกร้องให้เธอยอมแต่งงานเพื่ออย่างน้อย...เมื่อยามโตไปจะได้ไม่ต้องอับอายใครว่าเป็นลูกนอกสมรส แม้จะเกิดจากความไม่ตั้งใจของคนเป็นแม่ก็ตามที

    “จะไม่มีน้ำใจให้กันหน่อยหรือ”

    ปิลันธน์ยังคงพูดราวไม่ทุกข์ร้อนอะไร พร้อมแบมือออกไปรอรับ ขณะคนถูกขอกลับเงียบสนิท แล้วตัดสินใจหยิบขึ้นมาการ์ดเชิญขึ้นมาใบหนึ่งอย่างเสียไม่ได้แล้ววางมันลงบนฝ่ามือใหญ่กว่าทันทีด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด

    “อีกสองใบ แดนด้วย คุณเหนือก็ด้วย

    ดวงตาหญิงสาวคนแจกการ์ดเบิกกว้างอย่างตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าที่รู้สงครามอุบาทว์นี้จะกำลังขอให้เธอเชื้อเชิญข้าศึกไปร่วมยินดีทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย

    แล้วปิลันธน์มีสิทธิ์อะไรมาบังคับเธอ...

    รัญรตีรวบถุงกระดาษเตรียมเดินหนี หากสายตาปิลันธน์ซึ่งจับจ้องเธอยามนี้ฉายแววดุจนเธอผงะไปน้อยๆ แววตาเย็นชาเปี่ยมไปด้วยอำนาจนั้นมีพลังยิ่งกว่าตอนเขาซ้อมบทเป็นเฮดีสเสียอีก พลันปากก็เอ่ยเรียบเย็นมีฤทธิ์ราวน้ำแข็งเกาะเข้ากลางใจนฟัง

    “เขาว่าการบอกเรื่องมงคลนี่ไม่ควรจะลังเล ไม่ควรจะหน้าบึ้ง และไม่ควรทำเหมือนไม่เต็มใจนะรัญ”

    แม้จะไม่เต็มใจตามที่ว่าจริงๆ แต่ท้ายที่สุดรัญรตีก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเอาการ์ดเชิญออกมาเพิ่มสองใบ และแทบจะร้องโวยวายเมื่อได้ยินคำต่อมาของปิลันธน์อีก

“น้องแม้นจะไปไหมครับ ถ้าน้องแม้นไปก็ขออีกใบหนึ่ง พี่คิดว่าเราเอามาเยอะพอนะรัญ”

    “ไม่ล่ะค่ะขอบคุณ กลัวว่าต้องไปล้างหน้าด้วยน้ำส้มป่อยตอนกลับมาถึงบ้าน”

มานิตย์ซึ่งบัดนี้พอยิ้มออกก็ตีหน้าเชิดใส่ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น

    “รัญกลับไปพักเถอะ มายืนนานๆมันไม่ดีต่อลูกนะ”

    แค่การที่เหนือดาวได้รับบทแทนเธอก็เป็นเรื่องสุดจะทนแล้ว แต่การที่คู่อริรับทราบเรื่องเธอท้องก่อนแต่งกลับเป็นเรื่องที่เธอแทบจะเอาหน้ามุดดิน และยิ่งการที่ปิลันธน์เอามันมาพูดกันซึ่งๆหน้าเช่นนี้ แววตาก็แปรเปลี่ยนฉายแวววับแบบที่ใครได้เห็นก็สยดสยองไปตามๆกัน

    “ก็ดี... รู้กันหมดนี่ อยากทำอะไรก็ทำกันไปละกัน! จะไปทำลายล้างงานแต่งก็เชิญ แต่อย่าลืมว่าทำอะไรไว้เธอจะได้รับเช่นนั้นคืน ทั้งเหนือ... ทั้งพี่ปริ๊นซ์”

    คนถูกย้ำคนแรกตวัดสายตาไปยังว่าที่เจ้าสาว

    “ไม่ลืมหรอกรัญ ขอบคุณมากที่เตือน แล้วก็การ์ดนี่... ขอบคุณมาก แต่เรื่องทำลายงานแต่งนี่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ พวกฉันอารยชนแล้ว ไม่ชอบโวยวายทำลายข้าวของ”

    “แก...”

    “รัญ”

    เสียงเข้มขัดตาทัพปรามขึ้น ทำเอาคนกำลังจะพ่นไฟต้องหยุดชะงัก พลันเสียงใสก็เอ่ยโทนต่ำแล้วเดินนำทุกคนในที่ตรงนั้นออกไปทันที

    “คุณปริ๊นซ์คะ เราไปซ้อมกันเถอะ”

    แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลงมายังระเบียงทางเดินติดสวนขนาดเล็กของสตูดิโอ คนสามคนสาวเท้าเลียบตามกันไปแบบเงียบๆ ตกอยู่ในห้วงความคิดของตนแตกต่างกันไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ไม่มีใครสักคนคิดจะหันหลังกลับไปดูที่ตรงนั้น แล้วห้วงภวังค์ก็แตกโพละเมื่อเสียงแป๋นแหลนของคนซึ่งซึมไปเมื่อห้านาทีที่แล้วระเบิดขึ้นราวลืมความแค้น

    “เหนือ วิวาทะชะนีเมื่อก็นี่เด็ดจ๊าบไปเลย! ฉันนะคิดจะให้แกเอาเรื่องเมื่อกี๊มาแต่งเป็นบทละครเลยเนี่ย”

    เหนือดาวร้องถามเสียงเบา ไม่ได้หันกลับไปมองคนข้างหลังทั้งสอง “บทละครเรื่องอะไร”

    “ศึกผีบ้าปากตลาดปะทะดอกเตอร์ผู้ปราดเปรื่อง”

    “คำโปรยล่ะ”

    คนหน้านิ่งอีกคนที่เดินมาด้วยกันถามขึ้นทำเอาเหนือดาวต้องหันไปมองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าเขาคิดจะมีส่วนร่วมในบทละครเพี้ยนนี้ด้วยคน

    “เมื่อผีบ้าท้องก่อนแต่งปากจัดเจอปรัชญาของสาวไอคิวสูงผู้กลับบ้านเกิดมาเฉิดฉาย หายนะจึงเริ่มต้น เรื่องนี้นะ ธีมเอาไว้สะท้อนความใจแคบของคนในสังคม ความอคติที่เอาแต่มองข้างเดียว แล้วก็...”

    “พอเลย เพ้อเจ้อ”

    แล้วใบหน้าสวยก็ติดยิ้มน้อยๆเมื่อญาติตนแสร้งสวมมาดของเธอยามอธิบายบทละคร แต่ยังไม่ทันได้หันกลับไปยังทิศเดิม ซองกระดาษมันเงาสีครีมอ่อนมีกลิ่นหอมจางๆที่ข้างในบรรจุการ์ดแต่งงานหนึ่งใบก็ถูกยื่นมาตรงหน้าเหนือดาว หญิงสาวชะงัก ชั่งใจชั่วครู่แล้วส่ายหน้ายิก

    “ไม่เป็นไรล่ะค่ะคุณปริ๊นซ์ ไม่ได้อยากไป”

    “ผมเอามาให้แล้ว”

    “ไม่เอาล่ะค่ะ ฉันขอบาย”

    “กลัวอะไร ผมไปด้วยทั้งคน”

    “หมายความว่ายังไง คุณไปด้วยทั้งคน”

    “หมายความว่าเราไปด้วยกัน” น้ำเสียงเรียบๆนุ่มๆนั้นกลับทุ้มก้องในใจเหนือดาว เธอยกคิ้วสูงแล้วชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างตนกับปิลันธน์ ไม่เข้าใจที่เขาพูด

    “แล้วทำไมเราต้องไปด้วยกัน”

    “เพราะจะเป็นงานแรกที่คุณออกในฐานะนางเอกละครเวทีเรื่องสู่ใต้พิภพ อีกอย่าง เรื่องการเปลี่ยนนางเอกก็ไม่ใช่ว่าไม่มีใครรู้ มันมีบางสื่อที่ปล่อยข่าวนี้เล็ดลอด ดังนั้นถ้าคุณไปโผล่งานนี้ก็จะได้ไม่มีกระแสเกาเหลาระหว่างนางเอกเก่าและนางเอกใหม่...” ปิลันธน์เงียบไปพักหนึ่ง “แม้มันจะจริงก็เถอะ”

เหตุผลที่เขาให้เธอมานั้นฟังสมกับอาชีพเขาเหลือเกิน และมันก็ไม่มีวาระแอบแฝงอะไรดังที่มานิตย์กำลังคิด... ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าญาติสาวคิดอะไรในเมื่อรอยยิ้มกริ่มบนหน้านั้นมันบ่งชัดทีเดียว ก่อนเลื่อนไปสบตากับปิลันธน์ แววตานั้นช่างจริงใจผิดกับใบหน้านิ่งราวรูปสลัก รู้แล้วว่าภายใต้เปลือกแข็ง เขาก็คือคนจิตใจดีที่ชอบช่วยเหลือคนเดือดร้อนอยู่ เริ่มรู้แล้วว่าบางทีเรื่องยางรัดผมนั้นอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ

    “เอาเป็นว่าขอคิดดูก่อนนะคะ แล้วก็ขอบคุณนะคะที่เอายางมาให้... ทันเวลาพอดี”

    มุมปากสวยประตุกรอยยิ้มกว้างที่ไม่ได้ทำมานานแล้วกับใครให้กับพระเอกของเรื่อง สายตานั้นเหลือบมองยางในมือ ไม่อาจรู้เลยว่าใครอีกคนเดินตามมาห่างๆกำลังจับจ้องภาพนั้นแล้วจมดิ่งลงไปในห้วงคิดของตน

ใครคนนั้น... ที่กำลังนึกโกรธตัวเองซึ่งไม่ได้ทำอะไรให้หญิงสาวผู้กำลังยิ้มกว้างอยู่ขณะนี้ ทั้งๆที่เธอถูกรังแก ทั้งๆที่เธอฉลาดกว่าใคร และทั้งๆที่เธอ... รักเขามากมายเหลือเกินในอดีต

ไม่รู้ว่านี่เป็นจุดประสงค์ของปิลันธน์ไหมที่ต้องการจะให้เขาเห็นภาพการประทะครั้งนี้ที่เหนือดาวเป็นผู้ชนะ ให้เขาเห็นตัวตนจริงแท้ของรัญรตี เพื่อที่จะได้ทำความเข้าใจเหตุการณ์ในอดีตเสียใหม่ หากแต่เขาไม่เข้าใจอยู่สิ่งหนึ่ง... นั่นก็คือการที่ปิลันธน์เข้าไปแทรกกลางศึกอัปยศนั่น

เสี้ยววินาทีที่เขาเห็นสายตาของรุ่นพี่ผู้นี้ตอนเหนือดาวยังโต้กับรัญรตีประเด็นสาวประเภทสอง ประกายในดวงตาเรียวคมนั้นฉายแววมุ่งมั่นระยิบระยับที่ดูราวกับว่ากำลังชื่นชมในสิ่งที่หญิงสาวกล่าวออกไป แล้วเขาก็ผลุนผลันออกไปทันที สุดแดนนั้นสนิทกับปิลันธน์จนพอรู้ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้มักชอบช่วยเหลือคนดูน่าสงสารทั้งๆที่เปลือกนอกนั้นแข็งทื่อ และก็ชอบตัดสินทุกอย่างตามเนื้อผ้า ถูกส่วนถูก ผิดก็คือผิด ไม่มีทางจะเป็นอย่างอื่นไปได้

หากแต่คราวนี้... ทั้งๆที่เขาคนนั้นไม่ได้รู้อดีตอะไรเอาเสียเลยก็กลับดูเหมือนว่าเขาจะมีข้างที่เขาเลือกเอาไว้ในใจอยู่แล้วเป็นที่เรียบร้อย

ภาพรอยยิ้มของเหนือดาวที่ปรากฏห่างไปไกลๆในยามนี้... มันช่างสดใสและออกมาจากใจจริงราวกับที่เคยยิ้มให้เขาเหมือนเมื่อห้าปีก่อน รอยยิ้มที่เขาไม่ได้เห็นอีกเลยนับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น บัดนี้... มันถูกส่งมอบให้คนอื่นแล้วเรียบร้อย... ที่ถึงแม้เธอจะไม่ได้รักเท่าเขา แต่นั่นก็หมายความว่ารุ่นน้องคนนี้ให้ความสำคัญเขาน้อยลง

    แสงแดดยามบ่ายส่องต้องพื้นสะท้อนเข้าดวงตาสุดแดนจนแสบพร่า ทำเอาชายหนุ่มนึกสะท้อนใจว่าการอยู่เฉยๆทำตัวอุเบกขาคือสิ่งที่เขาทำเพื่อเธอมาตลอดห้าปี และคิดไปเองว่านั่นคือสิ่งดีสุดสำหรับเธอ ในวันนี้ก็เช่นกัน เขายืนนิ่ง ปล่อยให้ศัตรูคู่แค้นตลอดศกต้องปะทะกันหนักอีก แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้... ในเมื่อคิดกี่ครั้งๆ เหนือดาวในอดีตนั้นไม่ได้ทำตัวสมควรแก่การถูกปกป้องเลยแม้แต่น้อย

    แบบนี้ล่ะดีแล้ว... เขาควรจะอยู่นิ่งๆแบบนี้...

    สุดแดนบอกกับตัวเอง แล้วก็เลี้ยวเข้าห้องสตูดิโอใหญ่อันเป็นที่ใช้สร้างฉาก แล้วทั้งวันนั้นเขาก็ไม่มีสมาธิเลยแม้แต่นิดเดียว




    ลูกโป่งผิวมันลื่นหลากสีสันนับหลายสิบ... อาจจะถึงหลักร้อยถ้าหากนับทั่วทั้งงานกำลังต้องแสงไฟสร้างความสดใสและสนุกสนานไปทั่วบริเวณในความรู้สึกของผู้ได้พบเห็น ริบบิ้นสีขาวอ่อนนั้นถูกถูกไว้ตรงซุ้มทางเข้าปล่อยเป็นสายไล่ลงมาจนเกือบต้องใบหน้าแขกผู้มางาน มีลูกตุ้มกระจกรอบด้านแบบใช้กันในดิสโก้เทคแขวนอยู่ไปทั่วบริเวณอย่างชวนให้คึกครื้น สิ่งเหล่านี้ช่วยเนรมิตห้องจัดเลี้ยงใหญ่สุดในโรงแรมหรูห้าดาวใจกลางเมืองติดดูเหมือนปาร์ตี้ฉลองมากกว่างานสมรสอันแสนหรูหรา เป็นงานแต่งภายใต้คอนเซ็ปต์สุขสันต์สดใสซึ่งเน้นบรรยากาศเป็นกันเองตามความต้องการของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวซึ่งติดนิสัยรักสนุกสนานทั้งคู่

ทั้งบริเวณงานมงคลสมรสครั้งนี้เต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย ทั้งจากสายธุรกิจของเจ้าบ่าวผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกชายคนโตและทายาทอันดับหนึ่งของเครือเดอะมิวสิส กับเจ้าสาวซึ่งมาจากวงการละครเวที อีกทั้งยังสื่อมวลชนจำนวนพอสมควรที่ออกันแน่นอยู่บริเวณด้านหน้างาน ทำให้ห้องจัดเลี้ยงนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาทีเดียว

เกือบสิบนาทีแล้วที่เหนือดาวได้แต่แอบมองจากหัวมุมผนังฝั่งซ้ายของบริเวณหน้างานแล้วเอาแต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ไม่มีความกล้าแม้แต่จะย่างเท้าเข้างาน มือนั้นประสานแน่นตรงอกราวกับเป็นเด็กสาวไร้ความมั่นใจในตนเอง ทั้งๆที่เธอในวันนี้สวยไม่แพ้ใครเลยทีเดียวจากปฏิบัติการสวยสังหารของมานิตย์ที่ทั้งออกแบบชุดให้เธอ รวมถึงขนเพื่อนสาวทั้งหลายมาจัดการแต่งหน้าทำผมให้ถึงบ้าน เนรมิตให้เหนือดาวนั้นเลื่อนระดับสูงขึ้นไปเป็นเหนือจักรวาลแบบที่หญิงสาวได้แต่ภาวนาในใจขอให้มานิตย์และเหล่าเพื่อนสาวช่วยๆกันเพลามือลงหน่อยด้วยความกลัวว่าจะเด่นเกินไป...

ชุดของมานิตย์ที่ออกแบบให้เธอนั้นเป็นเดรสแขนกุดปาดคอตรงผ้าต่วนสีน้ำเงินเข้มค่อนไปทางกรมท่า ประดับด้วยคริสตัลเม็ดเล็กระยิบระยับเต็มไปหมดราวเกล็ดดาวไล่ตั้งแต่ช่วงอกลงไปและค่อยกระจายจนหายไปบริเวณกระโปรงสุ่มสั้น ใบหน้ามีเค้าโครงสวยดีอยู่แล้วเมื่อถูกแต่งแต้มแบบจัดเต็มลงไป รวมถึงผมซึ่งมักจะถูกมัดรวบต่ำๆเสมอวันนี้ก็ถูกรวบสูงขึ้นไปเกลี่ยดวงหน้าสวยให้เปล่งประกายงดงามจนใครซึ่งผ่านไปมาถึงกับต้องเหลียวมองอย่างอดไม่ได้

คนสวยพิเศษในวันนี้ก้มมองชุดตัวเองอีกครั้งแล้วก็พลอยเหนื่อยใจ ถ้าหากชุดนี้เป็นสีขาวและกระโปรงยาวเสียหน่อย รับรองไปแย่งซีนเจ้าสาวได้อย่างสบาย...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่