_/\_ สวัสดีครับ ผม "สจ๊วตแก่" ครับ

วันนี้ผมว่างๆ สบายๆ เลยเข้ามาคุยเรื่องของกินกัน
การทานอาหารนอกบ้านนั้น
ตั้งแต่ร้านถูกๆริมถนน ไปจนถึงร้านอาหารหรูเลิศราคาแพง
สิ่งที่ท่านต้องเจอคือ เบื้องหน้า และ เบื้องหลัง
เบื้องหน้าคือ-
1) ลักษณะร้าน, การตกแต่งร้าน
2) พนักงาน, บริกร หรือเจ้าของร้าน
3) อาหารในจานที่มาวางอยู่ตรงหน้า
เบื้องหลังคือ-
1) วัตถุดิบ และการจัดเตรียม
2) การปรุง
ในร้านอาหารที่ใหญ่หน่อย หรือแพงหน่อย โดยมาก ท่านจะไม่มีโอกาสได้เห็น
ส่วนที่เป็นครัวว่า สะอาดสะอ้านเพียงใด? มีหนูมั้ย? มีแมลงสาบมั้ย?
คนที่ปรุงอาหารแต่งตัวแบบไหน? รัดกุมเพียงใด? หน้าตาเป็นไง?
ในกรณีที่เป็นร้านเล็กๆลงมา หรือแบบริมถนน ท่านจะได้เห็นทุกการเคลื่อนไหว
หากเป็นคนที่ช่างสังเกตสักหน่อย เหอ.. เหอะๆ.. และนั่นก็เป็นที่มาที่ไปของอาหาร
ปลายทางก็คือ สิ่งที่ท่านกำลังจะตักเข้าปากครับ
กรณีร้านอาหารตามสั่ง, ผมเชื่อว่าเพื่อนๆทุกท่านน่าจะผ่านประสบการณ์มาแล้ว
ถ้าไม่ไฮโซจ๋าจนเกินไป.. เช่นเดียวกับผม, ที่ใช้บริการร้านอาหารตามสั่งมานับไม่ถ้วน
อย่างไม่เคอะเขิน ด้วยผมเป็นคนใช้แรงงาน รายได้น้อย จึงไม่อาจเอื้อมที่จะไป-
ทานในร้านหรูๆแพงๆได้บ่อยนัก แบบปีนึงนับครั้งได้ครับ สำหรับร้านแพงๆ
ชนิดกินแล้วห้ามขรี้.. จนกว่าจะครบ 7 วัน, ของมันแพง.. เสียดาย..
เท่าที่ใช้บริการร้านอาหารตามสั่งมาค่อนข้างมาก ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ผมพบว่า ร้านที่อร่อยเข้าขั้น เจ้าของร้าน/แม่ครัวมักจะเป็นคุณป้าที่ค่อนข้างมีอายุ
ต้องซักประมาณ 50 up+ ส่วนมากผม (อาจจะ) รู้สึก (ไปเอง) ว่า-
ร้านตามต่างจังหวัด โดยรวม มักจะอร่อยกว่าในกรุงเทพฯ เพราะร้านในกรุงเทพฯ
จำนวนมาก ก็อาจจะคิดแค่ว่า ก็ทำแล้วได้เงิน ก็โอเคแล้วนี่...
โดยลืมส่วนผสมที่สำคัญที่สุดในการปรุงอาหาร นั่นคือ การทำอาหารด้วย "ใจ"
ผมจึงรู้สึกว่า เวลาที่ไปทานอาหารตามสั่งตามต่างจังหวัดนั้น จะอร่อยกว่า,
ปราณีตกว่า เพราะดูเหมือนว่า "คุณป้า" ให้ความสำคัญกับอาหารทุกจาน
และที่แน่นอนก็คือ ปรุงด้วยใจ... เต็มที่ 100%
ที่มาของกระทู้นี้-
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมมักจะไปเยี่ยมเพื่อนซี้คนนึงที่เชียงใหม่ หมอนี่เป็นโรคเกลียดกรุงเทพฯ
เลยย้ายไปตั้งรกราก ซื้อที่ปลูกบ้านอยู่ที่นู่น ในอำเภอ -xxx- (ละกันนะครับ)
แฝงตัวอยู่กับชาวบ้านในพื้นที่อย่างแนบเนียน ปลูกถั่วฝักยาว, ปลูกผลไม้ขายไปตามเรื่อง
ผมเองก็ไปเยี่ยมมันบ่อยๆ ตามที่โอกาสจะอำนวย ด้วยความเป็นห่วงว่า-
มันยังอยู่ดีกินดีไหม? หรือว่าโดนงูเขียวหางไหม้กัดตายชักแหง็กๆอยู่ในไร่ถั่วฝักยาวของมัน
ในละแวกบ้านมัน ออกมาราวๆไม่เกิน 2-3 ก.ม. มีร้านอาหารตามสั่งของป้า -xxx- นามโสมมู้ท..
ซึ่งเป็นร้านชำโชห่วยไปด้วยในตัวเสร็จสรรพ ครบวงจร, typical สุดๆสำหรับต่างจังหวัด...
ผมว่าฝีมือการปรุงอาหารของคุณป้าเจ้าของร้านนั้น ในเมนูพื้นๆทั่วไป เช่น ผัดกะเพรา,
ผัดซีอิ๊ว, ราดหน้า ฯลฯ นั้น หากใครสักคนมีฝีมือ "ขั้นเทพ" คุณป้าคนนี้..
คือเทพของเทพอีกที หรือเป็นอภิมหาเทพ!
ยืนยันว่าอร่อยจริงๆครับ ไปเชียงใหม่ทีไร เป็นต้องแวะไปทานทุกครั้งเลย
วันที่เกิดเรื่อง.. คือผมก็ไปทานกับเพื่อนคนนี้แหละครับ, สองคน ช่วงบ่ายๆ
ผมสั่ง ผัดผักรวมราดข้าว 1 จาน, ส่วนเพื่อน.. เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว 1 จาน
ระหว่างนั่งรอ เราก็นั่งดูนกดูไม้ มองดูดอยดูภูเขาที่อยู่ไกลๆไปตามเรื่อง
ผมเองก็ดัน (เจือก) ตาไวมองไปเห็นคุณป้าที่แกกำลังหั่นผักคะน้าอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ
อากาศค่อนข้างจะร้อนอบอ้าว เหงื่อออกกันถ้วนหน้า..
พลัน, ชั่วเสี้ยววินาที แว้บบ... นึง คุณป้าแกก็เอามือเกาจั๊กกะแร้แกรกๆ 2-3 ที (เสื้อแขนกุด)
ยกขึ้นดมแว้บนึง (เพื่อ???) แล้วแกก็เอามือนั้นจับผักคะน้าหั่นต่อไป..
กระบวนการทั้งหมดนี้ ดูเหมือนจะเกิดขึ้นแบบอัตโนมัติ โดยที่คุณป้าเอง,
ก็ไม่น่าจะรู้สึกตัวว่าแกทำอะไรลงไป...
หมายเหตุ : คุณป้านุ่งกางเกงขายาว แต่เสื้อที่ใส่เป็นแบบแขนกุด รูปร่างท้วม.
ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก.. กับภาพที่เพิ่งปรากฎ แต่ก็ไม่ได้กระโตกกระตากอะไร
สักพัก อาหารที่สั่งทั้ง 2 จานถูกยกมาเสิร์ฟ ผมก็ปล่อยให้เพื่อนมันทานไปก่อน
ในขณะที่ตัวเองก็ทำไก๋ ยกมือถือขึ้นมากดไปคุยกับเพื่อนอีกคนทางกรุงเทพฯ แฮ่..
โคตะระเลว ที่ผมไม่บอกมันในสิ่งที่ผมเห็น อะไรก็ไม่รู้ทำให้คิดว่า ไม่พูดดีกว่า..
คุยกับเพื่อนอีกคนในมือถือจนไม่มีอะไรจะคุยแล้ว ก็ (จำใจ) ต้องวางสาย อย่างอาลัย
หมดมุกก็เลยทำเป็นกดมือถือ ทำเป็นดู app. นู่น app. นี่ ซึ่งไม่เนียนเอาซะเลยครับ
เพราะมือถือผมมันเป็นแบบกากๆ ถูกๆ ไม่ได้มีฟังก์ชั่นอะไรสักเท่าไหร่ (ให้ถ่วงเวลา)
เพราะมันหาใช่ smart phone ไม่ =_="
ตัวคุณป้าเอง, หลังจากที่เสร็จจากการทำอาหารให้เรา แกก็นั่งดูทีวีต่อไป
พวกละครน่าเบื่อๆอะไรสักอย่างในช่วงบ่ายๆอย่างนี้
เหมือนแกอยู่ในภวังค์ หรือเข้าสมาธิแบบลึก โดยไม่รู้ตัว..
คุณป้าก็บรรจงสอดนิ้วก้อยเข้าไปในรูจมูก ปั่นๆๆ ชักเข้า-ชักออกอย่างเมามัน
นิ้วก้อยกับนิ้วโป้งก็ปั้นๆคลึงๆ "วัตถุลึกลับ" อะไรบางอย่างด้วยความเพลิดเพลิน...
ผมก็แอบชำเลืองมอง ทำตาปริบๆ
สักครู่นึง, ก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าร้าน ผู้ชายหนุ่มๆ 2 คน
ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษา เข้ามานั่งในร้านและสั่งก๋วยเตี๋ยวคนละชาม
แม่เจ้า...! ผมมองดูมือ "ข้างนั้น" ของคุณป้า เอื้อมเข้าไปในตู้กระจก
กำเส้นก๋วยเตี๋ยวออกมาลวก และลูกชิ้น และถั่วงอก และผักบุ้ง blah.. blah..
ผมเลยต้องทำเป็นนั่งดูทีวีอย่างตั้งอกตั้งใจ ราวกับว่ากำลังอินกับละครเต็มที่
จนเพื่อนผมชักสงสัย "อ้าวเฮ้ย..

ไม่กินเหรอ?" (เฉือกเสียงดังอีกแนะ! เวง..)
คุณป้าหันขวับมามองผม แล้วถามอย่างเอื้ออารีว่า-
"มันเป็นไงไปลูก? ไม่อร่อยเหรอ?" แกถามยิ้มๆ
ผม "แฮ่ๆ ป่าวครับ, รู้สึกเหมือนตอนนี้ผมจะไม่ค่อยจะหิวเท่าไหร่ เดี๋ยวรบกวนป้าใส่กล่อง-
ผมเอากลับไปทานตอนเย็นละกันครับ"
รอดตัวไปครับ... แล้วสุดท้าย, ท้ายสุดของข้าวกล่องนั้น ก็จบลงที่ถุงดำครับ
ส่วนเพื่อน, ผมไม่ได้บอกอะไรกับมัน ว่าผมเห็นอะไร และยังคงเป็นความลับ-
ดำมืดมาจนทุกวันนี้ครับ ไม่ทราบว่าทำไม, แต่ผมว่าผมเงียบๆ เฉยๆไว้ดีกว่าครับ
เพื่อนเอ๋ย... หวังว่า

คงไม่อ่านมาเจอกระทู้นี้โดยบังเอิญนะ คงเดาออกแน่นอน..
ก็ไม่เชิงว่าจะมาทำ POLL ซีเรียสอะไรจริงจังหรอกนะครับ
เพียงแต่มาแชร์ประสบการเล่าสู่กันฟังสนุกๆเท่านั้นเอง
เพื่อที่จะดูว่า-
หากเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นมา เพื่อนๆใน pantip จะคิด และทำยังไงครับ?
== [กรณีศึกษาแถม] ==
สมัยผมยังเป็นเด็กประถม ตอนเย็นช่วงเลิกเรียน
จะมีบรรดาพ่อค้า-แม่ค้ามาขายขนม, ของเล่น ฯลฯ
หลอกเอาตังค์เด็กอยู่ที่หน้าโรงเรียน เพียบ...
มีอาแปะสูงอายุคนนึง ผมคิดว่าน่าจะ 65 up+ นะครับ
แกขายขนมไข่นกกระทาทอด (เป็นแป้งปั้นกลมๆแล้วทอด)
เจ้านี้อร่อยขั้นเทพ (ในความคิดของเด็กเอ๋ออย่างผมตอนนั้น)
บางทีผมก็ไปแอบดูอยู่ห่างๆ ดูแกปั้นแป้ง ปั้นๆๆๆ
แล้วเอาลงทอดในกระทะ สนุก+เพลินดี
วันเกิดเหตุ.. ผมเห็นแกกำลังปั้นๆนวดๆแป้งอยู่
่
แกเอามือเปล่านี่แหละครับ สั่งน้ำมูกปู้ดๆ
สบัดมือเล็กน้อย.. แล้วปั้นแป้งต่อ...!


ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา, ผมเลิกซื้อโดยเด็ดขาด...
ขอบคุณสำหรับการทำโพลครับ
"สจ๊วตแก่"
อาหารตามสั่งอร่อยขั้นเทพ..! ==> เหงื่อโชก ==> เกาจุ๊กกุแร้ ==> ดมมือ ==> หั่นผักต่อ, ถ้าเป็นคุณ..?
วันนี้ผมว่างๆ สบายๆ เลยเข้ามาคุยเรื่องของกินกัน
การทานอาหารนอกบ้านนั้น
ตั้งแต่ร้านถูกๆริมถนน ไปจนถึงร้านอาหารหรูเลิศราคาแพง
สิ่งที่ท่านต้องเจอคือ เบื้องหน้า และ เบื้องหลัง
เบื้องหน้าคือ-
1) ลักษณะร้าน, การตกแต่งร้าน
2) พนักงาน, บริกร หรือเจ้าของร้าน
3) อาหารในจานที่มาวางอยู่ตรงหน้า
เบื้องหลังคือ-
1) วัตถุดิบ และการจัดเตรียม
2) การปรุง
ในร้านอาหารที่ใหญ่หน่อย หรือแพงหน่อย โดยมาก ท่านจะไม่มีโอกาสได้เห็น
ส่วนที่เป็นครัวว่า สะอาดสะอ้านเพียงใด? มีหนูมั้ย? มีแมลงสาบมั้ย?
คนที่ปรุงอาหารแต่งตัวแบบไหน? รัดกุมเพียงใด? หน้าตาเป็นไง?
ในกรณีที่เป็นร้านเล็กๆลงมา หรือแบบริมถนน ท่านจะได้เห็นทุกการเคลื่อนไหว
หากเป็นคนที่ช่างสังเกตสักหน่อย เหอ.. เหอะๆ.. และนั่นก็เป็นที่มาที่ไปของอาหาร
ปลายทางก็คือ สิ่งที่ท่านกำลังจะตักเข้าปากครับ
กรณีร้านอาหารตามสั่ง, ผมเชื่อว่าเพื่อนๆทุกท่านน่าจะผ่านประสบการณ์มาแล้ว
ถ้าไม่ไฮโซจ๋าจนเกินไป.. เช่นเดียวกับผม, ที่ใช้บริการร้านอาหารตามสั่งมานับไม่ถ้วน
อย่างไม่เคอะเขิน ด้วยผมเป็นคนใช้แรงงาน รายได้น้อย จึงไม่อาจเอื้อมที่จะไป-
ทานในร้านหรูๆแพงๆได้บ่อยนัก แบบปีนึงนับครั้งได้ครับ สำหรับร้านแพงๆ
ชนิดกินแล้วห้ามขรี้.. จนกว่าจะครบ 7 วัน, ของมันแพง.. เสียดาย..
เท่าที่ใช้บริการร้านอาหารตามสั่งมาค่อนข้างมาก ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ผมพบว่า ร้านที่อร่อยเข้าขั้น เจ้าของร้าน/แม่ครัวมักจะเป็นคุณป้าที่ค่อนข้างมีอายุ
ต้องซักประมาณ 50 up+ ส่วนมากผม (อาจจะ) รู้สึก (ไปเอง) ว่า-
ร้านตามต่างจังหวัด โดยรวม มักจะอร่อยกว่าในกรุงเทพฯ เพราะร้านในกรุงเทพฯ
จำนวนมาก ก็อาจจะคิดแค่ว่า ก็ทำแล้วได้เงิน ก็โอเคแล้วนี่...
โดยลืมส่วนผสมที่สำคัญที่สุดในการปรุงอาหาร นั่นคือ การทำอาหารด้วย "ใจ"
ผมจึงรู้สึกว่า เวลาที่ไปทานอาหารตามสั่งตามต่างจังหวัดนั้น จะอร่อยกว่า,
ปราณีตกว่า เพราะดูเหมือนว่า "คุณป้า" ให้ความสำคัญกับอาหารทุกจาน
และที่แน่นอนก็คือ ปรุงด้วยใจ... เต็มที่ 100%
ที่มาของกระทู้นี้-
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมมักจะไปเยี่ยมเพื่อนซี้คนนึงที่เชียงใหม่ หมอนี่เป็นโรคเกลียดกรุงเทพฯ
เลยย้ายไปตั้งรกราก ซื้อที่ปลูกบ้านอยู่ที่นู่น ในอำเภอ -xxx- (ละกันนะครับ)
แฝงตัวอยู่กับชาวบ้านในพื้นที่อย่างแนบเนียน ปลูกถั่วฝักยาว, ปลูกผลไม้ขายไปตามเรื่อง
ผมเองก็ไปเยี่ยมมันบ่อยๆ ตามที่โอกาสจะอำนวย ด้วยความเป็นห่วงว่า-
มันยังอยู่ดีกินดีไหม? หรือว่าโดนงูเขียวหางไหม้กัดตายชักแหง็กๆอยู่ในไร่ถั่วฝักยาวของมัน
ในละแวกบ้านมัน ออกมาราวๆไม่เกิน 2-3 ก.ม. มีร้านอาหารตามสั่งของป้า -xxx- นามโสมมู้ท..
ซึ่งเป็นร้านชำโชห่วยไปด้วยในตัวเสร็จสรรพ ครบวงจร, typical สุดๆสำหรับต่างจังหวัด...
ผมว่าฝีมือการปรุงอาหารของคุณป้าเจ้าของร้านนั้น ในเมนูพื้นๆทั่วไป เช่น ผัดกะเพรา,
ผัดซีอิ๊ว, ราดหน้า ฯลฯ นั้น หากใครสักคนมีฝีมือ "ขั้นเทพ" คุณป้าคนนี้..
คือเทพของเทพอีกที หรือเป็นอภิมหาเทพ!
ยืนยันว่าอร่อยจริงๆครับ ไปเชียงใหม่ทีไร เป็นต้องแวะไปทานทุกครั้งเลย
วันที่เกิดเรื่อง.. คือผมก็ไปทานกับเพื่อนคนนี้แหละครับ, สองคน ช่วงบ่ายๆ
ผมสั่ง ผัดผักรวมราดข้าว 1 จาน, ส่วนเพื่อน.. เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว 1 จาน
ระหว่างนั่งรอ เราก็นั่งดูนกดูไม้ มองดูดอยดูภูเขาที่อยู่ไกลๆไปตามเรื่อง
ผมเองก็ดัน (เจือก) ตาไวมองไปเห็นคุณป้าที่แกกำลังหั่นผักคะน้าอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ
อากาศค่อนข้างจะร้อนอบอ้าว เหงื่อออกกันถ้วนหน้า..
พลัน, ชั่วเสี้ยววินาที แว้บบ... นึง คุณป้าแกก็เอามือเกาจั๊กกะแร้แกรกๆ 2-3 ที (เสื้อแขนกุด)
ยกขึ้นดมแว้บนึง (เพื่อ???) แล้วแกก็เอามือนั้นจับผักคะน้าหั่นต่อไป..
กระบวนการทั้งหมดนี้ ดูเหมือนจะเกิดขึ้นแบบอัตโนมัติ โดยที่คุณป้าเอง,
ก็ไม่น่าจะรู้สึกตัวว่าแกทำอะไรลงไป...
หมายเหตุ : คุณป้านุ่งกางเกงขายาว แต่เสื้อที่ใส่เป็นแบบแขนกุด รูปร่างท้วม.
ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก.. กับภาพที่เพิ่งปรากฎ แต่ก็ไม่ได้กระโตกกระตากอะไร
สักพัก อาหารที่สั่งทั้ง 2 จานถูกยกมาเสิร์ฟ ผมก็ปล่อยให้เพื่อนมันทานไปก่อน
ในขณะที่ตัวเองก็ทำไก๋ ยกมือถือขึ้นมากดไปคุยกับเพื่อนอีกคนทางกรุงเทพฯ แฮ่..
โคตะระเลว ที่ผมไม่บอกมันในสิ่งที่ผมเห็น อะไรก็ไม่รู้ทำให้คิดว่า ไม่พูดดีกว่า..
คุยกับเพื่อนอีกคนในมือถือจนไม่มีอะไรจะคุยแล้ว ก็ (จำใจ) ต้องวางสาย อย่างอาลัย
หมดมุกก็เลยทำเป็นกดมือถือ ทำเป็นดู app. นู่น app. นี่ ซึ่งไม่เนียนเอาซะเลยครับ
เพราะมือถือผมมันเป็นแบบกากๆ ถูกๆ ไม่ได้มีฟังก์ชั่นอะไรสักเท่าไหร่ (ให้ถ่วงเวลา)
เพราะมันหาใช่ smart phone ไม่ =_="
ตัวคุณป้าเอง, หลังจากที่เสร็จจากการทำอาหารให้เรา แกก็นั่งดูทีวีต่อไป
พวกละครน่าเบื่อๆอะไรสักอย่างในช่วงบ่ายๆอย่างนี้
เหมือนแกอยู่ในภวังค์ หรือเข้าสมาธิแบบลึก โดยไม่รู้ตัว..
คุณป้าก็บรรจงสอดนิ้วก้อยเข้าไปในรูจมูก ปั่นๆๆ ชักเข้า-ชักออกอย่างเมามัน
นิ้วก้อยกับนิ้วโป้งก็ปั้นๆคลึงๆ "วัตถุลึกลับ" อะไรบางอย่างด้วยความเพลิดเพลิน...
ผมก็แอบชำเลืองมอง ทำตาปริบๆ
สักครู่นึง, ก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าร้าน ผู้ชายหนุ่มๆ 2 คน
ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษา เข้ามานั่งในร้านและสั่งก๋วยเตี๋ยวคนละชาม
แม่เจ้า...! ผมมองดูมือ "ข้างนั้น" ของคุณป้า เอื้อมเข้าไปในตู้กระจก
กำเส้นก๋วยเตี๋ยวออกมาลวก และลูกชิ้น และถั่วงอก และผักบุ้ง blah.. blah..
ผมเลยต้องทำเป็นนั่งดูทีวีอย่างตั้งอกตั้งใจ ราวกับว่ากำลังอินกับละครเต็มที่
จนเพื่อนผมชักสงสัย "อ้าวเฮ้ย..
คุณป้าหันขวับมามองผม แล้วถามอย่างเอื้ออารีว่า-
"มันเป็นไงไปลูก? ไม่อร่อยเหรอ?" แกถามยิ้มๆ
ผม "แฮ่ๆ ป่าวครับ, รู้สึกเหมือนตอนนี้ผมจะไม่ค่อยจะหิวเท่าไหร่ เดี๋ยวรบกวนป้าใส่กล่อง-
ผมเอากลับไปทานตอนเย็นละกันครับ"
รอดตัวไปครับ... แล้วสุดท้าย, ท้ายสุดของข้าวกล่องนั้น ก็จบลงที่ถุงดำครับ
ส่วนเพื่อน, ผมไม่ได้บอกอะไรกับมัน ว่าผมเห็นอะไร และยังคงเป็นความลับ-
ดำมืดมาจนทุกวันนี้ครับ ไม่ทราบว่าทำไม, แต่ผมว่าผมเงียบๆ เฉยๆไว้ดีกว่าครับ
เพื่อนเอ๋ย... หวังว่า
ก็ไม่เชิงว่าจะมาทำ POLL ซีเรียสอะไรจริงจังหรอกนะครับ
เพียงแต่มาแชร์ประสบการเล่าสู่กันฟังสนุกๆเท่านั้นเอง
เพื่อที่จะดูว่า-
หากเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นมา เพื่อนๆใน pantip จะคิด และทำยังไงครับ?
== [กรณีศึกษาแถม] ==
สมัยผมยังเป็นเด็กประถม ตอนเย็นช่วงเลิกเรียน
จะมีบรรดาพ่อค้า-แม่ค้ามาขายขนม, ของเล่น ฯลฯ
หลอกเอาตังค์เด็กอยู่ที่หน้าโรงเรียน เพียบ...
มีอาแปะสูงอายุคนนึง ผมคิดว่าน่าจะ 65 up+ นะครับ
แกขายขนมไข่นกกระทาทอด (เป็นแป้งปั้นกลมๆแล้วทอด)
เจ้านี้อร่อยขั้นเทพ (ในความคิดของเด็กเอ๋ออย่างผมตอนนั้น)
บางทีผมก็ไปแอบดูอยู่ห่างๆ ดูแกปั้นแป้ง ปั้นๆๆๆ
แล้วเอาลงทอดในกระทะ สนุก+เพลินดี
วันเกิดเหตุ.. ผมเห็นแกกำลังปั้นๆนวดๆแป้งอยู่
่
แกเอามือเปล่านี่แหละครับ สั่งน้ำมูกปู้ดๆ
สบัดมือเล็กน้อย.. แล้วปั้นแป้งต่อ...!
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา, ผมเลิกซื้อโดยเด็ดขาด...
ขอบคุณสำหรับการทำโพลครับ
"สจ๊วตแก่"