หนึ่งสุนัขกับสองคน เดินไปด้วยกันเงียบๆ ในใจของทั้งสามต่างมีอะไรมากมาย แต่เด็กทั้งสองนั้นยังไม่มีใครอยากที่จะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นก่อน ส่วนอีกหนึ่งตัวก็ไม่สามารถที่จะสื่อสารอะไรได้มากไปกว่าการมองตา หรือส่งเสียงเห่าที่ไม่มีความหมายสำหรับมนุษย์เท่านั้น
ท้องฟ้ามืดมิดลงแล้ว บนนั้นยังคงมีดวงดาวอยู่มากมาย แต่กลับไม่อาจมองเห็น ภายใต้กลุ่มหมอกควัน และแสงเมืองที่เรืองรองขึ้นจากพื้น มีเพียงจันทร์เสี้ยวลอยเด่นอย่างเดียวดาย เดียวดายทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ดวงดาวต่างๆ ก็ยังคงอยู่เคียงข้างเสมอ
บางทีท้องฟ้าเบื้องบนอาจเป็นเงาสะท้อนของเมืองที่ทอดตัวอยู่เบื้องล่างก็เป็นได้
ขนุนกำลังใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความตื่น ครึ่งหนึ่งของที่มันแบ่งปันกับโลกในความฝัน มันเดินผ่านไปในกลิ่นต่างๆ รอบกายอันแสนคุ้นเคย กลิ่นที่ทำให้มันรู้สึกปลอดภัย แต่มันก็ยังอดคิดถึงโลกที่มีขอบคมนั้น โลกที่มันมีโอกาสได้สัมผัสเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้
โลกที่ไร้ชื่อ ไร้สิ่งซึ่งเรียกว่าเจ้านาย มันเป็นโลกที่น่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในยามที่มันกำลังย่ำเดินไปในโลกประหลาดใบนั้น ภายในตัวมันกลับไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าความหวาดกลัวเลย มีเพียงแค่ชีวิต ทุกสิ่งเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องทำความเข้าใจ
มันจึงทั้งน่ากลัว และน่าสนใจในเวลาเดียวกัน
“...บ้านของขนุนต้องไปอีกทาง” อะตอมพูดขึ้นลอยๆ เมื่อถึงทางแยก
“อื้อ” พอ ตอบ โดยไม่เจาะจงถึงใคร
ทั้งสามกำลังจะแยกย้ายจากกัน ชั่วเวลาพริบตานั้น สายตาของเด็กชายทั้งสองก็มาพบกันเข้าพอดี
“...ขอบใจนะ” อะตอมว่า
“ไม่เป็นไร...” พอ ตอบ
ทั้งสองฝ่ายหันหลังให้กันก่อนก้าวเดินไปคนละทาง ทั้งคู่ต่างอดไม่ได้ที่จะเหลียวกลับไปมองฝ่ายตรงข้าม ในคนละช่วงเวลาราวกับนัดกันไว้ จึงได้เห็นเพียงแผ่นหลังของกันและกัน แต่ดูเหมือนภายในใจชองทั้งสองนั้นจะมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งคู่ต่างคาดว่า การพบกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ต้องมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นแน่
แม้แต่ขนุนเองก็ยังคิดเช่นนั้น
#####
พอ นั่งมองคนนั้นทีคนนี้ที บรรยากาศบนโต๊ะอาหารคืนนี้ชวนอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเป็น คุณยายดูเป็นปกติมากเกินไป ในขณะที่ทั้งแม่ และพ่อต่างมีท่าทางไม่ปกติเลย 'มีบางอย่างเกิดขึ้น' ดูเหมือนว่าทั้งหมดตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงมันต่อหน้าเขา แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงมองเห็นเงาสีดำลางๆ ล่องลอยอยู่เหนือโต๊ะตลอดเวลา
เงาที่มองดูคล้ายกับใบหน้าของสัตว์บางชนิด ใบหูใหญ่ ตาโตแวววาว พร้อมกับรอยยิ้มกวน 'ไม่ใช่หมาป่า' เขามั่นใจ มันมองดูเหมือนพร้อมที่จะปรากฎ หรือหายไปได้ตลอดเวลา เขาไม่แน่ใจว่ามันมีอยู่จริง 'ถ้าอย่างนั้นคนอื่นก็ต้องเห็นด้วยสิ' หรือมีอยู่เพียงในความคิดของเขา 'แล้วฉันไปเอาความคิดบ้าๆ ที่ไหนสร้างมันขึ้นมา'
แต่รอยยิ้มของมันไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด
“...ไปหาหมอมาวันนี้ เป็นอย่างไรบ้างครับคุณยาย” เขาตัดสินใจเอ่ยถามออกไป
เสียงช้อนกระทบจานดังขึ้นก่อนตามมาด้วยความเงียบช่วงระยะสั้นๆ
“ยายต้องทำการรักษาเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก” คุณยายเป็นคนตอบเองพร้อมด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่แม่ก้มมองจานข้าวตรงหน้า ส่วนพ่อก็หันมองไปทางอื่น
'มันต้องเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของคุณยายแน่' เขามั่นใจ แต่ก็ตัดสินใจว่าจะไม่ถามอะไรเพิ่มเติมอีก เพราะตัวเขาเองก็มีเรื่องที่ต้องคิดเช่นเดียวกัน ผู้ใหญ่ต่างมีเรื่องราวของพวกเขา เด็กเองก็เช่นกัน ที่มีเรื่องราวของพวกตน
คืนนี้เขามีเรื่องที่คิดจะทำ นั่นคือการค้นห้องอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาหนังสือนิทานที่หายไปเล่มนั้น ยายเองก็มีเรื่องต้องคิดจนทำให้นอนลืมตาอยู่จนดึก พ่อกับแม่ก็มีเรื่องที่ต้องกระซิบกระซาบพูดคุยกันภายในห้องนอน ซึ่งมีทั้งการถกเถียง และเสียงร้องไห้ปะปนกันไป
#####
คนเฝ้าหนังสือ ตอนที่ 17
ท้องฟ้ามืดมิดลงแล้ว บนนั้นยังคงมีดวงดาวอยู่มากมาย แต่กลับไม่อาจมองเห็น ภายใต้กลุ่มหมอกควัน และแสงเมืองที่เรืองรองขึ้นจากพื้น มีเพียงจันทร์เสี้ยวลอยเด่นอย่างเดียวดาย เดียวดายทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ดวงดาวต่างๆ ก็ยังคงอยู่เคียงข้างเสมอ
บางทีท้องฟ้าเบื้องบนอาจเป็นเงาสะท้อนของเมืองที่ทอดตัวอยู่เบื้องล่างก็เป็นได้
ขนุนกำลังใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความตื่น ครึ่งหนึ่งของที่มันแบ่งปันกับโลกในความฝัน มันเดินผ่านไปในกลิ่นต่างๆ รอบกายอันแสนคุ้นเคย กลิ่นที่ทำให้มันรู้สึกปลอดภัย แต่มันก็ยังอดคิดถึงโลกที่มีขอบคมนั้น โลกที่มันมีโอกาสได้สัมผัสเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้
โลกที่ไร้ชื่อ ไร้สิ่งซึ่งเรียกว่าเจ้านาย มันเป็นโลกที่น่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในยามที่มันกำลังย่ำเดินไปในโลกประหลาดใบนั้น ภายในตัวมันกลับไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าความหวาดกลัวเลย มีเพียงแค่ชีวิต ทุกสิ่งเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องทำความเข้าใจ
มันจึงทั้งน่ากลัว และน่าสนใจในเวลาเดียวกัน
“...บ้านของขนุนต้องไปอีกทาง” อะตอมพูดขึ้นลอยๆ เมื่อถึงทางแยก
“อื้อ” พอ ตอบ โดยไม่เจาะจงถึงใคร
ทั้งสามกำลังจะแยกย้ายจากกัน ชั่วเวลาพริบตานั้น สายตาของเด็กชายทั้งสองก็มาพบกันเข้าพอดี
“...ขอบใจนะ” อะตอมว่า
“ไม่เป็นไร...” พอ ตอบ
ทั้งสองฝ่ายหันหลังให้กันก่อนก้าวเดินไปคนละทาง ทั้งคู่ต่างอดไม่ได้ที่จะเหลียวกลับไปมองฝ่ายตรงข้าม ในคนละช่วงเวลาราวกับนัดกันไว้ จึงได้เห็นเพียงแผ่นหลังของกันและกัน แต่ดูเหมือนภายในใจชองทั้งสองนั้นจะมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งคู่ต่างคาดว่า การพบกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ต้องมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นแน่
แม้แต่ขนุนเองก็ยังคิดเช่นนั้น
#####
พอ นั่งมองคนนั้นทีคนนี้ที บรรยากาศบนโต๊ะอาหารคืนนี้ชวนอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเป็น คุณยายดูเป็นปกติมากเกินไป ในขณะที่ทั้งแม่ และพ่อต่างมีท่าทางไม่ปกติเลย 'มีบางอย่างเกิดขึ้น' ดูเหมือนว่าทั้งหมดตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงมันต่อหน้าเขา แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงมองเห็นเงาสีดำลางๆ ล่องลอยอยู่เหนือโต๊ะตลอดเวลา
เงาที่มองดูคล้ายกับใบหน้าของสัตว์บางชนิด ใบหูใหญ่ ตาโตแวววาว พร้อมกับรอยยิ้มกวน 'ไม่ใช่หมาป่า' เขามั่นใจ มันมองดูเหมือนพร้อมที่จะปรากฎ หรือหายไปได้ตลอดเวลา เขาไม่แน่ใจว่ามันมีอยู่จริง 'ถ้าอย่างนั้นคนอื่นก็ต้องเห็นด้วยสิ' หรือมีอยู่เพียงในความคิดของเขา 'แล้วฉันไปเอาความคิดบ้าๆ ที่ไหนสร้างมันขึ้นมา'
แต่รอยยิ้มของมันไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด
“...ไปหาหมอมาวันนี้ เป็นอย่างไรบ้างครับคุณยาย” เขาตัดสินใจเอ่ยถามออกไป
เสียงช้อนกระทบจานดังขึ้นก่อนตามมาด้วยความเงียบช่วงระยะสั้นๆ
“ยายต้องทำการรักษาเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก” คุณยายเป็นคนตอบเองพร้อมด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่แม่ก้มมองจานข้าวตรงหน้า ส่วนพ่อก็หันมองไปทางอื่น
'มันต้องเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของคุณยายแน่' เขามั่นใจ แต่ก็ตัดสินใจว่าจะไม่ถามอะไรเพิ่มเติมอีก เพราะตัวเขาเองก็มีเรื่องที่ต้องคิดเช่นเดียวกัน ผู้ใหญ่ต่างมีเรื่องราวของพวกเขา เด็กเองก็เช่นกัน ที่มีเรื่องราวของพวกตน
คืนนี้เขามีเรื่องที่คิดจะทำ นั่นคือการค้นห้องอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาหนังสือนิทานที่หายไปเล่มนั้น ยายเองก็มีเรื่องต้องคิดจนทำให้นอนลืมตาอยู่จนดึก พ่อกับแม่ก็มีเรื่องที่ต้องกระซิบกระซาบพูดคุยกันภายในห้องนอน ซึ่งมีทั้งการถกเถียง และเสียงร้องไห้ปะปนกันไป
#####