พิษบาทแข็งฉุด10อุตสาหกรรมอ่วม ส.อ.ท.ชง7มาตรการสู้-ลุ้นผลถกธปท.สัปดาห์หน้า

วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8094 ข่าวสดรายวัน

นายเจน นำชัยศิริ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อหารือมาตรการรับมือเงินบาทแข็งค่า ว่าจากการประเมินผลกระทบค่าเงินบาท จาก 25 กลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า 40% มีผลกระทบมาก ประกอบด้วย 10 กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องสำอาง เครื่องหนังและผลิตภัณฑ์หนัง อาหาร อัญมณีและเครื่องประดับ และอีก 28% มีผลกระทบปานกลาง รวม 7 กลุ่ม และ 32% ไม่มีผลกระทบ รวม 8 กลุ่ม

ทั้งนี้ สำนักวิชาการส.อ.ท.ได้รวบรวมข้อมูลการเปลี่ยน แปลงอัตราแลกเปลี่ยนของไทย เทียบกับภูมิภาคเอเชีย เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ พบว่าค่าเงินบาทของไทย ตั้งแต่ช่วง 21 ธ.ค.2555-21 ม.ค.2556 มีการปรับตัวแข็งค่าเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย แข็งค่าเพิ่มขึ้น 3.13% อินเดียแข็งค่าขึ้น 2.4% เกาหลีใต้ 2.3% มาเลเซีย 2.2% ฟิลิปปินส์ 1.62% เวียดนาม 0.6% ไต้หวัน 0.45% จีน 0.4% และอินโดนีเซียแข็งค่าขึ้น 0.05% แข็งค่าน้อยกว่าไทยถึง 3% ทำให้ไทยเสียเปรียบการส่งออกอย่างมาก

นายเจนกล่าวว่า การหารือกับนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในสัปดาห์หน้า จะเสนอมาตรการรับมือค่าเงินบาท รวม 7 ข้อ ประกอบด้วย 1.พยายามดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทผันผวน 2.อย่าให้ค่าเงินบาทแข็งกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะอินโดนีเซีย และมาเลเซีย 3.ปลดล็อกให้ผู้ส่งออกไทยถือครองดอลลาร์สหรัฐได้นานขึ้น 4.ลดวงเงินค่าธรรมเนียมการทำประกันความเสี่ยงการส่งออกให้กับ ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และอย่านำไปรวมกับวงเงินสินเชื่อที่จะปล่อยให้กับเอสเอ็มอี

5.ขอให้ ธปท.แยกบัญชีเงินตราต่างประเทศที่เข้ามาเก็งกำไร โดยให้กำหนดแยกรายการบัญชีที่เข้ามาลงทุน มีวัตถุประสงค์ว่าจะลงทุนในรายการใดบ้างให้ชัดเจน ส่วนเงินทุนที่เข้ามาเพื่อทำกำไรจากค่าบาทก็ให้กำหนดมาตรการออกมาควบคุม เช่น มาตรการสำรอง 30% ในช่วง 6 เดือน-1 ปี หรือการเก็บภาษีจากกำไรจากการขายหุ้น เป็นต้น

6.เร่งออกมาตรการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้นักลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมาย และ 7.ให้ภาครัฐเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า

ด้านนายวัลลภ วิตนากร รองประธานส.อ.ท. กล่าวว่า จะหารือถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายกับผู้ว่าฯ ธปท. ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของไทยที่ระดับ 2.75% นั้นสูงมากเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยภูมิภาคอื่น

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศหารือกับผู้ส่งออก เพื่อรวบรวมปัญหาและผลกระทบที่ผู้ส่งออกได้รับและแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อประชุมในสัปดาห์หน้า โดยยืนยันว่าจะไม่กระทบเป้าการส่งออกที่ตั้งไว้ที่ 8-9%

นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมามองว่าจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทยมากกว่าจะไปกังวลกับตัวเลขการส่งออก เนื่องจากถือเป็นช่วงโอกาสดีที่ภาครัฐต้องเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลมีแผนอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนกว่า 2.27 ล้านล้านบาท

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่