คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ต่อมาก็คือกระบวนการผลิตพอลิสไตรีน จาก สไตรีน นั้น ก็คือการพอลิเมอร์ไรซ์ตัว styrene ให้กลายเป็นพอลิเมอร์นั้นแลครับ ส่วนพอจะเอาไปทำโฟม ก็จะนำเม็ด PS ไปผสมกับ blowing agent หรือสารที่โดนความร้อนแล้วจะปล่อยพวกก๊าซออกมา ทำให้เกิดเป็นวัสดุที่มีรูพรุนหน่ะครับ
ปี 2011 สหรัฐอเมริกาขึ้นทะเบียนว่าสไตรีนเป็นสารที่มีแนวโน้มก่อมะเร็งจริงๆ และการสลายตัวของ PS ก็สามารถก่อให้เกิดสารอันตรายที่ก่อมะเร็งได้หลายตัว ทั้ง styrene, benzene, toluene เป็นต้น แต่ผมว่าบทความนี้มีการบิดเบือนหลายประการทีเดียว
1. อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นหรือเย็นลง ทำให้สไตรีนซึมเข้าสู่อาหารได้สูง
- อันนี้ไม่เป็นความจริง การเย็นลงไม่ได้มีส่วนทำให้สไตรีนมอนอเมอร์สลายตัวออกมาแต่อย่างใด และการสลายตัวของ PS ให้ได้สไตรีนนั้น
- PS foam นั้นมีจุดหลอมเหลวไม่สูงมากนักก็จริง แต่จุด degradation temp ของมันค่อนข้างสูงครับ มีงานวิจัยเสนอที่ทดสอบด้วย TGA-FITR หรือ pyrolysis-GC ระบุว่า ไม่มีการสลายตัวของ PS ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 220 C ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่อาหารอย่าง ข้าว หรือแกงที่ราด จะมีอุณหภูมิถึงระดับนั้นได้
2. ถ้าปรุงอาหารโดยใส่น้ำมัน น้ำส้มสายชูแอลกอฮอล์ จะดูดสารสไตรีนจากกล่องโฟมได้มากกว่าปกติ
- PS ถูกละลายโดยน้ำมันได้ง่ายครับ แต่ด้วยอุณหภูมิต่ำ น้ำมันไม่สามารถทำลายพันธของ PS ทำให้เกิดการสลายตัวได้
- น้ำส้มสายชูและแอลกอฮอล์ ก็ไม่สามารถทำปฏิกิริยา hyrolysis สายโซ่ PS ได้เช่นกัน อันนี้มั่ว
3. ถ้าซื้ออาหารใส่กล่องทิ้งไว้นานๆไม่ได้รับประทาน อาหารจะดูดสารสไตรีนได้มาก
- PS มีความคงตัวสูงที่อุณหภูมิห้องและแสงแดดครับ ยกเว้นคุณเอาไปใส่อาหาร แล้วเอาไปฉายรังสี UV ที่ irradiance สูงๆ จะทำให้เกิดการสลายตัวของ PS ปลดปล่อยพวก สไตรีนออกมาได้เช่นกัน แต่ในชีวิตประจำวัน ไม่มีใครในโลกเอาของกินใส่กล่องไปอาบแสง UV ในเตาอบ UV watt สูงๆ ก่อนรับประทาน
4. ถ้านำอาหารที่บรรจุโฟมเข้าไมโครเวฟ สไตรีนจะไหลออกมาในปริมาณมาก และ
- คลื่นไมโครเวฟ ไม่มีพลังงานเพียงพอจะทำลายพันธะโคเวเลนต์ระหว่าง C-C ได้ครับผม แต่ก็ไม่ควรเอามันเข้า microwave อยู่ดี เพราะมันทนความร้อนไม่ได้สูงนัก จุดหลอมเหลวของมันไม่มากครับ
5. ถ้าอาหารสัมผัสพื้นที่ผิวกล่องโฟมมากๆ รวมถึงร้านไหนตัดถุงพลาสติกใสรองอาหาร ขอบอกว่าได้รับสารก่อมะเร็ง 2 เด้ง ทั้งสไตรีนและไดออกซินจากถุงพลาสติกเลยทีเดียว
- อันนี้เข้าทำนองเลอะเทอะ LDPE film จะเอา dioxin มาจากไหน ????
ปี 2011 สหรัฐอเมริกาขึ้นทะเบียนว่าสไตรีนเป็นสารที่มีแนวโน้มก่อมะเร็งจริงๆ และการสลายตัวของ PS ก็สามารถก่อให้เกิดสารอันตรายที่ก่อมะเร็งได้หลายตัว ทั้ง styrene, benzene, toluene เป็นต้น แต่ผมว่าบทความนี้มีการบิดเบือนหลายประการทีเดียว
1. อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นหรือเย็นลง ทำให้สไตรีนซึมเข้าสู่อาหารได้สูง
- อันนี้ไม่เป็นความจริง การเย็นลงไม่ได้มีส่วนทำให้สไตรีนมอนอเมอร์สลายตัวออกมาแต่อย่างใด และการสลายตัวของ PS ให้ได้สไตรีนนั้น
- PS foam นั้นมีจุดหลอมเหลวไม่สูงมากนักก็จริง แต่จุด degradation temp ของมันค่อนข้างสูงครับ มีงานวิจัยเสนอที่ทดสอบด้วย TGA-FITR หรือ pyrolysis-GC ระบุว่า ไม่มีการสลายตัวของ PS ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 220 C ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่อาหารอย่าง ข้าว หรือแกงที่ราด จะมีอุณหภูมิถึงระดับนั้นได้
2. ถ้าปรุงอาหารโดยใส่น้ำมัน น้ำส้มสายชูแอลกอฮอล์ จะดูดสารสไตรีนจากกล่องโฟมได้มากกว่าปกติ
- PS ถูกละลายโดยน้ำมันได้ง่ายครับ แต่ด้วยอุณหภูมิต่ำ น้ำมันไม่สามารถทำลายพันธของ PS ทำให้เกิดการสลายตัวได้
- น้ำส้มสายชูและแอลกอฮอล์ ก็ไม่สามารถทำปฏิกิริยา hyrolysis สายโซ่ PS ได้เช่นกัน อันนี้มั่ว
3. ถ้าซื้ออาหารใส่กล่องทิ้งไว้นานๆไม่ได้รับประทาน อาหารจะดูดสารสไตรีนได้มาก
- PS มีความคงตัวสูงที่อุณหภูมิห้องและแสงแดดครับ ยกเว้นคุณเอาไปใส่อาหาร แล้วเอาไปฉายรังสี UV ที่ irradiance สูงๆ จะทำให้เกิดการสลายตัวของ PS ปลดปล่อยพวก สไตรีนออกมาได้เช่นกัน แต่ในชีวิตประจำวัน ไม่มีใครในโลกเอาของกินใส่กล่องไปอาบแสง UV ในเตาอบ UV watt สูงๆ ก่อนรับประทาน
4. ถ้านำอาหารที่บรรจุโฟมเข้าไมโครเวฟ สไตรีนจะไหลออกมาในปริมาณมาก และ
- คลื่นไมโครเวฟ ไม่มีพลังงานเพียงพอจะทำลายพันธะโคเวเลนต์ระหว่าง C-C ได้ครับผม แต่ก็ไม่ควรเอามันเข้า microwave อยู่ดี เพราะมันทนความร้อนไม่ได้สูงนัก จุดหลอมเหลวของมันไม่มากครับ
5. ถ้าอาหารสัมผัสพื้นที่ผิวกล่องโฟมมากๆ รวมถึงร้านไหนตัดถุงพลาสติกใสรองอาหาร ขอบอกว่าได้รับสารก่อมะเร็ง 2 เด้ง ทั้งสไตรีนและไดออกซินจากถุงพลาสติกเลยทีเดียว
- อันนี้เข้าทำนองเลอะเทอะ LDPE film จะเอา dioxin มาจากไหน ????
แสดงความคิดเห็น

@ เรื่องนี้เท็จจริงแค่ไหนคะ.. อันตรายจากกล่องโฟม
ข้าวกล่องม่องเท่ง! อันตรายจากกล่องโฟม!
นพ.วีรฉัตร กิตติรัตนไพบูลย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ บริษัท บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมให้ความรู้ว่ากล่องโฟมที่ใช้ตามท้องตลาดทั่วไป (Styrofoam) เป็นของเสียเหลือทิ้งสีดำๆ จากกระบวนการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ประกอบด้วยสารสไตรีน (Styrene) มีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน(Estrogen) ในเพศหญิง
อาหาร ตามสั่งที่บรรจุกล่องโฟมจึงเป็นแหล่งสะสมสารสไตรีน ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ทำให้สมองมึนงง สมองเสื่อมง่ายหงุดหงิดง่าย มีผลทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ และเป็นสารก่อมะเร็งอีก 3 ชนิด
ถ้า เป็น ผู้ชายรับประทานเข้าไปมากๆ มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม และทั้งสองเพศมีโอกาสสูงต่อการเป็นมะเร็งตับ แม้จะไม่ได้ดื่มแอลกฮอล์เป็นประจำก็ตาม
สำหรับสไตรีนถือเป็น สารอันตรายที่สหรัฐเพิ่งประกาศขึ้นบัญชีสารก่อมะเร็ง หญิงมีครรภ์ที่รับประทานอาหารบรรจุในกล่องโฟม ลูกมีโอกาสสมองเสื่อมเป็นเอ๋อ อวัยวะบางส่วนพิการ ส่วนคนทั่วไปถ้ารับประทานอาหารกล่องโฟมทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 มื้อ ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งสูงกว่าคนปกติถึง 6 เท่า
ทั้งนี้ ผู้บริโภคมีโอกาสได้รับสารสไตรีนในกล่องโฟมได้ง่ายถึง 5 ปัจจัย ได้แก่
1.อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นหรือเย็นลง ทำให้สไตรีนซึมเข้าสู่อาหารได้สูง
2.ถ้าปรุงอาหารโดยใส่น้ำมัน น้ำส้มสายชูแอลกอฮอล์ จะดูดสารสไตรีนจากกล่องโฟมได้มากกว่าปกติ
3.ถ้าซื้ออาหารใส่กล่องทิ้งไว้นานๆไม่ได้รับประทาน อาหารจะดูดสารสไตรีนได้มาก
4.ถ้านำอาหารที่บรรจุโฟมเข้าไมโครเวฟ สไตรีนจะไหลออกมาในปริมาณมาก และ
5.ถ้าอาหารสัมผัสพื้นที่ผิวกล่องโฟมมากๆ รวมถึงร้านไหนตัดถุงพลาสติกใสรองอาหาร ขอบอกว่าได้รับสารก่อมะเร็ง 2 เด้ง ทั้งสไตรีนและไดออกซินจากถุงพลาสติกเลยทีเดียว
นพ.วีรฉัตร เตือนว่าอาหารตามสั่ง หรือข้าวราดแกงที่มักมาคู่กับไข่ดาว หรือไข่เจียวร้อนๆขอเตือนว่า ไข่ดังกล่าวจะไปละลายผนังกล่องโฟม เสมือนรับประทานอาหารคลุกสไตรีนไปด้วย ถึงกระนั้นไข่ดิบที่วางขายในแผงไข่พลาสติก สารสไตรีนมีโอกาสวิ่งเข้าในเปลือกไข่ได้เช่นกัน ถ้าเลือกไข่ดิบควรเลือกซื้อจากแผงไข่กระดาษจะปลอดภัยที่สุด มนุษย์ ข้าวกล่องอย่ามัวซื้อความสะดวกสบาย จนลืมใส่ใจสุขภาพของตัวเอง ถ้ายอมให้ร่างกายเริ่มสะสมสไตรีนตั้งแต่วันนี้ รับรองวันหน้าหนีไม่พ้นมะเร็งตัวร้ายเป็นแน่!!!!! — กับ พระสุกรี โกสโล, Benyapa Benz'zii, Sirirat Limcharoen, Gan Teragan และ Punyapa Ninrat