จอมใจเจ้าป่า ตอนที่ 1
ขอฝากผลงานแนวโรมานซ์ในนามปากกา นันทินี ด้วยนะคะ
เครื่องทำความร้อนในห้องพักถูกปรับอุณหภูมิไว้สูงกว่าปกติจนร่างเล็กที่นอนขดอยู่กับกองผ้าห่มผืนหนาเริ่มดิ้นด้วยความไม่สบายตัว ช่วงขาเรียวสวยสะบัดออกจากชายผ้า ผิวเนื้อนวลใต้แสงสลัวดูผุดผ่องแม้ในเงามืด ห้องเล็กค่อนข้างแคบมีเพียงเตียงเดี่ยวตั้งอยู่กลางห้องรายล้อมด้วยโต๊ะเขียนหนังสือและชั้นวางของกระจุกกระจิกจำพวกตุ๊กตาผ้าและเครื่องประดับของผู้หญิง
ผู้บุกรุกยามค่ำคืนปิดประตูอย่างเบามือ ก้าวเท้าเงียบกริบตรงไปที่เตียงนอนอย่างคุ้นเคย เดาได้ว่าคงเคยเข้ามาในห้องนี้หลายครั้ง เพราะแม้อยู่ในความมืดเขากลับสาวเท้าตรงไปที่เตียงได้โดยไม่สะดุดข้าวของบนพื้นจนหกล้มหน้าคะมำไปเสียก่อน
ร่างสันทัดทรุดตัวลงกับฟูกที่นอนมือหยาบที่ลูบไล้ผิวเนียนติดจะสั่นด้วยความรู้สึกกระหายภายใน แม้ในความสลัวยังมองเห็นประกายตาวาววามและเสียงหายใจหอบแรงด้วยความตื่นเต้น ร่างเล็กดูจะหลับลึกจนไม่รับรู้ถึงสัมผัสแปลกปลอม ลมหายใจยังคงทอดสม่ำเสมอทรวงอกอิ่มใต้เสื้อนอนตัวนิ่มสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ ผู้บุกรุกหรี่ตามองราวเห็นอาหารโอชะที่จัดใส่จานไว้ตรงหน้ารอให้เขาจ้วงตักกินให้อิ่มเอม เนื้อนวลใต้ฝ่ามือหยาบช่างนุ่มเนียนราวกับผ้าเนื้อดีราคาแพง เขาสอดมือเข้าใต้เสื้อที่รั้งสูงซุกหน้าลงคลุกเคล้าเนินเนื้ออิ่มตึงอย่างอดใจไม่ไหว ทั้งมือไม้ก็สัมผัสเอาตามใจปรารถนาจนเจ้าของร่างเริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติ ร่างเล็กเริ่มดิ้นรน
“จะทำอะไร ออกไปนะ” เจ้าหล่อนตวาดเสียงลั่น แต่ดูเหมือนว่าผู้กระทำจะไม่เกรงกลัว มันตะปบมือหยาบไปบนริมฝีปากอ่อนบางเพื่อปิดกั้นเสียงร้อง บีบรัดแน่นจนมีเพียงเสียงอึกอักอยู่ในลำคอ
“อย่าร้องนังเด็กแสบ วันนี้ฉันจะจัดการแกให้ร้องไม่ออกเลย ปากดีนักนะ”
มันกระซิบเสียงต่ำอย่างสมใจ ร่างกายที่แข็งแรงกว่าคร่อมทับจนร่างเล็กๆดิ้นหนีไปไหนไม่รอด มือแข็งแรงบีบรัดข้อมือกดแน่นกับเตียงก่อนจะซุกหน้าลงสูดกลิ่นหอมของกายสาว ร่างเล็กบิดกายดิ้นขลุกขลักอยู่เป็นครู่ก่อนที่จะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ จึงหยุดนิ่งปล่อยให้ผู้บุกรุกกระทำตามใจ ยิ่งเนิ่นนานอาการขัดขืนกลับกลายเป็นสมยอม หล่อนบิดกายไปตามแรงสัมผัสท้ายที่สุดถึงกับครางเสียงต่ำเมื่อเนื้อนุ่มถูกฝ่ามือร้อนสัมผัสเคล้นอย่างเชี่ยวชาญ
“ฉันว่าแล้ว แกน่ะมันจุดติดง่ายเสียยิ่งกว่าแม่ของแกอีก” คนที่อยู่ด้านบนหัวเราะน้อยๆอย่างสมใจ ผ่อนคลายอาการรุกราน “เดี๋ยวฉันจะทำให้แกครางไม่เป็นภาษาเลยคอยดู”
ร่างเล็กเบื้องล่างตวัดเตะผ้าห่มที่พันตัวออก เบี่ยงขยับเรียวขาข้างที่ถนัดอ้ากว้างราวกับจะตวัดกอดรัดเอวของมันไว้ แต่แค่ชั่วพริบตาหล่อนขยับร่างเป็นตะแคงข้างงอเข่าเป็นมุม ก่อนจะกระแทกสวนไปยังกึ่งกลางร่างกายที่กำลังขยายตัวด้วยอารมณ์ปรารถนา
“อ๊าก” มันร้องโหยหวนราวกับจะขาดใจ ร่างทั้งร่างชักกระตุกเกร็งก่อนจะดิ้นตกลงไปกองกับพื้นข้างเตียง หญิงสาวพลิกกายลงจากเตียงก้าวอย่างเร็ววิ่งไปที่ผนังห้อง ระงับสติที่ใกล้กระเจิงให้ค่อยสงบลง
“อีเด็กเลว นังลูกหมา” มันร้องด่าโวยวายดิ้นพราดอยู่กับพื้นหน้าตาแดงก่ำเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวเหยเก
“แกสิไอ้แมงดา เนรคุณ แม่ฉันอุตส่าห์ชุบเลี้ยงยังจะทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง หา แกทำได้ยังไง” หล่อนคว้าไม้เบสบอลที่อยู่ใกล้มือกระหน่ำฟาดไปไม่นับ แม้จะตัวเล็กแต่แรงมือหาได้เบาตามตัวไม่ มันจึงได้แต่ดิ้นรนไปมาร้องขอความช่วยเหลือดังลั่น
“อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น” แสงไฟในห้องสว่างวาบพร้อมกับเสียงตะโกนถาม ร่างที่เปิดประตูเข้ามายังอยู่ในชุดราตรีสำหรับงานกลางคืน ใบหน้างามตกแต่งนวลเนียน ดวงตากลมสวยมีส่วนคล้ายกับเด็กสาวที่ถูกปองร้ายเบิกโพลงอย่างตื่นตะลึง
“เออร์วิน ลีน่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น” หล่อนตวัดเสียงถามอย่างไม่พอใจ
“บิช นังสารเลวนี่มันหลอกผม ลาน่า..ชะ.. ช่วยด้วย”
คนที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบรีบชิงฟ้องอย่างกระท่อนกระแท่น ในขณะที่เด็กสาวเจ้าของห้องยืนเม้มริมฝีปากแน่นไม่ยอมปริปาก เหงื่อเม็ดเล็กซึมตามไรผม มือเล็กเกร็งจนสั่นระริก มารดาก้าวเร็วๆเข้าคั่นกลางทรุดกายประคองชายหนุ่มที่ร้องโอดโอยนอนงอก่องอขิงกับพื้นห้อง เห็นเพียงใบหน้าแตกยับเปลือกตาบวมแทบปิด
“นี่มันอะไรกัน ลีน่า ฉันต้องการคำอธิบาย” หล่อนสะบัดเสียงใส่เด็กสาวอย่างเอาเรื่อง
“ลูกสาวคุณบอกว่าปวดท้องดูเหมือนว่าจะไม่สบาย พอผมเข้ามาดูอาการก็ฟาดผมด้วยไม้ โรคจิตชัดๆ”
“ลีน่า” หล่อนเงยหน้ามองบุตรสาวที่ทิ้งไม้ในมือโครมใหญ่
“แม่เชื่อมันใช่ไหม ถ้าเชื่อ ลีน่าก็ไม่มีอะไรจะพูด”
สาวน้อยวัยย่างสิบแปดปีตวัดตามองอย่างถือดี ดูราวกับไม่ใส่ใจจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงอย่างนั้นหน้าตาที่แดงก่ำยังมีน้ำตาคลอ ต่อให้เก่งกล้าแค่ไหนเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นก็กระตุกขวัญรุนแรง ความน้อยใจแล่นขึ้นมาจนเจ็บร้าวไปทั้งอก หล่อนเพิ่งผ่านเรื่องร้ายมาได้อย่างหวุดหวิดภายใต้ชายคาบ้านของตนเอง กับคนที่น่าจะไว้ใจได้ แต่แทนที่จะได้รับการปลอบใจจากมารดาแท้ๆ กลับมีเพียงสายตาแห่งความระแวงแคลงใจ
“แม่ไม่เคยเชื่อลีน่าเลย บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าไอ้บ้านี่มันจ้องจะทำอะไรลีน่าบ้าง” หล่อนพูดภาษาไทยอย่างจงใจกีดกันมันให้เป็นคนนอกด้วยรู้ดีว่ามันฟังไม่รู้เรื่อง
“ไม่ต้องพูดภาษาไทย หัดมีมารยาทเสียบ้าง” มารดากลับตอบเป็นอีกภาษาหนึ่งย้ำอย่างชัดเจนว่าเลือกเข้าข้างใคร คนเจ็บในอ้อมกอดแสยะปากเยาะอีกทั้งยังยักคิ้วใส่เด็กสาวราวกับจะแสดงถึงความสำคัญที่มีมากกว่า
“ทำอะไรไว้ก็ต้องยอมรับ ที่แม่เห็นคือแกทำร้ายเขานะลีน่า หวดเขาเสียยับเยิน ดูสภาพเขาสิแกจะฆ่าเขาให้ตายหรือไง” หล่อนถอนหายใจ
“กฎหมายที่นี่แรงนะลีน่า ที่นี่มันไม่ใช่บ้านเราตำรวจเขาเอาจริงแค่ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวกันเล็กๆน้อยๆยังฟ้องกันเสียหมดตัว”
“หมายความว่าไง นี่แม่เห็นว่าลีน่าควรยอมเป็นเมียมันอีกคนหรือไง จะได้ไม่มีเรื่อง”
“แกอย่ามาตีความด้วยอคติ แม่แค่เตือนว่าจะทำอะไรให้คิดหน้าคิดหลังให้ดี ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยไม่ใช่ที่ตาหรือพี่ชายของแกจะคุ้มหัวแกได้” น้ำเสียงนั้นจงใจย้ำ ดวงตาคู่งามวาบไหวด้วยความรู้สึกภายในที่บุตรสาวเองก็ไม่มีวันรู้ หล่อนรู้ดีว่าเด็กสาวเองก็ยึดเอาพี่ชายและตาเป็นที่พึ่งไม่เคยมีแม่คนนี้อยู่ในสายตา
“ลีน่าป้องกันตัว มันจงใจจะเข้ามาปล้ำลีน่าตอนที่แม่ไม่อยู่”
“เออร์วินไม่ใช่คนมักมากแบบนั้น เขามีผู้หญิงมาติดพันเป็นสิบทำไมต้องมาหาเศษหาเลยเอากับเด็กกะโปโลในบ้าน แกเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
“ลีน่าไม่โง่ขนาดดูไม่ออกว่ามันต้องการอะไร มันไม่ได้พิศวาสลีน่ามันแค่อยากแกล้ง อยากเอาชนะ”
เด็กสาวถลึงตาให้กับคู่กรณีอย่างแสนแค้นหล่อนเกลียดมันนักเกลียดจนเข้ากระดูกดำ พ่อเลี้ยงหมาดๆเป็นชาวไทยที่เกิดและเติบโตในต่างแดนคล้ายกันกับหล่อน แทนที่จะรับสิ่งดีๆจากสองวัฒนธรรมอย่างที่ครอบครัวหล่อนพร่ำสอนมาแต่เล็ก มันกลับทำตัวเสเพลทั้งปาร์ตี้และการพนันอีกทั้งดูถูกผู้หญิง ไม่รู้แม่ไปถูกใจอะไรทูนหัวทูนเกล้าให้ทุกอย่างทั้งเงินทั้งที่ซุกหัวนอน
“เห็นไหมที่สุดก็คิดอะไรเป็นเด็กๆ คนที่อยากเอาชนะไม่ใช่เขาแต่เป็นแกต่างหาก”
“สรุปว่า เรื่องนี้ลีน่าผิด อยู่ผิดที่ผิดทางทำแต่เรื่องเดือดร้อนให้แม่” น้ำเสียงนั้นแฝงด้วยความเจ็บปวดจนปิดไม่มิด ปมที่อยู่ในใจลึกเร้นย้ำเตือนเสมอว่าหล่อนไม่เคยเป็นที่ต้องการ ไม่ว่าจะจากใคร
“จะว่าไปแล้วมันคงผิดตั้งแต่ตอนที่เกิดมาแล้วมั้งคะ”
“ลีน่า อย่ามายอกย้อน” มารดาเอ็ดเอาเสียงเขียวเริ่มไม่พอใจหนักแต่ก็คร้านจะต่อปากต่อคำด้วย หล่อนประคองสามีรุ่นหนุ่มขึ้นอย่างทะนุถนอม
“แม่จะไม่ทำอะไรบ้างเหรอคะ แม่จะปล่อยให้มันเข้ามาปล้ำลีน่าเวลาที่แม่ไม่อยู่อีกกี่ครั้ง” เด็กสาวถามเสียงแห้ง เมื่อมารดาทำท่าจะพามันไปทำแผลและยุติเรื่องร้ายนี้ไว้เพียงเท่านี้
“ฉันทำแน่ จะส่งแกไปเรียนเสียที ไปเสียให้ไกล อยู่บ้านก็เอาแต่ก่อเรื่อง มหาวิทยาลัยอะไรบ้างที่เขาตอบรับมาแกเลือกสักที่สิจะได้จบๆกัน”
“แม่” เด็กสาวครางเสียงแผ่ว เวลานี้น้ำตาที่อดกลั้นไว้ไม่สามารถกล้ำกลืนไว้ได้อีกต่อไปมันไหลพรากจากดวงตาราวกับสายฝน
“นี่คือคำตอบของแม่ใช่ไหม แม่เลือกมันใช่ไหม แล้วลีน่าล่ะ ลูกของแม่ล่ะคะ”
“ถ้าแกโตขึ้นแล้วรู้จักรักใครสักคนแกจะเข้าใจ” ครั้งนี้มารดาจงใจตอบเป็นภาษาที่เข้าใจกันเพียงสองแม่ลูก
“โลกนี้มันไม่ได้สวยงามนักหรอกลีน่า อะไรๆมักไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราหวัง แกควรจะรู้ว่าแต่ละวันฉันต้องต่อสู้กับอะไรบ้างฉันเหนื่อย เหนื่อยกับการใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ฉันแค่ต้องการใครสักคนลีน่า ใครสักคนที่จะเติมเต็มชีวิตของฉันได้”
“ซึ่งคนๆนั้นก็ไม่ใช่ลูกสาวของแม่...ลีน่าจะกลับบ้าน” เสียงใสบอกอย่างถือดี คนเขาไม่ต้องการจะอยู่ไปทำไมให้เจ็บปวด
“ไปอยู่กับป้าของแกสักพักก็แล้วกัน นั่นน่ะเขามองโลกในแง่ดีเขาคงหาคำพูดดีๆมาปลอบใจแกได้บ้าง”
“ลีน่าจะกลับเมืองไทย” หล่อนอยากไปให้ไกลจากแม่ บ้านของตาในประเทศที่เป็นบ้านเกิด ห่างไกลจากที่นี่มากมายนักไม่ใช่บ้านป้าที่อยู่ไกลออกไปอีกรัฐหนึ่งและใช้เวลาเดินทางไม่นาน หล่อนจะไปให้ไกลค่อนโลก แม่น่าจะรู้ว่าหล่อนจะเดินออกไปจากชีวิตของแม่ไกลเพียงใด
“ก็ตามใจ” คำตอบมีเพียงสั้นๆจากนั้นแม่ก็ไม่ได้สนใจหล่อนอีก ประคองสามีหนุ่มออกไปประคบประหงมดูแลราวกับเป็นลูกชายอีกคนเมื่อบานประตูปิดลงเด็กสาวก็ถึงกับทรุดปล่อยโฮกับพื้นห้องที่เย็นเยียบ
.....ไม่ต่างจากหัวใจของหล่อน
จอมใจเจ้าป่า ตอนที่ 1
ขอฝากผลงานแนวโรมานซ์ในนามปากกา นันทินี ด้วยนะคะ
เครื่องทำความร้อนในห้องพักถูกปรับอุณหภูมิไว้สูงกว่าปกติจนร่างเล็กที่นอนขดอยู่กับกองผ้าห่มผืนหนาเริ่มดิ้นด้วยความไม่สบายตัว ช่วงขาเรียวสวยสะบัดออกจากชายผ้า ผิวเนื้อนวลใต้แสงสลัวดูผุดผ่องแม้ในเงามืด ห้องเล็กค่อนข้างแคบมีเพียงเตียงเดี่ยวตั้งอยู่กลางห้องรายล้อมด้วยโต๊ะเขียนหนังสือและชั้นวางของกระจุกกระจิกจำพวกตุ๊กตาผ้าและเครื่องประดับของผู้หญิง
ผู้บุกรุกยามค่ำคืนปิดประตูอย่างเบามือ ก้าวเท้าเงียบกริบตรงไปที่เตียงนอนอย่างคุ้นเคย เดาได้ว่าคงเคยเข้ามาในห้องนี้หลายครั้ง เพราะแม้อยู่ในความมืดเขากลับสาวเท้าตรงไปที่เตียงได้โดยไม่สะดุดข้าวของบนพื้นจนหกล้มหน้าคะมำไปเสียก่อน
ร่างสันทัดทรุดตัวลงกับฟูกที่นอนมือหยาบที่ลูบไล้ผิวเนียนติดจะสั่นด้วยความรู้สึกกระหายภายใน แม้ในความสลัวยังมองเห็นประกายตาวาววามและเสียงหายใจหอบแรงด้วยความตื่นเต้น ร่างเล็กดูจะหลับลึกจนไม่รับรู้ถึงสัมผัสแปลกปลอม ลมหายใจยังคงทอดสม่ำเสมอทรวงอกอิ่มใต้เสื้อนอนตัวนิ่มสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ ผู้บุกรุกหรี่ตามองราวเห็นอาหารโอชะที่จัดใส่จานไว้ตรงหน้ารอให้เขาจ้วงตักกินให้อิ่มเอม เนื้อนวลใต้ฝ่ามือหยาบช่างนุ่มเนียนราวกับผ้าเนื้อดีราคาแพง เขาสอดมือเข้าใต้เสื้อที่รั้งสูงซุกหน้าลงคลุกเคล้าเนินเนื้ออิ่มตึงอย่างอดใจไม่ไหว ทั้งมือไม้ก็สัมผัสเอาตามใจปรารถนาจนเจ้าของร่างเริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติ ร่างเล็กเริ่มดิ้นรน
“จะทำอะไร ออกไปนะ” เจ้าหล่อนตวาดเสียงลั่น แต่ดูเหมือนว่าผู้กระทำจะไม่เกรงกลัว มันตะปบมือหยาบไปบนริมฝีปากอ่อนบางเพื่อปิดกั้นเสียงร้อง บีบรัดแน่นจนมีเพียงเสียงอึกอักอยู่ในลำคอ
“อย่าร้องนังเด็กแสบ วันนี้ฉันจะจัดการแกให้ร้องไม่ออกเลย ปากดีนักนะ”
มันกระซิบเสียงต่ำอย่างสมใจ ร่างกายที่แข็งแรงกว่าคร่อมทับจนร่างเล็กๆดิ้นหนีไปไหนไม่รอด มือแข็งแรงบีบรัดข้อมือกดแน่นกับเตียงก่อนจะซุกหน้าลงสูดกลิ่นหอมของกายสาว ร่างเล็กบิดกายดิ้นขลุกขลักอยู่เป็นครู่ก่อนที่จะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ จึงหยุดนิ่งปล่อยให้ผู้บุกรุกกระทำตามใจ ยิ่งเนิ่นนานอาการขัดขืนกลับกลายเป็นสมยอม หล่อนบิดกายไปตามแรงสัมผัสท้ายที่สุดถึงกับครางเสียงต่ำเมื่อเนื้อนุ่มถูกฝ่ามือร้อนสัมผัสเคล้นอย่างเชี่ยวชาญ
“ฉันว่าแล้ว แกน่ะมันจุดติดง่ายเสียยิ่งกว่าแม่ของแกอีก” คนที่อยู่ด้านบนหัวเราะน้อยๆอย่างสมใจ ผ่อนคลายอาการรุกราน “เดี๋ยวฉันจะทำให้แกครางไม่เป็นภาษาเลยคอยดู”
ร่างเล็กเบื้องล่างตวัดเตะผ้าห่มที่พันตัวออก เบี่ยงขยับเรียวขาข้างที่ถนัดอ้ากว้างราวกับจะตวัดกอดรัดเอวของมันไว้ แต่แค่ชั่วพริบตาหล่อนขยับร่างเป็นตะแคงข้างงอเข่าเป็นมุม ก่อนจะกระแทกสวนไปยังกึ่งกลางร่างกายที่กำลังขยายตัวด้วยอารมณ์ปรารถนา
“อ๊าก” มันร้องโหยหวนราวกับจะขาดใจ ร่างทั้งร่างชักกระตุกเกร็งก่อนจะดิ้นตกลงไปกองกับพื้นข้างเตียง หญิงสาวพลิกกายลงจากเตียงก้าวอย่างเร็ววิ่งไปที่ผนังห้อง ระงับสติที่ใกล้กระเจิงให้ค่อยสงบลง
“อีเด็กเลว นังลูกหมา” มันร้องด่าโวยวายดิ้นพราดอยู่กับพื้นหน้าตาแดงก่ำเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวเหยเก
“แกสิไอ้แมงดา เนรคุณ แม่ฉันอุตส่าห์ชุบเลี้ยงยังจะทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง หา แกทำได้ยังไง” หล่อนคว้าไม้เบสบอลที่อยู่ใกล้มือกระหน่ำฟาดไปไม่นับ แม้จะตัวเล็กแต่แรงมือหาได้เบาตามตัวไม่ มันจึงได้แต่ดิ้นรนไปมาร้องขอความช่วยเหลือดังลั่น
“อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น” แสงไฟในห้องสว่างวาบพร้อมกับเสียงตะโกนถาม ร่างที่เปิดประตูเข้ามายังอยู่ในชุดราตรีสำหรับงานกลางคืน ใบหน้างามตกแต่งนวลเนียน ดวงตากลมสวยมีส่วนคล้ายกับเด็กสาวที่ถูกปองร้ายเบิกโพลงอย่างตื่นตะลึง
“เออร์วิน ลีน่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น” หล่อนตวัดเสียงถามอย่างไม่พอใจ
“บิช นังสารเลวนี่มันหลอกผม ลาน่า..ชะ.. ช่วยด้วย”
คนที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบรีบชิงฟ้องอย่างกระท่อนกระแท่น ในขณะที่เด็กสาวเจ้าของห้องยืนเม้มริมฝีปากแน่นไม่ยอมปริปาก เหงื่อเม็ดเล็กซึมตามไรผม มือเล็กเกร็งจนสั่นระริก มารดาก้าวเร็วๆเข้าคั่นกลางทรุดกายประคองชายหนุ่มที่ร้องโอดโอยนอนงอก่องอขิงกับพื้นห้อง เห็นเพียงใบหน้าแตกยับเปลือกตาบวมแทบปิด
“นี่มันอะไรกัน ลีน่า ฉันต้องการคำอธิบาย” หล่อนสะบัดเสียงใส่เด็กสาวอย่างเอาเรื่อง
“ลูกสาวคุณบอกว่าปวดท้องดูเหมือนว่าจะไม่สบาย พอผมเข้ามาดูอาการก็ฟาดผมด้วยไม้ โรคจิตชัดๆ”
“ลีน่า” หล่อนเงยหน้ามองบุตรสาวที่ทิ้งไม้ในมือโครมใหญ่
“แม่เชื่อมันใช่ไหม ถ้าเชื่อ ลีน่าก็ไม่มีอะไรจะพูด”
สาวน้อยวัยย่างสิบแปดปีตวัดตามองอย่างถือดี ดูราวกับไม่ใส่ใจจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงอย่างนั้นหน้าตาที่แดงก่ำยังมีน้ำตาคลอ ต่อให้เก่งกล้าแค่ไหนเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นก็กระตุกขวัญรุนแรง ความน้อยใจแล่นขึ้นมาจนเจ็บร้าวไปทั้งอก หล่อนเพิ่งผ่านเรื่องร้ายมาได้อย่างหวุดหวิดภายใต้ชายคาบ้านของตนเอง กับคนที่น่าจะไว้ใจได้ แต่แทนที่จะได้รับการปลอบใจจากมารดาแท้ๆ กลับมีเพียงสายตาแห่งความระแวงแคลงใจ
“แม่ไม่เคยเชื่อลีน่าเลย บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าไอ้บ้านี่มันจ้องจะทำอะไรลีน่าบ้าง” หล่อนพูดภาษาไทยอย่างจงใจกีดกันมันให้เป็นคนนอกด้วยรู้ดีว่ามันฟังไม่รู้เรื่อง
“ไม่ต้องพูดภาษาไทย หัดมีมารยาทเสียบ้าง” มารดากลับตอบเป็นอีกภาษาหนึ่งย้ำอย่างชัดเจนว่าเลือกเข้าข้างใคร คนเจ็บในอ้อมกอดแสยะปากเยาะอีกทั้งยังยักคิ้วใส่เด็กสาวราวกับจะแสดงถึงความสำคัญที่มีมากกว่า
“ทำอะไรไว้ก็ต้องยอมรับ ที่แม่เห็นคือแกทำร้ายเขานะลีน่า หวดเขาเสียยับเยิน ดูสภาพเขาสิแกจะฆ่าเขาให้ตายหรือไง” หล่อนถอนหายใจ
“กฎหมายที่นี่แรงนะลีน่า ที่นี่มันไม่ใช่บ้านเราตำรวจเขาเอาจริงแค่ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวกันเล็กๆน้อยๆยังฟ้องกันเสียหมดตัว”
“หมายความว่าไง นี่แม่เห็นว่าลีน่าควรยอมเป็นเมียมันอีกคนหรือไง จะได้ไม่มีเรื่อง”
“แกอย่ามาตีความด้วยอคติ แม่แค่เตือนว่าจะทำอะไรให้คิดหน้าคิดหลังให้ดี ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยไม่ใช่ที่ตาหรือพี่ชายของแกจะคุ้มหัวแกได้” น้ำเสียงนั้นจงใจย้ำ ดวงตาคู่งามวาบไหวด้วยความรู้สึกภายในที่บุตรสาวเองก็ไม่มีวันรู้ หล่อนรู้ดีว่าเด็กสาวเองก็ยึดเอาพี่ชายและตาเป็นที่พึ่งไม่เคยมีแม่คนนี้อยู่ในสายตา
“ลีน่าป้องกันตัว มันจงใจจะเข้ามาปล้ำลีน่าตอนที่แม่ไม่อยู่”
“เออร์วินไม่ใช่คนมักมากแบบนั้น เขามีผู้หญิงมาติดพันเป็นสิบทำไมต้องมาหาเศษหาเลยเอากับเด็กกะโปโลในบ้าน แกเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
“ลีน่าไม่โง่ขนาดดูไม่ออกว่ามันต้องการอะไร มันไม่ได้พิศวาสลีน่ามันแค่อยากแกล้ง อยากเอาชนะ”
เด็กสาวถลึงตาให้กับคู่กรณีอย่างแสนแค้นหล่อนเกลียดมันนักเกลียดจนเข้ากระดูกดำ พ่อเลี้ยงหมาดๆเป็นชาวไทยที่เกิดและเติบโตในต่างแดนคล้ายกันกับหล่อน แทนที่จะรับสิ่งดีๆจากสองวัฒนธรรมอย่างที่ครอบครัวหล่อนพร่ำสอนมาแต่เล็ก มันกลับทำตัวเสเพลทั้งปาร์ตี้และการพนันอีกทั้งดูถูกผู้หญิง ไม่รู้แม่ไปถูกใจอะไรทูนหัวทูนเกล้าให้ทุกอย่างทั้งเงินทั้งที่ซุกหัวนอน
“เห็นไหมที่สุดก็คิดอะไรเป็นเด็กๆ คนที่อยากเอาชนะไม่ใช่เขาแต่เป็นแกต่างหาก”
“สรุปว่า เรื่องนี้ลีน่าผิด อยู่ผิดที่ผิดทางทำแต่เรื่องเดือดร้อนให้แม่” น้ำเสียงนั้นแฝงด้วยความเจ็บปวดจนปิดไม่มิด ปมที่อยู่ในใจลึกเร้นย้ำเตือนเสมอว่าหล่อนไม่เคยเป็นที่ต้องการ ไม่ว่าจะจากใคร
“จะว่าไปแล้วมันคงผิดตั้งแต่ตอนที่เกิดมาแล้วมั้งคะ”
“ลีน่า อย่ามายอกย้อน” มารดาเอ็ดเอาเสียงเขียวเริ่มไม่พอใจหนักแต่ก็คร้านจะต่อปากต่อคำด้วย หล่อนประคองสามีรุ่นหนุ่มขึ้นอย่างทะนุถนอม
“แม่จะไม่ทำอะไรบ้างเหรอคะ แม่จะปล่อยให้มันเข้ามาปล้ำลีน่าเวลาที่แม่ไม่อยู่อีกกี่ครั้ง” เด็กสาวถามเสียงแห้ง เมื่อมารดาทำท่าจะพามันไปทำแผลและยุติเรื่องร้ายนี้ไว้เพียงเท่านี้
“ฉันทำแน่ จะส่งแกไปเรียนเสียที ไปเสียให้ไกล อยู่บ้านก็เอาแต่ก่อเรื่อง มหาวิทยาลัยอะไรบ้างที่เขาตอบรับมาแกเลือกสักที่สิจะได้จบๆกัน”
“แม่” เด็กสาวครางเสียงแผ่ว เวลานี้น้ำตาที่อดกลั้นไว้ไม่สามารถกล้ำกลืนไว้ได้อีกต่อไปมันไหลพรากจากดวงตาราวกับสายฝน
“นี่คือคำตอบของแม่ใช่ไหม แม่เลือกมันใช่ไหม แล้วลีน่าล่ะ ลูกของแม่ล่ะคะ”
“ถ้าแกโตขึ้นแล้วรู้จักรักใครสักคนแกจะเข้าใจ” ครั้งนี้มารดาจงใจตอบเป็นภาษาที่เข้าใจกันเพียงสองแม่ลูก
“โลกนี้มันไม่ได้สวยงามนักหรอกลีน่า อะไรๆมักไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราหวัง แกควรจะรู้ว่าแต่ละวันฉันต้องต่อสู้กับอะไรบ้างฉันเหนื่อย เหนื่อยกับการใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ฉันแค่ต้องการใครสักคนลีน่า ใครสักคนที่จะเติมเต็มชีวิตของฉันได้”
“ซึ่งคนๆนั้นก็ไม่ใช่ลูกสาวของแม่...ลีน่าจะกลับบ้าน” เสียงใสบอกอย่างถือดี คนเขาไม่ต้องการจะอยู่ไปทำไมให้เจ็บปวด
“ไปอยู่กับป้าของแกสักพักก็แล้วกัน นั่นน่ะเขามองโลกในแง่ดีเขาคงหาคำพูดดีๆมาปลอบใจแกได้บ้าง”
“ลีน่าจะกลับเมืองไทย” หล่อนอยากไปให้ไกลจากแม่ บ้านของตาในประเทศที่เป็นบ้านเกิด ห่างไกลจากที่นี่มากมายนักไม่ใช่บ้านป้าที่อยู่ไกลออกไปอีกรัฐหนึ่งและใช้เวลาเดินทางไม่นาน หล่อนจะไปให้ไกลค่อนโลก แม่น่าจะรู้ว่าหล่อนจะเดินออกไปจากชีวิตของแม่ไกลเพียงใด
“ก็ตามใจ” คำตอบมีเพียงสั้นๆจากนั้นแม่ก็ไม่ได้สนใจหล่อนอีก ประคองสามีหนุ่มออกไปประคบประหงมดูแลราวกับเป็นลูกชายอีกคนเมื่อบานประตูปิดลงเด็กสาวก็ถึงกับทรุดปล่อยโฮกับพื้นห้องที่เย็นเยียบ
.....ไม่ต่างจากหัวใจของหล่อน