พระสีสกฏาหะปริศนา

คราบเกล็ดพระโลหิตพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
ที่พบหลงเหลืออยู่ในตลับบรรจุรูปน้ำเต้า
(ไม่พบผ้าเช็ดหน้าอยู่ข้างในแล้ว)



ที่มา http://www.wired.com/wiredscience/2010/10/king-louis-xvi-blood/



หลังจากที่มีการปลงประชนม์พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 Louis XVI
ด้วยการประหัตประหารด้วยเครื่องตัดคอกิโยตินแล้ว
เพชฌฆาตได้นำพระเศียรพระองค์ที่ยังมีพระโลหิตไหลริน
จุ่มลงในผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวของเพชฌฆาต
รวมทั้งมีประชาชนจำนวนมากต่างนำผ้าเช็ดหน้า
มาจุ่มพระโลหิตจากพระเศียรของพระองค์
เพื่อนำเก็บไว้เป็นที่ระลึกส่วนตัว

ต่อมามีการค้นพบ/อ้างกันว่า
ได้ครอบครองพระสีสกฏาหะ (หัวกระโหลก) ของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 4 Henry IV
อดีตกษัตริย์ฝรั่งเศสที่ทุกวันนี้ยังเป็นปริศนา
กันอยู่ว่าเป็นพระสีสกฎาหะของจริงหรือของปลอมกันแน่
(ของชิ้นได้รับคืนจากการครอบครองเป็นสมบัติส่วนตัวของเอกชน)
เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องลึกลับปริศนาโบราณนานมาแล้ว
เกี่ยวกับการค้นหาพระสีสกฎาหะกษัตริย์ฝรั่งเศส (พระเจ้าเฮนรีที่ 4)



ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่า ตลับบรรจุรูปน้ำเต้า
ที่มีเกล็ดพระโลหิตของกษัตริย์ฝรั่งเศสพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 Louis XVI
พระมหากษัตริย์ที่ทรงถูกบั่นพระเศียรจนสิ้นพระชนม์ด้วยเครื่องตัดคอกิโยติน
หลังการปฎิวัติฝรั่งเศสเมื่อกว่า 200 ปีที่ผ่านมา
ในวันที่ 21 มกราคม คศ.1793(2336)
ปีนี้จะครบรอบ 220 ปีพอดี

สำนักข่าว AFP รายงานตามข่าวว่า
นักวิทยาศาสตร์ได้ระบุดีเอ็นเอ DNA ที่ตรวจพบ
คล้ายกันในด้านสารพันธุกรรม
ที่เชื่อว่ามาจากสิ่งที่เชื่อว่าจะเป็นหลักฐานยืนยัน
ความเชื่อมโยงกับกษัตริย์ฝรั่งเศสทั้งสองพระองค์นี้

หลังจากที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16
ทรงถูกบั่นพระเศียรแล้วด้วยกิโยตินแล้ว
ยังมีประชาชนที่ไปเฝ้าชมการประหารชีวิต
หลายคนได้จุ่มพระโลหิตกับผ้าเช็ดหน้าของพวกเขา
เพื่อดูดซับพระโลหิตของพระองค์เก็บไว้เป็นที่ระลึก
แล้วชิ้นส่วนของผ้าเช็ดหน้าดังกล่าวจะถูกเก็บ/วางไว้ในจนแห้ง
โดยบางส่วนจะเก็บใส่ตลับบรรจุรูปน้ำเต้า
ทำให้มีคราบเกล็ดพระโลหิตหลงเหลืออยู่

ตามภาพวาดฝูงชนที่เบียดเสียดยัดเยียดกัน
เพื่อมารอชมการประหารชีวิตกษัตริย์
โดยเพชฌฆาตผู้ทำหน้าที่เยี่ยงวีรบุรุษในการปฏิวัติ
มีคำบรรยายประกอบภาพว่า
" ในวันที่ 21 มกราคม Maximilien Bourdaloue ได้จุ่มผ้าเช็ดหน้าของเขา
เช็ดเลือดของหลุยส์ที่ 16 หลังจากได้บั่นหัวของเขาแล้ว"

หมายเหตุ-แก้ไข



หัวหน้าเพชฌฆาต Charles-Henri Sanson
ประหารชีวิตนักโทษด้วยตนเองจำนวน 2,918 รายรวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
ตระกูลนี้ทำอาชีพเป็นเพชฌฆาตมาถึงหกชั่วคนแล้ว
ส่วนบุตรชาย Henri เป็นผู้ลงมือประหารชีวิตพระนางมารีอังตัวแนตต์
มีเกร็ดเล่าว่า หลังเกษียณอายุแล้ว ชาร์ล  เฮนรี่ อดีตหัวหน้าเพชฌฆาต
เคยพบปะพูดคุยกับ จักรพรรดิ์นโปเลียนมหาราช ได้รับการสัพยอกว่า
" เป็นไงนอนหลับดีไหม กับการประหารชีวิตคนร่วมสามพันคน "
ชาร์ล ตอบกลับว่า " ถ้าจักรพรรด์ พระราชา เผด็จการ
ยังนอนหลับได้อย่างสบายดี  แล้วทำไมเพชฌฆาตจะนอนหลับบ้างไม่ได้ละ  "

เคยอ่านเจอนานแล้วว่ายังมีลูกหลานเพชฌฆาต
ในกลุ่มที่ประหารชีวิตนักโทษช่วงปฏิวัติฝรั่งเศษ
ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในฝรั่งเศส(ไม่ยอมเปลี่ยนนามสกุล)
แต่เป็นที่ถูกดูถูกดูแคลนและเหยียดหยามมากที่สุด
ว่าเป็นพวกตระกูลยากจนหรือไร้ศักดิ์ศรีความเป็นคน
จึงหันมารับจ้างทำหน้าที่ตัดหัวประชาชนในยุคปฏิวัติ



ของที่ระลึกจากปฏิวัติครั้งนี้
ตกอยู่ในมือของครอบครัวอิตาเลียนครอบครัวหนึ่ง
ที่ครอบครองมายาวนานหลายศตวรรษแล้ว

ผลการวิจัยแสดงให้เห็นการเชื่อมโยงทางพันธุกรรม DNA ระหว่าง
พระสีสกฏาหะของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 4
กับ เกล็ดพระโลหิตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
ที่ยังหลงเหลืออยู่ในตลับเก็บรูปน้ำเต้า

ทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากประเทศสเปนและฝรั่งเศส
ได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยทางนิติวิทยาศาสตร์ในวารสารนานาชาติ
ผลการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ DNA ที่นำมาจากร่องรอยเลือด(เกล็ดเลือด)
ได้เปิดเผยผลให้เห็นแล้วว่า
มันอาจจะตรงกับสายเลือดของใครบางคน
ที่มีส่วนเกียวข้องกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16  

แม้ว่านักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันเรื่อง DNA
ให้ชัดเจนได้ว่า เกล็ดพระโลหิตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
กับพระสีสกฏาหะ(หัวกระโหลก)พระเจ้าเฮนรี่ที่ 4
มีความเกี่ยวพันกันอย่างถูกต้องแน่นอน
เพราะยังไม่มีตัวอย่างเปรียบเทียบสารพันธุกรรม DNA
จากพระญาติของทั้งสองพระองค์



ภาพรูปปั้น พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารีอังตัวแนตท์

หมายเหตุ  ช่วงหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส  
ฝูงชนที่บ้าคลั่งได้เข้าไปทำลายมรดกทางวัฒนธรรม
เช่น วัดวาอาราม  ที่ฝังพระศพของกษัตริย์ฝรั่งเศส  
รวมทั้งมีการยักยอก/ขโมยสมบัติบางส่วนไปของส่วนตัว
หรือสมบัติบางส่วนตกเป็นของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ

บรรดาพระศพอดีตกษัตริย์ รวมทั้งพระประยูรญาติต่าง ๆ
หลายพระองค์ถุกนำไปทิ้งหรือทำลายหรือฝังรวมปน ๆ
ไปกับศพนักโทษประหารคดีการเมืองที่มีจำนวนหลักหมื่นขึ้นไป
รวมทั้งพระศพพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระราชชินี
และพระราชโอรสที่มีคนนำไปเลี้ยงดูสักพัก
ก่อนถูกทุบตีจนตายแล้วไปฝังที่สุสานอนาถา
(บางแห่งว่าเป็นไข้ตายเอง)

แต่มีการลักขโมยชิ้นส่วนของพระศพของบรรดาราชวงศ์
เช่น เส้นผม หัวกระโหลก ฯลฯ
ไปเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว
รวมทั้งพระสีสกฏาหะปริศนาชิ้นนี้ด้วยว่า
เป็นพระสีสกฏาหะของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 4 จริงหรือไม่

ส่วนสถานที่และรูปปั้นต่าง ๆ ที่เห็นกันในตอนนี้
เป็นการบูรณะขึ้นมาใหม่ให้เหมือนกับสภาพเดิมมากที่สุด

ในประเทศจีน
สมัยประธานพรรคคอมมิวนิสต์ เหมาเจ๋อตุง
ช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมจีนภายใต้การนำของคู่รักอดีตนักแสดงงิ้ว
นางเจียงชิง กับสหาย ที่ได้รับการขนานนามว่า แก้งค์ออฟโฟว์
ได้ปลูกฝังและโฆษณาชวนเชื่อบรรดาเยาวชนเร็ดการ์ด Red guard
จนบ้าคลั่งศรัทธาหลงใหลลัทธิบูชาวีรชนเอกชน (เหมาเจ๋อตุง)
จนบรรดาเยาวชนต่างคิดว่า
มีวิจารณาญาณและตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
ภายใต้ความเชื่อที่ครอบงำด้วยลัทธิบูชาวีรชนเอกชน (เหมาเจ๋อตุง)
โดยทุกคนต้องท่องจำและมีสมุดปกแดงพกติดตัวทุกคน
ภายใต้สรุปวาทะกรรมของประธานเหมาเจ๋อตุง
ทุกคนต่างเชื่อว่า หนังสือเล่มนี้เล่มเดียวของเหมาเจ๋อตุง
อธิบายได้ทุกเรื่องตั้งแต่ สังคม การเมือง ประวัติศาสตร์ ฟิสิคส์ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ

บางคนเรียกว่าเป็นยุคสมัย หลอกยุวชน ชนศัตรูแทนตน
หลังจากยุคสมัยแรกเริ่มตั้งพรรคคอมมิวนิสต์
ที่ใช้วาทะกรรม หลอกคนจน ปล้นคนรวย
แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นพรรคคอมมิวนิสต์จีน
เปลี่ยนสีกลายร่างเป็น ทุนนิยมสามานย์

ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมมีการทำลายมรดกวัฒนธรรมชาติหลายแห่ง
หลุมฝังศพหรือฮวงจุ้ย โบราณสถาน วัดวาอารามหลายแห่ง
จะถูกบรรดาเยาวชนเรดการ์ดที่บ้าคลั่งทุบทำลายทิ้งไปเป็นจำนวนมาก
เว้นแต่ที่มีการร้องขอ/หมายปิดประกาศจาก อดีตนายกรัฐมนตรีโจวเอินไหล
โบราณวัตถุ สิ่งบูชา ผ้าไหม เครื่องลายคราม กี่เพ้า
ที่หลบซ่อนหรือนำออกไปต่างประเทศได้ก็รอดพ้น
จึงยังมีของดั้งเดิมคงเหลือรอดจนถึงทุกวันนี้
บางส่วนที่มีอยู่ตอนนี้เป็นการสร้าง/การบูรณะขึ้นมาใหม่
เพื่อเผยแพร่และเป็นโฆษณาชวนเชื่อ
กับเป็นการขายธุรกิจการท่องเที่ยว

แต่ในอัฟกานิสถาน  กลุ่มตอลีบัน
ได้ระเบิดทำลายทิ้งพระพุทธรูปบามิยัน
แม้ว่าจะมีการคัดค้านจากชาวโลกจำนวนมาก
ว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมกับมรดกมนุษยชาติ
(ภาพขณะทำการระเบิดพระพุทธรูปดังกล่าว)
แต่กลุ่มนี้ไม่สนใจ อ้างว่าไม่มีใครไปกราบไหว้แล้ว
(ข้ออ้างของคนพาล ใครจะกล้าเข้าไปกราบไหว้  
ในประเทศที่วุ่นวายจราจลก่อการร้ายตลอดเวลา)
ปิรามิดอียิปต์  กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงเคยคิดจะทำลายทิ้งเช่นกัน
แต่เพราะรายได้ประชาชนจากการท่องเที่ยวทำให้เรื่องนี้หยุดลง



แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการค้นหา DNA ในครั้งนี้
ทีมงานวิจัยได้จัดการเพื่อค้นหาลายเซ็นต์ทางพันธุกรรมที่หายาก
จากดีเอ็นเอ DNA จาก เกล็ดพระโลหิตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
กับ DNA จากพระสีสกฏาหะ(หัวกระโหลก)ของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 4
พบว่ามีตัวบ่งชี้ว่า  ดีเอ็นเอ DNA ร่วมบรรพบุรุษกันทั้งสองพระองค์
(พระเจ้าเฮนรี่ที่ 4 (Henri IV) ที่ถูกที่ถูกปลงพระชมม์  ในปี คศ.1610 (2153)

ในปีคศ. 2010(2553) นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า
มีความเชื่อมโยงกับพระเจ้าเฮนรี่ที่ 4  
มีคุณลักษณะร่วมกันทางกายภาพ
เช่นเดียวกับภาพเชิงซ้อนของภาพวาด
ที่เป็นภาพวาดร่วมสมัยของพระองค์



นักนิติวิทยาศาสตร์ด้านอายุรเวชชาวฝรั่งเศส Philippe Charlier  
ได้บอกกับสำนักข่าว  AFP ว่า  ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า
" ทั้งสองพระองค์มีการแบ่งปันมรดกทางพันธุกรรมผ่านผ่านทางสายพระบิดา
ด้วยการเชื่อมโยงโดยตรงกับอีกคนหนึ่งผ่านทางบรรพบุรุษของทั้งสองพระองค์"
ผู้วิจัยร่วมในรายงานชิ้นนี้  Carles Lalueza Fox  
จาก Institut de Biologia Evolutiva ในบาร์เซโลนา สเปน
ได้ยืนยันซ้ำว่า  มีการทดสอบจำนวนถึง 250 ครั้ง
มีแนวโน้มว่าเจ้าของหัวกระโหลกกับเกล็ดเลือด
มีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน
มากกว่าการที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย "

เรียบเรียงจาก 1.  http://www.bbc.co.uk/news/world-europe-20882305
                   2. http://www.bbc.co.uk/news/science-environment-11996981
                   3. http://en.wikipedia.org/wiki/Henry_IV_of_France
                   4. http://en.wikipedia.org/wiki/Basilica_of_St_Denis
                   5. http://www.wired.com/wiredscience/2010/10/king-louis-xvi-blood/
                   6. http://en.wikipedia.org/wiki/Charles-Henri_Sanson
                   7. http://google.com
                   8. http://dict.longdo.com
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่