สวัสดีค่ะ...วันนี้จะมาขอรบกวนปรึกษาปัญหาชีวิตทำงานนะคะ
เรื่องก็มีอยู่ว่า ตอนนี้ เราทำงานเป็นเลขาที่บริษัทๆ นึงค่ะ นับๆไปสิ้นปีนี้
ก็จะอยู่ที่นี่มาครบปีแล้ว บริษัทนี้มีพนักงานทั้งสิ้น 2 คนถ้วน คือเจ้านายและเรา
ที่เป็นเลขาค่ะ คร่าวๆเลยก็คือ เจ้านายเนี่ย เค้าเล่นหุ้นเป็น(มือ)อาชีพ
พอร์ทใหญ่ ก็เลยต้องการเลขาไว้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นทั้งจาก นสพ แล้วก็
โปรแกรมหุ้นค่ะ ส่วนงานอื่นๆก็ มีพวกการทำ หักภาษี ณ ที่จ่าย โน่นนี่ จ่ายค่าเช่าออฟฟิตหรืออะไรก็ตามที่นายสั่ง ตามหน้าที่เลขา เป็น messenger เมื่อนายร้องขอ เป็นนายหน้า(ที่ไม่ได้ส่วนแบ่ง) ประกาศขายทีีดินให้นาย ทั้งที่ไม่เคยเห็นที่ดินเลยรวมไปถึงล้างจานข้าว ถ้วยกาแฟ ให้นายทุกวัน เพราะที่บริษัทไม่มีแม่บ้านประจำ แต่แ่ม่บ้านจะเข้ามา 2 อาทิตย์ครั้งนึงค่ะ ส่วนงานด้านบัญชี ก็จะจ้าง outsource แต่ว่าเราต้องรวบรวมบิลและค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนให้บัญชี่ค่ะ
ส่วนเงินเดือนก็สตาร์ทที่ 17k แต่ต้องบอกก่อนว่า เราคิดว่าที่นี้จ่ายเงินค่อนข้างดี
เพราะเงินเดือนจะขึ้น 10% ทุกๆ 6 เดือน ส่วนโบนัส ก็...แ้ล้วแต่ผลประกอบการหุ้นก็จะจ่ายปีละ 2 ครั้งเช่นกัน ปีนี้รอบแรกเราก็ได้มา 1 เดือน ส่วนสิ้นปีนี้จะได้ 3.5 เดือนค่ะ แต่ถ้าช่วงไหนหุ้นตกสุดๆ ก็เป็นอันว่าเข้าใจว่าไม่ได้จริงๆ เราเองไม่ได้จบเกี่ยวกับด้านตัวเลขมาเลยค่ะ ออกจะไม่ชอบด้วยซ้ำ เพราะจบภาษาอังกฤษ มาจากมหาลัยเมืองเหนือเจ๊า แต่ได้มาทำงานนี้เพราะพี่คนเก่าก็เป็นพี่สาวของเพื่อนที่เค้าหาคนมาแทน แล้วดูๆแล้ว งานก็ไม่ได้มีการคำนวนอะไรซับซ้อนมากมาย บวกกับตอนนั้นคิดว่า อยู่คนเดียวก็ดีนะ สบายใจดี ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับใคร
อยู่มาได้เกือบปี...รู้สึกว่าภาษาอังกฤษเริ่มเบลอๆ (เพราะไม่ได้ใช้เลยนั่นเอง) สกิลด้านตัวเลขก็ไม่ได้พัฒนา เพราะว่าที่ทำก็เป็น บวก ลบ คูน หาร แล้วก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกราฟหุ้นอะไรเลย...และที่สำคัญกว่านั้น เริ่มรู้สึกว่าเจ้านาย "เยอะ" ไป
คือก็เข้าใจนะคะ ว่าปัญหาในที่ทำงานเนี่ย มีุทุกที่จริงๆ ปกติก็จะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานแบบว่าอาจจะเรื่องงานไม่เข้าใจกันบ้าง ไม่ชอบหน้ากันบ้าง ก็เกิดขึ้นได้ใช่มั้ยคะ แต่พออันนี้ไม่มีเพื่อนร่วมงาน การฟาดฟันและปัญหา เลยเกิดระหว่างเลขากับเจ้านายแทน

คือเจ้านายเนี่ย เค้าจะมีอายุประมาณนึงค่ะ ก็จะเป็นพารานอยด์ (ตามความคิดเรานะคะ อย่าว่ากันเลย) เวลาสังให้เราทำอะไร เค้าก็จะมายืนดูจนกว่า เราจะทำเสร็จ เช่น ถ่ายเอกสาร ก็จะมายืนกำกับอยู่ใกล้ๆ (ตลอดตลอด), เราจัดเรียงเอกสาร ก็จะมาหยิบแผ่นนั้นแผ่นนี้ไปดู ซึ่งเราคิดว่าเค้าคงอยากจะยืนดูแหละค่ะ แต่ไม่รู้จะยืนเฉยๆทำอะไร แต่พอหยิบไปดู แล้วหยิบวางไม่ถูก หรือหยิบติดมือไปเลยนี่สิคะ เอกสารมันก็ไม่ครบ ความซวยมันก็อยู่ที่เลขาอย่างเรา ว่าคุณถ่ายเอกสารไม่ครบบ้างอะไรบ้าง (บางทีเราก็อยากจะบอกว่า งานที่เราได้รับมอบหมาย เราก็มีวิธีทำงานในแบบของเราน่ะค่ะ เรามาอยู่ตรงนี้ เพื่อแบ่งเบาภาระให้เค้า แค่เค้าบอกเรามา แล้วไปนั่งรอ เราก็ทำให้ได้ค่ะ)
และเนื่องจากว่าเราอยู่คนเดียว การลงไปทานข้าวที่ตลาดข้างๆ ตึก เลยเป็นอะไรที่ไม่น่าพิศวาสสำหรับเรานักค่ะ เพราะไหนจะคนเยอะ ไหนจะแต่ละออฟฟิตมาเป็นกลุ่มๆ นั่งกันเป็นโต๊ะๆ อีก เราตัวคนเดียว ก็เลยซื้อมาทานกลางวันมันที่โต๊ะทำงาน ซึ่งเจ้านายเราก็ทำแบบเดียวกันค่ะ ทานข้าวหน้าคอมพิวเตอร์เช่นกัน แต่เจ้านายเราทานข้าวเร็วมาก 11.30 เค้าก็เริ่มทานแล้ว 15 นาทีก็ทานข้าวเสร็จ เราก็จวนจะัพักเที่ยงพอดี ต้องขอบอกก่อนว่าเจ้านายเราเป็นคนบ้างานมากๆ (หรือเป็นเพราะการเล่นหุ้นก็ไม่รู้ค่ะ) เค้าจะทำงานตลอดเวลา โทรหาโบรกเกอร์ตลอด และถ้าตอนไหนเค้านึกขึ้นมาได้ว่าเค้าต้องทำอะไร หรือปรับอะไรตรงไหน เค้าก็จะเดินมาหาเราที่โต๊ะเลย บางทีเรานั่งทานข้าวอยู่ เค้าก็เดินมาขอให้เราปรับตัวเลขตรงนั้น จัดการตรงนี้ จนเราเองก็หงุดหงิดไปหลายทีเหมือนกันค่ะ หรือบางที 11.55 เค้าก็จะเดินมาขอปรับ ขอเปลี่ยน ยาวเลยไปถึงเที่ยงเกือบครึ่ง พองานเสร็จ เค้าก็จะบอกเราว่า "ไปทานข้าวได้"

ซึ่งเราก็ไม่รู้นะคะ ว่านี่คือเรื่องปกติ หรือว่าผิดปกติสำหรับเลขาทั่วไปกันแน่ แต่เราก็รู้สึกว่า ออฟฟิตอื่น เค้าก็จะมีคน มี resource มากกว่านี้ แต่ของเรามีแค่ 2 คน อะไรที่ช่วยกันได้ก็ต้องช่วย คือถ้าเรามีเหตุจำเป็นไ่ม่อยู่ เค้าก็ต้องทำแทนเราได้บ้างน่ะค่ะ แต่อันนี้ บางทีเราเดินไปเข้าห้องน้ำ มีคนโทรมา เค้ารับโทรศัพท์ เค้าก็ยังให้ทางโน้นถือสายรอจนกว่าเราจะมา เคยมีครั้งนึง เราไปเข้าห้องน้ำกลับมา เราเห็นเค้าคุยโทรศัพท์อยู่ ครับๆ เดี๋ยวนะครับ เราก็ไม่ได้คิดอะไร ปรากฏว่า เค้ามาบอกเราว่า ปลายสายเค้าขอสายเราแหน่ะ เราก็รับ ปรากฏว่าปลายสายเค้าโทรผิด!

อีกอย่างที่เรารู้สึก คือเราเฉามากเลยค่ะ เราเห็นออฟฟิตข้างๆ เค้าไปกินข้าวกัน ซื้อขนมมากินกัน เป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน เล่นมุขหัวเราะกัน เราก็อยากเล่นด้วยบ้าง อยากมีเพื่อนไว้คุยเฮฮาแบบนั้นบ้าง ด้วยความที่เจ้านายเรา เป็น นักเรียนทุน จบนอก แล้วก็เป็นนักธุรกิจ เค้าก้จะมีมุข? ในแบบของเค้า ที่เราฟังไม่รู้เรื่องเลย หรือไม่ขำเลยย หรือที่ร้ายแรงสุด คือเราฟังไม่เข้าใจเลยยย แต่ส่วนใหญ่แล้ว เรื่องราวที่เค้าเล่า ก็จะเป็นออกแนววิชาการ ระบบ การบริหารมากกว่า อย่างเช่น วันนี้เรามาทำงานสาย เพราะ mrt ขัดข้อง คนนอกลงไปที่ชานชาลาไม่ได้ เพราะในชานชาลาคนแน่น เรายังต้องอธิบายให้เค้าฟัง 3 รอบ ว่าแล้วทำไมคนถึงแน่นชานชาลา? พอเค้าเข้าใจสิ่งที่เราพูด เค้าก้จะพูดถึงบอร์ดบริหารที่เ้ค้ารู้จัก ว่าแย่มากๆเลย บริหารงานยังไง สุดท้ายกลายเป็นเรื่องเกี่ยวกับหุ้นส่วน ผู้บริหาร และกรรมการไปซะหมด (เข้าใจฟีลเรามั้ยคะ ว่าบางทีเราก็ต้องการเพื่อนเม้ามอยว่า แกเจอเหมือนชั้นปะ แย่อ่ะ คือแค่นี้แหละค่ะ ที่คนนึงๆจะต้องการ เราเองก้ไม่ได้อยากจะรู้ว่าใครบริหาร ใครเป็นหุ้นใคร สายไหนเป็นสายไหน)
ส่วนเรื่องวันลากิจ/ลาป่วย/ลาพักร้อน นี่ก็ลืมๆไปบ้างได้เลยค่ะ แต่ถามว่าเราเคยลามั้ย ก็เคยค่ะ เพราะด้วยความที่นานๆทีได้กลับบ้าน เราก้จะบวกไปอีก 1 วันบ้าง หรือขอกลับก่อน 1 วันบ้าง แต่ั้ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า ข่าวต้องอ่าน นสพ pdf สรุปส่งอีเมลล์, ตอนเย็นต้องอัพเดตราคา, data ส่งอีเมลล์ เสียบแอร์การ์ดนั่งทำในรถก็เคยทำมาแล้วค่ะ ...และทุกครั้งที่กลับมาจากการลางาน 1 วัน ก็จะมีฟีดแบ็คอิดๆเอื้อนๆ มาเสมอ เช่น "เมื่อวานข่าวเยอะมากเลยคุณ ผมทำเวียนหัวหมด" (เอ่อ เราก็ทำเหมือนคุณค่ะ) "เอ่อ พอดีเมื่อวานคุณไม่อยู่ ผมเลยไม่ได้ล้างจานข้าวนะ" (เอ่อ ปกติก็ไม่เคยล้างเองนี่คะ) เรื่องล้างจาน เราเองก็หงุดหงิดประจำค่ะ เพราะนายจะกินเลอะมากถึงมากที่สุด เศษข้าว เศษก้างปลา เค้าก็จะทิ้งไว้ในจาน พอถึงตอนเย็นที่จะเอาไปล้าง ทุกสิ่งอย่างก็จะแห้ง หลอมอยู่บนจานเรียบร้อย บางทีเราเดินมาเห็นก่อน เราจะต้องเอาทิชชู่เช็ดเศษอาหารออกไปให้หมด เพื่อที่ตอนเย็นจะได้ล้างง่ายๆค่ะ เคยมีครั้งนึง กินก๋วยเตี๋ยว น้ำซุปไม่เททิ้งเราไม่ว่านะคะ แต่เจ้านายเรา เล่นเอาแก้วกาแฟที่กินแล้ว ไปจุ่มในน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวที่เหลือในถ้วยอะค่ะ

มันเป็นความอึดอัดที่เราเองก็พูดกับใครไม่ได้มากนัก นอกจากแฟนเรา ที่จะต้องฟังเสียงเราบ่นเรื่องนี้ คุณแฟนก็จะตอบกลับมาว่า อดทนนะ ได้งานใหม่แล้วค่อยลาออก (รอโบนัสสิ้นปีก่อน ไม่งั้นจะไม่คุ้มที่อดทนมา) หรือเล่าให้เพื่อนบางคนฟัง แต่คนส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยเข้าใจหรอกค่ะ ซึ่งเราก็เข้าใจนะคะ เพราะถ้าไม่มาเจอจริงๆ คุณจะไม่มีวันรู้เลย ว่ามันรู้สึกแบบไหน เหงายังไง เบื่อแค่ไหน
ส่วนที่บ้านเรา เค้าก็บอกว่าถ้ามีโอกาส เค้าก็อยากให้เราได้ทำงานกับบริษัทที่มั่นคง เพราะอันนี้ ถ้าเจ้านายเลิกเล่นหุ้นเมื่อไหร่ หรือกลับไปนอนอยู่บ้านเฉยๆเมื่อไหร่ หน้าที่การงานเราก็จบแค่นี้ แต่จริงๆแล้ว เราอยากเป็นครูค่ะ เราเคยทำงาน ใน รร นานาชาติมาก่อน แ่ต่ติดอยู่อย่างเดียวที่ว่าเรายังไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู เลยไม่สามารถเป็น "ครู" ได้แบบเต็มตัว ก็ต้องรอสอบเก็บมาตราฐานกันไปค่ะ ตอนนี้ก็อยู่ในระหว่างเตรียมตัวสอบเข้า ป โท อยู่ด้วย เลยต้องกัดฟันทนไปก่อน แต่ระหว่างนี้ก็หางานไปบ้าง มีไปสัมภาษณ์งานบ้างแต่กำลังรอผลอยู่ค่ะ โดยส่วนตัวเรา เราคิดแค่ว่า เรามีความสามารถมากกว่านี้ เราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้น่ะค่ะ ถึงเราจะเป็นเลขา เราก็อยากจะเป็นเลขาที่มีุคุณภาพ ทำให้เจ้านายทำงานสบายที่สุด ซึ่งเราคิดว่า ถ้าเป็นองค์กรใหญ่ๆ มีฝ่ายมีแผนกชัดเจน ก็คงจะดีกว่านี้มาก คือเราเป็นคนไม่กลัวเหนื่อยกายค่ะ พร้อมสูุ้ทุกอย่าง แต่เหนื่อยใจเราเองก็ไม่ไหวจะเคลียร์
ที่อยากจะมาปรึกษาวันนี้ คือเราอยากรู้ว่าเพื่อนๆรู้สึกยังไงกันคะ แล้วถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบเรา เพื่อนๆจะทำยังไง เราอดทนน้อยไป เราคิดมากไป หรืออะไรยังไง ติเราได้หมดเลยค่ะ เราน้อมรับทุกอย่าง หรือพี่ๆ เพื่อนๆคนไหนมีอะไรอยากแนะนำเรา เราจะขอบคุณเป็นอย่างสูงเลยนะคะ
ขอบคุณมากนะคะ ที่อ่านกัน เพราะมันยาวมากๆเลย


ขอปรึกษาเรื่องการทำงานในออฟฟิตที่มีแค่เจ้านายและเลขาค่ะ!