ในระยะเวลา 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้ถูกมุสลิมในนิกายหนึ่ง "ข่มขู่และขับไล่"ผมให้ออกจาก การนับถือศาสาอิสลาม โดยให้เหตุผลต่างๆนาๆ จากข้อเขียนในการเสวนาอย่างรุนแรงในเรื่องการศรัทธาต่อศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นการเสวนาทางวิชาการ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
มุสลิมกลุ่มนี้ได้พยายามอย่างยิ่งที่ ได้นำข้อเขียนเป็นตอนๆ โดยขาดคำอธิบายของผมโดยละเอียด มาอ้างว่า ผมปฏิเสธหลักการของ ซุนนีมุสลิม ซึ่งเป็น มุสลิมส่วนใหญ่ในประชากรมุสลิมของโลก
การแสดง BULLY ของมุสลิม สองคน ในการพยายามที่จะ ขับไล่ผมออกจากศาสนาอิสลาม นี้ เป็นการละเมิด สิทธิของพระเจ้า และสิทธิของมนุษยชาติ โดยใช้ระเบียบการของมนุษย์บัญญ้ติขึ้นมา
เพื่อกีดกัน มวลมนุษย์ชาติให้เข้าถึงความศรัทธาของพระเจ้าร่วมกัน
ถึงอย่างไรก็ตามข้อเขียนของผมไม่ได้ให้สิทธิใดๆ ต่อ มนุษย์ ผู้ใดก็ตามที่จะ ขับไล่มุสลิมออกจากการนับถือศาสนาอิสลาม
การเข้ารับอิสลามไม่มี กฏหมายการจดทะเบียนเป็นมุสลิม ไม่มีในโลกมุสลิมที่เขากระทำกัน
เขาผู้นั้นจะต้องปฏิญานตนอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาว่า
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรกับการเตารพบูชานอกจากพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น และ ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดเป็นศาสนทูตของพระเจ้าที่แท้จริง
ซึ่งหลักการปฏิญาณเช่นนี้ ก็เป็นหลักการที่มุสลิมแต่ละนิกายสร้างขึ้น เพื่อแสดงความจริงใจและเข้าใจในหลักศรัทธาสูงสุดของศาสนาอิสลาม และศาสดาคนสุดท้ายที่พระเจ้าสงมาเพื่อประทานคัมภีร์เล่มสุดท้ายให้แก่มวลมนุษย์ชาติ
การปฏิญาณที่พระเจ้ารับรองอย่างแท้จริง
ในอัลกุรอานนั้น คือ
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรกับการเคารพบูชานอกจากพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม การกล่าวคำปฏิญานว่า
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรกับการเคารพบูชานอกจากพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น และ ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดเป็นศาสนทูตของพระเจ้าที่แท้จริง
การปฏิญาณเช่นนี้ไม่มีข้อเสียหายอย่างไรโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความสำคัญมากต่อ บุคคลที่มาเข้ารับศาสนาอิสลามใหม่ๆ ทั้งนี้เขาจะต้องรู้ว่า ใครคือพระเจ้า และใครคือศาสนทูตของพระเจ้าผู้ที่รับ คัมภีร์อัลกุรอานมาจากพระเจ้า
ตัวผมเองนับถือศานาอิสลามและปฏิบัติศาสนกิจของศาสนาอิสลามมาตอลดชีวิต
ศึกษาอัลกุรอานอย่างเข้าใจ และไม่ปฏิบัติสิ่งใดซึ่งถือว่าเป็นการสร้างภาคีต่อพระเจ้า
1. ในคัมภีร์อัลกุรอานที่ผมใช้ ศึกษา ไม่มีการกล่าวถึง
พระพุทธเจ้า ศาสดาของพระพุทธศาสนา
ไม่ว่าใน บัญญัติใดๆก็ตามตลอดเล่ม
2. ผมไม่เคยร่วมปฏิบัติศาสนกิจร่วมกัน ใน พระพุทธศาสนา เช่นการ ช่วยเงินในการทอดกฐินหรือทอดผ้าป่า ซึ่งเป็นข้อห้ามในการประกอบศาสนกิจร่วมกับศาสนาอื่น,
ทั้งนี้เนื่องจากว่า ศาสนาอิสลามมีหลักการ ซะกาต และกุศลทาน สำหรับมนุษย์ที่ขัดสน ในทุกๆความศรัทธาอยู่แล้ว
ที่กล่าวมาทั้งสองข้อนี้ เป็น บาปใหญ่ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม
นั้นคือการสร้างภาคีต่อพระเจ้า
การ BULLY ของมุสลิมกลุ่มนี้จึงขัดต่อหลักการของอิสลามโดยรวม นำเอาเรื่องการขัดใจส่วนตัวและความคิดเห็นในเรื่องความศรัทธามาเป็น ข้อกล่าวหาในการขับไล่ผมออกจากการนับถือศาสนาอิสลาม ที่ผมปฏิญาณว่า จะยึดถือ ตั้งแต่เกิด จนถึงวันสุดท้ายของ
ชีวิตผม
โดยที่จะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ต่อ BULLY กลุ่มนี้ แม้จะเสียชีวิตก็ตาม
เพื่อจะให้เด็กๆรุ่นหลังเห็นว่า ถ้ามุสลิมมีความศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างแท้จริงแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะขับไล่มุสลิมออกจากศาสนาของพระองค์ได้,
สิ่งที่สำคัญที่สุด จะต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตัวเองและต่อพระเจ้า และจะต้องไม่นำมุสลิมผู้อื่นให้ออกนอกแนวทางของพระเจ้าไปสู่หนทางที่พระองค์ไม่พึงประสงค์
มุสลิมทุกๆท่านจะต้องไม่ยอมให้ BULLY ผูดขับไล่ท่านออกจาก อิสลาม
ในระยะเวลา 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้ถูกมุสลิมในนิกายหนึ่ง "ข่มขู่และขับไล่"ผมให้ออกจาก การนับถือศาสาอิสลาม โดยให้เหตุผลต่างๆนาๆ จากข้อเขียนในการเสวนาอย่างรุนแรงในเรื่องการศรัทธาต่อศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นการเสวนาทางวิชาการ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
มุสลิมกลุ่มนี้ได้พยายามอย่างยิ่งที่ ได้นำข้อเขียนเป็นตอนๆ โดยขาดคำอธิบายของผมโดยละเอียด มาอ้างว่า ผมปฏิเสธหลักการของ ซุนนีมุสลิม ซึ่งเป็น มุสลิมส่วนใหญ่ในประชากรมุสลิมของโลก
การแสดง BULLY ของมุสลิม สองคน ในการพยายามที่จะ ขับไล่ผมออกจากศาสนาอิสลาม นี้ เป็นการละเมิด สิทธิของพระเจ้า และสิทธิของมนุษยชาติ โดยใช้ระเบียบการของมนุษย์บัญญ้ติขึ้นมา
เพื่อกีดกัน มวลมนุษย์ชาติให้เข้าถึงความศรัทธาของพระเจ้าร่วมกัน
ถึงอย่างไรก็ตามข้อเขียนของผมไม่ได้ให้สิทธิใดๆ ต่อ มนุษย์ ผู้ใดก็ตามที่จะ ขับไล่มุสลิมออกจากการนับถือศาสนาอิสลาม
การเข้ารับอิสลามไม่มี กฏหมายการจดทะเบียนเป็นมุสลิม ไม่มีในโลกมุสลิมที่เขากระทำกัน
เขาผู้นั้นจะต้องปฏิญานตนอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาว่า
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรกับการเตารพบูชานอกจากพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น และ ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดเป็นศาสนทูตของพระเจ้าที่แท้จริง
ซึ่งหลักการปฏิญาณเช่นนี้ ก็เป็นหลักการที่มุสลิมแต่ละนิกายสร้างขึ้น เพื่อแสดงความจริงใจและเข้าใจในหลักศรัทธาสูงสุดของศาสนาอิสลาม และศาสดาคนสุดท้ายที่พระเจ้าสงมาเพื่อประทานคัมภีร์เล่มสุดท้ายให้แก่มวลมนุษย์ชาติ
การปฏิญาณที่พระเจ้ารับรองอย่างแท้จริง
ในอัลกุรอานนั้น คือ
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรกับการเคารพบูชานอกจากพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม การกล่าวคำปฏิญานว่า
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรกับการเคารพบูชานอกจากพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น และ ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดเป็นศาสนทูตของพระเจ้าที่แท้จริง
การปฏิญาณเช่นนี้ไม่มีข้อเสียหายอย่างไรโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความสำคัญมากต่อ บุคคลที่มาเข้ารับศาสนาอิสลามใหม่ๆ ทั้งนี้เขาจะต้องรู้ว่า ใครคือพระเจ้า และใครคือศาสนทูตของพระเจ้าผู้ที่รับ คัมภีร์อัลกุรอานมาจากพระเจ้า
ตัวผมเองนับถือศานาอิสลามและปฏิบัติศาสนกิจของศาสนาอิสลามมาตอลดชีวิต
ศึกษาอัลกุรอานอย่างเข้าใจ และไม่ปฏิบัติสิ่งใดซึ่งถือว่าเป็นการสร้างภาคีต่อพระเจ้า
1. ในคัมภีร์อัลกุรอานที่ผมใช้ ศึกษา ไม่มีการกล่าวถึง
พระพุทธเจ้า ศาสดาของพระพุทธศาสนา
ไม่ว่าใน บัญญัติใดๆก็ตามตลอดเล่ม
2. ผมไม่เคยร่วมปฏิบัติศาสนกิจร่วมกัน ใน พระพุทธศาสนา เช่นการ ช่วยเงินในการทอดกฐินหรือทอดผ้าป่า ซึ่งเป็นข้อห้ามในการประกอบศาสนกิจร่วมกับศาสนาอื่น,
ทั้งนี้เนื่องจากว่า ศาสนาอิสลามมีหลักการ ซะกาต และกุศลทาน สำหรับมนุษย์ที่ขัดสน ในทุกๆความศรัทธาอยู่แล้ว
ที่กล่าวมาทั้งสองข้อนี้ เป็น บาปใหญ่ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม
นั้นคือการสร้างภาคีต่อพระเจ้า
การ BULLY ของมุสลิมกลุ่มนี้จึงขัดต่อหลักการของอิสลามโดยรวม นำเอาเรื่องการขัดใจส่วนตัวและความคิดเห็นในเรื่องความศรัทธามาเป็น ข้อกล่าวหาในการขับไล่ผมออกจากการนับถือศาสนาอิสลาม ที่ผมปฏิญาณว่า จะยึดถือ ตั้งแต่เกิด จนถึงวันสุดท้ายของ
ชีวิตผม
โดยที่จะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ต่อ BULLY กลุ่มนี้ แม้จะเสียชีวิตก็ตาม
เพื่อจะให้เด็กๆรุ่นหลังเห็นว่า ถ้ามุสลิมมีความศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างแท้จริงแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะขับไล่มุสลิมออกจากศาสนาของพระองค์ได้,
สิ่งที่สำคัญที่สุด จะต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตัวเองและต่อพระเจ้า และจะต้องไม่นำมุสลิมผู้อื่นให้ออกนอกแนวทางของพระเจ้าไปสู่หนทางที่พระองค์ไม่พึงประสงค์