"อย่าตัดสินตัวเองหรือตัดสินคนอื่น"
อย่าตัดสินตัวเอง มั่นใจว่าเป็นชาวสวรรค์ แต่ให้หวังว่าจะได้เข้าสวรรค์
มีคนมากมาย มั่นใจว่าตัวเองดี ได้รับบททดสอบ
จึงรู้ว่า มีข้อบกพร่อง ทำบาปไม่รู้ตัว ทำไปเพื่อหวังให้คนยอมรับ ใจไม่บริสุทธิ์เพื่อพระเจ้าจริง
และอย่าตัดสินตัวเอง ว่าเป็นชาวนรก เพราะทำพลาด อย่าโทษตัวเองมากเกินไป
หากทำผิด ยอมรับในความผิด ปรับปรุงแก้ไข ขออภัยโทษต่อผู้สร้าง แล้วกลับเนื้อกลับตัว
อย่าตัดสินคนอื่น ว่าเป็นชาวสวรรค์ หรือชาวนรก
เราไม่รู้จริง อัลลอฮฺเท่านั้นที่รู้ อัลลอฮฺเท่านั้นเป็นผู้ตัดสิน
แต่เราจะสังเกตได้ว่า เขาอาจเป็นชาวสวรรค์
จากการงาน ความดีที่เขาได้ทำ ในบั้นปลายชีวิต
เขาจะเป็นผู้ศรัทธา และได้ทำความดีก่อนตาย
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “เมื่อพระองค์อัลลอฮฺรักใคร พระองค์จะให้ความหอมหวาน (ความงดงาม) แก่เขา” ศอฮาบะฮฺถามว่าอะไรคือความหอมหวาน ท่านนบีตอบว่า “พระองค์อัลลอฮฺจะเปิดโอกาสได้ทำการงานที่ดี ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต แล้วพระองค์อัลลอฮฺจะเก็บวิญญาณของเขาไปในสภาพที่เขาได้ทำความดี” (หะดีษ บันทึกโดย อิหม่ามอะหฺหมัด)
- - -
"ทำผิด กลับเนื้อกลับตัวได้เสมอ"
บางคนทิ้งละหมาด มาสำนึกตัว ฝึกละหมาดในมัสญิด ไม่นานก็เสียชีวิตในขณะละหมาด
บางคนฆ่าคนมา 99 ศพ สำนึกได้ ไปหาคนๆ หนึ่งถามว่า อัลลอฮฺจะอภัยให้ไหม คนนั้นให้ข้อมูลผิดว่า ทำผิดขนาดนี้ ไม่รอดหรอก ทำผิด ฆ่าอีก 1 ศพ
แล้วไปเจอผู้รู้ เขาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ต่อให้ทำผิดมามากแค่ไหน หากสำนึกผิดจริง เลิกจริง ขออภัยโทษต่อพระองค์ พระองค์ก็อภัยให้
คนๆ นี้ที่ฆ่ามา 100 ศพ ได้รับคำแนะนำจากผู้รู้ว่า จะกลับเนื้อกลับตัว ต้องย้ายไปจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ
ระหว่างทางที่เขาเดินทางไป เขาก็เสียชีวิต คนๆ นี้ จะได้รับการอภัยโทษหรือไม่ มีหะดีษเฉลยคำตอบ ดังนี้
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ก่อนหน้าพวกท่าน มีคนผู้หนึ่งที่ฆ่าคนมา 99 คน ดังนั้น เขาจึงเที่ยวหาคนที่มีความรู้ที่สุด เขาถูกบอกให้ไปหานักบวชคนหนึ่ง ดังนั้น เขาจึงไปหาและถามนักบวชคนนั้น แต่นักบวชคนนั้นตอบปฏิเสธ เขาจึงฆ่านักบวชคนนั้น เขาถามหาคนที่มีความรู้อีก และเขาได้ถูกบอกให้ไปหาผู้มีความรู้คนหนึ่ง เมื่อเขาไปและถามผู้มีความรู้คนนั้นว่า อัลลอฮฺจะทรงให้อภัยเขาไหม ผู้ทรงความรู้คนนั้นตอบยืนยันว่าไม่มีใครสามารถหยุดการสำนึกผิดจากบ่าวได้ และบอกเขาให้ไปยังเมืองหนึ่งและเคารพสักการะอัลลอฮฺที่นั่น พร้อมกับชาวเมืองและอย่ากลับไปยังแผ่นดินของเขาอีก ดังนั้น เขาจึงออกเดินทาง แต่เขาได้เสียชีวิตเสียก่อนระหว่างทาง มลาอิก๊ะฮฺแห่งความเมตตาและมลาอิก๊ะฮฺแห่งการลงโทษได้โต้เถียงกันว่าเขาได้รับการให้อภัยหรือไม่ มลาอิก๊ะฮฺแห่งความเมตตากล่าวว่า “เขากำลังเดินทางไปสู่การสำนึกผิด” มลาอิก๊ะฮฺแห่งการลงโทษกล่าวว่า “เขาไม่ได้ทำความดีอะไร” มลาอิกะฮฺองคหนึ่งจึงมาในร่างของมนุษย์และขอให้มลาอิก๊ะฮฺทั้งสองวัดระยะทางระหว่างสองเมืองเพื่อดูว่าระยะทางจากไหนสั้นที่สุด ปรากฏว่าระยะทางไปสู่หมู่บ้านแห่งการสำนึกผิดนั้นสั้นกว่า ดังนั้น เขาจึงได้รับการให้อภัย และมลาอิก๊ะฮฺแห่งความเมตตาได้รับเขาไป” เกาะตาด๊ะฮฺบอกว่า อัลฮะซันกล่าว่า “ในตอนตาย คนผู้นี้ได้หันหน้าอกของเขาไปยังหมู่บ้านที่เขาจะไปสำนึกผิด” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3470)
- - -
"อดีต ปัจจุบัน ตัดสินอนาคตใครไม่ได้"
คนที่เคยทำผิดในอดีต เราจึงไปตัดสินว่าเขาชั่วไม่ได้
คนที่ยังทำผิดอยู่ในปัจจุบัน สักวันเขาอาจได้กลับตัว
หรือคนที่ทำดีมานาน เจอบททดสอบ ใจเขวไปทำชั่ว
ไม่ว่าจะเคยดี/ชั่ว ปลายทางสำคัญคือ
สำนึกและกลับเนื้อกลับตัว เป็นบ่าวที่ดีต่อพระองค์
บางคนดีมาตลอด ตอนปลาย ดีแตกก็มี วัลอิยาซุบิลลาฮฺ
บางคนชั่วมาตลอด ก่อนตาย ได้ทำความดีก็มี
ดังนั้น อย่าเอาเวลาไปตัดสินคนอื่น วิจารณ์คนอื่นเลย
ผู้ศรัทธาที่แท้จริง คือ ผู้ที่ตรวจสอบตัวเอง และไม่วิจารณ์คนอื่น
หะดีษข้างล่างนี้ มีไว้เพื่อตรวจสอบตัวเอง ระวังตัวเอง
ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ ให้เรายึดมั่นในสายเชือกของพระองค์
อ่านและปฏิบัติตามอัลกุรอานและหะดีษ จะได้ไม่หลงทาง
ใครมาทำให้ใจอ่อนไหว จะได้ปัดออกไปได้ง่าย มีจุดยืน
และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ
บางคนที่เคยไม่ศรัทธาต่อพระเจ้า สุดท้ายอัลลอฮฺนำทางให้เจออิสลาม และได้เป็นมุสลิม
บางคนเป็นมุสลิม แต่ไม่ศึกษาศาสนาให้เข้าใจ ตอนสบายลืมขอดุอาอฺ(ขอพร)
ตอนลำบากจึงลืมขอดุอาอฺ หรือขอแต่ไม่มั่นใจ เพราะไม่ได้ฝึกขอตอนสบาย
(ดุาอฺจะได้รับการตอบรับต้องเชื่อในความเมตตาของพระองค์)
เมื่อเจอบททดสอบใจเขว ออกจากอิสลาม แต่อัลลอฮฺก็นำทางให้กลับมารับอิสลามใหม่อีกครั้ง
เราจึงไม่ควรด่วนสรุปว่าใครเป็นชาวสวรรค์หรือชาวนรก สิ่งที่ควรทำคือ ขอพร ขออัลลอฮฺเปิดใจ
เมื่อวานนี้ได้ฟังเรื่องราวของมุสลิมใหม่คู่หนึ่ง ศึกษาอิสลามมาเดือนครึ่ง
เขาศึกษาไม่นาน ก็ศรัทธาในพระเจ้าแล้ว เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง คือ อัลลอฮฺ พระเจ้ามีเพียงองค์เดียว
เข้ารับอิสลามพร้อมกันทั้งคู่ จึงไม่ต้องทำการแต่งงานใหม่
หรือคนที่เคยสัก รับอิสลาม ก็ไม่จำเป็นต้องไปเอาลายสักออกก่อนแต่อย่างใด
รับอิสลามได้ทันที เมื่อเขาศรัทธา ไม่ต้องรอให้พร้อม เรื่องปฏิบัติค่อยๆ เรียนรู้ไปตามลำดับหลังรับอิสลาม
มุสลิมใหม่ พระองค์ทรงเมตตาให้อภัยเขาทั้งหมด แม้ว่าจะทำผิดมาแค่ไหนก็ตาม และความดีก็ยังอยู่
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ผู้ใดที่อัลลอฮฺปรารถนาให้เขาได้รับความดีงาม พระองค์จะให้เขาเข้าใจศาสนา และอัลลอฮฺนั้นคือ ผู้ให้ ส่วนฉันคือผู้จัดสรร” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 71)
- - -
อัลลอฮฺทรงให้อภัยทั้งมุสลิมเดิมและมุสลิมใหม่
– “และบรรดาผู้ที่กระทำสิ่งที่ชั่ว แล้วสำนึกผิดกลับตัวหลังจากนั้น และศรัทธาแล้วไซร้ แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น หลังจากนั้น (ตัฟซีร: คือหลังจากเลิกจากการทำชั่ว และกลับเนื้อกลับตัว) แล้วแน่นอนย่อมเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ทรงเอ็นดูเมตตา” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลอะฮฺรอฟ 153 ตัฟซีรโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย)
– ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “เมื่อบ่าวคนหนึ่งเข้ารับอิสลาม และเป็นอิสลามอย่างดี อัลลอฮฺจะทรงลบล้างทุกความผิดออกจากเขาที่เขาได้เคยกระทำมาก่อน และภายหลังจากการตอบแทนนี้แล้ว การทำความดีหนึ่งจะได้รับตอบแทนสิบเท่าถึงเจ็ดร้อยเท่า และการทำความชั่วหนึ่งจะได้รับการตอบแทนหนึ่งความชั่วเท่านั้น นอกจากอัลลอฮฺจะทรงให้อภัยความชั่วนั้น” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 41
ดังนั้น เราไม่ควรสิ้นหวังในการมีชีวิต พระเจ้าทรงคอยช่วยเหลือเราอยู่เสมอ
ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ชัยชนะจะมากับความอดทนเสมอ ความรื่นรมย์ใจจะมากับความยากลำบาก และพร้อมๆ กับความยากนั้น จะมีความง่ายเสมอ” (หะดีษเศาะฮีหฺ อัลญามิอฺ เลขที่ 6808)
- - -
"ชัยชนะที่แท้จริง"
ไม่ใช่การมีชื่อเสียง ตำแหน่งสูง หรือรวยมีเงินมาก มีครอบครัวอบอุ่น
แต่ชัยชนะคือการเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง และได้เข้าสวรรค์ของพระองค์
อย่ายึดติดกับโลกนี้ มันเป็นเพียงแค่โลกชั่วคราว มนุษย์มาที่นี่เพียงชั่วคราว สุดท้ายเราต้องกลับไปหาพระองค์
ต่อให้เรารักใครมากแค่ไหน รักงาน เงิน แฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ แมว สัตว์เลี้ยง ชอบมากเพียงใด
สุดท้าย สิ่งเหล่านี้ก็จะหายไปจากชีวิตเรา และเราจะได้กลับไปหาพระองค์อยู่ดี
อย่ามัวเอาใจผูกติดกับดุนยาโลกนี้ ต่อให้เราต้องการความรักจากสิ่งรอบตัวแค่ไหน ก็ไม่พอ ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
เป็นเพียงความพอใจชั่วคราว เพราะกำสิ่งเหล่านี้ไว้มาก ก็ทุกข์ แต่เมื่อไหร่เราปล่อย
แล้วหันเข้าหาพระองค์ เราสุข สงบ เพราะคือความสุขที่แท้จริง และผู้ให้ความสำเร็จให้ชีวิตที่ดีทั้งในโลกนี้และโลกหน้า คือ อัลลอฮฺ เท่านั้น
ความสุขที่แท้จริง คือ การได้รู้จักพระเจ้า ความรักที่เราตามหามาทั้งชีวิต คือการได้รักพระองค์ และหวังให้พระองค์รักและเมตตาเรา
ชัยชนะ ความสุข ความสำเร็จ ที่แท้จริง ไม่ใช่มนุษย์คิดได้ ทำได้ แต่มาจากผู้สร้างที่ให้เราเป็นรางวัลในอนาคต โลกหน้าโน่นเลย
จะรู้ว่าเราอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง เที่ยงตรงหรือไม่ ให้ดูจากอัลกุรอานนี้
"ผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงแนะทางที่ถูกต้องแก่เขา เขาก็คือผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง และผู้ใดที่พระองค์ทรงให้เขาหลง เขาจะไม่พบผู้ช่วยเหลือผู้ชี้ทางแก่เขาเลย" (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลกะฮฺฟฺ 17)
อธิบายเพิ่มเติมจากผู้รู้คือ ผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงชี้ทางนำให้เขาเข้าใจศาสนา ให้เขาได้เป็นมุสลิม ให้เขาได้อีมาน(ศรัทธา) ต่ออัลลอฮฺ ให้เขาได้รู้จักอัลลอฮฺ ให้เขาได้ละหมาดและถือศีลอด ให้เขาได้ไปทำฮัจญ์ ให้เขาได้เข้าใจอัลกุรอาน เขาอยู่ในทางนำที่ถูกต้องแล้ว
- - -
"อาม้าล การงานสุดท้ายสำคัญ"
จะเป็นชาวสวรรค์หรือไม่ ดูที่การงานสุดท้าย ในบั้นปลายชีวิต
ข้อความจากภาพ >>
รายงานจากอับดุลลอฮฺ บิน มัสอู๊ด (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) เล่าว่า “ท่านรอซูลุลลอฮฺ ผู้สัจจริง และถูกรับรองในความสัจจริงได้กล่าวว่า “แท้จริง พวกท่านแต่ละคนนั้นถูกก่อตัวเป็นรูปร่างในครรภ์มารดาของพวกเขา โดยใน 40 วัน (แรก) เป็นอสุจิ ต่อมาเป็นก้อนเลือดภายในระยะเวลาเท่ากัน (40 วัน) และหลังจากนั้น ก็กลายเป็นก้อนเนื้อภายในระยะเวลาเท่ากัน (40 วัน) ต่อมามลาอิกะฮฺก็ถูกส่งมายังเขา เพื่อเป่าวิญญาณเข้าไปในร่างเขา และ มลาอิกะฮฺถูกบัญชาให้บันทึกสี่กำหนดการด้วยกันคือ 1) บันทึก ริสกี (เครื่องยังชีพ) ของเขา 2) อายุขัยของเขา 3) การงานของเขา 4) ให้เขามีทุกข์หรือมีสุข ขอยืนยันด้วยอัลลอฮฺ ผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แน่นอน แม้นคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านได้เพียรกระทำการงานของชาวสวรรค์ (หมั่นสั่งสมความดีมาตลอด) จนเสมือนหนึ่งว่าระหว่างเขากับสวรรค์นั้นไม่มีอะไรขวางกั้นอีกแล้ว นอกจากระยะห่างเพียงหนึ่งศอกเท่านั้น (คือใกล้แค่เอื้อม) แต่หากบันทึกนั้นได้ถูกกำหนดไว้แก่เขาก่อนแล้ว (เมื่อใกล้สิ้นชีวิตว่าเขาต้องเป็นชาวนรก) ดังนั้น เขาจะต้องทำการงานของชาวนรกจนได้ และในที่สุดเขาก็ตกนรก และแน่นอนแม้คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านได้เพียรกระทำการงานของชาวนรก (คือ ทำความชั่วมาโดยตลอด) จนเสมือนหนึ่งว่าระหว่างเขากับนรกนั้น ไม่มีอะไรขวางกั้นอีกแล้ว นอกจากระยะห่างเพียงหนึ่งศอกเท่านั้น แต่หากบันทึกนั้นได้ถูกกำหนดไว้แก่เขาก่อนแล้ว (เมื่อใกล้สิ้นชีวิตว่าเขาจะได้เป็นชาวสวรรค์) ดังนั้นเขาจะทำการงานของชาวสวรรค์ และในที่สุดเขาก็ได้เข้าสวรรค์” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3208 และมุสลิม เลขที่ 2643)
วัลลอฮุอะอฺลัม อัลลอฮฺเท่านั้นทรงรู้ดีที่สุด
อย่าตัดสินตัวเอง อย่าตัดสินคนอื่น จะดูว่าใครดีจริงหรือไม่ ให้ดูที่บั้นปลายชีวิต อย่าสิ้นหวังในชีวิต