มรดก(ร้าย)รัก
*******************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม มรดก(ร้าย)รัก นะครับ
ขอบคุณกำลังถูกใจจาก Su_jeong ถูกใจ, ป้าทุยบ้านทุ่ง ถูกใจ, Inverness ถูกใจ และ มานีโอลา ถูกใจ
********************************************
มรดก(ร้าย)รัก
บทที่ 9
ฤดีไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับความหรูหราและเงินทอง มันเป็นสิ่งที่เคยรายล้อม และทำให้เธออึดอัด มาตลอดหลายปีที่อาศัยอยู่กับลุง
ถึงกระนั้น เพนท์เฮ้าส์ของอนลก็ยังทำให้เธอทึ่งได้
มันใหญ่มาก ใหญ่กว่าบ้านในเมืองของลุงสฤษดิ์สักสองเท่าเห็นจะได้ และสวยสง่าจนน่าตกใจ
ห้องกว้างสีขาวที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารตกแต่งบ้านยังไงยังงั้น
และมันยากมาก ที่จะจินตนาการว่า มีคนอาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ หรือว่าคนอยู่ที่นี่จะกล้ายกเท้าขึ้นวางพาดโต๊ะ ขณะอ่านหนังสือพิมพ์วิเคราะห์เศรษฐกิจ
แม่บ้านของอนลทักทายทั้งสอง โดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา ราวกับว่าผู้หญิงแต่งตัวเหมือนสาวนักเที่ยวที่กอดลังกระดาษแข็งไว้แน่น โดยมีเสียงร้องโหยหวนสั่นประสาทดังออกมาไม่ขาดระยะนั่น เป็นสิ่งที่หญิงชราพบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
“ป้าหรีด...”
อนลเอ่ยขึ้น
“...นี่คือคุณฤดี”
เขาจับแขนหญิงสาว ดึงเธอมาใกล้ตัว
“ช่วยพาไปที่ห้องพักแขกข้างบน เธอจะอยู่ด้วยระยะหนึ่ง ฝากป้าหรีดช่วยดูแลให้อยู่กับเราได้อย่างสะดวกสบายด้วยครับ”
“แน่นอนค่ะคุณนล”
“คุณวางไอ้ลังนั่นไว้ที่ห้องซักรีดก็ได้”
เขากล่าวกับเธอ ผงกศีรษะไปทางลังกระดาษ
“แล้วค่อย...”
“แมวต้องไปกับฉันด้วย!”
ฤดียืนยันหนักแน่น อนลทำได้เพียงยิ้มขื่นๆ อย่างอดกลั้นเต็มที่
“มันก็มาด้วยแล้วนี่ไง ทั้งที่ผมไม่ได้อยาก ตอนนี้ถึงเวลาส่งต่อให้ป้าหรีดแล้ว”
แต่คนยังกอดลังกระดาษไว้แน่น เชิดหน้าขึ้นอย่างท้าทาย
“คุณโฉมต้องอยู่กับฉัน”
คุณโฉม... สายตาของอนลตวัดไปที่ลังกระดาษ เจ้าตัวที่ส่งเสียงน่ารำคาญเนี่ยนะ ชื่อ คุณโฉม ให้ตายเถอะ!
แต่ก็นั่นและ ทำไมมันจะชื่อนั้นไมได้ล่ะ ในเมื่อทุกอย่าง ในวันที่ไม่ยอมจบสิ้นนี้ ล้วนบ้าบอทั้งนั้น
ขนาดเด็กในปกครองของเขา ยังกลายเป็นหญิงสาวตัวแสบแสนเซ็กซี่ ทายาทมรดกร้อยล้าน แทนที่จะเป็นแค่เด็กกะโปโล ไร้หัวนอนปลายเท้า ได้เลยนี่นา
แล้วทำไมแมว ที่ส่งเสียงร้องแสบแก้วหู จะชื่อคุณโฉมไม่ได้
อนลไม่คิดหรอกว่า จะมีใครเชื่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวเขา
อรรณพกับอนิล ได้ออกไปต่อสู้กับปัญหาที่เป็นปัญหาจริงๆ แต่เขา... เขาต้องมานั่งเถียงเรื่องสิทธิของแมว กับผู้หญิงที่คงกำลังหลงเพ้อไปว่า เสียงร้องโหยหวนของมัน คือเสียงเรียกของคนรัก
พอกันที นี่มันเป็นบ้านเขา และเขาก็เป็นผู้ปกครองของเธอ พอกันที
“ผมจะไม่เถียงกับคุณอีกแล้ว ฤดี”
ผู้ปกครองจำเป็น กล่าวอย่างเฉียบขาด ขณะยื่นมือไปที่ลังกระดาษ
“ทีนี้ ส่งไอ้นั่นมาได้แล้ว”
“ไม่!”
ดวงตาของอนลหรี่ลงอย่างขัดใจ
“ป้าหรีดจะจัดหาที่นอนให้มันคืนนี้ แล้วพอตอนเช้า ผมก็จะจัดการส่งมัน...”
“อย่ามาเรียก คุณโฉมว่า มัน แล้วคุณจะส่งคุณโฉมไปที่ไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“เลิกงี่เง่าซะที!”
อนลรู้สึกว่า อารมณ์ของตนกำลังพุ่งปรี๊ด
“บ้านนี้ไม่ใช่ที่อยู่สำหรับแมว”
“เชอะ! อย่าว่าแต่แมวเลย ที่นี่มันไม่น่าจะเป็นที่อยู่ของคนด้วยซ้ำ มันก็แค่ห้องโชว์ปลอมๆ”
ฤดีย้อน สะบัดหน้าจนผมกระจาย
“หรือคุณไม่เคยสังเกต”
“หยุดเหลวไหลซะทีเถอะ”
อนลคว้าลังใส่แมวจากมือของเธอจนได้
“สัตว์ก็ต้องอยู่ในกรงสิ ถึงจะสบาย”
“ไม่ใช่เขา ลองคิดว่า ตัวเองเป็นคุณโฉมสิ คุณจะรู้สึกยังไงที่จู่ๆ ก็ถูกพรากมาจากบ้าน... และ มาอยู่ในที่... ที่แปลกๆ โดยไม่มีคนที่... ที่ใส่ใจคุณหรือ... หรือ...”
ด้วยความว้าเหว่จับใจ ฤดีรู้สึกว่าน้ำตาที่น่าขายหน้าเริ่มเอ่อท้นขึ้นในดวงตา
เธอรีบกะพริบตา นึกภาวนาไม่ให้อนลสังเกตเห็น สัญลักษณ์ของความอ่อนแอนั้น แล้วรีบสูดลมหายใจเพื่อตั้งสติ
“คุณพูดถูก” เธอกล่าวออกมา กล้ำกลืนความรู้สึกเป็นทุกข์ไว้เต็มที่
“มาคิดดูดีๆ คุณโฉมคงเหมาะที่จะอยู่ในกรงมากกว่า ฉันจะได้ไม่ต้องมาคอยห่วงว่า เขาจะทำเลอะเทอะ หรือทิ้งรอยเท่าไว้บน... บน...สถานที่ที่ตกแต่งไว้ราวกับฉากละครห่วยๆ นี่”
หญิงสาวยืดตัวตรง เชิดหน้าขึ้นเหมือนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
“ทีนี้ ถ้าคุณไม่มีเรื่องหยุมหยิมยุ่งยากอะไรอีก ไหนล่ะ ห้องของฉัน”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่อนลจะพยักหน้า
“ป้าหรีด ช่วยพาคุณฤดีไปที่ห้องของเธอหน่อย”
“ได้ ค่ะ”
แม่บ้านรับคำตะกุกตะกัก พยักพเยิดไปยังกล่องใส่แมวที่อนลถือไว้ในมือ
“เอ่อ... คุณนล จะให้ป้าจัดการกับเจ้านั่นก่อน หรือว่า...”
“ไม่ต้องครับ... ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวก่อนก็ได้”
อนลเองก็อึกอักไม่แพ้กัน
“ผมจะเอาเจ้านี่ไปที่ห้องซักผ้า แล้วป้าค่อยจัดการกับมันทีหลังก็แล้วกัน”
เขาหันไปสบตากับหญิงสาวในปกครองอีกครั้ง
“ราตรีสวัสดิ์”
ฤดีไม่ตอบ กลับหันหลังและเดินตามหญิงชรา ผ่านห้องนั่งเล่นไปยังบันไดโค้งสีขาว ศีรษะของเธอเชิด ไหล่ตั้งตรง
อนลมองตามจนกระทั่งลับตา แล้วจึงหิ้วลังใส่แมวเดินไปยังห้องซักรีด เปิดไฟ ปิดประตู แล้ววางมันลงบนพื้นกระเบื้อง
เสียงร้องคร่ำครวญเงียบไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร คงเป็นความคิดที่ดี ที่จะตรวจดูสักหน่อยก่อนที่ป้าหรีดจะเปิดกล่อง
เขาก้มลงเปิดฝา และรอคอย อีกแป๊บหนึ่ง หัวสีด่างๆ จึงค่อยๆ โผล่ออกมาสู่แสงสว่างอย่างกล้าๆ กลัวๆ
มันเป็น แมว...
แน่อยู่แล้ว... มันเป็นแมวด่างสามสี ส่วนใหญ่สีขาวแล้วมีสีดำกับสีส้มสนิมป้ายอยู่ทั่วตัว ใบหูแหว่งไปข้างหนึ่ง
เสียงร้องโหยหวนดังลั่นนั่นหลอกกันชัดๆ เพราะที่เขาเห็นก็คือ มันกำลังตัวสั่นเทาด้วยความกลัว
อนลส่ายศีรษะ ก้มลงอีกครั้ง และอุ้มคุณโฉมของฤดีขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างเบามือ
ที่ต้องเถียงกันแทบเป็นแทบตาย... ทั้งหมด เพื่อเจ้านี่... เนี่ยนะ
เจ้าเหมียวในอ้อมกอด มีดวงตากลมโตสีเหลืองที่ไม่ยอมกะพริบเลย มันคงกำลังกลัว และตัวก็ยังสั่นไม่หยุด
อนลขบกรามตัวเองแบบไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี
“เวรจริงๆ”
เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แล้วจึงเปิดประตูออกไป
ป้าหรีดเดินสวนลงมา ตอนที่เขากำลังจะก้าวขึ้นบันได
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ป้าดูแลคุณผู้หญิงอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และ...”
เสียงของหล่อนชะงักไป เมื่อเห็นเจ้าเหมียว
“อุ๊ย เจ้าแมวน้อย...”
ดวงตาของหล่อนตวัดขึ้นไปมองหน้าอนล เห็นเขากำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด
“เจ้าตัวนี้คงพังห้องซักรีดแน่ๆ ให้อยู่ในลังของมันอย่างเดิมดีกว่า”
“ได้ค่ะ”
“เอาลังไปตั้งตรงไหนมุมไหนสักที่ เอาผ้าเช็ดตัวเก่าๆ ปูให้มัน ผมว่าป้าน่าจะหานมให้สักชาม”
“เป็นข้าวคลุกปลาทูน่าจะดีกว่าไหมคะ ในตู้ยังมีหลายกระป๋อง ป้าว่า นมคงไม่...”
แม่บ้านมองอนล คนฟังกลืนน้ำลาย แล้วผงกศีรษะ
“เอาอย่างนั้นนะคะคุณนล ป้าจะดูแลเองค่ะ”
แต่แล้ว กระทั่งหญิงชรายังเห็นได้ว่า มีเส้นเลือดเต้นตุบๆ อยู่บนขมับของชายหนุ่ม
เขาทำตาเขียวก่อนจะสาวเท้าขึ้นบันได ทุบกำปั้นลงบนประตูห้องพักแขก แล้วมันก็เปิดออกทันที
“ป้าหรีดคะ อย่าลืมช่วยหาอะไรให้แมวของหนูด้วย...??”
ฤดีจ้องหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เธอคิดว่าจะเป็นแม่บ้านท่าทางใจดี แต่กลับเป็นนายอนลใจยักษ์ไปซะได้
ใบหน้าของชายหนุ่มงอหงิก อย่างกับคนไม่ได้เข้าห้องน้ำมาสักสามวัน และกำลังหิ้วคอของคุณโฉมอยู่ด้วย
“เอ้า! นี่!”
เขาบอกสั้นๆ ขณะยื่นแมวให้เธอ
“เอาเจ้านี่ไป รักมันนักก็ดูแลเอาเองแล้วกัน”
ฤดีคว้าแมวมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน ซุกใบหน้าลงบนขนของมัน เมื่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอก็ส่งประกายความหวังเจิดจ้า
“คุณหมายความว่า...”
เธอกลืนน้ำลาย ลุ้นว่าเขาจะเอายังไงกันแน่
“...คุณหมายความว่า คุณโฉมอยู่กับฉันได้ ใช่ไหมคะ”
“ผม... หมายความว่า”
อนลตอบอย่างเย็นชา
“คุณเลี้ยงมัน... เอ่อ... เลี้ยงเขาไว้ได้ แต่จะต้องอยู่ในห้องคุณเท่านั้น”
ฤดีรีบพยักรับ
“อย่าเข้าใจผิดว่า ผมเกิดใจดีอะไรกับคุณขึ้นมานะ”
อนลเอ่ยห้วนๆ
“ผมทำเพราะไม่อยากให้มีเรื่องไม่เป็นเรื่อง มาวุ่นวายเพิ่มขึ้นอีก ผมรู้ว่าคุณคงไม่อยากเชื่อ แต่ผมมีคดีสำคัญมากมายที่ต้องสะสาง คุณไม่ใช่ภาระทางกฎหมายเพียงเรื่องเดียวของผม และ...”
“คุณอนล...”
เสียงของเธอนุ่มนวลลง แต่มันกลับเสียดแทงเข้าอย่างจัง จนเขาเจ็บจี๊ดที่ในอก เธอสวมต่างหูเงินคู่นั้นอีกแล้ว คู่ที่มีกระพรวนเล็กๆ มันแกว่งไกวเบาๆ เสียงกรุ๋งกริ๋งแผ่วๆ นั่น เหมือนเสียงทอดถอนใจไม่มีผิด
“ฉะ... ฉันอยากจะขอบคุณ หมายถึงที่คุณยอมเข้าใจเรื่องแมว”
หญิงสาวกลืนน้ำลาย สายตาของชายหนุ่มจับจ้องบนลำคอระหงของเธอ แล้วจึงย้อนกลับมาที่ใบหน้า
มีรอยเปียกชื้นอยู่บนแก้ม ริมฝีปากของเธอยังสั่นน้อยๆ
เธอร้องไห้หรือน่ะ
“คุณโฉมมีความหมายกับฉันมาก คุณคงเข้าใจนะคะ ฉะ...ฉันเจอเขาบนถนน บาดเจ็บและ...”
เวลาที่เสียงเธอแผ่วลง มันนุ่มนวลราวกับขนแมว ตอนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
อนลซุกมือลงในกระเป๋า บังคับตัวเองไม่ให้ทำสิ่งที่คงจะน่าขัน เพราะเขากำลังอยากจะยื่นมือออกไป ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด และบอกเธอว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อย
เขารู้สึกว่า หัวใจของตนตีบตันขึ้นมาเฉยๆ
โอ... แต่เธอต้องเก่งเรื่องการเว้าวอนแบบนี้แหละ เก่งในการทำให้ผู้ชายหันมามอง อย่างที่เธออยากให้เขามอง...
ก็ทำไมเธอจะทำไม่ได้ล่ะ ดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่า เธอน่ะ ฝึกเรื่องยั่วผู้ชายมาจนเชี่ยวชาญแล้วแน่ๆ
“...และ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
เธอกล่าวต่อไป
“ฉันให้สัญญา ฉันจะคอยดูให้คุณโฉมอยู่แต่ในห้อง และ ไม่...”
“ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน ถ้าผมเห็น แม้แค่แวบเดียว ว่ามันไม่อยู่ในที่ที่ควรอยู่ ต่อให้อ้อนวอนจนตายก็ช่วยอะไรไม่ได้อีก เจ้าแมวนั่นจะต้องไปจากที่นี่ มันจะถูกเหวี่ยงออกไป ไวจนคุณไม่ทันตั้งตัวเลยละ”
เขาหันกลับ เดินจากไปทันที...
ไม่ใช่... ฤดีคิดขณะมองตามหลัง ไม่สิ! เขาไม่ได้เดิน เขาจ้ำพรวดๆ เลยละ
ริมฝีปากของเธอเม้มแน่น กระแทกประตูปิดด้วยสะโพก แล้วเอนหลังพิงเอาไว้ เธอเองก็คงเป็นคนงี่เง่าอย่างน่าไม่อายเหมือนกันละนี่
ในชั่วขณะนั้น ก็เพิ่งสังเกตได้ว่า เขาก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
แต่... จริงเรอะ... ก็เขาเหมือนไม่ใช่คนที่มีหัวจิตหัวใจ น่าจะเป็นหุ่นยนต์จอมลามกซะมากกว่า และเธอจะไม่ยอมพลาดพลั้งกับเขาอีกเด็ดขาด
“แค่สามเดือนนะ คุณโฉม”
เธอกระซิบ เจ้าเหมียวคราง และแตะเท้าหน้าเบาๆ ที่ปลายคางกลมมนของฤดี
“ใช่แล้ว เจ้าหนูน้อย ตราบใดที่พวกเรามีกันและกัน เราก็จะผ่านพ้นสามเดือนบ้าๆ นี้ไปได้แน่ๆ จ้ะ”
ก็เท่านั้นเอง แค่สิบสองสัปดาห์สั้นๆ เท่านั้น
แต่ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนจะยาวนานไปชั่วชีวิตก็ไม่รู้สิ
**************
(บทนี้สั้นไปนิด แต่ตัดตอนได้ตรงนี้กะลังพอดีๆ อ่ะครับ)
ขอบคุณทุกการติดตามเช่นเคย
มรดก(ร้าย)รัก บทที่ 9
ขอบคุณกำลังถูกใจจาก Su_jeong ถูกใจ, ป้าทุยบ้านทุ่ง ถูกใจ, Inverness ถูกใจ และ มานีโอลา ถูกใจ
********************************************
มรดก(ร้าย)รัก
บทที่ 9
ฤดีไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับความหรูหราและเงินทอง มันเป็นสิ่งที่เคยรายล้อม และทำให้เธออึดอัด มาตลอดหลายปีที่อาศัยอยู่กับลุง
ถึงกระนั้น เพนท์เฮ้าส์ของอนลก็ยังทำให้เธอทึ่งได้
มันใหญ่มาก ใหญ่กว่าบ้านในเมืองของลุงสฤษดิ์สักสองเท่าเห็นจะได้ และสวยสง่าจนน่าตกใจ
ห้องกว้างสีขาวที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารตกแต่งบ้านยังไงยังงั้น
และมันยากมาก ที่จะจินตนาการว่า มีคนอาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ หรือว่าคนอยู่ที่นี่จะกล้ายกเท้าขึ้นวางพาดโต๊ะ ขณะอ่านหนังสือพิมพ์วิเคราะห์เศรษฐกิจ
แม่บ้านของอนลทักทายทั้งสอง โดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา ราวกับว่าผู้หญิงแต่งตัวเหมือนสาวนักเที่ยวที่กอดลังกระดาษแข็งไว้แน่น โดยมีเสียงร้องโหยหวนสั่นประสาทดังออกมาไม่ขาดระยะนั่น เป็นสิ่งที่หญิงชราพบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
“ป้าหรีด...”
อนลเอ่ยขึ้น
“...นี่คือคุณฤดี”
เขาจับแขนหญิงสาว ดึงเธอมาใกล้ตัว
“ช่วยพาไปที่ห้องพักแขกข้างบน เธอจะอยู่ด้วยระยะหนึ่ง ฝากป้าหรีดช่วยดูแลให้อยู่กับเราได้อย่างสะดวกสบายด้วยครับ”
“แน่นอนค่ะคุณนล”
“คุณวางไอ้ลังนั่นไว้ที่ห้องซักรีดก็ได้”
เขากล่าวกับเธอ ผงกศีรษะไปทางลังกระดาษ
“แล้วค่อย...”
“แมวต้องไปกับฉันด้วย!”
ฤดียืนยันหนักแน่น อนลทำได้เพียงยิ้มขื่นๆ อย่างอดกลั้นเต็มที่
“มันก็มาด้วยแล้วนี่ไง ทั้งที่ผมไม่ได้อยาก ตอนนี้ถึงเวลาส่งต่อให้ป้าหรีดแล้ว”
แต่คนยังกอดลังกระดาษไว้แน่น เชิดหน้าขึ้นอย่างท้าทาย
“คุณโฉมต้องอยู่กับฉัน”
คุณโฉม... สายตาของอนลตวัดไปที่ลังกระดาษ เจ้าตัวที่ส่งเสียงน่ารำคาญเนี่ยนะ ชื่อ คุณโฉม ให้ตายเถอะ!
แต่ก็นั่นและ ทำไมมันจะชื่อนั้นไมได้ล่ะ ในเมื่อทุกอย่าง ในวันที่ไม่ยอมจบสิ้นนี้ ล้วนบ้าบอทั้งนั้น
ขนาดเด็กในปกครองของเขา ยังกลายเป็นหญิงสาวตัวแสบแสนเซ็กซี่ ทายาทมรดกร้อยล้าน แทนที่จะเป็นแค่เด็กกะโปโล ไร้หัวนอนปลายเท้า ได้เลยนี่นา
แล้วทำไมแมว ที่ส่งเสียงร้องแสบแก้วหู จะชื่อคุณโฉมไม่ได้
อนลไม่คิดหรอกว่า จะมีใครเชื่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวเขา
อรรณพกับอนิล ได้ออกไปต่อสู้กับปัญหาที่เป็นปัญหาจริงๆ แต่เขา... เขาต้องมานั่งเถียงเรื่องสิทธิของแมว กับผู้หญิงที่คงกำลังหลงเพ้อไปว่า เสียงร้องโหยหวนของมัน คือเสียงเรียกของคนรัก
พอกันที นี่มันเป็นบ้านเขา และเขาก็เป็นผู้ปกครองของเธอ พอกันที
“ผมจะไม่เถียงกับคุณอีกแล้ว ฤดี”
ผู้ปกครองจำเป็น กล่าวอย่างเฉียบขาด ขณะยื่นมือไปที่ลังกระดาษ
“ทีนี้ ส่งไอ้นั่นมาได้แล้ว”
“ไม่!”
ดวงตาของอนลหรี่ลงอย่างขัดใจ
“ป้าหรีดจะจัดหาที่นอนให้มันคืนนี้ แล้วพอตอนเช้า ผมก็จะจัดการส่งมัน...”
“อย่ามาเรียก คุณโฉมว่า มัน แล้วคุณจะส่งคุณโฉมไปที่ไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“เลิกงี่เง่าซะที!”
อนลรู้สึกว่า อารมณ์ของตนกำลังพุ่งปรี๊ด
“บ้านนี้ไม่ใช่ที่อยู่สำหรับแมว”
“เชอะ! อย่าว่าแต่แมวเลย ที่นี่มันไม่น่าจะเป็นที่อยู่ของคนด้วยซ้ำ มันก็แค่ห้องโชว์ปลอมๆ”
ฤดีย้อน สะบัดหน้าจนผมกระจาย
“หรือคุณไม่เคยสังเกต”
“หยุดเหลวไหลซะทีเถอะ”
อนลคว้าลังใส่แมวจากมือของเธอจนได้
“สัตว์ก็ต้องอยู่ในกรงสิ ถึงจะสบาย”
“ไม่ใช่เขา ลองคิดว่า ตัวเองเป็นคุณโฉมสิ คุณจะรู้สึกยังไงที่จู่ๆ ก็ถูกพรากมาจากบ้าน... และ มาอยู่ในที่... ที่แปลกๆ โดยไม่มีคนที่... ที่ใส่ใจคุณหรือ... หรือ...”
ด้วยความว้าเหว่จับใจ ฤดีรู้สึกว่าน้ำตาที่น่าขายหน้าเริ่มเอ่อท้นขึ้นในดวงตา
เธอรีบกะพริบตา นึกภาวนาไม่ให้อนลสังเกตเห็น สัญลักษณ์ของความอ่อนแอนั้น แล้วรีบสูดลมหายใจเพื่อตั้งสติ
“คุณพูดถูก” เธอกล่าวออกมา กล้ำกลืนความรู้สึกเป็นทุกข์ไว้เต็มที่
“มาคิดดูดีๆ คุณโฉมคงเหมาะที่จะอยู่ในกรงมากกว่า ฉันจะได้ไม่ต้องมาคอยห่วงว่า เขาจะทำเลอะเทอะ หรือทิ้งรอยเท่าไว้บน... บน...สถานที่ที่ตกแต่งไว้ราวกับฉากละครห่วยๆ นี่”
หญิงสาวยืดตัวตรง เชิดหน้าขึ้นเหมือนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
“ทีนี้ ถ้าคุณไม่มีเรื่องหยุมหยิมยุ่งยากอะไรอีก ไหนล่ะ ห้องของฉัน”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่อนลจะพยักหน้า
“ป้าหรีด ช่วยพาคุณฤดีไปที่ห้องของเธอหน่อย”
“ได้ ค่ะ”
แม่บ้านรับคำตะกุกตะกัก พยักพเยิดไปยังกล่องใส่แมวที่อนลถือไว้ในมือ
“เอ่อ... คุณนล จะให้ป้าจัดการกับเจ้านั่นก่อน หรือว่า...”
“ไม่ต้องครับ... ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวก่อนก็ได้”
อนลเองก็อึกอักไม่แพ้กัน
“ผมจะเอาเจ้านี่ไปที่ห้องซักผ้า แล้วป้าค่อยจัดการกับมันทีหลังก็แล้วกัน”
เขาหันไปสบตากับหญิงสาวในปกครองอีกครั้ง
“ราตรีสวัสดิ์”
ฤดีไม่ตอบ กลับหันหลังและเดินตามหญิงชรา ผ่านห้องนั่งเล่นไปยังบันไดโค้งสีขาว ศีรษะของเธอเชิด ไหล่ตั้งตรง
อนลมองตามจนกระทั่งลับตา แล้วจึงหิ้วลังใส่แมวเดินไปยังห้องซักรีด เปิดไฟ ปิดประตู แล้ววางมันลงบนพื้นกระเบื้อง
เสียงร้องคร่ำครวญเงียบไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร คงเป็นความคิดที่ดี ที่จะตรวจดูสักหน่อยก่อนที่ป้าหรีดจะเปิดกล่อง
เขาก้มลงเปิดฝา และรอคอย อีกแป๊บหนึ่ง หัวสีด่างๆ จึงค่อยๆ โผล่ออกมาสู่แสงสว่างอย่างกล้าๆ กลัวๆ
มันเป็น แมว...
แน่อยู่แล้ว... มันเป็นแมวด่างสามสี ส่วนใหญ่สีขาวแล้วมีสีดำกับสีส้มสนิมป้ายอยู่ทั่วตัว ใบหูแหว่งไปข้างหนึ่ง
เสียงร้องโหยหวนดังลั่นนั่นหลอกกันชัดๆ เพราะที่เขาเห็นก็คือ มันกำลังตัวสั่นเทาด้วยความกลัว
อนลส่ายศีรษะ ก้มลงอีกครั้ง และอุ้มคุณโฉมของฤดีขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างเบามือ
ที่ต้องเถียงกันแทบเป็นแทบตาย... ทั้งหมด เพื่อเจ้านี่... เนี่ยนะ
เจ้าเหมียวในอ้อมกอด มีดวงตากลมโตสีเหลืองที่ไม่ยอมกะพริบเลย มันคงกำลังกลัว และตัวก็ยังสั่นไม่หยุด
อนลขบกรามตัวเองแบบไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี
“เวรจริงๆ”
เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แล้วจึงเปิดประตูออกไป
ป้าหรีดเดินสวนลงมา ตอนที่เขากำลังจะก้าวขึ้นบันได
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ป้าดูแลคุณผู้หญิงอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และ...”
เสียงของหล่อนชะงักไป เมื่อเห็นเจ้าเหมียว
“อุ๊ย เจ้าแมวน้อย...”
ดวงตาของหล่อนตวัดขึ้นไปมองหน้าอนล เห็นเขากำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด
“เจ้าตัวนี้คงพังห้องซักรีดแน่ๆ ให้อยู่ในลังของมันอย่างเดิมดีกว่า”
“ได้ค่ะ”
“เอาลังไปตั้งตรงไหนมุมไหนสักที่ เอาผ้าเช็ดตัวเก่าๆ ปูให้มัน ผมว่าป้าน่าจะหานมให้สักชาม”
“เป็นข้าวคลุกปลาทูน่าจะดีกว่าไหมคะ ในตู้ยังมีหลายกระป๋อง ป้าว่า นมคงไม่...”
แม่บ้านมองอนล คนฟังกลืนน้ำลาย แล้วผงกศีรษะ
“เอาอย่างนั้นนะคะคุณนล ป้าจะดูแลเองค่ะ”
แต่แล้ว กระทั่งหญิงชรายังเห็นได้ว่า มีเส้นเลือดเต้นตุบๆ อยู่บนขมับของชายหนุ่ม
เขาทำตาเขียวก่อนจะสาวเท้าขึ้นบันได ทุบกำปั้นลงบนประตูห้องพักแขก แล้วมันก็เปิดออกทันที
“ป้าหรีดคะ อย่าลืมช่วยหาอะไรให้แมวของหนูด้วย...??”
ฤดีจ้องหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เธอคิดว่าจะเป็นแม่บ้านท่าทางใจดี แต่กลับเป็นนายอนลใจยักษ์ไปซะได้
ใบหน้าของชายหนุ่มงอหงิก อย่างกับคนไม่ได้เข้าห้องน้ำมาสักสามวัน และกำลังหิ้วคอของคุณโฉมอยู่ด้วย
“เอ้า! นี่!”
เขาบอกสั้นๆ ขณะยื่นแมวให้เธอ
“เอาเจ้านี่ไป รักมันนักก็ดูแลเอาเองแล้วกัน”
ฤดีคว้าแมวมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน ซุกใบหน้าลงบนขนของมัน เมื่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอก็ส่งประกายความหวังเจิดจ้า
“คุณหมายความว่า...”
เธอกลืนน้ำลาย ลุ้นว่าเขาจะเอายังไงกันแน่
“...คุณหมายความว่า คุณโฉมอยู่กับฉันได้ ใช่ไหมคะ”
“ผม... หมายความว่า”
อนลตอบอย่างเย็นชา
“คุณเลี้ยงมัน... เอ่อ... เลี้ยงเขาไว้ได้ แต่จะต้องอยู่ในห้องคุณเท่านั้น”
ฤดีรีบพยักรับ
“อย่าเข้าใจผิดว่า ผมเกิดใจดีอะไรกับคุณขึ้นมานะ”
อนลเอ่ยห้วนๆ
“ผมทำเพราะไม่อยากให้มีเรื่องไม่เป็นเรื่อง มาวุ่นวายเพิ่มขึ้นอีก ผมรู้ว่าคุณคงไม่อยากเชื่อ แต่ผมมีคดีสำคัญมากมายที่ต้องสะสาง คุณไม่ใช่ภาระทางกฎหมายเพียงเรื่องเดียวของผม และ...”
“คุณอนล...”
เสียงของเธอนุ่มนวลลง แต่มันกลับเสียดแทงเข้าอย่างจัง จนเขาเจ็บจี๊ดที่ในอก เธอสวมต่างหูเงินคู่นั้นอีกแล้ว คู่ที่มีกระพรวนเล็กๆ มันแกว่งไกวเบาๆ เสียงกรุ๋งกริ๋งแผ่วๆ นั่น เหมือนเสียงทอดถอนใจไม่มีผิด
“ฉะ... ฉันอยากจะขอบคุณ หมายถึงที่คุณยอมเข้าใจเรื่องแมว”
หญิงสาวกลืนน้ำลาย สายตาของชายหนุ่มจับจ้องบนลำคอระหงของเธอ แล้วจึงย้อนกลับมาที่ใบหน้า
มีรอยเปียกชื้นอยู่บนแก้ม ริมฝีปากของเธอยังสั่นน้อยๆ
เธอร้องไห้หรือน่ะ
“คุณโฉมมีความหมายกับฉันมาก คุณคงเข้าใจนะคะ ฉะ...ฉันเจอเขาบนถนน บาดเจ็บและ...”
เวลาที่เสียงเธอแผ่วลง มันนุ่มนวลราวกับขนแมว ตอนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
อนลซุกมือลงในกระเป๋า บังคับตัวเองไม่ให้ทำสิ่งที่คงจะน่าขัน เพราะเขากำลังอยากจะยื่นมือออกไป ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด และบอกเธอว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อย
เขารู้สึกว่า หัวใจของตนตีบตันขึ้นมาเฉยๆ
โอ... แต่เธอต้องเก่งเรื่องการเว้าวอนแบบนี้แหละ เก่งในการทำให้ผู้ชายหันมามอง อย่างที่เธออยากให้เขามอง...
ก็ทำไมเธอจะทำไม่ได้ล่ะ ดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่า เธอน่ะ ฝึกเรื่องยั่วผู้ชายมาจนเชี่ยวชาญแล้วแน่ๆ
“...และ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
เธอกล่าวต่อไป
“ฉันให้สัญญา ฉันจะคอยดูให้คุณโฉมอยู่แต่ในห้อง และ ไม่...”
“ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน ถ้าผมเห็น แม้แค่แวบเดียว ว่ามันไม่อยู่ในที่ที่ควรอยู่ ต่อให้อ้อนวอนจนตายก็ช่วยอะไรไม่ได้อีก เจ้าแมวนั่นจะต้องไปจากที่นี่ มันจะถูกเหวี่ยงออกไป ไวจนคุณไม่ทันตั้งตัวเลยละ”
เขาหันกลับ เดินจากไปทันที...
ไม่ใช่... ฤดีคิดขณะมองตามหลัง ไม่สิ! เขาไม่ได้เดิน เขาจ้ำพรวดๆ เลยละ
ริมฝีปากของเธอเม้มแน่น กระแทกประตูปิดด้วยสะโพก แล้วเอนหลังพิงเอาไว้ เธอเองก็คงเป็นคนงี่เง่าอย่างน่าไม่อายเหมือนกันละนี่
ในชั่วขณะนั้น ก็เพิ่งสังเกตได้ว่า เขาก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
แต่... จริงเรอะ... ก็เขาเหมือนไม่ใช่คนที่มีหัวจิตหัวใจ น่าจะเป็นหุ่นยนต์จอมลามกซะมากกว่า และเธอจะไม่ยอมพลาดพลั้งกับเขาอีกเด็ดขาด
“แค่สามเดือนนะ คุณโฉม”
เธอกระซิบ เจ้าเหมียวคราง และแตะเท้าหน้าเบาๆ ที่ปลายคางกลมมนของฤดี
“ใช่แล้ว เจ้าหนูน้อย ตราบใดที่พวกเรามีกันและกัน เราก็จะผ่านพ้นสามเดือนบ้าๆ นี้ไปได้แน่ๆ จ้ะ”
ก็เท่านั้นเอง แค่สิบสองสัปดาห์สั้นๆ เท่านั้น
แต่ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนจะยาวนานไปชั่วชีวิตก็ไม่รู้สิ
(บทนี้สั้นไปนิด แต่ตัดตอนได้ตรงนี้กะลังพอดีๆ อ่ะครับ)
ขอบคุณทุกการติดตามเช่นเคย