---->ตอนที่ 9 “เหอ ถู่ หลง”
(เพลิงตะวันผลาญ) เปลวไฟจากปลายนิ้วออกมารวมตัวกัน เป็นลูกไฟราวกับดวงอาทิตย์เล็กๆ
ลอยเข้าไปในตัวเคน ซึ่งนอนเจ็บอยู่อย่างไร้ทางป้องกัน
“อ้ากกกกกก” เขาร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน
เส้นเลือดของเคน ปูดพองเป็นระยะ ราวกับเลือดของเขากำลังเดือดปุดๆ ในเวลานั้นคำพูดของซินแสชรา
ก็ดังก้องขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง
“ที่ปู่คนนั้นพูดเป็นความจริง! เรากำลังจะตายจริงๆเหรอเนี่ย!”
เขาคิด ทันใดนั้นก็กระอี่กเลือดออกมาจำนวนมาก
“เคนนนนนนน..ว้ากกก” ชินร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเคน กระอั่กเลือดออกมา
“พวกแกทำอะไรเคน!?” ชินตะโกนพร้อมกับค่อยๆยันร่างตัวเองขึ้น
“เพลิงตะวันผลาญ”
ชายเดิมเอ่ยขึ้นพร้อมกับ ปล่อยปราณอัคคีออกจากนิ้วมือ
“ช้าก่อนข้ายอมแล้ว ข้าจะไปกับพวกเจ้า
ไว้ชีวิตพวกเขาด้วยเถอะ” หญิงสาวกล่าว
“เห็นทีจะไม่ได้ วันนี้ข้าช่างโชคดีจริงๆที่เจอคนของเผ่าราชันย์ถึงสองคน และไม่เท่านั้น
ยังมาพบกับพวกปราณดำอีก ตัวอันตรายทั้งนั้น ขนาดไร้วรยุทธหยางเฉินยังเกือบเสียท่า
ถ้าข้าไม่สอดมือช่วย มีหวังได้อับอายไปทั้งพรรค” เจ้าของปราณอัคคีตอบ พร้อมกับมองไปที่หยางเฉิน
“หยางเฉิน กลับไปเจ้าต้องโดนลงโทษอย่างสาสม ที่ทำให้พรรคเสื่อมเกียรติ
.....ส่วนเจ้า แม่นางสุ่ย ช่างงามสมคำล่ำลือ ข้าจะฆ่าเด็กสองคนนี้หรือไม่เจ้าก็ต้องไปกับข้าอยู่ดี”
เขาพูดและทำท่าจะยิงปราณอัคคีอีกครั้ง
“หากเจ้าลงมือข้าจะฆ่าตัวตายตาม” อี้เหนียงพูดพร้อมเอาตัวเข้าขวาง
“หากข้าตายเจ้าจะไม่มีทางบรรลุเป้าหมาย เจ้าคงไม่รู้สินะว่า..อุ๊บ!” นางพูดยังไม่ทันจบประโยค
ตี้หลงซึ่งติดตามเคนมาตั้งแต่เช้า ก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับเอามืออุดปากนางเอาไว้
“ให้พี่ใหญ่รู้ไม่ได้ ว่าพวกเจ้าคือสองคนสุดท้ายของเผ่าราชันย์” เขากระซิบข้างหูแม่นางสุ่ย
ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา จนคนรอบข้างไม่สารถได้ยินสิ่งที่เขาพูด
“ถู่หลง อาจารย์ส่งเจ้ามาช่วยนางรึ?” ชายที่ตี้หลงเรียกพี่ใหญ่ ถามด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม
“เจ้ามีปัญญาเอาชนะข้ารึ?” เขาถามต่อโดยไม่รอคำตอบ
“หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ พี่ใหญ่” ตี้หลงพูดด้วยความนอบน้อม พร้อมกับลอบเกร็งลมปราณไปด้วย
(ฝ่ามือเก้ามังกรขั้นที่หนึ่ง-มังกรดิน-มังกรลม-มังกรไฟ) ปราณมังกรตัวเล็กๆทั้งสามปรากฎขึ้น
พันรอบแขนของเขา ราวกับมีชีวิตและเลื้อยไปรวมตัวกันอยู่ที่ฝ่ามือ
“ข้าแค่...” ตี้หลงพูดยังไม่ทันจบ
เขาก็ซัดฝ่ามือนั้นลงพื้นทันที
“สามมังกรรวมหนึ่ง :ฝ่ามือสิบศิลามังกร” เขาร้องขณะซัดฝ่ามือ
ทันทีที่ฝ่ามือของเขากระทบพื้น
ตึง! ก็เกิดเสียงดังและแรงสั่นสะเทือน ราวกับแผ่นดินไหว
พร้อมกันนั้นก็เกิดลมหมุนวนเป็นวงกว้างรอบๆตัวเขา จนฝุ่นเริ่มตลบ จากนั้นปราณมังกรทั้งสามตัว
ก็โผล่ขึ้นมาจากพื้น และมุดขึ้นมุดลง ไปรอบบริเวณเวิ้งของตรอก
ทุกครั้งที่โผล่ขึ้นมาและมุดลงไป ผืนดินจะดันตัวทิ่มขึ้นมาจากพื้นคอนกรีตเป็นแท่งๆ
ทำให้ฝุ่นตลบยิ่งกว่าเดิม
“นี่เจ้า...”ชายที่มีรอยแผลเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงโกรธจัด
แต่ด้วยต้องคอยหลบแท่งศิลาดินที่โผล่ขึ้นมามากมาย และฝุ่นที่ตลบฟุ้งไปทั่วบริเวณ
ทำให้ตี้หลงหายไปจากวิสัยทัศน์ของเขา ไม่นานนักศิลาดินที่โผล่ขึ้นมา ก็ทลายตัวเองลง
ยิ่งเพิ่มความหนาแน่นของฝุ่น จนทำให้เหล่าชายชุดดำได้แต่ปิดตาปิดจมูก และโบกมือไปมาไล่ฝุ่น
เมื่อฝุ่นจางลง ตี้หลง เคน ชินและอี้เหนียงก็หายตัวไปซะแล้ว
“ถู่หลง เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ที่อยู่ของเจ้ากับอาจารย์ข้าสืบไม่นานก็เจอแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจได้เลย!”
ชายที่มีแผลตะโกนลั่น
“กลับ!” เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
หลังจากกลุ่มชายชุดดำจากไป ประตูเหล็กที่อี้เหนียงเคยพิงอยู่ก่อนหน้านี้ ก็ค่อยๆเปิดออก
ตี้หลงและอี้เหนียง ช่วยกันค่อยๆประคองร่างของเคนและชินออกมา
“เคนจะตายหรือเปล่า?..อ่อก”
ชินถามและกระอักเลือดออกมาอีก ในขณะที่เคนนั้นแน่นิ่งไปแล้วและมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งห้า
“สหายเจ้า ตายแน่นอน อาจารย์ทำนายไว้ไม่ผิดหรอก” ตี้หลงกล่าวพร้อมสกัดจุดชิน
ที่กำลังช็อค เนื่องด้วยเห็นเพื่อนตายไปต่อหน้า “แกทำอะไรกับข้า?!” ชินถามด้วยความตกใจ
หลังถูกตี้หลงใช้นิ้วชี้และนิ้วกลาง จิ้มที่ท้ายทอยเขา
“ใจเย็นๆ ข้าไม่ใช่ศัตรูเจ้า ที่ข้าทำเพื่อสกัดปราณวายุ ที่กำลังปั่นป่วนในตัวเจ้า
ถ้าเจ้าตายอีกคนข้าคงลำบากแย่” ตี้หลงอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ท่านคือใคร ทำไมจึงรู้กระทั่งเรื่องที่เหลือเผ่าราชันย์แค่ข้าและเด็กคนนี้” อี้เหนียงถามด้วยความสงสัย
“ข้า..แซ่เหอ ชื่อ ถู่หลง แต่แม่นางเรียกข้าตี้หลงก็ได้” ตี้หลงกล่าวพร้อมประกบมือกับหมัด
แสดงความเคารพ
“แล้วแม่นางคือ....?” เขาถามกลับ
“ข้า สุ่ยอี้เหนียง” อี้เหนียงแนะนำตัวสั้นๆ
“เราย้ายที่กันก่อนดีกว่า ตรงนี้ไม่ปลอดภัย ไม่แน่ว่าพี่ใหญ่อาจย้อนกลับมา”
ตี้หลงกล่าวพร้อมอุ้มศพของเคนขึ้นพาดบ่าขวา และยกชินขึ้นพาดบ่าซ้าย
“จะพาข้าไปหนายยย..?” ชินถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง ตาของเขาค่อยๆหรี่ลงและหลับไป…..
“คารวะ ท่านอาจารย์” ตี้หลงนั่งคุกเข่าอยู่กล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
เบื้องหน้าเขา คือซินแสชรา
“ข้าภูมิใจในตัวเจ้านัก ตี้หลง มันเป็นการยากที่เจ้าจะล่วงลุภารกิจที่ข้ามอบให้
คนดีมีเมตตาอย่างเจ้า ต้องทนเห็นเด็กตายไปต่อหน้า โดยไม่สอดมือเข้าช่วย”
เขากล่าวชื่นชมศิษย์ ด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจ
“อาจารย์กล่าวชมเกินไปแล้ว เป็นเพราะท่านอาจารย์สั่งสอน
ตอนนั้นข้าเกือบจะสอดมือเข้าช่วยแล้วจริงๆ แต่เนื่องจากข้าฉุกใจคิดถึงหลักวิถีธาตุ
ที่ท่านอาจารย์เคยสอน พี่ใหญ่ใช้ปราณอัคคี พิฆาตเด็กนี่ โดยที่พี่ใหญ่ก็ทราบอยู่แล้ว
ว่าเผ่าราชันย์มีธาตุไฟเป็นจุดเด่นซะส่วนใหญ่ แต่เขาก็ยังใช้เพลิงตะวันผลาญ
ทำให้ข้ายั้งมือไว้ทัน” เขากล่าวด้วยสีหน้าภูมิใจ ที่ได้นำความรู้ที่อาจารย์สั่งสอน ไปใช้ให้เกิดประโยชน์
ซินแสยิ้ม
“เจ้าไปพักผ่อนเถิด เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ข้าจะจัดการต่อเอง”
เขาสั่งตี้หลงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“งั้นข้าลาล่ะ อาจารย์” ตี้หลงกล่าวพร้อมคำนับ แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
“ตี้หลงเอ๋ย เจ้าคือศิษย์ที่ข้ารักเสมือนลูก ข้าอยากจะดูอนาคตเจ้าต่อไปอีกเหลือเกิน
แต่เวลาของข้าคงหมดลงแค่นี้ น่าเศร้าใจยิ่งนัก” ซินแสกล่าวขึ้นหลังจากตี้หลงจากไป
ภาพในอดีตย้อนกลับขึ้นมาในหัวชายชรา เริ่มตั้งแต่รับตี้หลงเข้ามาอยู่ในสำนัก…
...........................................
“ข้าชื่อเฉียนหย่งฉือ ข้าอยากกลับบ้าน” เสียงเด็กน้อยเอ่ยด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว และทำหน้ามู่ทู่
“ท่านอาจารย์เหอ ข้าขอฝากลูกชายด้วย กองทัพเกณฑ์ชาวบ้านจำนวนมาก
เพื่อทำศึกกับเหล่าจอมยุทธ ข้าคงไม่รอดกลับมาเป็นแน่ แม่ของเจ้านี่ตายตอนคลอด
ถ้าข้าตายไปอีกคน มันก็ไม่เหลือใครแล้วครับท่าน......เจ้าหนูนี่แม้จะดื้อไปสักหน่อย แต่เป็นเด็กดีครับ”
หนุ่มใหญ่ชาวนาดูมีอายุ ผู้เป็นพ่อกล่าว พร้อมกับโผเข้ากอดเด็กน้อย น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน
“ได้ข้าจะรับไว้ เจ้าจงรักษาชีวิตรอดกลับมารับลูกชายเจ้าไปให้ได้ล่ะ” อาจารย์เหอกล่าว
อาจารย์เหอสั่งสอนด้านวิชาการและถ่ายทอดวรยุทธให้ ในแต่ละวัน เด็กน้อยต้องเข้าร่วม
ฝึกวรยุทธ อ่านตำรากับเหล่าศิษย์ร่วมสำนัก จากเด็กน้อยที่เคยงอแงถึงพ่อที่จากไป
ไม่เคยกลับมาหาเขาอีกเลย จนโตขึ้นเป็นเด็กชาย และเวลาก็ล่วงเลยไป..................
“เฉียนหย่งฉือจงฟัง นับแต่นี้ต่อไป....เจ้าคือ เหอถู่หลง ข้าขอมอบตำหนักมังกรดิน
และเหล่าศิษย์ใหม่ ให้เจ้าได้ดูแล ห้าสิบคน” อาจารย์เหอประกาศ ต่อหน้าศิษย์ร่วมสำนักนับพัน
กลายเป็นที่ฮือฮา ของบรรดาศิษย์ที่ยืนเรียงรายกันเป็นแถว โดยมีเด็กหนุ่มนั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลาง
ระหว่างแถวทั้งสอง
“เหมาะสมแล้ว หย่งฉือ ทั้งขยันขันแข็ง ช่วยงานสำนักมากมาย
แถมยังกตัญญูรู้คุณ อ่อนน้อม แถมวรยุทธก็รุดหน้าอย่างรวดเร็ว
ข้าอยากให้ไปอยู่กับถู่หลงคนนี้ซะจริงๆ” เสียงฮือฮาบางเสียงกล่าวเห็นด้วย
“ไม่เหมาะม้างงงง อายุก็ยังน้อย วรยุทธถึงจะรุดหน้าเร็ว แต่ก็ยังไม่บรรลุขั้นสิบเลยสักวิชา”
เสียงฮือฮาบางเสียงเห็นค้าน
“ฮึ่ย...เจ็บใจนัก ไอ้เด็กกำพร้านั่น ทำไมอาจารย์ถึงรักมันนัก ทั้งที่ข้าเป็นลูกในไส้แท้ๆ
แต่ตี้งตำหนักทั้งสี่ ที่เต็มอยู่ตลอด จนตอนนี้มีเพียงตำหนักมังกรดินว่าง เพราะศิษย์พี่ถู่หลง
ออกจากสำนักไป แต่ทำไมถึงเป็นเจ้าหย่งฉือ ที่ได้เป็นถู่หลงคนใหม่”
ปึ่ก! เสียงแสดงความไม่พอใจดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงชกต้นไม้ ชายหนุ่มอายุสิบแปด
ยืนปั้นหน้าโมโหฉุนเฉียว
“ใจเย็นๆก่อนสิศิษย์พี่ใหญ่ อาจารย์อาจกำลังเตรียมการ
ยกตำแหน่งเจ้าสำนักไว้ให้ท่านก็ได้ ศิษย์พี่ไตร่ตรองดูดีๆสิ ที่ให้หย่งฉือเป็นถู่หลงคนใหม่
นั่นเป็นเพราะ อาจารย์ต้องการเก็บตำแหน่งเจ้าสำนักไว้ให้ท่าน
ที่เป็นผู้สืบสายเลือดเป็นแน่” เสียงประจบสอพลอดังขึ้น
“เจ้าโง่...พ่อข้าตัดสินคนอาศัยเหตุและผล ไม่ใช่สายเลือด ตำแหน่งเจ้าสำนัก
จะมอบให้กับผู้ที่ เขาคิดว่าเหมาะสมจริงๆเท่านั้น” ชายหนุ่มกล่าวต่อว่าชายหนุ่มอีกคน ที่เรียกเขาว่าศิษย์พี่
“งั้นเราก็หาวิธีทำให้พี่ท่าน กลายเป็นคนที่เหมาะสมสิ” ศิษย์ผู้น้องกล่าว......
***ปิดม่านฉากปฐมบท จบตอนที่ 9***
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านครับ
ลิ้งค์ตอนเก่าครับ
http://pantip.com/topic/30427027 ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/30430749 ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/30433929 ตอนที่ 3
http://pantip.com/topic/30443061 ตอนที่ 4
http://pantip.com/topic/30445700 ตอนที่ 5
http://pantip.com/topic/30450560 ตอนที่ 6
http://pantip.com/topic/30457171 ตอนที่ 7
http://pantip.com/topic/30466752 ตอนที่ 8
หรือท่านสามารถติดตามไ8้ที่นี่
http://my.dek-d.com/zangkuro/writer/view.php?id=50952 อัพเดทถึงตอนที่ 11
[นิยาย] "ฝ่ามิติยอดยุทธ" ตอนที่ 9
(เพลิงตะวันผลาญ) เปลวไฟจากปลายนิ้วออกมารวมตัวกัน เป็นลูกไฟราวกับดวงอาทิตย์เล็กๆ
ลอยเข้าไปในตัวเคน ซึ่งนอนเจ็บอยู่อย่างไร้ทางป้องกัน “อ้ากกกกกก” เขาร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน
เส้นเลือดของเคน ปูดพองเป็นระยะ ราวกับเลือดของเขากำลังเดือดปุดๆ ในเวลานั้นคำพูดของซินแสชรา
ก็ดังก้องขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง “ที่ปู่คนนั้นพูดเป็นความจริง! เรากำลังจะตายจริงๆเหรอเนี่ย!”
เขาคิด ทันใดนั้นก็กระอี่กเลือดออกมาจำนวนมาก
“เคนนนนนนน..ว้ากกก” ชินร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเคน กระอั่กเลือดออกมา
“พวกแกทำอะไรเคน!?” ชินตะโกนพร้อมกับค่อยๆยันร่างตัวเองขึ้น “เพลิงตะวันผลาญ”
ชายเดิมเอ่ยขึ้นพร้อมกับ ปล่อยปราณอัคคีออกจากนิ้วมือ “ช้าก่อนข้ายอมแล้ว ข้าจะไปกับพวกเจ้า
ไว้ชีวิตพวกเขาด้วยเถอะ” หญิงสาวกล่าว
“เห็นทีจะไม่ได้ วันนี้ข้าช่างโชคดีจริงๆที่เจอคนของเผ่าราชันย์ถึงสองคน และไม่เท่านั้น
ยังมาพบกับพวกปราณดำอีก ตัวอันตรายทั้งนั้น ขนาดไร้วรยุทธหยางเฉินยังเกือบเสียท่า
ถ้าข้าไม่สอดมือช่วย มีหวังได้อับอายไปทั้งพรรค” เจ้าของปราณอัคคีตอบ พร้อมกับมองไปที่หยางเฉิน
“หยางเฉิน กลับไปเจ้าต้องโดนลงโทษอย่างสาสม ที่ทำให้พรรคเสื่อมเกียรติ
.....ส่วนเจ้า แม่นางสุ่ย ช่างงามสมคำล่ำลือ ข้าจะฆ่าเด็กสองคนนี้หรือไม่เจ้าก็ต้องไปกับข้าอยู่ดี”
เขาพูดและทำท่าจะยิงปราณอัคคีอีกครั้ง
“หากเจ้าลงมือข้าจะฆ่าตัวตายตาม” อี้เหนียงพูดพร้อมเอาตัวเข้าขวาง
“หากข้าตายเจ้าจะไม่มีทางบรรลุเป้าหมาย เจ้าคงไม่รู้สินะว่า..อุ๊บ!” นางพูดยังไม่ทันจบประโยค
ตี้หลงซึ่งติดตามเคนมาตั้งแต่เช้า ก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับเอามืออุดปากนางเอาไว้
“ให้พี่ใหญ่รู้ไม่ได้ ว่าพวกเจ้าคือสองคนสุดท้ายของเผ่าราชันย์” เขากระซิบข้างหูแม่นางสุ่ย
ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา จนคนรอบข้างไม่สารถได้ยินสิ่งที่เขาพูด
“ถู่หลง อาจารย์ส่งเจ้ามาช่วยนางรึ?” ชายที่ตี้หลงเรียกพี่ใหญ่ ถามด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม
“เจ้ามีปัญญาเอาชนะข้ารึ?” เขาถามต่อโดยไม่รอคำตอบ
“หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ พี่ใหญ่” ตี้หลงพูดด้วยความนอบน้อม พร้อมกับลอบเกร็งลมปราณไปด้วย
(ฝ่ามือเก้ามังกรขั้นที่หนึ่ง-มังกรดิน-มังกรลม-มังกรไฟ) ปราณมังกรตัวเล็กๆทั้งสามปรากฎขึ้น
พันรอบแขนของเขา ราวกับมีชีวิตและเลื้อยไปรวมตัวกันอยู่ที่ฝ่ามือ “ข้าแค่...” ตี้หลงพูดยังไม่ทันจบ
เขาก็ซัดฝ่ามือนั้นลงพื้นทันที “สามมังกรรวมหนึ่ง :ฝ่ามือสิบศิลามังกร” เขาร้องขณะซัดฝ่ามือ
ทันทีที่ฝ่ามือของเขากระทบพื้น ตึง! ก็เกิดเสียงดังและแรงสั่นสะเทือน ราวกับแผ่นดินไหว
พร้อมกันนั้นก็เกิดลมหมุนวนเป็นวงกว้างรอบๆตัวเขา จนฝุ่นเริ่มตลบ จากนั้นปราณมังกรทั้งสามตัว
ก็โผล่ขึ้นมาจากพื้น และมุดขึ้นมุดลง ไปรอบบริเวณเวิ้งของตรอก
ทุกครั้งที่โผล่ขึ้นมาและมุดลงไป ผืนดินจะดันตัวทิ่มขึ้นมาจากพื้นคอนกรีตเป็นแท่งๆ
ทำให้ฝุ่นตลบยิ่งกว่าเดิม “นี่เจ้า...”ชายที่มีรอยแผลเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงโกรธจัด
แต่ด้วยต้องคอยหลบแท่งศิลาดินที่โผล่ขึ้นมามากมาย และฝุ่นที่ตลบฟุ้งไปทั่วบริเวณ
ทำให้ตี้หลงหายไปจากวิสัยทัศน์ของเขา ไม่นานนักศิลาดินที่โผล่ขึ้นมา ก็ทลายตัวเองลง
ยิ่งเพิ่มความหนาแน่นของฝุ่น จนทำให้เหล่าชายชุดดำได้แต่ปิดตาปิดจมูก และโบกมือไปมาไล่ฝุ่น
เมื่อฝุ่นจางลง ตี้หลง เคน ชินและอี้เหนียงก็หายตัวไปซะแล้ว
“ถู่หลง เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ที่อยู่ของเจ้ากับอาจารย์ข้าสืบไม่นานก็เจอแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจได้เลย!”
ชายที่มีแผลตะโกนลั่น “กลับ!” เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
หลังจากกลุ่มชายชุดดำจากไป ประตูเหล็กที่อี้เหนียงเคยพิงอยู่ก่อนหน้านี้ ก็ค่อยๆเปิดออก
ตี้หลงและอี้เหนียง ช่วยกันค่อยๆประคองร่างของเคนและชินออกมา “เคนจะตายหรือเปล่า?..อ่อก”
ชินถามและกระอักเลือดออกมาอีก ในขณะที่เคนนั้นแน่นิ่งไปแล้วและมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งห้า
“สหายเจ้า ตายแน่นอน อาจารย์ทำนายไว้ไม่ผิดหรอก” ตี้หลงกล่าวพร้อมสกัดจุดชิน
ที่กำลังช็อค เนื่องด้วยเห็นเพื่อนตายไปต่อหน้า “แกทำอะไรกับข้า?!” ชินถามด้วยความตกใจ
หลังถูกตี้หลงใช้นิ้วชี้และนิ้วกลาง จิ้มที่ท้ายทอยเขา
“ใจเย็นๆ ข้าไม่ใช่ศัตรูเจ้า ที่ข้าทำเพื่อสกัดปราณวายุ ที่กำลังปั่นป่วนในตัวเจ้า
ถ้าเจ้าตายอีกคนข้าคงลำบากแย่” ตี้หลงอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ท่านคือใคร ทำไมจึงรู้กระทั่งเรื่องที่เหลือเผ่าราชันย์แค่ข้าและเด็กคนนี้” อี้เหนียงถามด้วยความสงสัย
“ข้า..แซ่เหอ ชื่อ ถู่หลง แต่แม่นางเรียกข้าตี้หลงก็ได้” ตี้หลงกล่าวพร้อมประกบมือกับหมัด
แสดงความเคารพ “แล้วแม่นางคือ....?” เขาถามกลับ “ข้า สุ่ยอี้เหนียง” อี้เหนียงแนะนำตัวสั้นๆ
“เราย้ายที่กันก่อนดีกว่า ตรงนี้ไม่ปลอดภัย ไม่แน่ว่าพี่ใหญ่อาจย้อนกลับมา”
ตี้หลงกล่าวพร้อมอุ้มศพของเคนขึ้นพาดบ่าขวา และยกชินขึ้นพาดบ่าซ้าย
“จะพาข้าไปหนายยย..?” ชินถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง ตาของเขาค่อยๆหรี่ลงและหลับไป…..
“คารวะ ท่านอาจารย์” ตี้หลงนั่งคุกเข่าอยู่กล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
เบื้องหน้าเขา คือซินแสชรา “ข้าภูมิใจในตัวเจ้านัก ตี้หลง มันเป็นการยากที่เจ้าจะล่วงลุภารกิจที่ข้ามอบให้
คนดีมีเมตตาอย่างเจ้า ต้องทนเห็นเด็กตายไปต่อหน้า โดยไม่สอดมือเข้าช่วย”
เขากล่าวชื่นชมศิษย์ ด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจ “อาจารย์กล่าวชมเกินไปแล้ว เป็นเพราะท่านอาจารย์สั่งสอน
ตอนนั้นข้าเกือบจะสอดมือเข้าช่วยแล้วจริงๆ แต่เนื่องจากข้าฉุกใจคิดถึงหลักวิถีธาตุ
ที่ท่านอาจารย์เคยสอน พี่ใหญ่ใช้ปราณอัคคี พิฆาตเด็กนี่ โดยที่พี่ใหญ่ก็ทราบอยู่แล้ว
ว่าเผ่าราชันย์มีธาตุไฟเป็นจุดเด่นซะส่วนใหญ่ แต่เขาก็ยังใช้เพลิงตะวันผลาญ
ทำให้ข้ายั้งมือไว้ทัน” เขากล่าวด้วยสีหน้าภูมิใจ ที่ได้นำความรู้ที่อาจารย์สั่งสอน ไปใช้ให้เกิดประโยชน์
ซินแสยิ้ม “เจ้าไปพักผ่อนเถิด เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ข้าจะจัดการต่อเอง”
เขาสั่งตี้หลงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“งั้นข้าลาล่ะ อาจารย์” ตี้หลงกล่าวพร้อมคำนับ แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
“ตี้หลงเอ๋ย เจ้าคือศิษย์ที่ข้ารักเสมือนลูก ข้าอยากจะดูอนาคตเจ้าต่อไปอีกเหลือเกิน
แต่เวลาของข้าคงหมดลงแค่นี้ น่าเศร้าใจยิ่งนัก” ซินแสกล่าวขึ้นหลังจากตี้หลงจากไป
ภาพในอดีตย้อนกลับขึ้นมาในหัวชายชรา เริ่มตั้งแต่รับตี้หลงเข้ามาอยู่ในสำนัก…
...........................................
“ข้าชื่อเฉียนหย่งฉือ ข้าอยากกลับบ้าน” เสียงเด็กน้อยเอ่ยด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว และทำหน้ามู่ทู่
“ท่านอาจารย์เหอ ข้าขอฝากลูกชายด้วย กองทัพเกณฑ์ชาวบ้านจำนวนมาก
เพื่อทำศึกกับเหล่าจอมยุทธ ข้าคงไม่รอดกลับมาเป็นแน่ แม่ของเจ้านี่ตายตอนคลอด
ถ้าข้าตายไปอีกคน มันก็ไม่เหลือใครแล้วครับท่าน......เจ้าหนูนี่แม้จะดื้อไปสักหน่อย แต่เป็นเด็กดีครับ”
หนุ่มใหญ่ชาวนาดูมีอายุ ผู้เป็นพ่อกล่าว พร้อมกับโผเข้ากอดเด็กน้อย น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน
“ได้ข้าจะรับไว้ เจ้าจงรักษาชีวิตรอดกลับมารับลูกชายเจ้าไปให้ได้ล่ะ” อาจารย์เหอกล่าว
อาจารย์เหอสั่งสอนด้านวิชาการและถ่ายทอดวรยุทธให้ ในแต่ละวัน เด็กน้อยต้องเข้าร่วม
ฝึกวรยุทธ อ่านตำรากับเหล่าศิษย์ร่วมสำนัก จากเด็กน้อยที่เคยงอแงถึงพ่อที่จากไป
ไม่เคยกลับมาหาเขาอีกเลย จนโตขึ้นเป็นเด็กชาย และเวลาก็ล่วงเลยไป..................
“เฉียนหย่งฉือจงฟัง นับแต่นี้ต่อไป....เจ้าคือ เหอถู่หลง ข้าขอมอบตำหนักมังกรดิน
และเหล่าศิษย์ใหม่ ให้เจ้าได้ดูแล ห้าสิบคน” อาจารย์เหอประกาศ ต่อหน้าศิษย์ร่วมสำนักนับพัน
กลายเป็นที่ฮือฮา ของบรรดาศิษย์ที่ยืนเรียงรายกันเป็นแถว โดยมีเด็กหนุ่มนั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลาง
ระหว่างแถวทั้งสอง “เหมาะสมแล้ว หย่งฉือ ทั้งขยันขันแข็ง ช่วยงานสำนักมากมาย
แถมยังกตัญญูรู้คุณ อ่อนน้อม แถมวรยุทธก็รุดหน้าอย่างรวดเร็ว
ข้าอยากให้ไปอยู่กับถู่หลงคนนี้ซะจริงๆ” เสียงฮือฮาบางเสียงกล่าวเห็นด้วย
“ไม่เหมาะม้างงงง อายุก็ยังน้อย วรยุทธถึงจะรุดหน้าเร็ว แต่ก็ยังไม่บรรลุขั้นสิบเลยสักวิชา”
เสียงฮือฮาบางเสียงเห็นค้าน
“ฮึ่ย...เจ็บใจนัก ไอ้เด็กกำพร้านั่น ทำไมอาจารย์ถึงรักมันนัก ทั้งที่ข้าเป็นลูกในไส้แท้ๆ
แต่ตี้งตำหนักทั้งสี่ ที่เต็มอยู่ตลอด จนตอนนี้มีเพียงตำหนักมังกรดินว่าง เพราะศิษย์พี่ถู่หลง
ออกจากสำนักไป แต่ทำไมถึงเป็นเจ้าหย่งฉือ ที่ได้เป็นถู่หลงคนใหม่”
ปึ่ก! เสียงแสดงความไม่พอใจดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงชกต้นไม้ ชายหนุ่มอายุสิบแปด
ยืนปั้นหน้าโมโหฉุนเฉียว “ใจเย็นๆก่อนสิศิษย์พี่ใหญ่ อาจารย์อาจกำลังเตรียมการ
ยกตำแหน่งเจ้าสำนักไว้ให้ท่านก็ได้ ศิษย์พี่ไตร่ตรองดูดีๆสิ ที่ให้หย่งฉือเป็นถู่หลงคนใหม่
นั่นเป็นเพราะ อาจารย์ต้องการเก็บตำแหน่งเจ้าสำนักไว้ให้ท่าน
ที่เป็นผู้สืบสายเลือดเป็นแน่” เสียงประจบสอพลอดังขึ้น
“เจ้าโง่...พ่อข้าตัดสินคนอาศัยเหตุและผล ไม่ใช่สายเลือด ตำแหน่งเจ้าสำนัก
จะมอบให้กับผู้ที่ เขาคิดว่าเหมาะสมจริงๆเท่านั้น” ชายหนุ่มกล่าวต่อว่าชายหนุ่มอีกคน ที่เรียกเขาว่าศิษย์พี่
“งั้นเราก็หาวิธีทำให้พี่ท่าน กลายเป็นคนที่เหมาะสมสิ” ศิษย์ผู้น้องกล่าว......
***ปิดม่านฉากปฐมบท จบตอนที่ 9***
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านครับ
ลิ้งค์ตอนเก่าครับ
http://pantip.com/topic/30427027 ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/30430749 ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/30433929 ตอนที่ 3
http://pantip.com/topic/30443061 ตอนที่ 4
http://pantip.com/topic/30445700 ตอนที่ 5
http://pantip.com/topic/30450560 ตอนที่ 6
http://pantip.com/topic/30457171 ตอนที่ 7
http://pantip.com/topic/30466752 ตอนที่ 8
หรือท่านสามารถติดตามไ8้ที่นี่ http://my.dek-d.com/zangkuro/writer/view.php?id=50952 อัพเดทถึงตอนที่ 11