บทย่อยแทรก ในภาคปฐมบท ของ ธรรมชาติแห่งโลกียะ เรือง สรรพสรรค์ โดย... anantakaruna

กระทู้สนทนา
ธรรมชาติแห่งโลกียะ :
บทเสริมของปฐมบท. (สรรพสรรค์)  

                 เพียงเพื่อขยายความ และแสดงให้ทราบสำหรับความเข้าใจ เพื่อให้มองเห็นในจุดเดียวกัน ถึงแมัแตกต่างกันที่ความเห็น แต่สำคัญกว่า คือได้สัมผ้สและรับรู้ เมื่อใดก็ตามเเม้เพียงเศษเสี้ยวของบางตอน  เกิดประโยซน์ขึ้นมามันก็ถือว่าคุ้มค่า  แม้อาจต้องนานแรมปีถึงจะมีประโยซน์ ก็ยังคิดว่าคุ้มค่าที่จะรอ
                       โดย anantakaruna
ย้อนหลัง จาก เรือง ธรรมชาติแห่งโลกียะ.   
ในภาค ปฐมบท.        เรื่อง 1 บทของจิต
การกระทำใด เรื่องนึง มีขั้นตอนมีดังนี้
1] กาย รับรู้ จากสัมผัสทั้งนอกและใน จากระบบประสาท สู่สมองส่วนรับรุ้ ให้รุ้สึก และส่วนความคิดหรือประมวลผล โดยถูกเเรงกระตุ้นของธรรมชาติในระบบวิวัฒ มีหน้าที่หลักคือตอบสนองความรุ้สึก  ซึ่งก็คือ ต้นกำเนิดกิเลส มันไม่รุ้จักคำว่าพอดี มันจะตอบสนองไปเรือยๆหากสัมผ้สเจออยู่ ซึ่งในสมอง ท่))】 รับรุ้ข้อมูลและนำมาจัดเรียงลำดับ ใส่วิธีการทำให้ได้คำตอบ นั่นคือ     วหนทางหรือแนวทางการตอบสนองความอยากเท่านั้น ถ้าไม่มีจิตมาข่วย กระทำการอย่างไร้ซึ่งสำนึกตอบสนองตามสัณซาติณานดิบ คงจะผิดหลักพลังงานที่มีรูปแบบของธรรมชาติ (IDEAL)        จึงจำเป็นต้องมี อะไรสักอย่างมาแทรกแซงสมอง ในเมื่อทุกอย่างถูกควบคุมด้วยความอยากแล้ว หากระงับเสียแต่ต้นในสมองนี้ ระบบวิวัฒก็จะล่มอีก ไม่สามารถตอบสนองได้เพราะกิเลสสร้างความอยากไม่ได้ หรือเเม้แต่แพ้กิเลสตั้งแตแรกในสมองก็ยิ่งหนักเลย อะไรจะมาคัดกรองได้ละ ในเมื่อถูกกิเลส ควบคุมไปหมดแล้ว
2] จิต จึงมีหน้าที่เข้ามาคัดกรอง โดย อยู่อย่างอิสระจากสมอง (โดยที่ได้กล่าวไว้เบื่องต้น)
ซึ่ง จิตหลักนั้นคือ ตัวตน คือโปรตรอน ,เจตจำนงคือเเนวทางของพลังแบบมีรูปแบบ,สมาธิ หรือIDEALหรือนิวตรอน และปัญญาคือ อิเลปอคตรอนไว้คอยปกปั้องจิตและใช้แรงของปัญญาเชื่อมโยงกับทุกสิ่งเพื่อสร้างประโยซน์กับตัวเราหรือทั้งหมดอย่างงที่สุด จืดคัดกรองการกระทำ
โดย ใข้สติ เข้ามาค้ดกรอง ฝนสติประกอบด้วย
- ข้อกำหนด ,หรือ ศีล
-สมาธิ. ความตั่งมั่นและแน่วแน่ (ของเจตจำนง)
-ปัญญา ความรู้และความเข้าใจ ซึ่งแค่รุ้มิก็ยังมิใช่ปัญญา โดยที่จิตจะนำตัวตนและเจตจำนงมาประมวลผลร่วมในสมองและจะหาระบบที่ดีที่สุดเหมาะสมที่สุดคัดลอกไว้ในจืตเพื่อไว้เป็นพลังงานเขื่อมโยงและค้มครองความเป็นตัวตนของจิต จึงสรุปได้เป็นข้อแรกว่า จิตและปัญญาไม่ได้อยู่ในสมองตลอดเวลา จะมาใช้สมองร่วมเวลาคัดกรองและประมวลปัญญา
3]สิ่งทีสรุปได้หรือที่เกืดขึ้น คือสมองถูกคัดกรองการกระทำจากจิตด้วยสติเมื่อได้ผลแล้วจิตจึงให้สมองสั่งการกายได้เท่าค้ดกรอง โดยระบบการทำงาน คือกายและจิต เขื่อมต่อกันได้ที่ปัญญากับระบบประสาท  ขอบของอิเลคตรอนทำงานประสานกัน โดยที่ระบบประสาทจะทำงานสอดคล้องกับจิตด้วยปัญญาอย่างสมบูรณ์และเหมาะสมกันทั้ง2 ด้าน
  และตัวอย่างต่อมาที่ ที่แสดงให้เห็นว่า จิตไม่ได้ขี้นกับสมอง   หากเราเดินอยุ่แล้วเห็นอะไรแว้บที่พื้น ถึงไม่มั่นใจ แม้จะเหยียบไม่ถูกอะไรเลยก็ตาม  จิตจะสัง่ให้สมองตกใจ ส่งเสียงหรือแสดงอาการทางกายขึ้นมากทันที.โดยที่สัมผ้สของสมองไม่ได้สัมผ้สอะไนเลย.   ตามปกติหากเราไปเหยียบตะปูโดยไม่รุ้ตัว เราจะเจ็บก่อน ที่จะตกใจหรือร้อง เพราะสมองสัมผ้ส รุ่ว่าเจ็บ จืตจึงทำงาน ในระบบป้องกันอัติโนมัตื  หากจิตได้รุ้ก้อนเหมือนมองเห้นระบบป้องกันจะตกใจก่อนเพื่อให้หยุด. ที่กล่าวมาคือ จิต สั่งกาย 1บท.                 กายคือ โปรตรอน  มีการตอบสนอง (นิวตรอน) ผลออกมาเป็นอิเลคตรอน สมองหรือระบบประสาทที่พร้อมจะสั่งการกาย
   ขอสรุปกันสั้นๆได้ว่า...............                        โปรตรอน และ นิวตรอน คือเหตุ แห่งทั้งปวง
    โดย  อิเลคตรอน นั่นคือผล ของมัน ,.......
     แม้แต่โลกของเรา ที่เคยกล่าวไว้ใน ปฐมบท
หากมองแก่นโลก คือ   โปรตรอน
เแรงดึงดูดของมวล คือ นิวตรอน
  ซึ่งทำให้เรามี แผ่นดินผืนน้ำ หรือ เปลือกชั้นต่างๆของโลก และ เกิด อิเลคตรอน เป็นชั้นบรรยากาศ  ซึ่งคุณสมบัติ ของอิเลคตรอนตัวนี้ ชอบดึงรั้งออกซิเจนไว้ทีอิเลคตรอน เมื่อธรรมชาติทำให้ออกซิเจนลอยขึ้นเพื่อวิ่งเข้าหาคสิ่งที่ร้อนกว่า(แสงจากดวงอาทิตย์)   แต่กลับถูกอิเลคตรอนของโลกดึงเอาไว้ ที่ชั้นขอบสุด และเมื่อมีความเหมาะสมเกิดขึ้นระดับอนุภาค O2เกิดฟิวชั่น หรือควบแน่นตัวเอง กลายเป็น O3
หรือโอโซน จึงมีความหนาแน่นเพียงพอที่จะขวาง ธาตุคัวอืนๆขึ้นมาอีกและแถมสร้างความหนาแน่นในอากาศ สร้างแรงกใดอากาศขึ้น .....
และ ด้วยแรงกดอากาศนี้เองจึงได้เสริมรวมกับแรงดึงดูดมวลจากนิวตรอน. ทำให้เกิด ทฤษฎี หรือ แนวคิด แรงดึงดูดของโลก(ใหม่) ซึ่งยังคงต้องรอคอยการ พิสูจน์ว่า จะทำให้ทฤษฎีแรงดึงดูดเดิม เสถียรหรือไม่............
      
          ในที่นี้การให้ความหมายทางโลกียะได้ กำหนดขึ้น ตามความเข้าใจในความเป็นไปของ  ธรรมชาติแห่งโลกียะ และสรรพสรรค์ทั้งมวล ได้กำเนิดขึ้นจาก 3 สิ่งนี้ ตามระบบวิวีฒของธรรมชาติ  ชื่อ และ ความหมายของตัวมีนเอง
โปรตรอน. คือ แก่นแห่งตัวตน
นิวตรอน.  คือ. เเรงที่มีรูปแบบเฉพาะ สำหรับไว้ใช้ในการควบรวมหรือวิวัฒ เพื่อไม่ให้เกิดการกระจัดกระจายของในระบบ      ( IDEAL )
อิเลคตรอน คือ ผลที่เกิดขึ้นจากโปรตรอนและนิวตรอน มีหน้าที่ป้องโปรตรอนกับนิวตรอนและ
เป็น ปัจจัยหลัก ของแรงที่ใช้ในการเชื่อมต่อ          ทั้งหมดโดยรวมเนียกว่า "สรรพสรรค์""....
       จบภาคย่อยในปฐมบทเรื่อง "สรรพสรรค"
        ต่อไปจะเป็นเรื่องของการถามตอบเพื่อให้เข้าถึงในแนวทางและแนวคิดของ ธรรมชาติแห่งโลกียะ มากขึ้น ถามและตอบสั้นๆเรื่องทั่วๆไป ซึ่งจะเป็น บททิ้งท้ายของเรื่องนี้......
ตอบทั้งหมด โดย anantakaruna ตามตรรกะและแนวความคิดของธรรมชาติแห่งโลกียะ
อ้างอิงข้อมูลจากภาคปฐมบท และ สรรพสรรค์
 
ขัอที่1  เกี่ยวกับธรรมชาติและความเป็นจริง
-อะไรถือเป็นพื้นฐาน,การมีอยู่มีจริงไหม,บ่งบอกดว้ยอะไร,สิ่งเปลียนแปลงด้วยอะไร,ยังไง.
ตอบข้อที่ 1
หลักๆมีเพียง3อย่าง ตามที่ได้ลงไว้ในบทความ
1) โปรตรอน
  2) นิวตรอน
  3) อิเลคตรอน
ทั้ง3 คือทุกสรรพสิ่งที่กำเนิดในธรรมชาติ ทำงานตามระบบ วิวัฒ จึงทำให้ รวมตัวหมุนเวรบนสับเปลี่ยนหรือแม้แต่คืนสภาพ(คืนกัปป์) และทุกอย่างดำเนินการตามกฎแห่งธรรมชาติที่มีรูปแบบจึงเป็นสากลเดียวกันในหลักการ ทั้วผ
หมดทั้งมวล จะเกิดขึ้นได้าความเหมาะสม ,สมดุลย์,พอดี,หรือ ยุติธรรม เท่านั้น สว่นที่ขาดจะเริ่มหายไปจากระบบไปเริ่มใหม่ ส่วนที่เกินก็จะถูกทำลายกเวเเรงขัดแย้งภายในตัวเองโดยมีระบบ สมดุลย์ของธรรมชาติ ใน IDEAL.สร้างรูปแบบไมให้ไปขัดเเย้งหรือทำลาย สิ่งอื่นที่ไม่ได้เกิดขัดแย้งด้วย
คำถามข้อที่ 2 จิตและกาย
- จิตและกายผสานกันยังไง จิตคือสมองหรือไม่
และเจตจำนงเสรี มีจริงหรือ
ตอบข้อ 2
อย่างเเรกขอตอบเรื่องเจตจำนงเสรีก่อน ในโลกียะ เจตจำนงเสรี ไม่ได้แปลว่า อยากทำอะไรตามที่ต้องการโดยไม่สนใจหรือไม่ต้องห่วงอะไร ถ้าความหมายมันแย่ขนาดนั้น มันคงไม่จำเป็นต้องมีหรอก ในนิยายโลกียะ เจตจำนงค์เสรี กลับตรงกันข้าม ไม่ได้มีไว้ให้ขัดแย้ง กลับมีไว้แก้ ปรังปรุงความขัดแย้งเสียอีกต่างหาก เจตจำนงเสรีคือแนวทสง วิธีการที่เหมาะสมและมีแบบแผนในการกำหนดตัวตนหรือแนวทางปฏิบัติ อย่างขัดเจน พร้องทั้งสามารถ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสมกับโจทย์หรือตัวของเราที่สุด โดยความหมายของคำว่าเสรี คือไม่ได้ถูกบังคับ หรือ หักล้างด้งยเหตุผลใดก็ตามในอุดมกานหรือในแนวทางปฎิบัตินั้นๆ. ไม่ได้มีคด้วยเพราะมีเพียวสำนึกผิดชอบช้วดีแต่ยังไม่ถึงจุดแนวทางแก้ไขและรับมือ
คำถามข้อที่3
-อะไรคือเหตุอะไรคือผล
โปรตรอน และ นิวตรอน คือเหตุ แห่งทั้งปวง
     และ อิเลคตรอน นั่นคือผล ของมัน ,.......
     รายละเอียดตามที่กล่าวไว้ใน ปฐมบท
คำถามข้อที่ 4 จักรวาล
-จักรวาลมีจริงไหมเวลาคืออไรแบบไหน
-ที่สุดแห่งธรรมชาติคือ,ความเลวร้ายที่สุดคือ
ตอบข้อ4
เวลาคือการดำเนินไปของจักรวาวล และมีเพียงอดีตคือที่ผ่านมาและอนาคตคือที่กำลังไป ปัจจุบันสมมุติขึ้นเพื่อเปรียบเที่ยบเท่านั้น และจักรวาลสีจิงโดยมีลำดับขั้นตอนตามที่ได้ใส่รายละเอียดไว้ใน ธรรมชาติเเห่งโลกียะ.. 
  หากนับสิ่งมีชีวิตรวมกับสรรพสิ่งต่างๆ ไม่มีอะไร คงอยุ่ได้ตลอดกาล อะตอมแตก ตัวตนแตก ธาตุแตก แม้แต่ไฮโดรเจนก็เปลียนเป็นฮีเรียม และฮีเรียมถูกเผาไหมก็กลายไปเป้นจุดแรของไฮโดรเจนอีกก็ไม่ถือว่า อมตะ     อมตะภาพ คือหากนับจากเริ่มมาถึงตอนนี้ ก็ต้องมีอยู่ ลักษณะแห่งอมตะภาพ และโดยที่มิต้องทำนายล่วงหน้าเเทนอนาคตเพราะ.    ใดๆก็สรุปไม่ได้ 100%   หากยังไม่เกิดขึ้น เท่าที่เห็น คงมีเพียง สัจจะธรรม หรือ สิ่งที่ดำเนินตามธรรมชาติ หรือ ฟิสิกส์  ซึ่งยังคง ทำงาน หรือใช้งาน อยู่ ตลอดเวลา ใดๆดดม้แต่ธรรมชาตแม้แต่จักรวาล เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนรูป แต่ สัจจะธรรม ยังคงไว้แต่ต้นกำเนิดจนถึงปัจจุบันและมันใจว่าจะยังคงอยู่ไปแน่นอน และ ถือเป็นสิ่งสูงสุดในจักรวาล เพราะแม้แต่จักรวาลเองก็ยังต้องทำตามระบบอยุ่ดี สิ่งที่ทำให้จักรววลต้องทำตาม คงไม่มีอะไรใหญ่กว่าเเล้วละ.   "สัจจะธรรม"
ชั่วร้ายที่สุด คือ ขาดสติ หรือ ไร้สติ  คือการที่กระทำตามระบบวิวัฒ โดยไรัการควบคุม. คือ ขาดสติจะไว้คัดกรอง นั่นคือสิ่งชั่วร้ายที่สุด....

โดย..anantakaruna.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่