“หลวงปู่หลุยได้วิชาม้างกายจากแม่ชีอรหันต์ เมื่อได้รับคำแนะนำทำให้ท่านถึงกับแบกกลดกลับเพื่อฝึกในสิ่งที่ตนรู้มาโดยไม่รอให้งานเสร็จ”
ครบรอบ ๓๖ ปี หลวงปู่หลุย จันทสาโร ละสังขาร วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๘ (หลวงปู่หลุยละสังขารวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๓๒)
เรื่องราวจะเป็นเช่นไรเชิญอ่านได้ครับ
.
.
หลวงปู่หลุย จันทสาโร ในปี ๒๔๗๖ จำพรรษาอยู่ที่ถ้ำบ้านโพนงาม
( ขณะนั้นหลวงปู่หลุย มีพรรษา ๙ จำพรรษาที่ถ้ำบ้านโพนงาม อ.กุดบาก จ.สกลนคร เพิ่มเติมโดยเพจ)
วันหนึ่งไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ได้ยินข่าวว่า “มี #แม่ชีอภิญญาณสูง อยู่ที่วัดป่าบ้านสองคร” (น่าจะหมายถึงบ้านสองคอน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เพิ่มเติมโดยเพจ)
#ภาวนาเก่งมาก รู้วาระจิตคนอื่น มีหูทิพย์ ตาทิพย์ อย่างเช่น ไปฟังพระเทศน์... #องค์ไหนไปติดที่ธรรมขั้นไหนๆ แม่ชีจะรู้หมด บอกได้ถูกหมด
ได้ยินว่าชื่อ #แม่ชีจันทร์ และ #แม่ชียอ
เฉพาะ แม่ชียอ นั้น #ตาบอด แต่ทางธรรมะนั้นเลิศมาก และไม่ต้องอาศัยสายตาก็รู้เห็นทุกอย่างหมด ตาเนื้อเสียก็ไม่ต้องใช้ #ใช้แต่ตาใน
แม่ชีทั้งสองเป็นคนบ้านโพนสวาง ใกล้บ้านหนองบัว ในเขตอำเภอสว่างแดนดิน (บ้านโพนสวาง ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เพิ่มเติมโดยเพจ)
หลวงปู่ได้ยินเรื่องราวแม่ชีทั้งสองก็สนใจ พอดีออกพรรษา มีงานฉลองศพที่วัดนั้น หลวงปู่ได้รับนิมนต์ไปด้วยงานนั้น #หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ และ #หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ก็ไปด้วย
เมื่อทั้งสององค์ผลัดกันขึ้นเทศน์ แม่ชีไปฟังด้วย หลวงปู่จึงไปลองซักถามดูถามว่า “#ท่านที่ขึ้นเทศน์นี้เป็นอย่างไร”
แม่ชีก็บอกให้ฟัง
ท่านแปลกใจว่า แม่ชีทำอย่างไร รู้ได้อย่างไร
#แม่ชีก็กราบเรียนวิธีการภาวนา ของตนให้ท่านทราบโดยละเอียด
ทำให้หลวงปู่ได้อุบายวิธีในทางปฏิบัติจากแม่ชีทั้งสองเป็นหนทางดำเนินในการปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณา #กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน แบบที่หลวงปู่เทศนาของท่านสอนในภายหลัง เรียกวิธีการ “#ม้างกาย” นี่เอง
"ม้าง” เป็นภาษาอีสาน แปลว่า #แยกออกเป็นส่วน ๆ หรือรื้อออก---แยกออก เช่น ม้างบ้าน ก็คือ รื้อบ้าน แยกบ้าน
ม้างกาย ก็คือ รื้อกาย แยกกายออกเป็นส่วนทำให้มากทำให้ยิ่ง จนเป็น #อุคคหนิมิต เป็น #ปฏิภาคนิมิต แล้วดำเนินวิปัสสนาใช้ปัญญาพิจารณากายต่อไป ให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ ทุกข์ อนิจฺจํ อนตฺตา
หลวงปู่เล่าว่า พอท่านได้ฟังอุบายวิธี #ท่านก็แบกกลดกลับขึ้นเขาไปทันที ไม่ได้รอแม้แต่จะอยู่ต่อไปจนกระทั่งให้งานที่เขานิมนต์มานั้นเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน
ท่านบันทึกเล่าไว้ ขณะเมื่ออยู่จำพรรษาที่ถ้ำเจ้าผู้ข้า (อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร) ในปี ๒๕๒๕ เป็นเวลาเกือบ ๕๐ ปีต่อมาในภายหลังเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า
“เราเข้าป่า หัดม้างกายอย่างเต็มที่ จนร่างกายเกิดวิบัติ จนกระดูกคล้าย ๆ ออกจากกัน แม้เราเดินเสียงกรอบแกรบ แต่นานไปหาย มีกำลังทางจิต”
ท่านเล่าว่า การทำความเพียรช่วงนั้น ท่านปฏิบัติไปอย่าง ลืมมืดลืมแจ้งลืมวันลืมคืน เลยทีเดียว
คิดว่าผู้หญิงเขาทำได้ ทำไมเราจึงจะทำไม่ได้ #จะแพ้ผู้หญิงเขาหรือไร
ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดมุมานะ เจริญอิทธิบาท ๔ หัดม้างกายอย่างเต็มสติปัญญาความสามารถ #คล้ายกับกระดูกจะแยกออกจากกัน จะหลุดออกจากกันจริง ๆ เวลาเดินได้ยินเสียงกระดูกภายในกายลั่นดังกรอบแกรบตลอดเวลา
บางโอกาสก็นึกสนุกม้างต้นไม้...แยกออกเป็นส่วน ๆ จนต้นไม้แตก ลั่นดังเปรี้ยะ...เปรี้ยะทีเดียว บ้างก้อนหิน ภูเขา.....
ดูจะสนุกที่สุด “ม้าง” สิ่งใด สิ่งนั้นก็แทบจะแตกแยกละเอียดลงเป็น “ภัสม์ธุลี” กำหนดใหม่ ให้กายนั้น สิ่งนั้น กลับรวมรูปขึ้นมาใหม่ กำหนดให้ ทำลายลงเป็นผุยผง รวมพึ่บลง ขยายให้ใหญ่ปานภูเขา #ย่อให้เล็กลงเหลือแทบเท่าหัวไม้ขีดสิ่งของ..! บุคคล...! ทำได้คล่องแคล่ว ว่องไวมันช่างน่าสนุกจริง ๆ
ท่านเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดผู้มาฝึกเรียน “ม้างกาย” ว่า เมื่อ “ม้างกาย” ได้ใหม่ ๆ ก็เกิดอาการ “ร้อนวิชา” ลองม้างกายคนที่พบเห็นพบใครก็ลอง “ม้างกาย” ดู ผลพลอยได้ที่ทราบในภายหลังและท่านบันทึกไว้ คือ หลังจากม้างกายบุคคลใดแล้ว #ท่านจะรู้วาระจิตบุคคลนั้นด้วย....! คิดในใจอย่างไรเคยทำอะไรมา และจะทำอะไรต่อไป
จะมีของแถมเป็น ปรจิตวิชชา...อตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ...เหล่านี้ ตามมาด้วย
ระหว่างที่ท่านมาอยู่ถ้ำโพนงามระยะแรก ได้ยินเสียงเทวดาพระอรหันต์สวดมนต์ เผอิญตอนนั้นมีพระและเณรตามมาอยู่ด้วยอีก ๒ องค์ ท่านว่า ได้ยินเสียงสวดมนต์กันทั้ง ๓ องค์
ต่อมาท่านได้กราบเรียนถามท่านพระอาจารย์มั่น เล่าถวายให้ท่านฟัง ท่านก็รับรองตามที่หลวงปู่ประสบ การมาอยู่ที่ถ้ำโพนงามนี้ ทำให้ท่านได้เห็นพญานาคเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วย
ท่านเล่าว่า เป็นเวลาระหว่างที่ท่านกำลังพักผ่อนหลังจากทำความเพียรมาอย่างหนักจึงออกมาเดินเล่นตามป่าเขา และเล่นพิจารณาการม้างกายไปด้วย ขณะที่ท่านเล่น “ม้าง” ต้นไม้ให้แตกเปรี้ยะปร๊ะ ก็เห็นพญานาคมาเล่นกัน เอาดินตม ดินโคลนมาปาใส่กัน ดินบางก้อนขึ้นไปติดบนยอดยางทีเดียว
รูปร่างพญานาคก็คล้ายกับที่เห็นที่หน้ากลักไม้ขีดไฟ หรือที่เขาปั้นไว้ตามหน้าโบสถ์ บันไดนาค...อะไรเหล่านั้น
ท่านว่า ในเวลาที่เขาไม่ได้เนรมิตกายให้เป็นอย่างอื่น เสียดายไม่ได้เรียนถามรายละเอียดอื่นอีก มัวแต่ตื่นเต้นเรียนซักถามเรื่องอื่นจึงไม่ได้เรียนถามให้แน่ใจว่า
“ระหว่างนั้น...ที่ท่านมองเห็นพญานาคนั้น จิตท่านคงจะละเอียดมาก ควรแก่การเห็นผู้ที่อยู่ในภพภูมิอันละเอียดระดับเดียวกับจิตในขณะนั้นของท่าน”
คัดลอกจากหนังสือ “จันทสาโรบูชา หน้า ๔๓ ถึง ๔๖”
🟥หมายเหตุเพิ่มเติมโดยเพจ🟥
หลวงปู่หลุย ท่านให้มีความเมตตากับแม่ชีเสมอ เช่นแม่ชีนารี การุณ แม่ชีอรหันต์แห่งวัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร หลวงปู่หลุยเล่าว่า “ นับถือคุณย่าเป็นแม่เพราะในอดีตชาติคุณย่าเป็นแม่ขององค์หลวงปู่ หลวงปู่จะกล่าวชมให้ลูกศิษย์ฟังว่า ท่านเป็นแม่ขาวแม่ออกที่ปฏิบัติธรรมจนเห็นธรรม
หลวงปู่หลุยท่านรักและเคารพคุณย่ามากถึงขนาดทำที่ครอบฟันปลอมให้และส่งปัจจัยจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ให้คุณย่าทุกเดือน หลวงปู่หลอด ปโมทิโต เคารพในคุณธรรมคุณย่าและมาเยี่ยมเยียนบ่อยๆ ตอนที่คุณย่าจะนิพพาน หลวงปู่ถวายปัจจัยให้คุณย่า ๒๐,๐๐๐ บาท หลวงปู่หลุยและหลวงปู่หลอดกล่าวว่าที่ท่านมีทุกวันนึ้ได้ก็เพราะขี้มือคุณแม่นั้นแหละ”
#วัดป่าบ้านตาดวัดเกษรศีลคุณ
#หลวงปู่หลุยจันทสาโร
#ม้างกาย
#36ปีหลวงปู่หลุยละสังขาร
แม่ชีอรหันต์สอนวิชาดับกามกิเลส
ครบรอบ ๓๖ ปี หลวงปู่หลุย จันทสาโร ละสังขาร วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๘ (หลวงปู่หลุยละสังขารวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๓๒)
เรื่องราวจะเป็นเช่นไรเชิญอ่านได้ครับ
.
.
หลวงปู่หลุย จันทสาโร ในปี ๒๔๗๖ จำพรรษาอยู่ที่ถ้ำบ้านโพนงาม
( ขณะนั้นหลวงปู่หลุย มีพรรษา ๙ จำพรรษาที่ถ้ำบ้านโพนงาม อ.กุดบาก จ.สกลนคร เพิ่มเติมโดยเพจ)
วันหนึ่งไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ได้ยินข่าวว่า “มี #แม่ชีอภิญญาณสูง อยู่ที่วัดป่าบ้านสองคร” (น่าจะหมายถึงบ้านสองคอน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เพิ่มเติมโดยเพจ)
#ภาวนาเก่งมาก รู้วาระจิตคนอื่น มีหูทิพย์ ตาทิพย์ อย่างเช่น ไปฟังพระเทศน์... #องค์ไหนไปติดที่ธรรมขั้นไหนๆ แม่ชีจะรู้หมด บอกได้ถูกหมด
ได้ยินว่าชื่อ #แม่ชีจันทร์ และ #แม่ชียอ
เฉพาะ แม่ชียอ นั้น #ตาบอด แต่ทางธรรมะนั้นเลิศมาก และไม่ต้องอาศัยสายตาก็รู้เห็นทุกอย่างหมด ตาเนื้อเสียก็ไม่ต้องใช้ #ใช้แต่ตาใน
แม่ชีทั้งสองเป็นคนบ้านโพนสวาง ใกล้บ้านหนองบัว ในเขตอำเภอสว่างแดนดิน (บ้านโพนสวาง ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เพิ่มเติมโดยเพจ)
หลวงปู่ได้ยินเรื่องราวแม่ชีทั้งสองก็สนใจ พอดีออกพรรษา มีงานฉลองศพที่วัดนั้น หลวงปู่ได้รับนิมนต์ไปด้วยงานนั้น #หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ และ #หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ก็ไปด้วย
เมื่อทั้งสององค์ผลัดกันขึ้นเทศน์ แม่ชีไปฟังด้วย หลวงปู่จึงไปลองซักถามดูถามว่า “#ท่านที่ขึ้นเทศน์นี้เป็นอย่างไร”
แม่ชีก็บอกให้ฟัง
ท่านแปลกใจว่า แม่ชีทำอย่างไร รู้ได้อย่างไร
#แม่ชีก็กราบเรียนวิธีการภาวนา ของตนให้ท่านทราบโดยละเอียด
ทำให้หลวงปู่ได้อุบายวิธีในทางปฏิบัติจากแม่ชีทั้งสองเป็นหนทางดำเนินในการปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณา #กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน แบบที่หลวงปู่เทศนาของท่านสอนในภายหลัง เรียกวิธีการ “#ม้างกาย” นี่เอง
"ม้าง” เป็นภาษาอีสาน แปลว่า #แยกออกเป็นส่วน ๆ หรือรื้อออก---แยกออก เช่น ม้างบ้าน ก็คือ รื้อบ้าน แยกบ้าน
ม้างกาย ก็คือ รื้อกาย แยกกายออกเป็นส่วนทำให้มากทำให้ยิ่ง จนเป็น #อุคคหนิมิต เป็น #ปฏิภาคนิมิต แล้วดำเนินวิปัสสนาใช้ปัญญาพิจารณากายต่อไป ให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ ทุกข์ อนิจฺจํ อนตฺตา
หลวงปู่เล่าว่า พอท่านได้ฟังอุบายวิธี #ท่านก็แบกกลดกลับขึ้นเขาไปทันที ไม่ได้รอแม้แต่จะอยู่ต่อไปจนกระทั่งให้งานที่เขานิมนต์มานั้นเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน
ท่านบันทึกเล่าไว้ ขณะเมื่ออยู่จำพรรษาที่ถ้ำเจ้าผู้ข้า (อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร) ในปี ๒๕๒๕ เป็นเวลาเกือบ ๕๐ ปีต่อมาในภายหลังเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า
“เราเข้าป่า หัดม้างกายอย่างเต็มที่ จนร่างกายเกิดวิบัติ จนกระดูกคล้าย ๆ ออกจากกัน แม้เราเดินเสียงกรอบแกรบ แต่นานไปหาย มีกำลังทางจิต”
ท่านเล่าว่า การทำความเพียรช่วงนั้น ท่านปฏิบัติไปอย่าง ลืมมืดลืมแจ้งลืมวันลืมคืน เลยทีเดียว
คิดว่าผู้หญิงเขาทำได้ ทำไมเราจึงจะทำไม่ได้ #จะแพ้ผู้หญิงเขาหรือไร
ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดมุมานะ เจริญอิทธิบาท ๔ หัดม้างกายอย่างเต็มสติปัญญาความสามารถ #คล้ายกับกระดูกจะแยกออกจากกัน จะหลุดออกจากกันจริง ๆ เวลาเดินได้ยินเสียงกระดูกภายในกายลั่นดังกรอบแกรบตลอดเวลา
บางโอกาสก็นึกสนุกม้างต้นไม้...แยกออกเป็นส่วน ๆ จนต้นไม้แตก ลั่นดังเปรี้ยะ...เปรี้ยะทีเดียว บ้างก้อนหิน ภูเขา.....
ดูจะสนุกที่สุด “ม้าง” สิ่งใด สิ่งนั้นก็แทบจะแตกแยกละเอียดลงเป็น “ภัสม์ธุลี” กำหนดใหม่ ให้กายนั้น สิ่งนั้น กลับรวมรูปขึ้นมาใหม่ กำหนดให้ ทำลายลงเป็นผุยผง รวมพึ่บลง ขยายให้ใหญ่ปานภูเขา #ย่อให้เล็กลงเหลือแทบเท่าหัวไม้ขีดสิ่งของ..! บุคคล...! ทำได้คล่องแคล่ว ว่องไวมันช่างน่าสนุกจริง ๆ
ท่านเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดผู้มาฝึกเรียน “ม้างกาย” ว่า เมื่อ “ม้างกาย” ได้ใหม่ ๆ ก็เกิดอาการ “ร้อนวิชา” ลองม้างกายคนที่พบเห็นพบใครก็ลอง “ม้างกาย” ดู ผลพลอยได้ที่ทราบในภายหลังและท่านบันทึกไว้ คือ หลังจากม้างกายบุคคลใดแล้ว #ท่านจะรู้วาระจิตบุคคลนั้นด้วย....! คิดในใจอย่างไรเคยทำอะไรมา และจะทำอะไรต่อไป
จะมีของแถมเป็น ปรจิตวิชชา...อตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ...เหล่านี้ ตามมาด้วย
ระหว่างที่ท่านมาอยู่ถ้ำโพนงามระยะแรก ได้ยินเสียงเทวดาพระอรหันต์สวดมนต์ เผอิญตอนนั้นมีพระและเณรตามมาอยู่ด้วยอีก ๒ องค์ ท่านว่า ได้ยินเสียงสวดมนต์กันทั้ง ๓ องค์
ต่อมาท่านได้กราบเรียนถามท่านพระอาจารย์มั่น เล่าถวายให้ท่านฟัง ท่านก็รับรองตามที่หลวงปู่ประสบ การมาอยู่ที่ถ้ำโพนงามนี้ ทำให้ท่านได้เห็นพญานาคเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วย
ท่านเล่าว่า เป็นเวลาระหว่างที่ท่านกำลังพักผ่อนหลังจากทำความเพียรมาอย่างหนักจึงออกมาเดินเล่นตามป่าเขา และเล่นพิจารณาการม้างกายไปด้วย ขณะที่ท่านเล่น “ม้าง” ต้นไม้ให้แตกเปรี้ยะปร๊ะ ก็เห็นพญานาคมาเล่นกัน เอาดินตม ดินโคลนมาปาใส่กัน ดินบางก้อนขึ้นไปติดบนยอดยางทีเดียว
รูปร่างพญานาคก็คล้ายกับที่เห็นที่หน้ากลักไม้ขีดไฟ หรือที่เขาปั้นไว้ตามหน้าโบสถ์ บันไดนาค...อะไรเหล่านั้น
ท่านว่า ในเวลาที่เขาไม่ได้เนรมิตกายให้เป็นอย่างอื่น เสียดายไม่ได้เรียนถามรายละเอียดอื่นอีก มัวแต่ตื่นเต้นเรียนซักถามเรื่องอื่นจึงไม่ได้เรียนถามให้แน่ใจว่า
“ระหว่างนั้น...ที่ท่านมองเห็นพญานาคนั้น จิตท่านคงจะละเอียดมาก ควรแก่การเห็นผู้ที่อยู่ในภพภูมิอันละเอียดระดับเดียวกับจิตในขณะนั้นของท่าน”
คัดลอกจากหนังสือ “จันทสาโรบูชา หน้า ๔๓ ถึง ๔๖”
🟥หมายเหตุเพิ่มเติมโดยเพจ🟥
หลวงปู่หลุย ท่านให้มีความเมตตากับแม่ชีเสมอ เช่นแม่ชีนารี การุณ แม่ชีอรหันต์แห่งวัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร หลวงปู่หลุยเล่าว่า “ นับถือคุณย่าเป็นแม่เพราะในอดีตชาติคุณย่าเป็นแม่ขององค์หลวงปู่ หลวงปู่จะกล่าวชมให้ลูกศิษย์ฟังว่า ท่านเป็นแม่ขาวแม่ออกที่ปฏิบัติธรรมจนเห็นธรรม
หลวงปู่หลุยท่านรักและเคารพคุณย่ามากถึงขนาดทำที่ครอบฟันปลอมให้และส่งปัจจัยจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ให้คุณย่าทุกเดือน หลวงปู่หลอด ปโมทิโต เคารพในคุณธรรมคุณย่าและมาเยี่ยมเยียนบ่อยๆ ตอนที่คุณย่าจะนิพพาน หลวงปู่ถวายปัจจัยให้คุณย่า ๒๐,๐๐๐ บาท หลวงปู่หลุยและหลวงปู่หลอดกล่าวว่าที่ท่านมีทุกวันนึ้ได้ก็เพราะขี้มือคุณแม่นั้นแหละ”
#วัดป่าบ้านตาดวัดเกษรศีลคุณ
#หลวงปู่หลุยจันทสาโร
#ม้างกาย
#36ปีหลวงปู่หลุยละสังขาร