เมื่อคุณแม่ติดเชื้อในกระแสเลือด จากการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า สู่การผ่าตัด 5 ครั้งเพื่อรักษาชีวิตในช่วงเวลา 3 เดือน...EP.3

(EP.3: การผ่าตัดครั้งที่ 3 ที่ไม่คาดคิด)

ต่อ 12/8/25....
หลังจากการผ่าตัด เช้าวันนั้น คุณหมอที่แจ้งให้ทราบว่า เชื้อได้เข้ากระแสเลือดคุณแม่แล้ว คุณหมอที่ผ่าล้างหัวเข่าแสดงสีหน้าหนักใจ
แต่ทางครอบครัวก็ยังไม่ได้เข้าใจอะไรมากนักในจุดนี้ เพราะเข้าใจว่า เชื้อหลัก ๆ ได้ถูกจัดการที่หัวเข่าแล้ว
โดยคุณหมอแจ้งว่า จะต้องให้ยาฆ่าเชื้อเป็นระยะเวลาใหญ่ (เช่น 3-6 เดือนจากนี้)

13/8/25: ทางรพ.ขอทำการตรวจ ultrasound (Echo) ที่หัวใจ เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด + ระดับออกซิเจนในเลือดคุณแม่ต่ำ มักมีปัญหาเรื่องเชื้อเข้าไปที่ลิ้นหัวใจ และคะ ทาง รพ แจ้งผลว่า มีเชื้อติดที่ลิ้นหัวใจจริง (เพื่อให้เห็นภาพตามประสาชาวบ้าน ลิ้นเป็นเหมือนประตูเขื่อน เชื้อโรคเหมือนอะไรที่ไปกัดกร่อนให้ประตูเขื่อนพังลง และถ้าประตูเขื่อนนี้พังน้ำจะทะลักเข้าท่วม ซึ่งภาวะท่วมในทีนี้คือ ทะลักเข้าหัวใจจนไม่สามารถบีบออกได้ตามจังหวะหัวใจเต้นปกติ มีผลทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ทันที)

ซึ่งในตอนแรกที่ได้รับการอธิบาย โดยส่วนตัวยังไม่เข้าใจถึงความรุนแรง และคิดในใจว่า อาจจะเป็นเพราะด้วยความเป็น รพ เอกชน อาจจะให้ข้อมูลที่มากเกินจริง อาจจะยังพอมีทางรักษาได้โดยยาฆ่าเชื้อที่ได้รับไป

ทั้งนี้ สภาพทั่วไปของคุณแม่ในช่วงสองวัน (12/8/25 และ 13/8/25) ยังคงอ่อนเพลีย มีอาการตัวเหลืองในบางเวลา ซึ่งเราเข้าใจว่า อาจจะเกิดจากการผ่าตัด และเชื้อที่ได้รับที่ผ่านมา ทำให้การฟื้นตัวคงดำเนินไปอย่างช้า ๆ

14/8/25: 2 วันหลังการผ่าตัด ช่วงเช้าคุณแม่ยังคงอ่อนเพลีย โดยทางครอบครัวสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติ ว่าการผ่าตัดล้างหนองจากเข่า ดูเหมือนจะยังไม่ได้จบการแก้ปัญหา  

ทางครอบครัวได้มีการคุยกับคุณหมออายุกรรมหัวใจอีกครั้ง โดยคุณหมอแจ้งให้ทราบว่า ลิ้นหัวใจที่ติดเชื้อส่ออาการรุนแรงขึ้น และมีแนวโน้มจะเสียหายได้ ณ เวลาใดเวลานึงจากนี้ ซึ่งแนวทางการรักษาต่อไปคือ การผ่าตัดลิ้นหัวใจเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน คุณหมอแนะนำว่าไม่ควรทำก่อน เพราะการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจไม่แนะนำให้ทำ ในขณะที่คนไข้ติดเชื้อในกระแสเลือด เว้นแต่ในกรณีฉุกเฉิน เพราะอาจจะทำให้ลิ้นหัวใจกลับไปติดเชื้ออีกครั้งได้ (ในที่นี้คือ ในกรณีที่เป็นไปได้ ควรรักษาเรื่องการติดเชื้อในกระแสเลือดให้หายก่อน แล้วค่อยทำการเปลี่ยนลิ้นหัวใจ)  
การประเมินค่าใช้จ่าย ถ้าต้องมีการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ประมาณ 1 ล้านบาท ณ รพ เอกชนดังกล่าว

ทางครอบครัวฉุกคิดได้ว่า มีญาติผู้ใหญ่เป็นคุณหมอที่เกษียญแล้ว จาก รพ รัฐบาลใหญ่แห่งนึงใน กทม
จึงขอสำเนาประวัติการรักษา และอาการปัจจุบัน เพื่อนำไปปรึกษาขอ Second opinion (การขอความเห็นที่ 2 ในการรักษา เพื่อใช้ประเมินการวิเคราะห์ของอาการ และการรักษา) ในเคสของคุณแม่ในช่วงเที่ยงของวันนั้นทันที ได้ใจความโดยสรุปว่า ความเห็นตรงกันกับข้างต้นที่ได้รับมา แปลว่า คุณแม่มีความเสี่ยงสูงที่หัวใจจะล้มเหลวได้ตลอดเวลา และถ้าเกิดเหตุการณ์นั้น เพื่อรักษาชีวิต คุณแม่จะต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจทันที

เนื่องจาก คชจ ที่เกิดขึ้นใน 5 วันแรกที่เข้ารักษา รวมถึง คชจ ถัดไปในการผ่าลิ้นหัวใจ + อื่น ๆ ที่ตามมาหลังจากนั้นคาดว่าจะสูงกว่าที่ทางครอบครัวจะรับผิดชอบได้ ถ้ารักษาใน รพ เอกชนดังกล่าวต่อ จึงเร่งติดต่อเรื่องย้ายคุณแม่ ถ้าเกิดกรณีฉุกเฉินไปยัง รพ รัฐบาล (รร แพทย์) ต่อไป โดยใช้สิทธิ์บัตรทอง (ถ้าคุณแม่เข้าข่ายฉุกเฉิน)

15/8/25: ทางครอบครัวได้รับโทรศัพท์จาก รพ เอกชนเดิม เวลา 4.00น. ทาง รพ แจ้งว่า ออกซิเจนคุณแม่ลดลงต่ำมาก มีความจำเป็นต้องต่อท่อออกซิเจน จึงโทรมาตามให้ทางญาติเซ็นต์อนุญาตตามขั้นตอน (เป็นการต่อท่อออกซิเจนเข้าทางปาก)

ช่วงเช้าประมาณ 8 โมงเช้า คุณหมออายุกรรมหัวใจแจ้งว่า เราน่าจะเข้าเวลาวิกฤติที่ได้คุยกันไว้แล้ว
คะ ณ เวลานั้น ครอบครัวได้ปรึกษาและทำใจกันประมาณนึง (และมีอารมณ์ตกใจ + เศร้า กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก) และมองในแง่ความเป็นจริงว่า ถ้าการรักษาเพื่อยื้อชีวิต แต่คุณภาพชีวิตไม่ได้กลับมาปกติ (เช่นติดเตียงตลอดชีวิต) จะไม่ตัดสินเดินการรักษาต่อ และมีการสื่อสารประเด็นนี้กับทางคุณหมอเป็นระยะ ๆ
คุณหมออายุกรรมหัวใจให้ความเห็นว่า การผ่านี้ยังคงมี % สูงที่จะรอดชีวิต และกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ (ในที่นี้คือ โอกาสที่ไม่ติดเตียงยังคงมีสูง แต่อาจจะไม่กลับมาแข็งแรง หรือช่วยเหลือตัวเองได้เหมือนเดิม 100%)

เมื่อยังมีโอกาสและความหวัง ทางครอบครัวดำเนินการติดต่อและทำการย้ายคุณแม่ไปที่ รพ รัฐ ดังกล่าว ในช่วงบ่ายสาม เข้าห้องฉุกเฉิน
ทางคุณหมอ ทำการเช็คประวัติ ตรวจประเมินใหม่ และเวลาประมาณห้าโมงเย็น ทางคุณหมอแจ้งให้ทราบว่า คุณแม่ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจทันทีในคืนนั้นเลย อาการคุณแม่เวลานั้นคือไม่ได้สติแล้ว....

การผ่าตัดเริ่มเวลาประมาณ 21.00น. โดยทางคุณหมอแจ้งว่า ระยะเวลาการผ่าตัดน่าจะไม่ต่ำกว่า 4 ชม.
คุณแม่ออกจากห้องผ่าตัดตอนประมาณตี 5 การผ่าตัดรอบนี้ ถือว่าสำเร็จได้ด้วยดี
----------------------เช้าวันนั้น ได้เจอคุณแม่อีกครั้งหลังผ่าตัด ตัวคุณแม่บวมไปหมด ไม่ได้สติ รอบๆ เตียงเต็มไปด้วยสายระโยงระยาง----------------
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่