JJNY : เท้งขอโทษปชช. ลั่นพร้อมเลือกตั้ง│เท้งลั่นผมไม่ไร้เดียงสา│อั๋ว จุฑาทิพย์ลงสมัครส.ส.ปชน.│ปชน.ได้คิว พงษ์สรณัฐชิงชัย

เท้ง นำแคนดิเดต ปชน. ขอโทษปชช.แก้รธน.ไม่สำเร็จ ลั่นพร้อมเลือกตั้ง หวังได้เสียงพอกำกับทิศทางรบ.
https://www.matichon.co.th/politics/election69/news_5500858
.

.
“เท้ง” นำแคนดิเดต ปชน.แถลงขอโทษประชาชน ผลักดัน รธน. ไม่สำเร็จ ประกาศพร้อมส่งผู้สมัครครบทุกเขต มุ่งมั่นให้พรรคเติบโตแข็งแกร่ง กำกับทิศทางรัฐบาลหน้า เพื่อเดินหน้าสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
.
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 ธันวาคม ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชน ได้แก่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค กล่าวถึงทิศทางการทำงานของพรรค ภายหลังราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภาสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568
.
โดยนายณัฐพงษ์กล่าวว่า นับตั้งแต่การเลือกตั้ง ปี 2566 ที่ผ่านมา สิ่งที่พวกเราได้เผชิญตั้งแต่พรรคก้าวไกล ที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่ง เรามีการทำเอ็มโอยูกับพรรคเพื่อไทย แต่เราเองไม่สามารถผลักดันจัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากเรื่องของเสียง ส.ว. และการฉีกข้อตกลงเอ็มโอยู
.
2 ปีที่ผ่านมา มีการถอดถอนนายกรัฐมนตรีถึง 2 คนโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งพรรคก้าวไกลถูกยุบจนกลายมาเป็นพรรคประชาชน เราผ่านกระบวนการนิติสงครามมามากมายทำให้พรรคประชาชนเองมองเห็นว่า เราไม่สามารถผลักดันประเทศไปได้ไกลกว่านี้ถ้าไม่เดินหน้าแก้ไขระบบการเมือง กติกาสูงสุดของประเทศให้เป็นไปตามหลักสากลมีความเป็นประชาธิปไตย นั่นคือการมุ่งหน้าสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
.
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า จึงเป็นที่มาที่เราทำข้อตกลงเอ็มโอเอกับพรรคภูมิใจไทย แต่ท้ายที่สุดผลจากการลงมติในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) รวมถึงสถานการณ์ล่าสุดที่ได้มีการประกาศยุบสภาไป ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน เรารู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่เราเองยังผลักดันไม่สำเร็จ และขอโทษประชาชนที่ภารกิจในครั้งนี้ถึงแม้จะผลักดันอย่างเต็มที่ภายใต้ข้อจำกัดทางการเมืองที่เป็นอยู่ แต่เราไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์สูงสุดได้ ในการเดินหน้ากระบวนการการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปพร้อมกับการเลือกตั้ง
.
อย่างไรก็ตามในที่ประชุมรัฐสภาก็ยังมีมติให้มีคำถามประชามติในครั้ง 1 ซึ่งตอนนี้มีข้อผูกพันตามกฎหมายตามพระราชบัญญัติประชามติ ที่ได้ส่งไปยังคณะรัฐมนตรีแล้ว หวังว่าคณะรัฐมนตรีรักษาการจะดำเนินตามข้อกฎหมายที่จะพยายามจัดการเลือกตั้งครั้งหน้าไปพร้อมพร้อมกับการทำประชามติในส่วนของคำถามที่หนึ่ง เพื่อให้อย่างน้อยๆกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เดินหน้าได้อยู่
.
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า ส่วนความพร้อมของพรรคประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตอนนี้เรามีความพร้อมในการส่งผู้สมัครครบทุกจังหวัด ทุกเขต อยากสื่อสารกับประชาชนว่าสิ่งที่ผ่านมาเราเดินทางมาตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่ เราไม่ได้ตั้งพรรคการเมืองมาเพื่อทำงานการเมืองเพื่อเป็นรัฐบาลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราไม่ได้ต้องการจำนวนเก้าอี้ ส.ส.ในสภาเพื่อต่อรองตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเท่านั้น แต่เราเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง
.
บริบทการเมืองช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 จนถึงปี 2566 และปัจจุบัน เราเห็นแล้วว่าตราบใดที่เสียงของประชาชนยังไม่เข้มแข็งพอ ไม่ทรงพลังพอ โดยพรรคประชาชนเป็นยานพาหนะที่เรายังไม่สามารถที่จะรวบรวมเสียงของประชาชนให้เข้มแข็งพอ เราก็จะยังไม่ชนะระบบกติกาทางการเมืองที่เป็นอยู่ ที่ประเทศไทยอยู่ในปัจจุบัน
.
ดังนั้นภารกิจในครั้งหน้า ตนมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมมีแต่ประชาชนเท่านั้นที่จะไม่หักหลังประชาชนด้วยกันเอง ภารกิจของพรรคประชาชนในครั้งถัดไปคือการมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง โดยเอาหลังพิงประชาชนมากที่สุด ทำให้ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พวกเรามากที่สุด ทั้งชุดนโยบาย การเปิดตัวทีมผู้บริหารต่อจากนี้ ทั้งการประกาศความพร้อมที่จะมีผู้สมัครทุกจังหวัดทั่วทั้งประเทศ เพื่อทำให้พรรคประชาชนเติบโตขึ้น เข้มแข็งมากเพียงพอที่จะกำกับทิศทางรัฐบาลชุดหน้า เพื่อทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปได้ไกลกว่านี้
.

.
เท้ง ลั่น ผมไม่ไร้เดียงสา ไม่ได้ถูกหักหลัง ชี้ ภท.ไม่ได้ฉีกMOA รับต่อสายหา อนุทิน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_10056776
.
เท้ง ยอมรับ ถ้าดูตามตัวหนังสือ ภท.ก็ไม่ฉีก MOA เป็นไปตาม “อนุทิน”พูด ลั่นผมไม่ไร้เดียงสา ไม่ถูกหักหลัง ไม่เสียใจใดๆ เผยต่อสายหา “เสี่ยหนู”แต่ไม่ยอมรับสาย โต้ไม่เคยพูด ขอให้ “เพื่อไทย” ชะลอยื่นซักฟอก โบ้ยพรรคแดงจ้อเอง!
.
วันที่ 12 ธ.ค. 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณี ารผิด MOA ครั้งนี้ คิดไว้อยู่แล้วใช่หรือไม่ว่า อย่างไรวันนี้ก็ต้องมาถึง เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย ยังมีเงื่อนไขอยู่
.
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หากดูตามข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร แน่นอนที่สุดเป็นตามเหตุผลที่นายกฯให้ ตามข้อเท็จจริงในทางการปฏิบัติ เราไม่สามารถลงรายละเอียดได้ทั้งหมด ตั้งแต่การเซ็น MOA อยู่แล้วว่าเนื้อหารัฐธรรมนูญจะเป็นแบบไหน หากย้อนดูบันทึกที่ประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญ จะเห็นว่ามีข้อถกเถียง มีเหตุผลที่แตกต่างหลากหลายของทั้ง สส.แต่ละพรรค และ สว.
.
ดังนั้น ในทางปฏิบัติ MOA ก็ต้องวางไว้เป็นหลักกว้างๆ ที่พรรคประชาชนมีจุดมุ่งหมายนอกจากการยุบสภาโดยเร็วที่สุด คือต้องเดินหน้าการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เราอยากให้ยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด
.
ประการที่สอง อยากให้ทุกคนย้อนดู ว่าร่างของกมธ.เสียงข้างมาก ซึ่งมีตัวแทนจากทุกพรรค ที่ผ่านออกมาว่าไม่มี สว. 1 ใน 3 และมติของวิปรัฐบาล ก่อนจะโหวต ทุกอย่างสอดคล้องกันว่าพรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมาก
.
แต่เมื่อตนได้รับทราบข้อเท็จจริงในช่วงเที่ยงของเมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.) เราเริ่มเห็นแล้วว่า ท่าทีของพรรคภูมิใจไทย อาจจะไม่ได้โหวตตามมติของวิปรัฐบาล ก็เป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกันตั้งคําถาม และอยากให้ทั้งสื่อและประชาชนถามคําถามต่อนายกฯ โดยตรง ว่าเหตุใดพรรคภูมิใจไทยถึงเลือกที่จะโหวตสวนต่อมติวิปรัฐบาลของตัวเอง
.
เนื่องจากเราได้แสดงจุดยืนก่อนหน้านี้มาตลอด ทั้งผ่านการทํางานในกมธ.และผ่านการประสานงานกับเพื่อนสมาชิกด้วยกันเอง ว่าพรรคประชาชนไม่สามารถจะยอมรับได้ ถ้าผ่านร่างรัฐธรรมนูญที่ยังคงอํานาจ สว. 1 ใน 3 ไว้อยู่ ดังนั้น เรื่องการผิด MOA หรือไม่ ก็อยากให้ถามคําถามกับนายกฯด้วย
.
สําหรับเรื่องผลเฉพาะหน้า ตนขอยืนยันว่า การเซ็น MOA กับพรรคภูมิใจไทย เราได้ประเมินล่วงหน้าอยู่แล้วว่าอาจเกิดสถานการณ์อย่างนี้ขึ้น และเราตัดสินใจที่จะใช้เสียงของเราเท่าที่มีอยู่ เพื่อผลักดันกระบวนการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นจริงมากที่สุด เชื่อว่าจนถึงปัจจุบัน กระบวนการเดินหน้าจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดูเป็นจริงมากที่สุด ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้
.
ส่วนกระบวนการต่อไปในครั้งหน้า อย่างน้อยๆ เงื่อนไขของคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างแรกคือเรื่องคําถามที่หนึ่ง ซึ่งต้องจัดทําคําถามประชามติก่อน และรัฐสภาได้ผ่านมติไปเรียบร้อยแล้วนั้น ความหวังในการเดินหน้าจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พวกตนก็ยังไม่ได้ทิ้ง ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มที่
.
ย้ําว่า เสียงของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ยิ่งประชาชนเห็นด้วยกับพวกเรามากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีโอกาสในการผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้มีความสําเร็จมากขึ้นได้เท่านั้น
.
เมื่อถามว่าเสียใจหรือไม่ที่จัดทำ MOA และโหวตนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีความเสียใจใดๆ ทั้งสิ้น เพราะกระบวนการโหวตที่ผ่านมา เราได้รับฟังความคิดความเห็นจากสมาชิกพรรค ผู้เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงอย่างรอบด้านแล้ว
.
หากย้อนกลับไปในสถานการณ์ตอนนั้น ก็มีข้อความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายพอสมควร เราก็ได้ข้อสรุปที่เป็นเสียงส่วนมากจากสมาชิกพรรคทุกภาคส่วนว่า เราจําเป็นต้องทําแบบนี้ เพื่อให้การเดินหน้าประเทศไทย ซึ่งหมายถึงการยุบสภาและการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สามารถเดินหน้าไปได้พร้อมๆ กัน
.
ในวันนั้นทุกคนไม่สามารถบอกได้ว่า เหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่เราต้องทําอย่างดี อย่างเต็มที่ที่สุด จากสิ่งที่เรามี และวันนี้ทั้งจากการโหวต และการที่ตนได้ขอนับคะแนนใหม่ ทําให้ประชาชนเห็นว่า เราได้ทําทุกอย่างจนสุดท้ายอย่างเต็มที่ เพื่อคงไว้ในการเดินหน้ากระบวนการจัดทํารัฐธรรมนูญ ให้เป็นทางออกของประเทศ
.
ส่วนที่คะแนนนิยมตกต่ำ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่พวกเราเข้าใจ และเฝ้าสังเกตว่า เสียงสะท้อนของประชาชนทุกๆ เสียงมีความหมาย เชื่อว่าการกระทําและการทํางานของพวกเราจะเป็นข้อพิสูจน์ รวมถึงการเลือกตั้งในครั้งหน้า นอกจากนโยบาย ที่เชื่อว่าพรรคประชาชนมีความเข้มแข็งมากที่สุด มีข้อเสนอที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องทีมผู้บริหาร ซึ่งจะทําให้พวกเราได้รับความไว้วางใจจากประชาชนถล่มทลาย ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
.
สําหรับภาพลักษณ์ทางการเมือง การทํางานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา เราจะเห็นว่าข้อตกลง MOA ที่เกิดขึ้น รวมถึงที่หลายฝ่ายมองว่าถูกฉีกนั้น เป็นข้อตกลงที่เราทําการเมืองแบบตรงไปตรงมา ว่าเรามีการตัดสินใจใช้เสียง สส.ในสภา ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ไปโหวตนายกรัฐมนตรีเพื่ออะไร มีการระบุไว้และให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอย่างเต็มที่มากที่สุด
.
การดําเนินการทางการเมืองที่ผ่านมา ผมไม่ได้คิดว่าผมและพรรคประชาชนกลายเป็นเด็กไร้เดียงสา แต่สิ่งที่พวกเราทํา คือพยายามทําให้ประชาชน เป็นผู้ตัดสินใจจากสิ่งที่เกิดขึ้น บางส่วนอาจจะบอกว่าเขาทําตามข้อตกลงทุกอย่าง บางส่วนอาจตีความว่า เป็นการหักข้อตกลงกันหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องวิเคราะห์กัน แต่สุดท้าย คนที่จะเป็นคนตัดสินในคูหาเลือกตั้ง ก็คือประชาชน” นายณัฐพงษ์ กล่าว
.
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอให้ลองมองการเมืองที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเมืองที่อยู่ภายใต้กฎกติกาของรัฐธรรมนูญปี 60 ว่า ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ได้ช่วยกําหนดอนาคตของประเทศตามเจตจำนงของประชาชนหรือไม่ ตนยอมรับว่าตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล ประชาชน เรายังไม่ชนะการเลือกตั้ง ที่เรามีความเข้มแข็งพอ ที่จะเอาเสียงของประชาชนชนะความอํานาจแบบเดิมที่เขาต้องการฉุดรั้งประเทศนี้ไว้ได้อยู่
.
เช่นเดียวกันผลงานที่ผ่านมา สมัยอนาคตใหม่ ที่หลายคนวิเคราะห์ว่าเราต่ำ 10 เราได้มา 80 กว่าที่นั่ง สมัยก้าวไกลไม่เคยมีใครคิดว่าเราจะชนะเป็นพรรคอันดับหนึ่ง เราชนะเป็นพรรคอันดับหนึ่งได้ ฉะนั้น โจทย์ของพรรคประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป คือเราเอาหลังอิงประชาชน ทําให้ประชาชนเชื่อมั่นเรามากที่สุด ทําให้เราเติบใหญ่ และมีความเข้มแข็งมากพอที่เราจะกลายเป็นแกนนําจัดตั้งรัฐบาลที่กํากับทิศทางของรัฐบาลได้จริงๆ และจะไม่ได้ถูกหักหลังทางการเมือง” นายณัฐพงษ์ กล่าว
.
เชื่อว่าเสียงของประชาชน มีความยิ่งใหญ่มากที่สุด ถ้าเราเข้มแข็งพอ ด้วยเสียงของประชาชน จะไม่มีใครที่สามารถหักหลังพวกเราได้
.
เมื่อถามว่าประชาชนได้อะไรจาก MOA นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ข้อตกลง MOA ที่เราเสนอไปแบบปาท่องโก๋ คือยุบสภาพร้อมกับการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากย้อนกลับไปในวันโหวตนายกฯ หลายคนก็มีการวิเคราะห์กันไปแล้วว่า การโหวตพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคเพื่อไทย หรือแคนดิเดตนายกฯ คนไหนที่จะมีโอกาสในการยุบสภามากน้อยกว่ากัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่