Taiwan 1st time
Day 5/5 Last Day
**สามารถติดตาม Taiwan 1st time ใน 4 วันแรก ได้ที่นี่เลยครับ**
Day 1 :
https://pantip.com/topic/43891637
Day 2 :
https://pantip.com/topic/43892663
Day 3 :
https://pantip.com/topic/43896224
Day 4 :
https://pantip.com/topic/43896733
วันนี้เป็นวันเดินทางกลับของเราแล้ว ห้าวันผ่านไปไวเหมือนโกหก เราจัดกระเป๋า จัดการยัดของฝาก แชร์น้ำหนักกระเป๋ากันเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืน นั่งกิน นั่งดื่ม นั่งพูดคุยกันประหนึ่งว่าไม่อยากให้ค่ำคืนสุดท้ายผ่านพ้นไปไวนัก แต่เวลาและวารีไม่เคยรอใคร เช้านี้เราจึงตื่นกันแบบสบาย ๆ ประมาณ 09.00 น. อาบน้ำ เก็บของที่เหลือแบบไม่เร่งรีบนัก เราใช้เวลาที่โรงแรม Re - Change กันจนถึง 11.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเช็คเอาท์ ซึ่งโรงแรมนี้ดีตรงที่ถึงแม้เราจะเช็คเอาท์แล้ว เรายังสามารถฝากกระเป๋าไว้ที่เคาน์เตอร์ได้ เพื่อไปเดินเที่ยว เดินหาของกินก่อนจะไปสนามบิน จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินที่ตู้ฝากกระเป๋าของ Taipei main station
วันนี้เราตั้งใจไปกินมื้อเช้าควบเที่ยงที่ร้านบะหมี่ที่เราเดินผ่านเมื่อวันที่สอง ที่เห็นคุณลุงกับคุณป้านั่งห่อเกี๊ยวกันอยู่ แต่ระหว่างทางที่เดินไป ดันไปสะดุดตากับร้านขายเครื่องเขียนขนาดใหญ่ ชื่อว่า Tien Chiao Shih ChongQing South Store ตั้งอยู่ถัดจากโรงแรมที่เราพักไปไม่กี่คูหา คุณผู้หญิงจึงถูกมนต์สะกดของร้านนี้นำพาเข้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พิกัดร้านหนังสือ&เครื่องเขียน Tien Chiao Shih ChongQing South Store :
https://maps.app.goo.gl/FwZuhSvSuBF5QGMx8
โซนขายหนังสือเหมือนร้านนายอินทร์หรือซีเอ็ดบุ๊คเลย
เป็นร้านที่ขายทั้งเครื่องเขียน ตุ๊กตา ของจิปาถะต่าง ๆ คล้ายกับร้าน moshi moshi มีทั้งหมดขนาด 4 ชั้น โดยชั้นที่ 1 - 2 เป็นโซนขายหนังสือทั่วไป ชั้น 3 - 4 เป็นโซนเครื่องเขียนและของจิปาถะต่าง ๆ ระหว่างบันไดทางเดินขึ้น ก็มีของประดับตกแต่งความงามสำหรับสุภาพสตรีเรียงรายเต็มไปหมด ทั้งยางรัดผม กิ๊ปหนีบผม ถุงเท้าลายการ์ตูน เราใช้เวลาตรงนี้ร่วม ๆ หนึ่งชั่วโมง ได้ถุงเท้าลายน้อง Hangyodon และได้โมจิไส้ชาไข่มุกมา 1 กล่อง ที่เราเจอว่าขายที่คาร์ฟูร์ในราคา 99 NTD แต่มาขายที่ร้านเครื่องเขียน ราคาเพียง 49 NTD เพราะฉะนั้นใครจะซื้อขนมเป็นของฝาก ลองหาดูตามร้านขายของเล็ก ๆ ดูก่อน อาจจะได้ราคาที่ย่อมเยากว่า
ของจิปาถะ น่ารักๆเพียบ
จากนั้นเราจึงเดินไปร้านบะหมี่ที่เราปักหมุดไว้ ดูแล้วเป็นร้านบะหมี่ท้องถิ่น ที่นักท่องเที่ยวไม่รู้จักมากนัก โดยภายในร้านแทบไม่มีภาษาอังกฤษเลย ตั้งแต่ป้ายน่าร้านไปจนถึงใบเมนูที่สั่ง เราต้องใช้ Google translate ในการอ่านเมนูทุกอย่าง
เมนูภาษาจีนล้วนเลยจ้า หยิบมือถือมาแปลรัวๆ
ร้านนี้เหมือนเป็นร้านบะหมี่ทำเอง เกี๊ยวห่อเอง ชามละเกือบ ๆ 100 NTD บริเวณกลางร้านมีเครื่องเคียงเป็นจานเล็ก ๆ วางไว้เรียงราย ใส่จานเล็กๆ คล้ายพวกร้านติ่มซำ สามารถไปหยิบได้เอง จานละ 35 NTD เราจึงสั่งบะหมี่เกี๊ยวมาคนละชาม คุณผู้หญิงหยิบเครื่องเคียงเป็นผักสีเขียวซอย คล้ายกับใบกุยช่าย ส่วนผมหยิบไข่และเต้าหู้ต้มสมุนไพร คล้ายกับไข่พะโล้มาก ๆ พอได้ลองกินคำแรก มันก็คือไข่พะโล้และเต้าหู้ในไข่พะโล้จริง ๆ นั่นแหละ ส่วนบะหมี่นั้นชามใหญ่มาก ใส่เกี๊ยวมาให้ประมาณ 4 ชิ้น แต่รสชาติก็เป็นสไตล์เดิมนั่นคือ รสชาติมาแบบน้ำซุปเปล่าๆ จืด ๆ ต้องนำมาปรุงเปรี้ยว ปรุงเผ็ด ตามสไตล์อร่อยทุกถุงเพราะปรุงเอง
ในส่วนของรสสัมผัสของเส้นบะหมี่นั้นเหนียวนุ่มมาก รวมไปถึงเกี๊ยวก็ไม่แข็งเลย ถือว่าเป็นร้านลับร้านนึงเลยทีเดียว เพราะคนที่มากิน ดูจะมีแต่หนุ่มสาวไต้หวันที่ทำงานแถวนั้น แล้วแวะมากินมื้อเที่ยงกัน แทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย
พิกัดร้านบะหมี่ :
https://maps.app.goo.gl/2UDtg2XoTpb3N6m49
อร่อยเกินคาดไปเลยพ่ออออ
อิ่มท้องมื้อเที่ยงควบเช้าแล้ว ก็ไปต่อที่สถานีชาไข่มุกสุดท้ายประจำทริปของเรา นั่นคือร้าน 50 Lan ซึ่งอยู่ถัดจากร้านบะหมี่ไปไม่เท่าไร ซึ่งเวลาที่เราไปนั้นเหมือนเป็นช่วงพักเที่ยงของชาวออฟฟิศแถวนั้น มีหนุ่มสาวออฟฟิศมาต่อคิวกันเพียบ คนที่นี่คงกินชาไข่มุกแทนกาแฟเป็นแน่แท้ เราสั่งมาแล้วลองชิมดู รสชาติถือว่าอร่อยกว่าร้านอื่น ๆ ที่เคยสั่งมา มีกลิ่นชาชัดกว่าร้านอื่น ๆ ดันมาเจอร้านถูกใจในวันสุดท้าย แถมอยู่ใกล้ที่พักเสียด้วย
ร้านชา 50 Lan คนต่อคิวเพียบ เพราะเป็นตอนเที่ยงพอดี
จากนั้นเราจึงเดินไปรับกระเป๋าเดินทางของเรา โบกมือลาที่พักที่ให้บริการเรามาตลอด 4 คืน และเตรียมตัวเดินทางสู่สนามบินเถาหยวน กำหนดการของเราคือ ไฟลท์บินออกจากไต้หวันเวลา 18.35 น. เราจึงคาดการณ์ไว้ว่าควรไปถึงสนามบินประมาณ 15.00 น. เผื่อเหลือเผื่อขาด และเผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เราจึงช่วยกันลากกระเป๋าที่ตอนนี้หนักขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับขามา
เราเดินลงทางเชื่อมใต้ดินไปยังรถไฟฟ้าสู่สนามบินเถาหยวน บริเวณทางใต้ดินของ Taipei main station มีข้อดีคือ มีทางลงสู่ใต้ดินเยอะมาก ๆ ประมาณ 6 - 7 ทาง และทุกทางจะเชื่อมถึงกันหมด คล้ายกับรังมด และสามารถเดินไปขึ้น MRT สายต่าง ๆ ในไทเป หรือ MRT มุ่งสู่สนามบิน เป็นข้อดีเวลาฝนตกหรืออากาศหนาว เราเดินลงมาสู่ทางใต้ดิน เดินลัดเลาะไปตามป้ายบอกทางมุ่งสู่ MRT ที่จะไปสนามบินเถาหยวน ก่อนจากลาเมืองไทเป เรารบกวนให้คุณพี่บูธ
ประชาสัมพันธ์ถ่ายรูปของเราสองคนเป็นที่ระลึกก่อนโบกมือลา คุณพี่ใจดีมากๆ
คุณพี่ประชาสัมพันธ์บริเวณสถานีรถไฟฟ้า Taipei main station มุ่งหน้าสนามบินเถาหยวน อัธยาศัยดีมากๆ
ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ในการนั่งรถจากไทเปสู่สนามบินเถาหยวน นั่งรถขบวน Express สีม่วง เช่นเดียวกับขามา ที่จะจอดเพียงแค่ 3 สถานีเท่านั้น ระหว่างทางเราได้ลองใช้เวลาสังเกตรายละเอียดบ้านเมืองแถบชนบทดู เพราะขามาวันแรกนั้น เรามัวแต่ตื่นเต้นกับสิ่งรอบตัวจนไม่ได้ชมบรรยากาศภายนอกเลย
ชนบทนอกเมืองไทเปดูค่อนข้างมีความสะอาด และยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก บางจุดที่เป็นโซนทุ่งนา ก็ยังมีไฟจราจรและทางม้าลายเหมือนกับในเมือง จึงคิดว่าวินัยจราจรของที่นี่น่าจะสูงมาก ๆ แต่ถึงแม้จะเป็นโซนนอกเมืองที่มีทุ่งนาป่าเขาก็ตาม ก็ยังมีสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของความเจริญอย่างร้านสะดวกซื้ออยู่อย่างต่อเนื่อง
เรามองวิวมองบรรยากาศไปเพลิน ๆ แปปเดียวก็มาถึงแล้ว สนามบินเถาหยวนแล้ว
บรรยากาศระหว่างทางไปสนามบิน เป็นป่าสลับเมือง สลับทุ่งนาอย่างต่อเนื่อง
เรามาถึงตามเวลาที่คาดการณ์ไว้ คือประมาณ 15.00 น. จึงลากกระเป๋าไปนั่งรอเช็คอินกัน ซึ่งจะสามารถเช็คอินได้เวลา 16.35 น. (ก่อนเครื่องขึ้น 2 ชั่วโมง) เรานั่งงีบหลับรอจนถึงเวลา จึงเดินไปที่เคาน์เตอร์เช็คอิน เนื่องจากขามาจากสนามบินดอนเมืองนั้น เราสามารถเดินไปโหลดกระเป๋าพร้อมเช็คอินได้ในครั้งเดียว
แต่เมื่อเราเดินมาเรื่อย ๆ ก็ต้องตกใจกับแถวที่ยาวมาก ๆ ยาวหลายสิบเมตรเลยทีเดียว เราจึงเดินไปที่ต้นแถว พบว่ามีแถวสั้น ๆ อีกแถวที่อยู่คู่กับแถวยาว มุ่งไปสู่เคาน์เตอร์เช็คอินบริเวณเดียวกัน จึงลองสอบถาม รปภ. จึงได้ทราบว่า แถวยาวนั้น เป็นแถวสำหรับคนที่ยังไม่ได้เช็คอินผ่านตู้ self check in แถวสั้นสำหรับผู้โดยสารที่เช็คอินผ่าน self check in แล้ว เราจึงเดินไป self check in ก่อน แล้วจึงมาต่อแถวสั้น เพื่อรอโหลดกระเป๋า เพราะฉะนั้น สำหรับท่านใดที่ไม่ได้มากับทัวร์ แนะนำให้ไป self check in แล้วไปต่อคิวชั่งน้ำหนักได้เลย จะสะดวกมาก
ชั่งน้ำหนัก ตรวจกระเป๋าผ่านเรียบร้อย ต้องบอกก่อนว่าเคาน์เตอร์ Air Asia ของที่ไต้หวันนั้น เราอาจจะต้องบริการตัวเองนิดนึง โดยการยกกระเป๋าเอง ติด Tag กระเป๋าเอง เนื่องจากคนค่อนข้างเยอะ และพนักงานมีน้อย จากนั้นจึงเดินไป ผ่าน ตม. ฉลุย แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เคยใจดีกับเราซักเท่าไหร่ gate ที่เราต้องไปขึ้นคืออยู่เป็น gate สุดท้ายของสนามบิน เดินค่อนข้างไกลเหมือนกัน
เราเดินไป พร้อมกับมองหาตู้กดน้ำ ที่เราจะใช้ผลาญเหรียญสกุลไต้หวันออกให้หมด เพราะเหรียญแลกคืนไม่ได้ เรากดน้ำกดขนมถุงไร้สาระมานั่งกินรองท้องกัน เพราะไม่อยากจะกินมื้อใหญ่เกินไป เนื่องจากเราจองมื้อเย็นของ Air Asia ไว้กินบนเครื่องเรียบร้อยแล้ว
กดขนมกับน้ำอัดลมมากินเล่น รสชาติอร่อยแบบไม่มีประโยชน์ดีจริงๆ
จากนั้นจึงแวะมาดูโซนร้านของฝาก Duty free ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ส่วนมากจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ และใบชาเสียเป็นส่วนมาก เราจึงกลับมานั่งรอหน้า gate แลกเปลี่ยนมุมมองของการมาเที่ยวครั้งนี้ไปด้วยกัน จนถึงเวลาขึ้นเครื่อง เราขึ้นไปนั่งรอบนเครื่อง โดยในวันนี้ เครื่องจำเป็นต้องดีเลย์ออกไปประมาณ 30 นาที เนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี กอปรกับลมค่อนข้างแรง กว่ากัปตันจะนำเครื่องขึ้นได้ ก็เป็นเวลาประมาณ 19.00 น.
มื้อเย็นบนฟ้าของเรา เครื่องสั่นจนถ่ายภาพชัดๆไม่ได้
ระหว่างการเดินทางกัปตันประกาศเป็นระยะว่า เครื่องอาจมีการสั่นบ้าง เนื่องจากมีฝนตกและลมแรง ไฟเตือนให้คาดเข็มขัดปรากฏขึ้นมา 2 - 3 ครั้ง ให้ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่สุดท้ายเราก็มาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง เวลาประมาณ 4 ทุ่ม
จบทริปโดยสวัสดิภาพ ตั้งใจว่าอยากจะไปอีก ไต้หวันเป็นสถานที่ที่เดินทางง่าย สะดวก เหมาะกับใครที่เพิ่งไปต่างประเทศครั้งแรก มีทักษะภาษาอังกฤษพื้นฐาน ก็สามารถไปได้แล้ว
บ๊ายบายไต้หวัน ไว้พบกันใหม่แน่นอน
Taiwan 1st time [Day 5/5]
Day 5/5 Last Day
**สามารถติดตาม Taiwan 1st time ใน 4 วันแรก ได้ที่นี่เลยครับ**
Day 1 : https://pantip.com/topic/43891637
Day 2 : https://pantip.com/topic/43892663
Day 3 : https://pantip.com/topic/43896224
Day 4 : https://pantip.com/topic/43896733
วันนี้เป็นวันเดินทางกลับของเราแล้ว ห้าวันผ่านไปไวเหมือนโกหก เราจัดกระเป๋า จัดการยัดของฝาก แชร์น้ำหนักกระเป๋ากันเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืน นั่งกิน นั่งดื่ม นั่งพูดคุยกันประหนึ่งว่าไม่อยากให้ค่ำคืนสุดท้ายผ่านพ้นไปไวนัก แต่เวลาและวารีไม่เคยรอใคร เช้านี้เราจึงตื่นกันแบบสบาย ๆ ประมาณ 09.00 น. อาบน้ำ เก็บของที่เหลือแบบไม่เร่งรีบนัก เราใช้เวลาที่โรงแรม Re - Change กันจนถึง 11.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเช็คเอาท์ ซึ่งโรงแรมนี้ดีตรงที่ถึงแม้เราจะเช็คเอาท์แล้ว เรายังสามารถฝากกระเป๋าไว้ที่เคาน์เตอร์ได้ เพื่อไปเดินเที่ยว เดินหาของกินก่อนจะไปสนามบิน จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินที่ตู้ฝากกระเป๋าของ Taipei main station
วันนี้เราตั้งใจไปกินมื้อเช้าควบเที่ยงที่ร้านบะหมี่ที่เราเดินผ่านเมื่อวันที่สอง ที่เห็นคุณลุงกับคุณป้านั่งห่อเกี๊ยวกันอยู่ แต่ระหว่างทางที่เดินไป ดันไปสะดุดตากับร้านขายเครื่องเขียนขนาดใหญ่ ชื่อว่า Tien Chiao Shih ChongQing South Store ตั้งอยู่ถัดจากโรงแรมที่เราพักไปไม่กี่คูหา คุณผู้หญิงจึงถูกมนต์สะกดของร้านนี้นำพาเข้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พิกัดร้านหนังสือ&เครื่องเขียน Tien Chiao Shih ChongQing South Store : https://maps.app.goo.gl/FwZuhSvSuBF5QGMx8
โซนขายหนังสือเหมือนร้านนายอินทร์หรือซีเอ็ดบุ๊คเลย
เป็นร้านที่ขายทั้งเครื่องเขียน ตุ๊กตา ของจิปาถะต่าง ๆ คล้ายกับร้าน moshi moshi มีทั้งหมดขนาด 4 ชั้น โดยชั้นที่ 1 - 2 เป็นโซนขายหนังสือทั่วไป ชั้น 3 - 4 เป็นโซนเครื่องเขียนและของจิปาถะต่าง ๆ ระหว่างบันไดทางเดินขึ้น ก็มีของประดับตกแต่งความงามสำหรับสุภาพสตรีเรียงรายเต็มไปหมด ทั้งยางรัดผม กิ๊ปหนีบผม ถุงเท้าลายการ์ตูน เราใช้เวลาตรงนี้ร่วม ๆ หนึ่งชั่วโมง ได้ถุงเท้าลายน้อง Hangyodon และได้โมจิไส้ชาไข่มุกมา 1 กล่อง ที่เราเจอว่าขายที่คาร์ฟูร์ในราคา 99 NTD แต่มาขายที่ร้านเครื่องเขียน ราคาเพียง 49 NTD เพราะฉะนั้นใครจะซื้อขนมเป็นของฝาก ลองหาดูตามร้านขายของเล็ก ๆ ดูก่อน อาจจะได้ราคาที่ย่อมเยากว่า
ของจิปาถะ น่ารักๆเพียบ
จากนั้นเราจึงเดินไปร้านบะหมี่ที่เราปักหมุดไว้ ดูแล้วเป็นร้านบะหมี่ท้องถิ่น ที่นักท่องเที่ยวไม่รู้จักมากนัก โดยภายในร้านแทบไม่มีภาษาอังกฤษเลย ตั้งแต่ป้ายน่าร้านไปจนถึงใบเมนูที่สั่ง เราต้องใช้ Google translate ในการอ่านเมนูทุกอย่าง
เมนูภาษาจีนล้วนเลยจ้า หยิบมือถือมาแปลรัวๆ
ร้านนี้เหมือนเป็นร้านบะหมี่ทำเอง เกี๊ยวห่อเอง ชามละเกือบ ๆ 100 NTD บริเวณกลางร้านมีเครื่องเคียงเป็นจานเล็ก ๆ วางไว้เรียงราย ใส่จานเล็กๆ คล้ายพวกร้านติ่มซำ สามารถไปหยิบได้เอง จานละ 35 NTD เราจึงสั่งบะหมี่เกี๊ยวมาคนละชาม คุณผู้หญิงหยิบเครื่องเคียงเป็นผักสีเขียวซอย คล้ายกับใบกุยช่าย ส่วนผมหยิบไข่และเต้าหู้ต้มสมุนไพร คล้ายกับไข่พะโล้มาก ๆ พอได้ลองกินคำแรก มันก็คือไข่พะโล้และเต้าหู้ในไข่พะโล้จริง ๆ นั่นแหละ ส่วนบะหมี่นั้นชามใหญ่มาก ใส่เกี๊ยวมาให้ประมาณ 4 ชิ้น แต่รสชาติก็เป็นสไตล์เดิมนั่นคือ รสชาติมาแบบน้ำซุปเปล่าๆ จืด ๆ ต้องนำมาปรุงเปรี้ยว ปรุงเผ็ด ตามสไตล์อร่อยทุกถุงเพราะปรุงเอง
ในส่วนของรสสัมผัสของเส้นบะหมี่นั้นเหนียวนุ่มมาก รวมไปถึงเกี๊ยวก็ไม่แข็งเลย ถือว่าเป็นร้านลับร้านนึงเลยทีเดียว เพราะคนที่มากิน ดูจะมีแต่หนุ่มสาวไต้หวันที่ทำงานแถวนั้น แล้วแวะมากินมื้อเที่ยงกัน แทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย
พิกัดร้านบะหมี่ : https://maps.app.goo.gl/2UDtg2XoTpb3N6m49
อร่อยเกินคาดไปเลยพ่ออออ
อิ่มท้องมื้อเที่ยงควบเช้าแล้ว ก็ไปต่อที่สถานีชาไข่มุกสุดท้ายประจำทริปของเรา นั่นคือร้าน 50 Lan ซึ่งอยู่ถัดจากร้านบะหมี่ไปไม่เท่าไร ซึ่งเวลาที่เราไปนั้นเหมือนเป็นช่วงพักเที่ยงของชาวออฟฟิศแถวนั้น มีหนุ่มสาวออฟฟิศมาต่อคิวกันเพียบ คนที่นี่คงกินชาไข่มุกแทนกาแฟเป็นแน่แท้ เราสั่งมาแล้วลองชิมดู รสชาติถือว่าอร่อยกว่าร้านอื่น ๆ ที่เคยสั่งมา มีกลิ่นชาชัดกว่าร้านอื่น ๆ ดันมาเจอร้านถูกใจในวันสุดท้าย แถมอยู่ใกล้ที่พักเสียด้วย
ร้านชา 50 Lan คนต่อคิวเพียบ เพราะเป็นตอนเที่ยงพอดี
จากนั้นเราจึงเดินไปรับกระเป๋าเดินทางของเรา โบกมือลาที่พักที่ให้บริการเรามาตลอด 4 คืน และเตรียมตัวเดินทางสู่สนามบินเถาหยวน กำหนดการของเราคือ ไฟลท์บินออกจากไต้หวันเวลา 18.35 น. เราจึงคาดการณ์ไว้ว่าควรไปถึงสนามบินประมาณ 15.00 น. เผื่อเหลือเผื่อขาด และเผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เราจึงช่วยกันลากกระเป๋าที่ตอนนี้หนักขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับขามา
เราเดินลงทางเชื่อมใต้ดินไปยังรถไฟฟ้าสู่สนามบินเถาหยวน บริเวณทางใต้ดินของ Taipei main station มีข้อดีคือ มีทางลงสู่ใต้ดินเยอะมาก ๆ ประมาณ 6 - 7 ทาง และทุกทางจะเชื่อมถึงกันหมด คล้ายกับรังมด และสามารถเดินไปขึ้น MRT สายต่าง ๆ ในไทเป หรือ MRT มุ่งสู่สนามบิน เป็นข้อดีเวลาฝนตกหรืออากาศหนาว เราเดินลงมาสู่ทางใต้ดิน เดินลัดเลาะไปตามป้ายบอกทางมุ่งสู่ MRT ที่จะไปสนามบินเถาหยวน ก่อนจากลาเมืองไทเป เรารบกวนให้คุณพี่บูธ
ประชาสัมพันธ์ถ่ายรูปของเราสองคนเป็นที่ระลึกก่อนโบกมือลา คุณพี่ใจดีมากๆ
คุณพี่ประชาสัมพันธ์บริเวณสถานีรถไฟฟ้า Taipei main station มุ่งหน้าสนามบินเถาหยวน อัธยาศัยดีมากๆ
ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ในการนั่งรถจากไทเปสู่สนามบินเถาหยวน นั่งรถขบวน Express สีม่วง เช่นเดียวกับขามา ที่จะจอดเพียงแค่ 3 สถานีเท่านั้น ระหว่างทางเราได้ลองใช้เวลาสังเกตรายละเอียดบ้านเมืองแถบชนบทดู เพราะขามาวันแรกนั้น เรามัวแต่ตื่นเต้นกับสิ่งรอบตัวจนไม่ได้ชมบรรยากาศภายนอกเลย
ชนบทนอกเมืองไทเปดูค่อนข้างมีความสะอาด และยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก บางจุดที่เป็นโซนทุ่งนา ก็ยังมีไฟจราจรและทางม้าลายเหมือนกับในเมือง จึงคิดว่าวินัยจราจรของที่นี่น่าจะสูงมาก ๆ แต่ถึงแม้จะเป็นโซนนอกเมืองที่มีทุ่งนาป่าเขาก็ตาม ก็ยังมีสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของความเจริญอย่างร้านสะดวกซื้ออยู่อย่างต่อเนื่อง
เรามองวิวมองบรรยากาศไปเพลิน ๆ แปปเดียวก็มาถึงแล้ว สนามบินเถาหยวนแล้ว
บรรยากาศระหว่างทางไปสนามบิน เป็นป่าสลับเมือง สลับทุ่งนาอย่างต่อเนื่อง
เรามาถึงตามเวลาที่คาดการณ์ไว้ คือประมาณ 15.00 น. จึงลากกระเป๋าไปนั่งรอเช็คอินกัน ซึ่งจะสามารถเช็คอินได้เวลา 16.35 น. (ก่อนเครื่องขึ้น 2 ชั่วโมง) เรานั่งงีบหลับรอจนถึงเวลา จึงเดินไปที่เคาน์เตอร์เช็คอิน เนื่องจากขามาจากสนามบินดอนเมืองนั้น เราสามารถเดินไปโหลดกระเป๋าพร้อมเช็คอินได้ในครั้งเดียว
แต่เมื่อเราเดินมาเรื่อย ๆ ก็ต้องตกใจกับแถวที่ยาวมาก ๆ ยาวหลายสิบเมตรเลยทีเดียว เราจึงเดินไปที่ต้นแถว พบว่ามีแถวสั้น ๆ อีกแถวที่อยู่คู่กับแถวยาว มุ่งไปสู่เคาน์เตอร์เช็คอินบริเวณเดียวกัน จึงลองสอบถาม รปภ. จึงได้ทราบว่า แถวยาวนั้น เป็นแถวสำหรับคนที่ยังไม่ได้เช็คอินผ่านตู้ self check in แถวสั้นสำหรับผู้โดยสารที่เช็คอินผ่าน self check in แล้ว เราจึงเดินไป self check in ก่อน แล้วจึงมาต่อแถวสั้น เพื่อรอโหลดกระเป๋า เพราะฉะนั้น สำหรับท่านใดที่ไม่ได้มากับทัวร์ แนะนำให้ไป self check in แล้วไปต่อคิวชั่งน้ำหนักได้เลย จะสะดวกมาก
ชั่งน้ำหนัก ตรวจกระเป๋าผ่านเรียบร้อย ต้องบอกก่อนว่าเคาน์เตอร์ Air Asia ของที่ไต้หวันนั้น เราอาจจะต้องบริการตัวเองนิดนึง โดยการยกกระเป๋าเอง ติด Tag กระเป๋าเอง เนื่องจากคนค่อนข้างเยอะ และพนักงานมีน้อย จากนั้นจึงเดินไป ผ่าน ตม. ฉลุย แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เคยใจดีกับเราซักเท่าไหร่ gate ที่เราต้องไปขึ้นคืออยู่เป็น gate สุดท้ายของสนามบิน เดินค่อนข้างไกลเหมือนกัน
เราเดินไป พร้อมกับมองหาตู้กดน้ำ ที่เราจะใช้ผลาญเหรียญสกุลไต้หวันออกให้หมด เพราะเหรียญแลกคืนไม่ได้ เรากดน้ำกดขนมถุงไร้สาระมานั่งกินรองท้องกัน เพราะไม่อยากจะกินมื้อใหญ่เกินไป เนื่องจากเราจองมื้อเย็นของ Air Asia ไว้กินบนเครื่องเรียบร้อยแล้ว
กดขนมกับน้ำอัดลมมากินเล่น รสชาติอร่อยแบบไม่มีประโยชน์ดีจริงๆ
จากนั้นจึงแวะมาดูโซนร้านของฝาก Duty free ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ส่วนมากจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ และใบชาเสียเป็นส่วนมาก เราจึงกลับมานั่งรอหน้า gate แลกเปลี่ยนมุมมองของการมาเที่ยวครั้งนี้ไปด้วยกัน จนถึงเวลาขึ้นเครื่อง เราขึ้นไปนั่งรอบนเครื่อง โดยในวันนี้ เครื่องจำเป็นต้องดีเลย์ออกไปประมาณ 30 นาที เนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี กอปรกับลมค่อนข้างแรง กว่ากัปตันจะนำเครื่องขึ้นได้ ก็เป็นเวลาประมาณ 19.00 น.
มื้อเย็นบนฟ้าของเรา เครื่องสั่นจนถ่ายภาพชัดๆไม่ได้
ระหว่างการเดินทางกัปตันประกาศเป็นระยะว่า เครื่องอาจมีการสั่นบ้าง เนื่องจากมีฝนตกและลมแรง ไฟเตือนให้คาดเข็มขัดปรากฏขึ้นมา 2 - 3 ครั้ง ให้ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่สุดท้ายเราก็มาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง เวลาประมาณ 4 ทุ่ม
จบทริปโดยสวัสดิภาพ ตั้งใจว่าอยากจะไปอีก ไต้หวันเป็นสถานที่ที่เดินทางง่าย สะดวก เหมาะกับใครที่เพิ่งไปต่างประเทศครั้งแรก มีทักษะภาษาอังกฤษพื้นฐาน ก็สามารถไปได้แล้ว
บ๊ายบายไต้หวัน ไว้พบกันใหม่แน่นอน