วิศวกร A: เฮ้ยนาย เรามาสร้างปืนที่ล้ำยุคสุดๆ กันเถอะ เอาทรงอวกาศ ยิงรัวเร็วๆ แล้วก็มีโหมด ยิงชุดละ 3 นัด เพื่อความแม่นยำ!
วิศวกร B: ไอเดียเจ๋งครับลูกพี่! แล้วแม็กกาซีนจะให้จุกี่นัดดีครับ? 30 นัดตามมาตรฐานนาโต้ไหม?
วิศวกร A: ไม่เท่... เอาแบบตรงๆ เหลี่ยมๆ จุ 25 นัดพอ
วิศวกร B: เดี๋ยวนะพี่...
วิศวกร A: นั่นแหละศิลปะ!
และนี่คือเรื่องที่น่าจะจริงของ FAMAS F1 ปืนไรเฟิลจู่โจมประจำกายของกองทัพฝรั่งเศส หรือที่ทหารเรียกกันติดปากว่า เลอ แคลรอน (Le Clairon) ที่แปลว่า แตรเดี่ยว เพราะหูหิ้วรูปทรงประหลาดของมัน
ความ Unique ที่โลกต้องจำ FAMAS เกิดขึ้นในยุคปลาย 70s ด้วยแนวคิดที่ต้องการปืนสั้นกะทัดรัดแต่ลำกล้องยาว จึงออกมาเป็นทรง Bullpup (ซองกระสุนอยู่หลังไกปืน) ที่โดดเด่นสุดๆ คือมันมาพร้อม Bipod ในตัวทุกกระบอก ซึ่งหาไม่ได้ในปืนจู่โจมทั่วไป และระบบการทำงานแบบ Lever-Delayed Blowback ที่ทำให้มันรัวกระสุนได้เร็วนรกแตกถึง 1,000 นัดต่อนาที
ปริศนาคณิตศาสตร์ในสนามรบ สิ่งที่ทำให้คนยิงปวดหัวที่สุดคือระบบบริหารจัดการกระสุนในรุ่น F1 ปืนมีโหมดจำกัดการยิงชุดละ 3 นัด เพื่อประหยัดกระสุน แต่ดันให้แม็กกาซีนความจุ 25 นัด มาให้
ผลลัพธ์คือ เมื่อทหารเหนี่ยวไกยิงชุด 3 นัด ไปเรื่อยๆ 3... 3... 3... ครบ 8 ชุด (เท่ากับ 24 นัด) กระสุนในรังเพลิงจะเหลือ 1 นัดสุดท้าย พอกดไกครั้งที่ 9 ปืนจะยิง ปัง! แค่นัดเดียว แล้วลูกเลื่อนก็จะค้างเพราะกระสุนหมด
ความรู้สึกมันเหมือนเราวิ่งมาเต็มสปีดแล้วสะดุดยอดหญ้าตอนจบ ทหารหลายคนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะงงว่า ปืนขัดลำกล้องหรือเปล่า? หรือกระสุนหมดจริงไหม? แต่จริงๆ แล้วมันคือความ อินดี้ ของการออกแบบล้วนๆ
ประวัติการพัฒนา: จากความต้องการสู่สัญลักษณ์ของชาติ
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสต้องการปืนไรเฟิลรุ่นใหม่เพื่อมาแทนที่ปืนรุ่นเก่าอย่าง MAS-49/56 และปืนกลมือ MAT-49 โดยมีโจทย์สำคัญคือ:
ต้องเป็นปืนที่ทันสมัย ใช้กระสุนขนาด 5.56x45mm NATO

(MAS-49/56)

(MAT-49)
ต้องกะทัดรัด คล่องตัว แต่ยังคงความแม่นยำระยะไกล
โครงการนี้เริ่มขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1960 โดยโรงงานสรรพาวุธ
Saint-Étienne และเข้าประจำการอย่างเป็นทางการในปี 1978 ภายใต้ชื่อรหัส
FAMAS F1 ทหารฝรั่งเศสตั้งชื่อเล่นให้มันทันทีว่า
"Le Clairon" (เลอ แคลรอน) หรือ "แตรเดี่ยว" เพราะรูปทรงของหูหิ้วด้านบนที่ดูคล้ายเครื่องดนตรีนั่นเอง
สู่สมรภูมิเดือด
แม้จะมีตรรกะเรื่องจำนวนกระสุนที่ชวนเกาหัว แต่พอเข้าสู่สนามรบ FAMAS พิสูจน์แล้วว่ามันไม่ใช่ของเล่น มันคือเครื่องจักรสังหารที่ผ่านงานหินที่สุดในโลกมาแล้ว
- ปฏิบัติการในแอฟริกา (ชาด และ ซาอีร์) นี่คือเวทีเปิดตัวที่ทำให้โลกรู้จัก FAMAS ในช่วงยุค 70s-80s ฝรั่งเศสเข้าไปแทรกแซงความขัดแย้งในอดีตอาณานิคม ด้วยอัตราการยิงที่เร็วระดับนรกแตก (ประมาณ 1,000 นัด/นาที) เสียงของมันข่มขวัญกองกำลังติดอาวุธฝ่ายตรงข้ามได้ชะงัด ทหารฝรั่งเศสใช้ความคล่องตัวของปืนทรง Bullpup กระโดดลงจากรถบรรทุกและเฮลิคอปเตอร์เข้ากวาดล้างพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว
- สงครามอ่าว (Operation Daguet 1990-1991) บททดสอบที่โหดร้ายที่สุด FAMAS ต้องเจอกับ ทรายทะเลทราย ที่มีความละเอียดสูง ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของระบบกลไก แม้จะมีปัญหาเรื่องทรายเข้าปืนและการขัดลำกล้องบ้างถ้าดูแลไม่ดี แต่ความแม่นยำระยะไกลด้วยลำกล้องที่ยาว และ ขาทราย (Bipod) ที่ติดมากับตัวปืน ทำให้ทหารฝรั่งเศสสามารถยิงกดดันข้าศึกในพื้นที่โล่งกว้างได้ดีเยี่ยม
- สงครามบอสเนียและโคโซโว (ยุค 90s) ในภารกิจรักษาสันติภาพและการรบในเมือง (Urban Warfare) รูปทรง Bullpup ที่สั้นกะทัดรัดฉายแสงอย่างมาก ทหารสามารถถือ FAMAS เคลื่อนที่ผ่านซากปรักหักพัง เข้าเคลียร์ตึกแคบๆ หรือเล็งยิงจากหน้าต่างรถหุ้มเกราะ VAB ได้สะดวกกว่าปืนทรงยาวๆ ของชาติอื่น เป็นยุคที่เห็นภาพทหารหมวกฟ้าถือ FAMAS ออกสื่อบ่อยที่สุด
- อัฟกานิสถาน (สงครามต่อต้านการก่อการร้าย) สมรภูมิภูเขาอันโหดหิน ทหารฝรั่งเศสต้องปะทะกับกลุ่มตาลีบันในระยะไกล FAMAS รุ่นปรับปรุงถูกนำมาใช้พร้อมกล้องเล็งที่ทันสมัยขึ้น แม้จะมีดราม่าเรื่องกระสุน (ที่รุ่น F1 เลือกกินแต่ปลอกเหล็ก) จนต้องมีการจัดหาปืนรุ่นอื่นมาเสริม แต่ FAMAS ก็ยังเป็นม้างานหลักที่พาเหล่าทหารผ่านการซุ่มโจมตีในหุบเขาอูซบิน (Uzbin Valley) มาได้
- ปฏิบัติการ Serval ในมาลี (2013) การรบแบบสายฟ้าแลบ ทหารฝรั่งเศสโดดร่มลงพื้นที่พร้อม FAMAS เพื่อสกัดกั้นกลุ่มก่อการร้ายที่กำลังบุกยึดเมืองหลวง ที่นี่ FAMAS แสดงศักยภาพในการยิงต่อสู้ระยะประชิดผสมผสานกับการเคลื่อนที่เร็วได้อย่างสมบูรณ์แบบ
FAMAS F1 Tech Specs
1. อัตราการยิงนรกแตก: 900 - 1,100 นัด/นาที ในขณะที่ AK-47 ยิงต้วมเตี้ยมที่ 600 นัด/นาที หรือ M16 อยู่ที่ประมาณ 700-900 นัด/นาที แต่ FAMAS F1 รัวได้เร็วกว่านั้นมาก เสียงของมันเวลาฟูลออโต้จึงไม่ใช่ ปัง-ปัง-ปัง แต่เหมือนเสียง ผ้าใบฉีกแคว่ก ยาวๆ อำนาจหยุดยั้งระยะประชิดคือที่สุด
2. ความเร็วปากลำกล้องระดับ Mach 2.8: 960 เมตร/วินาที ด้วยความที่เป็น Bullpup ทำให้ลำกล้องยาวรีดศักยภาพกระสุนได้เต็มที่ กระสุน 5.56mm วิ่งออกจากปากกระบอกด้วยความเร็วเกือบ 1 กิโลเมตรต่อวินาที วิถีกระสุนจึงราบเรียบ (Flat trajectory) เล็งง่ายและถึงเป้าหมายไวมาก
3. เวทมนตร์แห่งความยาว: 75.7 ซม. vs 48.8 ซม. นี่คือความเจ๋งของ Bullpup
- ความยาวปืนรวม: 75.7 เซนติเมตร (สั้นกุด พกพาง่าย)
- ความยาวลำกล้อง: 48.8 เซนติเมตร (ยาวเกือบเท่าปืนไรเฟิลมาตรฐาน) มันคือการยัดปืนยาวใส่ลงไปในบอดี้ปืนสั้น ทำให้ได้ความแม่นยำระดับสไนเปอร์ในขนาดตัวเท่าปืนกลมือ
4. พลังยิงลูกระเบิด: 500 กรัม FAMAS สามารถยิงลูกระเบิดจากปากลำกล้อง (Rifle Grenade) ได้โดยไม่ต้องติดเครื่องยิงเพิ่ม รองรับลูกระเบิดหนักถึง 500 กรัม ยิงทำลายรถหุ้มเกราะหรือบังเกอร์ได้ในระยะหวังผล เป็นปืนใหญ่พกพาของทหารราบอย่างแท้จริง
5. เกลียวลำกล้องผู้เลือกกิน: 1:12 อัตราการหมุนของเกลียวในรุ่น F1 คือ 1 รอบต่อระยะ 12 นิ้ว ออกแบบมาเพื่อกระสุน M193 (55 เกรน) โดยเฉพาะ นี่คือเหตุผลที่มัน "เลือกกิน" ถ้าเอากระสุน NATO รุ่นใหม่ (SS109) ที่หนักกว่าไปยิง วิถีกระสุนจะแกว่งและขาดความแม่นยำทันที
6. ตัวเลขเจ้าปัญหา: 25 / 3 = 8 เหลือเศษ 1 แม็กกาซีนจุ 25 นัด ยิงชุดโหมด Burst ชุดละ 3 นัด ได้ 8 ชุดยิง เหลือเศษ 1 นัดสุดท้ายวัดดวง
ในโลกวิดีโอเกม FAMAS คือปืนที่สร้างวีรกรรมของเกมเมอร์หลายล้านคนทั่วโลก
1. Metal Gear Solid: ย้อนกลับไปยุค PS1 ในภาคแรก โซลิด สเนค ถือ FAMAS นี่แหละวิ่งไล่ยิงทหารจีโนม
2. Counter-Strike: ยุค CS 1.6 ถึง CS2 ต้องรู้จัก "Clarion" หรือ FAMAS ในฝั่งตำรวจ (CT)
3. Rainbow Six Siege: ปีศาจแห่งความเร็ว (F2) ในเกมนี้ FAMAS (ในชื่อ F2 ของตัวละคร Twitch) เคยเป็นปืนที่น่ากลัวที่สุดในเกม ยิงเร็วอย่างกับปืนเลเซอร์ ดาเมจก็แรง จนทีมงานต้องเนิร์ฟ (ลดความเก่ง) แล้วเนิร์ฟอีก
4. Call of Duty: ปืนยิงเร็วที่กระสุนหมดไวเหมือนโกหก ในซีรีส์ COD (โดยเฉพาะ Black Ops 1 และ MW) FAMAS มักจะโผล่มาในสองรูปแบบ แบบแรก: ยิงรัว เร็วจัด แต่ดาเมจเบาหวิว ต้องสาดหมดแม็กถึงตาย แบบสอง: ยิงชุด 3 นัด ที่แรงเวอร์ นัดเดียวร่วง (One burst kill) แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนจริงคือ... แม็กกาซีนมันหมดไวมาก!
ปัจจุบัน FAMAS กำลังทยอยถูกปลดประจำการและแทนที่ด้วย HK416F ที่ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่า
แต่เชื่อเถอะว่า ในวงการปืนโลก จะไม่มีใครลืม แตรเดี่ยว หน้าตาล้ำยุคกระบอกนี้แน่นอน

(HK416F)
ปืน FAMAS เมื่อวิศวกรฝรั่งเศสสอบตกวิชาเลข
วิศวกร B: ไอเดียเจ๋งครับลูกพี่! แล้วแม็กกาซีนจะให้จุกี่นัดดีครับ? 30 นัดตามมาตรฐานนาโต้ไหม?
วิศวกร A: ไม่เท่... เอาแบบตรงๆ เหลี่ยมๆ จุ 25 นัดพอ
วิศวกร B: เดี๋ยวนะพี่...
วิศวกร A: นั่นแหละศิลปะ!
และนี่คือเรื่องที่น่าจะจริงของ FAMAS F1 ปืนไรเฟิลจู่โจมประจำกายของกองทัพฝรั่งเศส หรือที่ทหารเรียกกันติดปากว่า เลอ แคลรอน (Le Clairon) ที่แปลว่า แตรเดี่ยว เพราะหูหิ้วรูปทรงประหลาดของมัน
ความ Unique ที่โลกต้องจำ FAMAS เกิดขึ้นในยุคปลาย 70s ด้วยแนวคิดที่ต้องการปืนสั้นกะทัดรัดแต่ลำกล้องยาว จึงออกมาเป็นทรง Bullpup (ซองกระสุนอยู่หลังไกปืน) ที่โดดเด่นสุดๆ คือมันมาพร้อม Bipod ในตัวทุกกระบอก ซึ่งหาไม่ได้ในปืนจู่โจมทั่วไป และระบบการทำงานแบบ Lever-Delayed Blowback ที่ทำให้มันรัวกระสุนได้เร็วนรกแตกถึง 1,000 นัดต่อนาที
ปริศนาคณิตศาสตร์ในสนามรบ สิ่งที่ทำให้คนยิงปวดหัวที่สุดคือระบบบริหารจัดการกระสุนในรุ่น F1 ปืนมีโหมดจำกัดการยิงชุดละ 3 นัด เพื่อประหยัดกระสุน แต่ดันให้แม็กกาซีนความจุ 25 นัด มาให้
ผลลัพธ์คือ เมื่อทหารเหนี่ยวไกยิงชุด 3 นัด ไปเรื่อยๆ 3... 3... 3... ครบ 8 ชุด (เท่ากับ 24 นัด) กระสุนในรังเพลิงจะเหลือ 1 นัดสุดท้าย พอกดไกครั้งที่ 9 ปืนจะยิง ปัง! แค่นัดเดียว แล้วลูกเลื่อนก็จะค้างเพราะกระสุนหมด
ความรู้สึกมันเหมือนเราวิ่งมาเต็มสปีดแล้วสะดุดยอดหญ้าตอนจบ ทหารหลายคนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะงงว่า ปืนขัดลำกล้องหรือเปล่า? หรือกระสุนหมดจริงไหม? แต่จริงๆ แล้วมันคือความ อินดี้ ของการออกแบบล้วนๆ
ประวัติการพัฒนา: จากความต้องการสู่สัญลักษณ์ของชาติ
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสต้องการปืนไรเฟิลรุ่นใหม่เพื่อมาแทนที่ปืนรุ่นเก่าอย่าง MAS-49/56 และปืนกลมือ MAT-49 โดยมีโจทย์สำคัญคือ:
ต้องเป็นปืนที่ทันสมัย ใช้กระสุนขนาด 5.56x45mm NATO
(MAS-49/56)
(MAT-49)
ต้องกะทัดรัด คล่องตัว แต่ยังคงความแม่นยำระยะไกล
โครงการนี้เริ่มขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1960 โดยโรงงานสรรพาวุธ Saint-Étienne และเข้าประจำการอย่างเป็นทางการในปี 1978 ภายใต้ชื่อรหัส FAMAS F1 ทหารฝรั่งเศสตั้งชื่อเล่นให้มันทันทีว่า "Le Clairon" (เลอ แคลรอน) หรือ "แตรเดี่ยว" เพราะรูปทรงของหูหิ้วด้านบนที่ดูคล้ายเครื่องดนตรีนั่นเอง
สู่สมรภูมิเดือด
แม้จะมีตรรกะเรื่องจำนวนกระสุนที่ชวนเกาหัว แต่พอเข้าสู่สนามรบ FAMAS พิสูจน์แล้วว่ามันไม่ใช่ของเล่น มันคือเครื่องจักรสังหารที่ผ่านงานหินที่สุดในโลกมาแล้ว
- ปฏิบัติการในแอฟริกา (ชาด และ ซาอีร์) นี่คือเวทีเปิดตัวที่ทำให้โลกรู้จัก FAMAS ในช่วงยุค 70s-80s ฝรั่งเศสเข้าไปแทรกแซงความขัดแย้งในอดีตอาณานิคม ด้วยอัตราการยิงที่เร็วระดับนรกแตก (ประมาณ 1,000 นัด/นาที) เสียงของมันข่มขวัญกองกำลังติดอาวุธฝ่ายตรงข้ามได้ชะงัด ทหารฝรั่งเศสใช้ความคล่องตัวของปืนทรง Bullpup กระโดดลงจากรถบรรทุกและเฮลิคอปเตอร์เข้ากวาดล้างพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว
- สงครามอ่าว (Operation Daguet 1990-1991) บททดสอบที่โหดร้ายที่สุด FAMAS ต้องเจอกับ ทรายทะเลทราย ที่มีความละเอียดสูง ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของระบบกลไก แม้จะมีปัญหาเรื่องทรายเข้าปืนและการขัดลำกล้องบ้างถ้าดูแลไม่ดี แต่ความแม่นยำระยะไกลด้วยลำกล้องที่ยาว และ ขาทราย (Bipod) ที่ติดมากับตัวปืน ทำให้ทหารฝรั่งเศสสามารถยิงกดดันข้าศึกในพื้นที่โล่งกว้างได้ดีเยี่ยม
- สงครามบอสเนียและโคโซโว (ยุค 90s) ในภารกิจรักษาสันติภาพและการรบในเมือง (Urban Warfare) รูปทรง Bullpup ที่สั้นกะทัดรัดฉายแสงอย่างมาก ทหารสามารถถือ FAMAS เคลื่อนที่ผ่านซากปรักหักพัง เข้าเคลียร์ตึกแคบๆ หรือเล็งยิงจากหน้าต่างรถหุ้มเกราะ VAB ได้สะดวกกว่าปืนทรงยาวๆ ของชาติอื่น เป็นยุคที่เห็นภาพทหารหมวกฟ้าถือ FAMAS ออกสื่อบ่อยที่สุด
- อัฟกานิสถาน (สงครามต่อต้านการก่อการร้าย) สมรภูมิภูเขาอันโหดหิน ทหารฝรั่งเศสต้องปะทะกับกลุ่มตาลีบันในระยะไกล FAMAS รุ่นปรับปรุงถูกนำมาใช้พร้อมกล้องเล็งที่ทันสมัยขึ้น แม้จะมีดราม่าเรื่องกระสุน (ที่รุ่น F1 เลือกกินแต่ปลอกเหล็ก) จนต้องมีการจัดหาปืนรุ่นอื่นมาเสริม แต่ FAMAS ก็ยังเป็นม้างานหลักที่พาเหล่าทหารผ่านการซุ่มโจมตีในหุบเขาอูซบิน (Uzbin Valley) มาได้
- ปฏิบัติการ Serval ในมาลี (2013) การรบแบบสายฟ้าแลบ ทหารฝรั่งเศสโดดร่มลงพื้นที่พร้อม FAMAS เพื่อสกัดกั้นกลุ่มก่อการร้ายที่กำลังบุกยึดเมืองหลวง ที่นี่ FAMAS แสดงศักยภาพในการยิงต่อสู้ระยะประชิดผสมผสานกับการเคลื่อนที่เร็วได้อย่างสมบูรณ์แบบ
FAMAS F1 Tech Specs
1. อัตราการยิงนรกแตก: 900 - 1,100 นัด/นาที ในขณะที่ AK-47 ยิงต้วมเตี้ยมที่ 600 นัด/นาที หรือ M16 อยู่ที่ประมาณ 700-900 นัด/นาที แต่ FAMAS F1 รัวได้เร็วกว่านั้นมาก เสียงของมันเวลาฟูลออโต้จึงไม่ใช่ ปัง-ปัง-ปัง แต่เหมือนเสียง ผ้าใบฉีกแคว่ก ยาวๆ อำนาจหยุดยั้งระยะประชิดคือที่สุด
2. ความเร็วปากลำกล้องระดับ Mach 2.8: 960 เมตร/วินาที ด้วยความที่เป็น Bullpup ทำให้ลำกล้องยาวรีดศักยภาพกระสุนได้เต็มที่ กระสุน 5.56mm วิ่งออกจากปากกระบอกด้วยความเร็วเกือบ 1 กิโลเมตรต่อวินาที วิถีกระสุนจึงราบเรียบ (Flat trajectory) เล็งง่ายและถึงเป้าหมายไวมาก
3. เวทมนตร์แห่งความยาว: 75.7 ซม. vs 48.8 ซม. นี่คือความเจ๋งของ Bullpup
- ความยาวปืนรวม: 75.7 เซนติเมตร (สั้นกุด พกพาง่าย)
- ความยาวลำกล้อง: 48.8 เซนติเมตร (ยาวเกือบเท่าปืนไรเฟิลมาตรฐาน) มันคือการยัดปืนยาวใส่ลงไปในบอดี้ปืนสั้น ทำให้ได้ความแม่นยำระดับสไนเปอร์ในขนาดตัวเท่าปืนกลมือ
4. พลังยิงลูกระเบิด: 500 กรัม FAMAS สามารถยิงลูกระเบิดจากปากลำกล้อง (Rifle Grenade) ได้โดยไม่ต้องติดเครื่องยิงเพิ่ม รองรับลูกระเบิดหนักถึง 500 กรัม ยิงทำลายรถหุ้มเกราะหรือบังเกอร์ได้ในระยะหวังผล เป็นปืนใหญ่พกพาของทหารราบอย่างแท้จริง
5. เกลียวลำกล้องผู้เลือกกิน: 1:12 อัตราการหมุนของเกลียวในรุ่น F1 คือ 1 รอบต่อระยะ 12 นิ้ว ออกแบบมาเพื่อกระสุน M193 (55 เกรน) โดยเฉพาะ นี่คือเหตุผลที่มัน "เลือกกิน" ถ้าเอากระสุน NATO รุ่นใหม่ (SS109) ที่หนักกว่าไปยิง วิถีกระสุนจะแกว่งและขาดความแม่นยำทันที
6. ตัวเลขเจ้าปัญหา: 25 / 3 = 8 เหลือเศษ 1 แม็กกาซีนจุ 25 นัด ยิงชุดโหมด Burst ชุดละ 3 นัด ได้ 8 ชุดยิง เหลือเศษ 1 นัดสุดท้ายวัดดวง
ในโลกวิดีโอเกม FAMAS คือปืนที่สร้างวีรกรรมของเกมเมอร์หลายล้านคนทั่วโลก
1. Metal Gear Solid: ย้อนกลับไปยุค PS1 ในภาคแรก โซลิด สเนค ถือ FAMAS นี่แหละวิ่งไล่ยิงทหารจีโนม
2. Counter-Strike: ยุค CS 1.6 ถึง CS2 ต้องรู้จัก "Clarion" หรือ FAMAS ในฝั่งตำรวจ (CT)
3. Rainbow Six Siege: ปีศาจแห่งความเร็ว (F2) ในเกมนี้ FAMAS (ในชื่อ F2 ของตัวละคร Twitch) เคยเป็นปืนที่น่ากลัวที่สุดในเกม ยิงเร็วอย่างกับปืนเลเซอร์ ดาเมจก็แรง จนทีมงานต้องเนิร์ฟ (ลดความเก่ง) แล้วเนิร์ฟอีก
4. Call of Duty: ปืนยิงเร็วที่กระสุนหมดไวเหมือนโกหก ในซีรีส์ COD (โดยเฉพาะ Black Ops 1 และ MW) FAMAS มักจะโผล่มาในสองรูปแบบ แบบแรก: ยิงรัว เร็วจัด แต่ดาเมจเบาหวิว ต้องสาดหมดแม็กถึงตาย แบบสอง: ยิงชุด 3 นัด ที่แรงเวอร์ นัดเดียวร่วง (One burst kill) แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนจริงคือ... แม็กกาซีนมันหมดไวมาก!
ปัจจุบัน FAMAS กำลังทยอยถูกปลดประจำการและแทนที่ด้วย HK416F ที่ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่า
แต่เชื่อเถอะว่า ในวงการปืนโลก จะไม่มีใครลืม แตรเดี่ยว หน้าตาล้ำยุคกระบอกนี้แน่นอน
(HK416F)